เตรียมความรู้ และ ยา ไว้รับมือ กับ ไข้หวัดใหญ่ 2009อันตราย ปลายปี หน้าหนาว


จากบันทึกความรู้ และ ประสบการณ์ที่พบเห็น  โดยทั่วไป ไข้หวัดใหญ่ ฤดูหนาว  จะมีความรุนแรง มากกว่า ไข้หวัดใหญ่ฤดูฝน เดือน 8  ช่วง มิถุนายน ถึง กันยายน

ในวิชาแพทย์แผนจีน จะสอนไว้ว่า ปอดชอบความชุ่มชื้นที่พอเหมาะ  แต่หากแห้งเกินไปก็ทำร้ายปอด  และ หากหนาวเย็นจัด ก็ทำร้ายลมปราณพลังปอดเช่นกัน

อากาศเดือน ช่วงเข้าพรรษา ถึงแม้จะมีฝน แต่ลมไม่ร้อนเกิน ไม่หนาวเกิน  อย่างมากก็ลมฝนคุกคามในระดับผิวๆ จากนั้นกำเริบสู่อวัยวะภายในช้าๆ

แต่หากเป็นฤดูหนาวเย็น เข้ามาเยือน ความหนาวเย็นนั้น จะกระทบปอด ทั้งจากความแห้งของฤดูหนาว และ ความเย็นของฤดูหนาว

ลองนึกดูก็แล้วกันครับ ว่า ช่วงฤดูหนาว ของบ้านเรา เป็นอย่างไร  คนป่วยโรคไข้หวัดใหญ่จะเป็นอย่างไร อาการหนักแค่ไหน

บ้านเรายังดีกว่าเขา ไม่หนาวจัดอย่างบ้านเมืองที่หนาวจัดเขา  การตายจากโรคไข้หวัดใหญ่ นอกจากเรื่องเชื้อ เรื่องความอ่อนแอของคนแล้ว ยังมีเรื่องของสภาวะอากาศเข้ามาผสมโรงด้วย   ดังนั้นต่างประเทศจะตายมากกว่าเรา

ตัวอย่างโรค SARS ที่ผ่านมา ต่างประเทศ ตายกันเป็นพอสมควร  ประเทศไทยเรามาระบาด ในหน้าร้อนเดือนมีนาคม  มันจึงไม่ง่ายนัก  แต่มีนาคม เมษายน ของต่างประเทศ ยังหนาวโรคจึงออกฤทธิ์เดช

ส่วนเจ้าหวัด 2009 ที่ว่า ฤดูร้อนของต่างประเทศ คือ ช่วง มิถุนายน ถึง สิงหาคม  มันอาละวาดไม่หยุดนั้น ส่วนหนึ่งเชื้อมันเองก็พัฒนาให้ร้ายขึ้น แต่ยังไม่น่าห่วง เรียกว่า ประปราย

รอให้เข้าฤดูหนาวนี้ซิครับ  น่าจะวิบัติทั่วโลก  ขึ้นอยู่กับใคร ประเทศไหนจัดการความรู้เก่งกว่ากันละครับ

เรามามอง หรือคาดการณ์สภาวะอากาศ ช่วงปลายปี ดีกว่า ว่า  จะร้อน อุ่น หรือ เย็น เมื่อเทียบกับค่าเฉลี่ย10 ปีย้อนหลัง

ด้วยความเชื่อของวัฎจักร ดาราศาสตร์ โหราศาสตร์ ดาวใหญ่ๆ ในจักรวาล โคจร อยู่ในราศีธาตุอะไร เราพอจะคาดการณ์ สภาวะของธาตุในจักรวาล ได้ ระดับหนึ่ง

ดาวเสาร์ โคจร ราศีละ ประมาณ สองปีครึ่ง จะย้ายจากราศีสิงห์  ธาตุไฟ เข้าสู่ราศี กันย์ ธาตุดิน ในช่วงไตรมาส สี่ ของปีนี้ ก็คือเข้าฤดูหนาว

ดาวพฤหัส โคจรราศี ละ หนึ่ง ปี จะย้ายจาก ราศีมังกร ธาตุดิน  เข้าสู่ราศีกุมภ์ ธาตุลม ในช่วงธันวาคม 2552

ดังนั้น ช่วงตั้งแต่ ตุลาคม เป็นต้นไป ไข้หวัดใหญ่2009 จะเริ่มต้น ออกกำลังกายรอบสอง ถล่มมนุษย์เรา ด้วยสภาวะอากาศที่เป็นใจ บางสำนักอาจจะอ้างว่า เชื้อพัฒนาความรุนแรงขึ้นไปอีกก็ได้

ผู้หวังพึ่งตนเอง ทั้งหลาย บัดนี้ก็เป็นวันเวลา อันสมควรแล้ว ที่จะแสวงหาความรู้  พวกเราที่มีชีวิตทุกวันนี้ ก็เป็นเผ่าพันธุ์ของผู้มีความรู้และรอดมาจาก ภัยพิบัติ รอบก่อนๆ 

 ใยเราต้องไปหวั่นไหว ขอให้ไม่ประมาท ขอให้มีสติ มีปัญญา   บำรุงรักษา กำลังกาย กำลังใจ ให้มั่นคง รักษาศีลให้บริสุทธิ์  ทำกุศลกรรมไว้ เป็นทุนช่วยเสริมกำลังของธาตุขันธ์ 

ถึงจะติดเชื้อ ก็หายได้

หายสงสัยแล้วยังว่า  ทำไมผมถึงรีบติดเชื้อ รู้จักเชื้อ รู้จักโรค ความยากง่ายไปก่อน   เวลาช่วยรักษาคน จะได้ไม่โง่ ดูเบาเชื้อ  

ในยามอากาศ ดี ในยามที่ ผมมียาสารพัดอยู่ในมือ  ผมก็กล้าติดเชื้อ เพื่อให้ผมมีภูมิต้านทาน เสมือนหนึ่ง ผมได้ซ้อมรบมาแล้วรอบหนึ่ง ทหารของผม ก็พอจะมีความชำนาญและ มีความรู้จักเชื้อแล้ว

สำหรับ คนที่เชื่อผม  ขอให้ หาความรู้ไปเลยว่า ธาตุมีจุดอ่อนอะไร มีอะไรเป็นธาตุเจ้าเรือน   ชอบกินอยู่ อะไรแสลง โรค  ก็จะต้องรู้จักหายาสำรองติดบ้าน ให้เหมาะกับตัวท่าน

ควรรู้ว่า จะใช้อะไรปรับธาตุในหน้าหนาว

ควรรู้ว่า จะเสริมสร้างพลังลมปราณ ให้ตนเองอย่างไร

ควรรู้ว่า จะบำรุงปอด หลอดลม ในสภาพสังขาร ร่างกายแต่ละคนที่ไม่หมือนกัน คือ อ่อนแอ แข็งแรง สมดุลธาตุไม่เหมือนกัน   เด็ก แก่ หนุ่มสาว  ไม่เหมือนกัน   

   จะใช้ อะไร ขนาดเท่าไร ที่ไม่เหมือนกัน

ลองค้นหา ตำราความรู้ มรดกภูมิปัญญา ดั้งเดิม ที่สืบต่อกันมา หลายร้อยหลายพนัปี    หาแก่นวิชาให้พบ 

หาความพอดี พอประมาณ สมเหตุผล พึ่งตนเองพึ่งพากันเองได้  

ผมสังเกตุความทุกข์ ของชาวบ้าน ประชาชน ที่ขาดความรู้ ในการดูแลตนเอง คือ ยามเศรษฐกิจแย่ มีโรคระบาดซ้ำเติม ทั้งสองรอบ ไข้ปวดข้อยุงลาย และ ไข้หวัดใหญ่ 

มีแต่หมอ และ ร้านขายยา ที่เศรษฐกิจดี พุ่งสวนกระแส

แล้วใยเราไม่ถือโอกาสนี้ เป็นหมอ เป็นคนรู้หา หายา ผลิตยา  และ แจกยา ในวงศาเพื่อนฝูง กันให้ถ้วนหน้า

ทำนองเดียวกัน ใยเราต้อง ขนเงินซื้อยาจากต่างประเทศให้ต่างประเทศ เขารวยไม่รู้เรื่อง    เราควรฝึกสังเกตุรู้จักใช้ยา ข้างรั้วข้างบ้านเราที่มีอยู่มากมาย

สิ่งที่ผมอยากเห็น มีคนมีคณะไม่หวังกำไร  ทำยาไทย ราคาย่อมเยาว์ ให้คนไทยใช้รักษา สุขภาพตนเอง ซึ่งยังไม่เห็นเค้าลางนัก 

อย่างการใช้ยาสมุนไพร ในหญิงมีครรภ์   ในตำรับยาหลวง มีสอนไว้ ใช้ตำรับยาอะไรในหญิงมีครรภ์ทั้ง บำรุงป้องกัน ตลอดจน รักษาไข้

ผมแนะนำอย่างทางสายกลาง ใช้ยาฝรั่งร่วมกับ ยาไทยก็ได้

คนป่วยที่ผมรู้จัก ที่เขาไว้ใจผมมาก เป็นหวัด2009  ผมแนะนำให้กินยาฝรั่ง oseltamivir ร่วมกัน สมุนไพร  อย่งาน้อยก็ใช้มาสองราย แล้ว  ผล ออกมาดี  ฟื้นดี ไม่ผิดคาด  

หากได้กินยาไทยตั้งแต่เริ่มมีอาการเลย ก็ยิ่งหายเร็ว  ยาไทยเรามีเตรียมติดไว้ที่บ้านได้ 

ไม่เหมือนยาฝรั่ง ต้องไป รพ.ทำบัตร รอพบแพทย์วินิจฉัยว่า ป่วยมาก หรือเป็นกลุ่มเสี่ยง จึงจะได้ยาฝรั่งใช้   และหากบังเอิญว่าใช้ไปแล้ว เพิ่งมารู้ว่าดื้อยา ฝรั่ง  ลองนึกดูก็แล้วกันว่า  เราจะโทษอะไร  ได้ยาเร็วจริง แต่ยามันดื้อ

สำหรับผม หาความรู้ หางานวิจัยอ่าน หาประสบการณ์การใช้ยาไทย ไว้บ้าง   ถึงยาไม่แรงแบบยาฝรั่ง แต่หากรู้จักใช้ส่วนผสมได้จริง  เราก็บรรเทาอาการโรค

ความจริง ผมอยากเห็น สำนัก คณะวิชา ต่างๆ ที่สอนการแพทย์แผนไทย การแพทย์แผนจีน   น่าจะช่วยกันเผยแพร่ หลักวิชา ตำรา ในการจัดการ โรคไข้หวัดใหญ่ โรคปอดอักเสบ  ว่ามีหลักวิชาอย่างไรบ้าง   ถึงแม้แต่ละสำนัก อาจจะมีคัมภีร์คนละเล่ม ก็เอามาให้สาธารณะ  ได้รู้ ศึกษา เทียบเคียง ความเหมือน ความแตกต่าง ของแต่ละคัมภีร์ 

ความรู้ ในสังคมเรา ก็งอกงาม ชัดแจ้งขึ้นไปตามลำดับ

 

ด้วยความปราถนาดี และ อาจระแวง วิตกจริตเกินไปบ้าง

ผู้เรียนรู้รุ่นหลัง

 

 

 

หมายเลขบันทึก: 282000เขียนเมื่อ 1 สิงหาคม 2009 08:59 น. ()แก้ไขเมื่อ 12 กุมภาพันธ์ 2012 08:21 น. ()สัญญาอนุญาต: ครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-อนุญาตแบบเดียวกันจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (1)

ดีมากเลยค่ะและมีสาระอีกด้วย

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท