ประกวดร้อยกรองออนไลน์ ครั้งที่ 2/2551


เนื่องด้วยสมาคมนักกลอนแห่งประเทศไทย จัดประกวดประกวดร้อยกรองออนไลน์ ครั้งที่ 2/2551 

หัวข้อการประกวดประจำเดือนสิงหาคม (1 ส.ค.-31 ส.ค.51 ประกาศผล 15 ก.ย.51) : ทางออก

  หัวข้อการประกวดประจำเดือนกันยายน (1 ก.ย.-30 ก.ย.51 ประกาศผล 15 ต.ค.51) : ร่องรอยกาลเวลา

หัวข้อการประกวดประจำเดือนตุลาคม (1 ต.ค.-31 ต.ค.51 ประกาศผล 15 พ.ย.51) : ประวัติศาสตร์

สำหรับหัวข้อประกวดในเดือนสิงหาคม 2551 คือหัวข้อ"ทางออก" เราจะได้เห็น เสียงสะท้อนจากเด็กมัธยมปลาย ผ่านบทกลอน ดังต่อไปนี้


วิกฤติ  เมืองเถื่อน : ชลธิชา แป้นตระกูล :โรงเรียนมาบตาพุดพันพิทยาคาร จ.ระยอง

ขึ้นชื่อว่าปัญหาย่อมน่าหวั่น                           ปัญหาปั่นป่วนใจให้ขื่นขม
ปัญหากลุ้มรุมให้ใจระทม                               หากเกิดปมยากคลายเคลื่อนผูกเงื่อนตาย
ในเมืองเราเข้าขั้นปัญหาหนัก                          ชนไร้รักช้ำชอกทางออกหาย
มีหลากเรื่องเคืองขุ่นกันวุ่นวาย                        เหมือนเส้นด้ายพันกันยุ่งแสนรุงรัง
กลืนไม่เข้าคายไม่ออกบอกไม่ถูก                    ยากจะผูกสานไมตรี   ไม่มีหวัง
คนกลางหนักกระอักกระอ่วนจวนจักพัง            ไม่อาจนั่งเอนพักฝักฝ่ายใด
ยิ่งอยู่นานบ้านเมืองเรายิ่งเบารัก                     ค่อยค่อยหักความดีเคยมีให้
ค่อยค่อยกัดค่อยค่อยกร่อนบั่นทอนใจ              พอนานไปรักวูบดับไปกับลม
ทางออกเดียวเยียวยารักษาได้                         คือแยกใจมาเป็นกลางอย่างเหมาะสม
เอาความรู้เอาปัญญาฆ่าอารมณ์                      มาช่วยข่มจิตร้ายกลายเป็นคน
พุทธพจน์โปรดสัตว์ท่านตรัสช่วย                     ให้แก้ด้วยตัวเหตุนำตามเหตุผล
ทุกข์นี้เล่าเกิดที่ใดในผองชน?                        คงมิพ้นเกิดข้างในใจของเรา
ครั้นจึงต้องดับไฟที่ใจก่อน                              เพราะพาลร้อนผู้คนชนหมองเศร้า
โปรดย้อนมองตัวท่านเถิดให้เกิดเงา                 แล้วจงเฝ้าดูให้เห็นเป็นอย่างไร
หารอยยิ้มจากเรื่องนี้ไม่มีหรอก                        มีแต่ชอกช้ำกันพาหวั่นไหว
ทั้งเสียชื่อเสียเวลาเสียหน้าไทย                        มิเห็นใครสุขฤดีครานี้เลย
หากไม่เลือกทางออกจากตรอกทุกข์                 คงสิ้นสุขหากเรายังเฝ้าเฉย
ไฟการเมืองจะผลาญไทยหมองไหม้เอย             แพะสังเวยบูชายัญนั้นคือเรา

ปล.ตัวสีแดงคือ วรรคที่ ผู้เขียนถือวิสาสะ แก้/เกลา กลอน

ทางออก : อุบลรัตน์  เดือดขุนทด : โรงเรียนมาบตาพุดพันพิทยาคาร จ.ระยอง


ปัญหาใหญ่บ้านเมืองเรื่องวายวุ่น                      ชนนำหนุนรุกฮืออื้ออึงสู้
เดินเข้ากล้ำล้ำเส้นกันฉันศัตรู                           ทำเชิดชูซึ่งหน้าระอาแทน
ชีวิตคนมัวมั่วสุมกลุ้มใจนัก                             ชนมิรักเกิดรันทดอดสูแสน
ประโยชน์ตนมาก่อนสะท้อนแกน                    เกียรติคือแก่นใช้ห้ำหั่นสันดานชน
ปากบอกตนบ่ชั่วช้าว่าคนอื่น                           หน้าระรื่นชี้แจงแจ้งเหตุผล
เอาความดีสู่ตัวชั่วกมล                                     ทุกแห่งหนเดือดร้อนกร่อนฤทัย
อันปัญหามีทางเข้าเราต่างรู้                             ล้วนขึ้นอยู่เรื่องใหญ่น้อยคอยแก้ไข
หาทางออกที่ดีมีสุขใจ                                      จักนำพาชาติไทยไร้ราคี
ปัจจุบันประเทศเราขาดเสาหลัก                      ปรปักษ์ประกาศเก่งเบ่งศักดิ์ศรี
เปี่ยมเปรมสุขกลับกลายทุกข์รุกราวี                 สิ้นคนดีปัญญาล้ำนำชาติเรา
อันทางออกเหตุอำนาจระรานถิ่น                     ด้วยแผ่นดินมีคนโลภละโมบเขลา
อยากยิ่งใหญ่เหยียบชนไว้ใต้อุ้งเท้า                  หลงมัวเมาขาดคุณธรรมนำจิตใจ
ถลำก้าวลงหลุมพรางเดินทางผิด                     ทางออกปิดลั่นกุญแจเกินแก้ไข
เป็นสุนัขจนตรอกตันหันสู้ภัย                          เพื่อตนได้อยู่รอดมิวอดวาย
ใช้ปัญญาเปิดประตูสู่ทางออก                          ภัยในนอกรู้ยับยั้งยังไม่สาย
ขวานด้ามนี้เพิ่มพลังพังสิ่งร้าย                         หากทุกฝ่ายรู้รักสามัคคี                          


อริยสัจสี่  ชี้  ทางออก : สุกฤษฎิ์  วิจิตรละไม : โรงเรียนมาบตาพุดพันพิทยาคาร จ.ระยอง


ปัจจุบันโลกผันแปรมีแต่เรื่อง                              มีรุ่งเรืองทุกข์ยากมากปัญหา
หลายอย่างย้ำทำผิดจิตโศกา                                    เศร้าอุราระทมตรมฤทัย
เช่นการเมืองเรื่องวุ่นชุลมุนเหลือ                           แสนน่าเบื่อมิต้องจิตพิสมัย
ประชาชนเดือดร้อนบั่นทอนใจ                              ก็เพราะไม่สมานฉันท์กันสักที
โปรดนำธรรมคำพระพุทธจุดเป็นแสง                   ให้เจิดแจ้งแจ่มความคิดจิตสุขศรี
เป็นทางออกด้วยปัญญาพ้นราคี                              เรื่องไม่ดีแก้ไขพลันทันเวลา
“อริยสัจสี่”  ชี้ทางออก                                            เป็นสิ่งบอกบ่งแจ้งแห่งปัญหา
มีสี่สิ่งตรองตริพิจารณา                                           ให้ลึกซึ้งซึ่งค่าปัญญาธรรม
“ทุกข์”  คือเรื่องที่ทุกข์บ่สุขขี                                 คิดจงดีเหตุปัญหาพาตกต่ำ
ส่งผลให้เราไร้สุขทุกข์ระกำ                                   เร่งเน้นย้ำใช้สติพิเคราะห์นา
“สมุทัย”  เหตุแห่งทุกข์จงฉุกคิด                            อีกพินิจสิ่งใดหนอก่อปัญหา
จงลำดับตรองไตร่ใช้ปัญญา                                    จนรู้เหตุโศกาพาหมองใจ
“นิโรธ”  นั้นทางดับสำหรับทุกข์                            จะคืนสุขด้วยธรรมนำแก้ไข
มีสติพิจารณาหาทางไป                                          ทำอย่างไรให้เรื่องร้ายกลายเป็นดี
“มรรค”  คือการปฏิบัติปัดทุกข์โศก                         ยามวิโยคเสื่อมหายพ่ายแพ้หนี
เป็นหนทางการดับทุกข์สุขทวี                                สร้างชีวีตามธรรมนำสุขใจ
เปรียบปัญหาคืออัคคีที่น้ำดับ                                  ก็คืนกลับแจ้งกระจ่างสว่างไสว
ต้องนำซึ่งปัญญารดมอดหมดไฟ                            แสนผ่องใสทางออกเห็นเป็นสุขเอย
                                                                          
                                                                                          

หมายเลขบันทึก: 204352เขียนเมื่อ 30 สิงหาคม 2008 14:09 น. ()แก้ไขเมื่อ 12 กุมภาพันธ์ 2012 01:49 น. ()สัญญาอนุญาต: จำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (1)
พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท