ลองอธิบาย เรื่อง ธาตุไฟ 4 ชนิด ภูมิปัญญาเดิม กับ วิทยาศาสตร์สมัยใหม่


 

ธาตุไฟ  ในภูมิปัญญา แพทย์แผนไทย แบ่งเป็น 4 ประเภท   ผมขอแบ่งเป็น กลุ่มดี  ควรมีให้พอเหมาะ  กับ กลุ่ม ไม่ค่อยจะดี ควรควบคุมไว้ให้น้อย

ไฟ กลุ่มดี น่าจะเป็น

1  ปริณามัคคี  คือ ไฟ ย่อยเผาพลาญ อาหาร

2   สันตัปปัคคี   คือ ไฟ อบอุ่นกาย

ส่วนไฟ กลุ่ม ไม่ค่อยจะดี คือ 

3   ปริทัยหัคคี   คือ ไฟเผา ให้ร้อนระส่ำระสาย

4   ชิรณัคคี    คือ ไฟ เผา ให้แก่ชรา  เหี่ยวแห้ง ทรุดโทรม

และ ปัญหา จาก ไฟธาตุ แปรปรวน  จัดเป็นกลุ่ม โรค3 กลุ่ม

พัทธะปิตตะ ( ดีในฝัก น่าจะหมายถึง  ระบบน้ำดี และ ท่อน้ำดี )

อพัทธะปิตตะ ( ดีนอกฝัก น่าจะหมายถึงได้หลายอย่าง  เช่น ตับ และ น้ำย่อยในกระเพาะอาหาร

กำเดา  ( น่าจะหมายถึง การอักเสบในเลือด จากสาเหตุต่างๆ  และ ผลจากการอักเสบ ต่อ อวัยวะต่างๆ   ตัวอย่าง เช่น โรคไทรอยด์เป็นพิษ

 

ทั้งหมดที่กลาย เป็น คำสมมุติ เรียก จัดกลุ่ม  ความเป็นไป และ แปรปรวน ในยุค  2500 ปีก่อน   บางกลุ่มชน ก็ยังเรียกสื่อกันอยู่

ส่วนในยุคนี้ มี ความคิด ความรู้ สมมุติเรียกขานกันใหม่  มากมาย เกี่ยวกับร่างกาย

ผมขอลองจัดกลุ่ม  ไฟ ไม่ค่อยจะดี ก่อน

1  ไฟ ปริทัยมัคคี  ไฟร้อนระส่ำระสาย   น่าจะเป็นกลุ่ม oxidative stress หรือ  พิษจาก อนุมูลอิสระ  และ ผลสืบเนื่อง คือ การอักเสบ ( inflammation  )  

2  ไฟ ชิรณัคคี  คือ ไฟเผา ให้แก่ชรา   เป็นความเสื่อมอีกชนิดหนึ่ง  ซึ่ง อาจจะเชื่อมโยงกับ ไฟระส่ำระสาย  น่าจะมาจาก  พลังงานส่วนเกิน ที่เราสะสมเกิน    ความรู้ปัจจุบัน  เราจะแก่ช้า หากเราไม่กินเกิน หรือ จากการตากแดดเผา ตนเอง ให้แก่เร็ว

หรือ จากการออกกำลังกาย  ทำให้แก่เร็ว ( ที่ถูกคือ บริหารกาย เคลื่อนไหว อย่างชาญฉลาด ไม่น้อยไป ไม่มากไป )

 

ไฟ กลุ่มที่ดี  ผมคิดว่า น่าจะเป็นผลสืบเนื่อง จากปัจจัยอื่น หรือ เชื้อไฟอื่น ได้ด้วย  เช่น สมุนไพร  ที่มีฤทธิ์ต่างๆกันไป

ไฟสันตัปปัคคี   ไฟอุ่นกาย  น่าจะหมายถึง  

1 การที่ร่างกายเรา ขยายหลอดเลือดส่วนต่างๆ ได้พอเหมาะ  ตลอดร่างกาย

2  การหมุนเวียนโลหิต จากหัวใจ  ได้เต็มประสิทธิภาพ  จาก หัวใจ ที่บีบตัวได้ดี

3  ปริมาณโลหิต ทั้งเม็ดเลือดแดง และ สารน้ำเลือดมีคุณภาพ พอเพียง   ทำให้ส่งเลือดไป อวัยวะต่างๆได้  และ เป็นพลังงานให้กับ หน่วยย่อยต่างๆของร่างกาย

 ส่วนไฟปริณามัคคี  ไฟย่อยอาหาร  น่าจะหมายถึง น้ำย่อยในทางเดินอาหารต่างๆ  และ รวมถึง น้ำดี และ เอนไซม์ และ ฮอร์โมน ที่เกี่ยวกับการย่อยอาหาร แปรสภาพสารอาหาร

ต้อง อยู่โดยระวัง ไม่ให้ไฟเผาแก่ และ ไฟเผาระส่ำระสาย มาก น่ะครับ  อย่านอนดึก จะแก่เร็ว   อย่าออกกำลังกายมาก จะแก่และพังเร็ว   อย่าขาดผัก สมุนไพร ผลไม้บางอย่าง ซึ่งจะช่วยรักษา ไม่ให้ระส่ำระสาย

ทำนองเดียวกัน  ไฟอุ่นกาย และ ไฟย่อยอาหาร ก็รับแดดพอประมาณ อย่าให้ขาดแดด หรือ แดดเกิน      บริหารลมปราณ ให้ไฟอุ่นกายดี  ให้หัวใจปอดดี   ขณะเดียวกัน ก็ต้องรู้จักกิน ให้หลอดเลือดขยาย และ ให้หัวใจสูบฉีดเลือดได้ดีด้วย และ กิน ให้คุณภาพเลือดและเม็ดลือดดี 

ส่วนไฟย่อยอาหาร ก็รู้จักกิน ของอุ่น ของร้อน เครื่องเทศ เผ็ดเปรี้ยว เค็ม   ผัก ที่ช่วยขับลม ช่วยย่อย    ทานให้พอประมาณ     ทานมากไปก็เป็นโทษ

นอกจากนี้ ต้องรักษาอารมณ์ ไม่ให้ ธาตุและร่างกายเพี้ยนแปรปรวนความเครียด ความโกรธ ล้วนแต่เพิ่มไฟธาตุ คือ ความอักเสบ หรือ การทำงานหนักขึ้นของหัวใจ เต้นเร็วขึ้น ( ไฟธาตุมากเกิน )  กลายเป็นไฟที่ก่อโทษ

เรื่อง ยากๆ และ ละเอียดอ่อน ลองพิจาณาจาก ความสำเร็จ ของ คนที่อยู่ 90 ปี แล้วแข็งแรงจริงๆ ว่า เขากินอยู่อย่างไร ก็จะได้คำตอบว่า  ชีวิตพอเพียง พอประมาณ คือ อะไร

 

คำสำคัญ (Tags): #ธาตุไฟ
หมายเลขบันทึก: 149598เขียนเมื่อ 27 พฤศจิกายน 2007 13:32 น. ()แก้ไขเมื่อ 18 มิถุนายน 2012 11:00 น. ()สัญญาอนุญาต: จำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (3)
ละเอียดดีเรื่องไฟ เพิ่งรู้ค่ะว่ามีการแบ่งชนิดไฟ ขอบคุณข้อมฃูลดีๆ

ขอบคุณมากเลยค่ะ

ขอบพระคุณค่ะอาจารย์

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท