เราทุกชีวิตเกิดมาแล้วต้องมีเรื่องทั้งดีและไม่ดี
ตลอดเวลา แล้วแต่ว่าเรื่องที่เกิดนั้นมาในรูปลักษณะปัญหาแบบไหน
บางคนก็สู้บางคนก็หนีบางคนรู้วิธีจัดการบริหารกับมัน
ผู้รู้หลักธรรมะสามารถบริหารจัดการเรื่องเหล่านี้ได้
พระพุทธองค์เปรียบคนที่ศึกษาธรรมะ
ไม่ต่างอะไรกับคนที่นั่งแพข้ามไปอีกฝั่งหนึ่ง
คนที่มีเป้าหมายชัดเจนถ่อแพถึงแล้วก็ขึ้นฝั่งไปสู่เป้าหมาย
แต่คนทียังลังเลยังไม่ทันถึงฝั่งก็นำไม้ประกอบแพมาตีรันฟันแทงกัน
เลยจมน้ำตายก่อนจะถึงจุดหมาย
สำนักนี้ศิษย์ว่าดีอย่างนี้ สำนักนั้นอาจารย์ว่าดีอย่างโน้น
ต่างฝ่ายต่างมีดีมาอวดกันเลยไม่ถึงฝั่งสักที
การจัดการบริหารสิ่งที่เกิดขึ้นตามหลัก อริยสัจ ๔
คือความจริงแท้ที่ทำให้คนที่เข้าใจแล้วปฏิบัติตามเป็นคนประเสริฐ
มี ๔ ประการ
๑.ตัวปัญหาที่ปรากฏ คือทุกข์ (ผล)
๒.ต้นตอของปัญหาที่ปรากฏ คือสมุทัย (เหตุ)
๓.สภาพที่หมดปัญหาไป คือนิโรธ (ผล)
๔.วิธีการจัดการแก้เจ้าตัวปัญหา คือมรรค (เหตุ)
หรือพูดแบบภาษาฝรั่งคือ
๑.What ทำความรู้จักกับมันว่าสิ่งที่เกิดขึ้นมันคืออะไร
๒.Why ลองหาสาเหตุว่ามันเกิดมาได้อย่างไร
๓.How วิเคราะห์ว่าปัญหานั้นมันจะหายไปได้อย่างไร
๔.How to หาวิธีแก้ไขปัญหานั้นด้วยวิธีใดวิธีหนึ่ง..
ลองนำไปจัดการบริหารกับชีวิตประจำวันดูนะขอรับ.
..ธรรมะสวัสดีขอรับ..
นมัสการค่ะ
มาอ่านธรรมมะเป็นมงคลของชีวิต...สาธุ...
อ่านแล้วลองทำดูนะขอรับ..
ชีวิตที่ก้าวเดิน ขอบคุณที่ไปเยี่ยมนะคะ
เดินแบบมีจุดหมายนะขอรับ..
อริยสัจจ 4 เปรียบเทียบกับ What why how และ how to
เห็นแนวทางได้ชัดเจนขึ้นครับ
ที่เห็นชัดเพราะท่านรองกำลัง management อย่างเข้าใจขอรับ..
กราบนมัสการค่ะ
· ท่านเปรียบเทียบเรื่องคนที่นั่งแพข้ามฝั่ง...ได้ดีจังค่ะ
· ทำให้รู้สึกว่าเห็นภาพได้ชัดเจนมากค่ะ
· ขอบคุณธรรมะที่ชี้แนะค่ะ.
พูดตามธรรมชาติขอรับ..
นมัสการค่ะ...หลวงพี่
แวะเข้ามาตามหาความเป็นจริงแท้ของการดับทุกข์ค่ะ
ลองนำไปใช้ดูนะอาจารย์
นมัสการพระคุณเจ้า
เข้ามาชมตามคำบอกเจ้าค่ะ
กราบขอบพระคุณท่านธรรมฐิตในข้อชี้แนะเรื่องแนวทางแก้ปัญหาเจ้าค่ะ
จะทดลองนำแนวทางนี้ไปใช้ แต่ที่บอกว่าปัญหาที่เกิดขึ้นจะให้คนอื่นช่วยคิดเพราะมันเป็นปัญหาของส่วนรวม ปัญหาขององค์กร จำต้องอาศัยความคิดเห็นและมติของคนส่วนรวมในการตัดสินใจหาทางแก้ปัญหา ตามหลักประชาธิปไตยเจ้าค่ะ