คนที่ปิดทองหลังพระก็ยังมีอีกมากในโลกทุกวัน แต่คนที่รู้จักพระนิพพานมีมากหรือปล่าว
ขอบคุณครับ คิดคล้ายๆ กันครับ
สวัสดีค่ะคุณกวิน
เอ...บันทึกดี ๆ อย่างนี้ ผ่านตาไปได้...เสียดายเชียวค่ะ
เคยได้คุยกับ ครูประยงค์ รณรงค์ ครูภูมิปัญญาไทย รุ่นที่1 ของสกศ. เจ้าของรางวัลแมกไซไซ ปี 2547 สาขาผู้นำชุมชน
ท่านบอกว่า การทำความดี เป็นคนละประเด็นกับการ ได้ดี... ไม่ควรเข้าใจไขว้เขวกัน "ทำดีก็คือดี" จะได้ดีตาม "กระแสโลก" หรือไม่นั้น มีเหตุปัจจัยอื่นอีกมากมาย...
ดังนั้น "ให้ทำดี" อย่ากังวลว่า "จะได้ดีหรือไม่" เพราะ การทำดีนั้น ดีอยู่แล้วในตัว...
ใครทำดีแล้วอยากได้ดี มักต้อง จ่าย... เพราะของฟรี ไม่มีในโลกค่ะ
(^___^)
สวัสดีค่ะ
ชอบชอบ มีความสุขนะคะ
สวัสดีครับคุณกวิน
น่าจะจริงสำหรับ "การปิดทองหน้าพระ" ในปัจจุบัน
ก็ใครจะอยากปิดทองหลังพระกันเล่าครับ คนต่างสรรเสริญกันแต่ทองที่ปิดหน้าพระว่า งามอร่ามตา ไม่ค่อยมีคนมองด้านหลังองค์พระ ไม่รู้จะไปปิดทองหลังพระทำไม
สู้ ปิดทองหน้าพระ ทำดีให้คนเห็น พวกเดียวกันก็ช่วยกันชื่นชม คนละพวกพูดคนละภาษาก็ไม่ดีไม่งามไปได้...ฟังดูเหมือนกับมองโลกแง่ร้าย แต่เชื่อได้ว่า....นี่คือ เรื่องจริงครับ
คุณกวินสบายดีนะครับ ช่วงหลังไม่ค่อยเขียนอะไรสนุก ๆ เลยนะครับ
ขอบคุณ พี่อาจารย์ อ้อย และพี่อาจารย์ คนตัดไม้ครับ
การปิดทองหลังพระทำยากค่ะ คนเลยแย่งกันปิดทองหน้าพระเพราะมีคนเห็นตรงไปตรงมา...เพราะฉะนั้นเราจึงเห็นอะไรครึ่งๆกลางๆไม่ถึงพร้อมไม่สมบูรณ์แบบเสียเป็นส่วนใหญ่..
ขอบคุณพี่นุช ครับจริงๆ บทความนี้ สอดคล้องกับบทความในหนังสือพุทธธรรม ที่เขียนโดย พระพรหมคุณาภรณ์ (ปยุต ปยุตโต) อ่านผ่านแว๊บๆ ในหนังสือชีวจิต ถ้าว่างจะนำมาลงประกอบกันนะครับ เนื้อหามีอยู่ว่าด้วยเรื่อง อิทธิบาท 4 ว่าการทำงานให้สำเร็จโดยอาศัย ด้วย ฉันทะ ความรักในการทำงาน ไม่ใช่ทำงานโดยมุ่งหวัง คำเยินยอ ทำได้ยากนะครับ