ข้อความข้างต้นของ http://gotoknow.org/blog/9pass-mind/236002 ซึ่งหาได้มีความสลักสำคัญแต่อย่างใด ใช้เพียงอ้างอิง
---------------------------------------------------------------------------------------------------
ย้อนกลับไปเมื่อเดือนกว่า ๆ ข้าพเจ้าเขียนข้อความเกี่ยวกับการสังเวชต่อวัฏสังสาร ดังนี้ว่า
--------------
(ข้อ ความนี้มิได้สำคัญประการใด อีกอย่างหนึ่งเรื่องวัฏสังสารนั้น ยังเป็นความเชื่อที่ไม่สามารถทำให้กระจ่างชัดได้ หากผู้อ่านไม่เคยเชื่อมาก่อน โปรดข้ามไปจักดีที่สุด)
ไม่ว่าสิ่งใดเกิดมาแล้วก็ต้องดับ
ไม่ว่าใครเกิดมาแล้วก็ต้องตาย
ไม่เว้นแม้แต่พระพุทธเจ้า พระเยซูเจ้า เทวดา พรหมทั้งหลาย เมื่อถึงเวลาก็ต้องดับไป
โลกของเราก็ต้องดับในสักวัน
....
หากกล่าวถึงกฎแห่งกรรมนั้น .. แท้ จริงเราไม่อาจเรียกร้องขอรับเฉพาะบทลงโทษแห่งกรรมชั่ว หรือวิงวอนขอรับเพียงผลแห่งกรรมดี กฏแห่งกรรมเป็นกฎระเบียบที่ไม่สามารถพึงเลือกให้เกิดผลอย่างใดได้ มีแต่ต้องเลือกทำก่อนที่จะเกิดผลเท่านั้น
...
การ ตายก็คือการเกิดใหม่เปลี่ยนภพ ต้องลืมทุกสิ่งที่เคยทำมา ลืมทุกคนที่เคยรู้จัก ลืมทั้งหมดที่เคยจำได้ .. เมื่อถึงเวลาก็ต้องกลับไปเกิดใหม่ ณ ภพใหม่ เริ่มทุกอย่างใหม่อีกครั้ง ...
ไม่มีอะไรเลยที่เหมือนเดิม ไม่ว่าจะตัวเรา หรือคนที่เรารู้จัก แต่วัฏจักรแห่งกรรมยังเหมือนเดิม ..
เราจะต้องกลับไปรู้จักตัวเอง รู้จักคนที่เคยรู้จัก และรู้จักกฎแห่งกรรม ใหม่นับครั้งไม่ถ้วน
คน ที่น่าสงสารที่สุดในวัฏสังสารย่อมเป็นผู้ที่ไม่เชื่อในบาปบุญว่าให้คุณโทษ และได้ลงมือกระทำผิดมหันต์ไปแล้ว เมื่อถึงเวลาต้องชดใช้สิ่งใดที่ทำ ก็ไม่สามารถหลบหนีจากความไม่รู้และไม่เชื่อนี้ได้เลย
(ข้าพเจ้าสังเวชตัวเองที่แม้จะเชื่อและเข้าใจในโทษของสังสารวัฏ แต่ก็ไม่อาจเห็นได้ด้วยปัญญาของตัวเอง)
--------------
เมื่อฝากเพื่อนช่วยตรวจทานความเข้าใจ เพื่อนท่านหนึ่งให้ความคิดเห็นว่า
"หากยึดติดในนิพพาน จะนิพพานได้อย่างไร"
แน่นอนว่าข้าพเจ้าก็รู้สึกไปตามปกติของคนที่ยังมีมานะและอัตตา
จึงคิดปรามาสในใจว่า
-- ตัวเราไม่ได้ยึดติดกับอะไรแบบที่ว่านั้นสักหน่อย เพื่อนเข้าใจข้าพเจ้าผิดนัก และยังเชื่อว่าหากไม่คิดอยากนิพพาน แล้วจะนิพพานได้หรือ?
จิตที่ขุ่นมัวก็เกิดขึ้นและรุมเร้าอยู่ชั่วระยะหนึ่ง ก่อนจางหายไป
เวลาล่วงเลยผ่านมาสักพัก
ก็ได้คุยกับเพื่อนอีกท่าน เพราะสงสัยในลักษณะกรรมของ ชายที่รูปงามหมดจดกว่าหญิง
ตัวอย่างเช่น น้องปอย ที่ดูอย่างไรก็ไม่ผิดแปลกไปจากหญิง จึงข้องใจเล็กน้อยกับเรื่องกรรมของกระเทยที่เพิ่งได้อ่าน
เมื่อเพื่อนได้ฟังแล้ว ก็พูดขึ้นว่า
"ถ้ายึดติดในกรรม จะหลุดพ้นได้อย่างไร"
ในเบื้องต้นข้าพเจ้านึกถึง ประโยคที่เพื่อนอีกคนเคยกล่าวไว้
"หากยึดติดในนิพพาน จะนิพพานได้อย่างไร"
ซึ่งในครั้งก่อนข้าพเจ้าได้ปล่อยให้จิตอันขุ่นมัวทำงานไปเป็นเวลาไม่น้อย แต่ครั้งนี้ข้าพเจ้าเห็นการเกิดของจิตที่มีอัตตา+มานะ แลก็เห็นตามว่าจิตเหล่านี้ถูกดับไปอย่างอัตโนมัติในเวลาไม่กี่ช่วงลมหายใจ
และเมื่อเห็นว่าจิตอันกระเพื่อมไหวนี้ดับสนิทดีแล้ว จึงเริ่มคิดต่อไปว่า อะไรคือความยึดติด อะไรคือความไม่ยึดติด
นึกไปก็เห็นปัจจัยของความยึดติดมากมายไม่อาจประมาณ
และทำนองเดียวกัน ก็มองเห็นอะไรว่าง ๆ ในสิ่งที่เราเรียกว่าความยึดติด
(จบข้อความข้างต้น)
แลขอบคุณเพื่อนทั้งสองมาก
19/01/2009
ไม่มีความเห็น