ทำไมผู้หญิงสมัยนี้...ถึงชอบอยู่เป็นโสดกันคะ


                 เนื่องจากเจอคำถามนี้ค่อนข้างบ่อยจากคนรอบข้าง

จึงอยากขอความคิดเห็นจากเพื่อนๆใน g2k  กันหน่อยค่ะ  เพราะจะนำคำตอบตรงนี้ไปเป็นแนวในการออกข้อสอบเกี่ยวกับวิชาเศรษฐศาสตร์ค่ะ  เพราะเศรษฐศาสตร์เราควรจับจากเรื่องใกล้ๆตัวของเราก่อนค่ะ

ที่สำคัญหว้าก็อยากรู้ด้วยค่ะ   แค่ที่ทำงานสาวๆก็โสดเยอะ   น้องสาวญาติๆกันก็เอาแต่เรียนต่อ  ทั้งๆที่ก็สวยๆกันทั้งนั้น  มุ่งมั่นจะเรียนจนจบปริญญาเอกกันทั้งนั้น...

 

ขอมุมมองได้ทั้งผู้หญิงและผู้ชายเลยนะคะ  อย่างน้อยผู้ชายมองผู้หญิงที่อยู่เป็นโสดอย่างไรบ้างด้วย

งานนี้เพื่อการเรียนการสอน  ใครตอบถูกใจจะมีรางวัลให้ด้วยค่ะ....

ขอบคุณล่วงหน้านะคะ 

หมายเลขบันทึก: 84528เขียนเมื่อ 17 มีนาคม 2007 09:46 น. ()แก้ไขเมื่อ 6 กันยายน 2013 17:52 น. ()สัญญาอนุญาต: สงวนสิทธิ์ทุกประการจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (127)
  • นั่นแน่ เอ เอาไปเป็นข้อสอบ หรือว่าเอาไปทำอะไรกันเนี่ยครับ
  • ประเด็นแรกขอเดาใจแทนสาวๆ ก่อนนะครับ
    - คงหาคนโดนใจแบบโดนเต็มเป้าหัวใจไม่เจอ ประมาณว่า หากเจอคนที่อยู่ด้วยแล้วสุขใจ ก็น่าจะลองสละโสดดู แต่หากหาไม่เจอก็ไม่จำเป็นต้องมีให้ทุกข์ใจไปทำไม (ว่าด้วยการเลือก)
    - ผู้ชายมีน้อยกว่าผู้หญิง ความสมดุลอาจจะขาดหายไป (ว่าด้วยการจัดสรรทรัพยากร)
    - หากไม่มีคนเข้ามา เราก็อยู่เพื่อเลี้ยงดูแลตัวเอง ดูแลพ่อแม่ได้ แล้วมั่นใจที่จะอยู่คนเดียวได้ ไม่ได้เดือดร้อนอะไร (ว่าด้วยโอกาสและความน่าจะเป็น)
    - กลัวว่าผู้ชายจริงหรือเปล่า กลัวความผิดหวัง กลัวไม่ดีแท้ ดีจริง กลัวว่าเจ้าชู้หรือเปล่า และกลัวอื่นๆ (ว่าด้วยความเสี่ยง)
  • มองจากมุมมองของผู้ชาย เอก็เหมือนๆ กันเนอะ อิๆๆ
  • มองผู้หญิงเป็นโสด อย่างไรบ้างหรือครับ
    - จากที่สาวๆมีบทบาทเหมือนผู้ชาย หรือเก่งกว่าชายเพราะต้องเป็นเรื่องงานบ้านแล้ว ก็ต้องออกมาทำงานนอกบ้านอีก นับว่าไม่ธรรมดาเลยนะครับ สำหรับสาวปัจจุบัน
    - ด้วยโอกาสที่เปิดให้เยอะกว่าในอดีต ทำให้ผู้หญิงมีความมั่นใจ และเลี้ยงดูตัวเองได้ แม้ว่าไม่มีครอบครัวตัวเอง แต่ก็สามารถอยู่ได้ เพราะมั่นใจว่าอยู่ด้วยตัวเองได้ (อันนี้คงไม่ทุกคน)
  • สรุปดีกว่านะครับ ตอบมากเดี๋ยวได้รถไฟสายใต้ครับ
  • ผมเชื่อว่าทุกคนก็อยากมีคู่นะครับ หากเจอกันจริงๆ แล้วคิดว่าอยู่ด้วยกันแล้วสุขใจ นำความสุขใจมาให้กันและกัน เห็นอกเห็นใจกัน เข้าใจกัน คุยกันได้ทุกเรื่อง เจอคนนั้นแล้ว ใครไม่อยากจะมีครอบครัว ก็คงไม่ใช่แล้วมั้งเนอะครับ ว่าไหมครับ อาจารย์
  • ขอบคุณมากครับ
  • อีกอย่างครับ คือผู้หญิงไทย ส่วนใหญ่มักเป็นฝ่ายตั้งรับมากกว่าต่างจากผู้ชายครับ แต่ใครเข้ามาแล้วไม่ผ่านชะเป็ค (Specification) ก็ไม่เอา
  • เอเมื่อคืนดู วีดีโอเพลงคาราโอเกะใน youtube เค้าร้องเพลง ลดสเป็ค ด้วยอิๆ
  • ขอบคุณครับ
อยากอยู่เป็นโสดเพราะยังไม่เจอคนที่ดีพอค่ะ
  • สวัสดีค่ะ
  • สงสัยผู้หญิงสมัยนี้จะมีความสุขกับการทำงาน และยังอยากมีชีวิตอิสระมั๊งคะ เลยยังโสดกันอยู่(เห็นครูที่โรงเรียนหลายๆคนเป็นอย่างนั้น รวมทั้งครูตุ๊กแกด้วย ฮิ..ฮิ แต่งกับงานไปแล้ว)
  • หรือเนื้อคู่ยังไม่เกิด ฮี้ว.......
เป็นเรื่องส่วนตัวนะครับ  ใครอยากแต่ง  ใครอยากเป็นโสดก็เลือกเอาเอง  (  ยกเว้นบางคนอยากแต่งแต่หาไม่ได้ )   เลือกอย่างดีแล้วแต่อยู่กันไม่ความสุข  ก็เลิกกันไป  เจอคนถูกใจใหม่ก็แต่งใหม่  หรือเข็ดอยากอยู่คนเดียวต่อก็ไม่ว่ากัน  ที่สำคัญอย่าอยู่กินกันมากกว่าหนึ่งคนในเวลาเดียวกันก็แล้วกันครับ
เพื่อนครูที่นี่ยึดคติ "สวยเลือกได้" ค่ะ ....เลือกจนไม่มี..เริ่มแก่กันแล้วค่ะ ....ฮิฮิ
  • คนจะงามงามที่ใจใช่ใบหน้า
  • มองใบหน้าด้วยครับ การแต่งตัว เพราะสะท้อนถึงการดูแลตัวเอง
  • ประกอบๆ กันไปครับ
  • ไม่ได้มาซะนาน
  • จำบีเวอร์ได้มั้ยครับ
ผมว่าการศึกษามีส่วนเกี่ยวข้องครับ ผมว่าการศึกษาจะสามารถลดจำนวนประชากรมนุษย์ได้ครับ ส่วนรายละเอียดก็คงจะรู้กันว่าเกี่ยวข้องกันอย่างไร เอาเป็นว่าใครที่รู้ตัวว่าเริ่มแก่แล้วคิดจะเปลี่ยนใจ ก็ยินดีนะครับ สำหรับผู้ที่ไม่คิดจะเปลี่ยนใจ ผมจะช่วยค้นหาเคล็ดลับในการทำให้ดูแล้วไม่แก่

สวัสดีค่ะ อ.ลูกหว้า

  • ดิฉันเห็นคนที่มีแฟนตั้งแต่สมัยเด็ก...หมายถึงเร็ว...พอเวลาผ่านไป นาน..อกหัก...เลยพ้นช่วงโอกาสที่จะหาคนอื่นทดแทนค่ะ
  • หรืออีกทีคือ...มัวแต่เป็นเ็้กเรียน...สาวๆที่เรียนน้อยกว่าแย่งไปหมด...ไม่เหลือค่ะ...
  • ...สบายดีนะคะ...
  • คุณเม้ง...แหมอย่าทำเป็นรู้ใจกันหน่อยเลย
  • คำถามนี้...มีอาจารย์มหาวิทยาลัยอื่นนำไปออกข้อสอบจริงๆค่ะ
  • แต่ว่านอกจากนำไปประยุกต์ใช้กับเศรษฐศาสตร์
  • ที่เหลือก็อยากรู้ด้วยแหล่ะ...อิอิอิ...
  • คุณ Ann คะ.....ขอบคุณมากเลยค่ะ  สรุปคือยังไม่เจอคนที่ถูกใจนะคะ ได้เหตุผลมา 1 ข้อแล้วค่ะ
  • สวัสดีค่ะครูตุ๊กแก...
  • สรุปคือ 1. ยังอยากมีความสุขกับการทำงาน
  •              2. อยากมีชีวิตอิสระ
  • ขอบคุณมากเลยค่ะ...
  • สวัสดีค่ะ คุณหมอ...
  • สรุปคือ 1. อยากแต่ง...แต่หาไม่ได้
  •              2. เคยผิดหวัง...เลยเข็ดกับความรักนะคะ
  • ขอบคุณมากเลยค่ะ
  • สวัสดีค่ะ..น้องบีเวอร์ สอบเสร็จแล้วเหรอคะ
  • หายหน้าไปนานจริงๆเลย...
  • คุณจิระพล...
  • สรุปคือ เรื่องการศึกษามีส่วนใช่มั้ยคะ  หมายความว่า ผู้หญิงมัวแต่เรียน การศึกษาสูงเกินไปจนทำให้พลาดโอกาสในการมีแฟน..
  • แหะ..แหะ..รู้สึกว่าโดนหลายเรื่องค่ะ

สวัสดีครับ อาจารย์ ลูกหว้า

        ผมเคยได้ยินมาจากที่ไหนจำไม่ได้ว่า

"แม้นแผ่นดินไร้ชายที่พึงเชย อย่ามีคู่เสียเลยจะดีกว่า..." ;-)

เอาไว้ถ้าหาที่มาเจอ จะมาแจ้งอีกทีครับ ตอนนี้ขอบ๊ายบายไปตอบคำถามของอาจารย์กฤษณาก่อนครับ

อยากได้รางวัลจัง...

  เหตุผลดีๆ ข้อนึงคือผู้หญิงเดี๋ยวนี้หาเลี้ยงตัวเองได้สบายๆ  ไม่อยากมีภาระ  มีหน้าที่การงานเชิดหน้าชูตา เลี้ยงดูตัวเองและครอบครัวได้สบาย  จะไปหาห่วงมาพ่วงตัวทำไมล่ะคะ  อิ อิ อิ

  • พี่ติ๋วคะ...
  • สรุปคือ  ผู้หญิงมีแฟนเร็วเกินไป  ใช้ระยะเวลาในการคบหานาน   พอผิดหวัง  อายุก็มากแล้ว ทำให้เสียโอกาสที่จะเจอคนอื่น
  • ผู้หญิงมัวแต่คงแก่เรียน  สนใจเรื่องเรียนจนลืมมองหาแฟนไป
  • ขอบคุณมากเลยค่ะ...
  • ได้แนวคิดหลายข้อแล้วค่ะ....
  • ดร.บัญชาคะ..
  • "แม้นแผ่นดินสิ้นชายที่พึงเชย...อย่ามีคู่เสียเลยจะดีกว่า"
  • ผู้หญิงคิดอย่างนั้นหรือคะ  ขอบคุณค่ะ
  • คุณ SOM O WAY
  • อยากให้รางวัลเหมือนกันค่ะ....
  • ขอดูคำตอบคนอื่นก่อนนะคะ
  • 1. ผู้หญิงสมัยนี้สามารถหาเลี้ยงตัวเองได้
  • 2. ไม่อยากมีภาระ
  • 3.  มีหน้าที่การงานเชิดหน้าชูตา
  • ทั้งหมดนี้จึงไม่อยากหาห่วงมาพ่วงนะคะ
  • ขอบคุณค่ะ   ถ้านึกอะไรออกอีกมาเพิ่มนะคะอยากรู้จังเลย..
  • เท่าที่ทราบอัตราส่วนผู้หญิงมากกว่าชายหลายเท่าครับ
  • มองจากมุมผู้หญิง ก็อย่างที่หลายๆท่านเขียนนั่นแหละครับ
  • แต่มองจากมุมผู้ชาย ก็ แหม เลือกได้แค่ คนเดียวนี่ครับ
  • แต่ อิสลามให้สิทธิ ๔ คนนะครับ

แวะมาอ่านรอบที่ 2  แต่ยังขอไม่ให้ความเห็นนะคะ

เพราะคนที่จะให้ความเห็นได้ดีที่สุด คือ คนที่ตัดสินใจแล้วว่า ขออยู่เป็นโสด

         แต่พี่จะมาเสริมและเพิ่มเติมในบางประเด็นนะคะ  ตอนนี้ ขออนุญาต แวะไปงานบวชข้างบ้านก่อนนะคะ  แล้วจะเวียนมาอ่านอีกรอบที่ 3

  • เข้ามาอ่านหลายรอบแล้วครับ อิๆ
  • ฮอทจริงๆ ครับ
  • เคยเรียนที่ ปัตตานี ก็จะมีประเพณีอันหนึ่งเรียกว่า รับน้องมหาวิทยาลัย ก็จะมีการจับคู่กันระหว่าง ผู้ชาย และหญิง แต่เนื่องจาก จำนวน ผู้หญิง มากกว่าชาย สี่เท่า ดังนั้น หนุ่มหนึ่งคน จะมีภรรยาได้สี่คน (คือคนที่ช่วยดูและ เหมือนบัดดี้นะครับ จะก็มีภรรยาหลวง ภรรยาคนที่ 1,2,3 ) แต่ละคนอาจจะมีมากหรือน้อยแล้วแต่ครับ ผู้ชายก็ต้องทำหน้าที่ดูแลเพื่อนๆ ทุกคนตลอดจนจบ คือประมาณว่าเป็นเพื่อนกัน ปรึกษาหารือกันครับ แต่ที่จำได้แน่ๆ คือ ผู้ชายปีหนึ่งในวันนั้น โดนตบกันว่าเล่นเลยครับ หากตอบคำถามจากพี่ๆ ไม่ได้ ภรรยาแต่ละคนจะตบฝ่ายสามีกันแก้มชา เลยละครับ อิๆๆ
  • แต่ตอนนี้ไม่แน่ใจว่ามีอยู่อีกไหมครับ
  • ชวนเถลไถลออกนอกเรื่อง อิๆ
  • อันหนึ่งที่ผมมอง เรื่องการ เด็ดดอกฟ้า สำหรับผู้ชายที่เจียมตัวตน เค้าไม่กล้าจะเข้าไปหา เพราะสาวๆ ในปัจจุบันเก่งกันเหลือเกินครับ เรียนก็สูง ทำงานก็เก่ง งานครัวก็ยอดเยี่ยม แล้วผู้ชายคนไหนจะกล้าเข้าหาครับ
  • เข้าไปแล้วก็โดนคนอื่นว่าเอาได้อีก ฮ่าๆ เกาะภรรยากิน เหอๆ (อ่านจากที่เค้าส่งกันต่อๆ มานะครับ)
  • แต่ก็ว่านะครับ มีอย่างมีคุณภาพซักคนก็คงดีไม่น้อยกว่าอยู่แบบเดียวดายครับ
  • ผมเจอเมื่อคืน ลองเปิดเล่นดูครับ http://www.youtube.com/watch?v=yoQfKjVldHI อาจจะเป็นประโยชน์ครับ สำหรับอีกมุมมองครับ
  • ขอบคุณครับผม
  • อ.อาลัม...
  • เหตุผลคือ  อัตราส่วนผู้หญิงมากกว่าผู้ชายหรือคะ    ขอบคุณมากค่ะ....
  • น่าเศร้าใจแทนผู้หญิงจังเลย...
หว้ากลัวว่าพี่แป๊ดจะเข้ามาเชียร์ให้สาวๆมีแฟนกันมากกว่าค่ะ หวั่นๆจังเลย...อิอิอิ...
  • คุณเม้งคะ...ที่ม.ช.ก็มีค่ะ  แต่เราทำเฉพาะช่วงรับน้องเท่านั้น...
  • หว้าเคยออกข้อสอบจริงๆนะคะ  มีนักศึกษาชายคนนึงตอบว่า   ผู้หญิงกลัวการสูญเสียทางกายภาพ...
  • อ่านแล้วงง...ก็เลยถามว่า "หมายความว่าอะไรคะ  ผู้หญิงสูญเสียทางกายภาพมากจริงๆเหรอ"   นักศึกษาผู้ใหญ่หัวเราะกันใหญ่  ถามว่า"อาจารย์ไม่รู้จริงๆเหรอ ลองถามคนที่แต่งงานแล้วดูสิ 5555555"

 

ตามไปดู MV แล้วค่ะคุณเม้ง ไม่ทราบว่าให้หว้าฟังเนื้อหาหรือให้หว้าดูแดนเซอร์กันแน่คะ ขอบคุณค่ะ จะบอกอะไรหว้าหรือเปล่า...หว้าไม่ได้ตั้งสเป็คหรอกค่ะ เพียงแต่งานเยอะมากและสนุกกับงานจนไม่เคยมองใครตะหาก ที่สำคัญไม่มีใครกล้าเข้ามาด้วย...
  • อิๆๆ น่าสนใจจริงๆ ครับ
  • ผมเคยถามหลายคนครับ เช่น กลัวไม่รู้จะดีจริงหรือเปล่า
  • ไม่อยากมีลูก
  • ไม่อยากสูญเสียอิสระ
  • ไม่อยากเปลี่ยนคำนำหน้านาม
  • ไม่อยากเป็นสกุล ที่ใช้อยู่ก็ดีอยู่แล้ว
  • ไม่อยากคอยรับใช้ใคร
  • ไม่อยากมีคนมากวนใจ
  • ไม่อยากหาเรื่องใส่ตัว
  • ไม่อยาก อะไรอีกมากมายครับ ตามเหตุผลและมุมมองครับ
  • แต่หากเจอใครซักคนที่คิดว่า เวลามีปัญหาก็คิดถึงคนนี้หล่ะก่อนเลย เวลาเห็นอะไรดีๆ แล้วอยากแบ่งปันคนนี้หล่ะ เวลาจะทำอะไรก็อยากปรึกษาคนนี้หล่ะ หากเป็นแบบนี้แล้วสุขใจ ไม่แนะนำให้อยู่คนเดียวครับ
  • การแต่งงานหรืออยู่ด้วยกันนั้น ไม่ใช่แค่เป็นสามีภรรยาครับ ต้องเป็นกันและกันได้ทุกอย่าง คงไม่ใช่แค่เอาความกลัวมากันไว้เป็นเกราะครับ คู่กันควรจะเป็นเพื่อน พ่อ แม่ พี่น้อง ลูก สลับเพศกันได้ด้วย (คือว่าเอาใจเค้ามาใส่ใจเรานะครับ)
  • ขอบคุณครับ
  • วีดีโอนั้น ไม่มีไรครับ แค่ไม่ให้เครียดครับ อิๆ พอดีน้องคนหนึ่งส่งมาให้เมื่อคืนครับ ดูแล้วตลกดีครับ เค้าบอกว่าให้ส่งต่อกับเพื่อนผู้หญิงของผม บังเอิญเจอบันทึก อ.หว้า พอดีครับ
  • สงสัยน้องเค้าส่งมาให้ผมดูคนเต้นแน่ๆ เลย อิๆ
  • ดีแล้วคับ ทำงานสนุกๆ ครับ ผมก็สนุกกับงาน
  • อาจารย์ลูกหว้าค่ะ  ขอแวะมาตอบคำถาม ค่ะ
  • ผู้หญิงสมัยนี้ มีแนวคิดเรื่องการใช้ชีวิตคู่เปลี่ยนไปด้วยค่ะ  เรื่องการมีครอบครัว ต้องบอกว่าคงต้องคิดถึงสิ่งที่ตามมา ไม่ว่าจะเป็นภาระต่าง ๆ ของผู้หญิง ในบทบาทของผู้เป็นภรรยา และแม่
  • บทบาทเหล่านี้ ต้องบอกว่าหากไม่พร้อมก็อาจเป็นประเด็นปัญหาของการใช้ชีวิตร่วมกับสามี แต่หากสามีเข้าใจ ก็เป็นสิ่งที่ดีค่ะ
  • ที่สำคัญ หากได้พบได้เจอ กับผู้ชายสักคน แต่หากพบกว่าไม่เหมาะ ไม่ดีพอ การอยู่คนเดียวอาจจะเป็สุขมากกว่าที่จะมาทุกข์กับคน คนหนึ่ง  หรืออาจจะกำลังมองหาคนที่ดีที่สุดสำหรับตนเองอยู่ก็ได้ค่ะ
  • ผู้หญิงต้องการผู้ชายที่ดี เพื่อสร้างครอบครัวที่ดี แต่คนเราทุกคน ก็มีข้อเสียกันอยู่ ต้องบอกว่าผู้หญิงคงต้องถามตัวเองว่า ยอมรับในข้อเสียตรงนั้นได้หรือไม่ และผู้ชายเองจะยอมรับข้อเสียที่ฝ่ายหญิงมีได้หรือไม่
  • ผู้หญิงสมัยนี้ ทำงานกันเก่งค่ะ  บางคนคิดว่าการมีครอบครัวอาจเป็นภาระหรือทำให้ทำงานได้ไม่เต็มที่มากนัก
  • การทำงานหนัก อาจทำให้ผู้หญิงใช้เวลากับการทำงานมากเกินไปค่ะ
  • สังคมในปัจจุบัน อาจมีบางคนคิดว่าการมีครอบครัวไม่ได้เป็นสิ่งที่จำเป็นมากนัก อาจมีผลมาจากแนวความคิดของคนสมัยใหม่ มีการเปลี่ยนแปลงมากยิ่งขึ้นค่ะ  เพราะสภาพแวดล้อมในสังคมปัจจุบันก็เปลี่ยนแปลงไป เช่นกันค่ะ

น้องหว้าขา

ถามครูอ้อยหรือคะ...จะตอบได้หรือนี่...ในเมื่อครูอ้อยมีลูกตั้งแต่อายุ 22 ปี  คงจะไม่มีวิสัยทัศน์เรื่องนี้ค่ะ

ให้ครูอ้อยช่วยเรื่องอื่นๆเถอะค่ะ...ว้า..อุตส่าห์เชิญครูอ้อยมาแล้ว

เอ้า....ตอบก็ได้

เลือกมากค่ะ..ที่ไม่ยอมแต่งงานเพราะ

1. เลือกมาก 

2. ไม่ถูกสเป็ก

3. ด้อยกว่า

4.  ไม่หล่อ

5.  ไม่รวย

6. มีพ่อแม่พี่น้องเยอะ

7. ไม่อยากรับใช้ใคร

8. ไม่ตามใจ..เอาแต่ใจ..เอาใจใครไม่เป็น

9. พ่อแม่พี่น้องไม่ชอบ

10.อุปสรรคเรื่องศาสนา

พอแล้วค่ะ...ตอบไม่ถูกมั้ง...เพื่อน้อง..พี่ทำได้ 

  • ขอบคุณค่ะคุณเม้งนอนวันละกี่ชั่วโมงคะ
  • นอนตรงคอมฯหรือเปล่า  (บางวันหว้านอนในห้องคอมฯนะ)
  • สงสัยหน่ะก่อนนอนก็เจอคุณเม้ง  ตื่นนอนมาก็เจอคุณเม้งคุยกะครูบาฯ  หว้ารู้ว่าครูบานอนวันละ 2 ชั่วโมง แล้วคุณหล่ะ  รักษาสุขภาพบ้างนะคะ  เพื่อนชมรมนกฮูกของหว้าเดี๊ยงไปหมดแล้ว.....
  • เอ...แปลกใจจัง  เพื่อนที่หว้าสนิทๆด้วยเนี่ยมีแต่คนใต้ทั้งนั้นเลยนะเนี่ย..
  • ถามหน่อยเกิดเดือนอะไรจ๊ะ
  • น้องมะปรางเปรี้ยว...มีข้อคิดเห็นดีๆตลอดเลยนะคะ  ขอบคุณมากเลยค่ะ
  • พี่จะนำไปเป็นแนวในการเขียนเรื่องเกี่ยวกับเศรษฐศาสตร์และออกข้อสอบค่ะ
  • คาดว่าผู้หญิงมีความเชื่อมั่นในตัวเองมาก
  • สามารถหาเลี้ยงดูครอบครัวได้
  • มีความสุขกับการทำงานของตนเอง
  • ขอบคุณมากครับ
  • อาจารย์ลูกหว้าค่ะ  สมาชิกท่านอื่น ๆ ให้ข้อคิดเห็นที่ดีเช่นกันค่ะ  อาจารย์ลูกหว้าคงได้มุมมองเยอะมากขึ้นเยอะเลยนะค่ะ
  • เสริมอีกนิดค่ะ  มะปรางเคยอ่านเจอในเว็บบอร์ดค่ะ มีบางคู่ ที่แต่งงานกันค่ะ แต่ก็ไม่อยากมีลูกค่ะ ซึ่งก็มีการแสดงเหตุผลที่น่าสนใจอยู่หลายเหตุผลค่ะ เช่น ไม่อยากมีภาระ เนื่องจากการมีลูกก็ต้องมีค่าใช้จ่ายเพิ่มขึ้น  เป็นต้น แต่ก็มีบางคู่เช่นกัน ที่เปลี่ยนความคิดไป จากไม่อยากมี ก็อยากมีลูก ค่ะ
  • ปัจจัยหลาย ๆ อยากในการใช้ชีวิต มีผลต่อความคิดค่ะ  เพราะต้องคิดถึงผลระยะยาวที่จะตามมาด้วย
  • บันทึกนี้ของอาจารย์ลูกหว้า ทำให้เห็นมุมมองที่หลากหลายค่ะ  ขอบคุณมากค่ะ
พี่อ้อยขา...นี่ขนาดตอบไม่ได้ยังขนาดนี้นะเนี่ย ขอบคุณจริงๆเลย ขอให้สวยวันสวยคืน
ขอบคุณค่ะพี่ขจิต มีน่าพี่ถึงได้ ........5555555
  • อจ.หว้าครับ
  • ผมเกิดวันสิ้นปีงบประมาณครับ ปีขาล เดือน กันยายนครับ
  • หนุ่มพระจันทร์ ครับ
  • ขอบคุณครับผม เข้าตามหลักการไรบ้างไหมครับ

ผมว่า...

ผู้หญิงสมัยนี้ต้องการประสบความสำเร็จมากขึ้น เลยไม่อยากใช้ชีวิตคู่ อาจจะมองว่าการแต่งงานอาจจะทำให้มีเวลาน้อยลงในการทำในสิ่งที่อยากทำ เพราะต้องดูแลบ้าน ดูแลลูก และดูแลสามีครับ...

ถามผมว่ามองสาวโสดอย่างงัย...

ผมมองว่าดีออก เป็นผู้หญิงเก่งที่สามารถดูแลตัวเองได้ ทำอะไรคนเดียวได้ เท่ห์ครับ...

สรุปว่าโสดก็มีความสุขแบบคนโสด แต่งงานแล้วก็มีความสุขแบบคนแต่งงานแล้วครับ...

สาวคิดว่าการอยู่เป็นโสดมากขึ้นของผู้หญิง อาจเนื่องมาจาก  การมองเห็นความจริงของสังคม การรู้เท่าทันข้อมูลข่าวสาร เห็นความไม่มั่นคงในชีวิตคู่ เห็นธาตุแท้ของกันและกัน ลายของแต่ละคนที่มีอยู่สีเข้มเกินไปจึงปิดไม่ค่อยมิด จึงมีการวิเคราะห์ทั้งเหตุ ปัจจัย ผลได้ ผลเสีย คำตอบที่ได้อาจไม่ถูกใจ จึงตัดสินใจว่าไม่เสี่ยงดีกว่า  แต่การที่อยู่เป็นโสดไม่ใช่ไม่มีความรักนะคะ จะเห็นว่าคนที่เข้ามารู้จักกันในblogนี้ทุกคนมีความรักที่บริสุทธิให้แก่กันและกันมาก เป็นความรักที่ทุกคนต้องอิจฉากันทั้งนั้นละคะ

สวัสดีค่ะ อาจารย์ลูกหว้า  มาช้าดีกว่าไม่มีเนอะ   :D

สาเหตุที่ปิ๊กเป็นโสด เพราะว่าไม่มีคนมาจีบ สงสัยจะกลัว  ...อิอิ .!!!  ล้อเล่นอ่ะค่ะ (แต่สงสัยจริง)

งัยดีหล่ะ    ส่วนมากก็เป็นแบบ  ถูกใจเขา  แต่ไม่ถูกใจเรา   ถูกใจเรา  แต่ไม่ถูกใจเขาน่ะแหล่ะ   .....พอไปถูกใจเขา  เขาก็มีแฟนแล้ว ฮือๆๆ ...........

ส่วนตัวไม่มีกฏเกณฑ์  ไม่มีเหตุผลใด ๆ  ถือความชอบส่วนตัวเป็นหลัก  ไม่มีความตั้งใจว่าจะโสด  หรือจะแต่งงาน  ...

ประมาณนี้แหล่ะค่ะ  เลยเป็นฉาวโฉด มาถึงบัดนี้แล

สวัสดีค่ะ อ.ลูกหว้า (ชื่อน่ารักจังเลยค่ะ หน้าตาก็น่ารักด้วย (^_^ ) เอ! ยังโสดอยู่เหมือนกันเหรอคะ อิ ๆ)

เรื่องของสาวโสดนี่มันมีหลายสาเหตุค่ะ แต่ที่มองนะคะ หลัก ๆ เลย คิดว่ายุคสมัยเปลี่ยนไป สาว ๆ มั่นใจขึ้น หาเลี้ยงตัวเองได้ ความอดทนก็ลดลงด้วย ไม่ยอมเป็นเบี้ยล่างใครโดยไม่มีเหตุผล คิดว่าสมัยก่อนที่คนไม่เป็นโสดกันเยอะขนาดนี้เพราะผู้หญิงมีความอดทนสูงนะคะ  สมัยนี้พอผู้หญิงไม่ทน ความเป็นผู้นำของผู้ชายก็ลดลง เค้าก็ไปหาคนอื่นดีกว่าค่ะ ความเจริญทำให้โลกแคบลง ได้พบปะคนมากขึ้น โอกาสเลือกของผู้ชายก็เยอะขึ้น .. ทำให้สาวสวยน่ารักนิสัยดีอย่างพวกเรายังเป็นโสดกันถึงทุกวันนี้ แล้วก็ต้องมาเจอคำถามว่า โอ้ววว อายุขนาดนี้ทำไมยังโสด .. หันไปหันมา เจอรุ่นน้องทักทายเราแล้วก็หันไปบอกเจ้าตัวเล็ก เอ้า! ไหว้ป้าสิจ๊ะลูก  แป่วววว ฮ่า ๆๆๆๆ (-_- " )

  • น้องมะปราง...ขอบคุณอีกครั้งค่ะ น่ารักจริงๆเลย
  • เข้ามาหลายรอบทีเดียว
  • คุณเม้ง...ที่ถามนี่นะ  จุ๊ๆอย่าดังไปเดี๋ยวคุณพ่อครูบามาเห็นจะงอนที่ไม่ยอมทายให้ซะที
  • เกิดปี 17 เหรอคะ....คือสงสัยว่าทำไมถูกชะตา  จะถามว่าเกิดเดือนกันยายนหรือเปล่า....
  • คือเพื่อนสนิทจะเกิดเดือนนี้เกือบหมดเลย...เรียกว่าเกิดเรียงวันทีเดียว
  • ยิ่งปีขาลก็เหมือนกัน  เพื่อนสนิทอีกคนหนึ่งก็เกิดปีขาล...
  • ดีค่ะ  คนเกิดเดือนนี้เป็นพวกอัจฉริยะทั้งนั้น...พวกเก่งไปซะทุกเรื่อง
  • คุณ Mr.Diect
  • ขอบคุณค่ะสำหรับความคิดเห็น  จริงด้วย...มีความสุขในแบบคนโสดหล่ะ
  • คุณสาว  น้องปิ๊ก และ คุณ Tuta
  • ขออนุญาตคุยด้วยกันเลยนะคะ
  • ไม่น่าเชื่อว่าเดี๋ยวนี้จะมีคนโสดเยอะจัง
  • เชื่อว่าแต่ละคนล้วนมีเหตุผลในการเป็นโสดแตกต่างกันไป
  • แต่เราก็มีความสุขในแบบฉบับของเรา...เหมือนกัน
  • ขอบคุณทุกคนนะคะ  เดี๋ยวขอดูคำตอบอีกสักพักนึงค่ะ  เรามาตั้งชมรมสาวโสดกันดีกว่า....

ผมว่าการศึกษามีส่วนอย่างมากที่ทำให้ผู้หญิงเป็นโสดเพราะเห็นเพื่อนที่เขาแต่งงานไว มีแต่ปัญหามากมาย ก็เลย ไม่อยากมีปัญหา

  • ขอบคุณค่ะ คุณหนุ่มน้อย...
  • ประมาณผู้หญิงเรียนสูง  รู้มาก...เลยกลัวไปหมด

อยู่เป็นโสดจะได้ประหยัดไงครับ

 1.ประหยัดน้ำลาย เพราะมีสามีเมื่อไหร่ ต้องคอยบ่นสามีทั้งวัน

 2.ประหยัดค่าสาธารณูปโภคครับ เพราะสามีจะชวนอาบน้ำพร้อมกัน (ประหยัดน้ำ) และชวนปิดไฟนอนแต่หัววัน (ประหยัดไฟ)

 3. ประหยัดรักษาพยาบาล เพราะไม่ต้องจ่ายค่าดูแลสามีที่บาดเจ็บจากการโดนสากปาหัว หลังถูกจับได้ว่าไปเที่ยวคาเฟ่ อิอิ

และอื่นๆอีกมากมายครับ อ.ลูกหว้า

 แต่ผมเสนอแนวคิดแบบขำๆอย่างถือโทษโกรธผมเลยนะครับ

เอาเป็นว่าสาวโสดเพราะต้องการชีวิตอิสระ ไม่เชื่อต้องลองครับ อิอิ

ขอบคุณครับ

  • อิอิอิ...มาขำรอบดึก  คิดได้ไงคะเนี่ย
  • แต่งงๆข้อ 2 ค่ะ  ว่าตกลงโสดหรือไม่โสดกันคะที่ประหยัดน้ำกะไฟ
โฮ่ๆๆๆ ลืมครับ สงสัยผมอยากไม่โสดง่ะ ขอโทษทีครับ
  • ไม่ทราบว่า Post นี้มีอาถรรพ์หรือเปล่า พิมพ์สองครั้ง หายไปทั้งสองครั้ง  ครั้งนี้เป็นครั้งที่สามนะเนี่ย
  • เพื่อนพี่ที่เป็นผู้หญิงมี 2-3 คนเป็นโสด สด สด ครับ
  • ดังๆอยู่ในวงการนักวิชาการก็มี ที่เก็บตัวเงียบๆก็มี  หากถามว่าทำไม  มากมายหลายเหตุผล ล้วนแต่หลายคนกล่าวมาบ้างแล้ว ส่วนมากไม่แน่ใจว่าจะอยู่ด้วยกันได้ดี ทั้งๆที่ชอบกันอยู่นะ   เราก็เคยแซวกันเล่นว่า พวกเธอเนี่ยะ ไปอยู่หมู่บ้านคานทองนิเวศน์ด้วยกันนะ เป็นอะไรก็จะได้ช่วยเหลือกัน
  • มีประเด็นใกล้เคียงกัน คือ อ.วิทยากร เชียงกูรและอาจารย์ผู้หญิง ร่วมกันแปลหนังสือเกี่ยวกับ การทดลองอยู่กินด้วยกัน เป็นสังคมฝรั่งเขา บ้านเราทำไม่ได้เสี่ยงต่อวัฒนธรรมไทย ทั้งๆที่ในความเป็นจริงมีทำกันเยอะ โดยเฉพาะนักศึกษา ต่างๆ ไม่เชื่อลองไปดูซิ อยู่กันเป็นคู่ๆเชียว
  • มีการกล่าวกันว่า การหย่าร้างในเมืองฝรั่งมีมาก เมื่อตกลงปลงใจบอกรักกันแล้วแต่อยู่ด้วยกันไม่ได้ก็เลิกกันไป  จึงเกิดแนวคิดว่า อย่าเพิ่มแต่งกันเลย  ชอบพอกันก็มาอยู่ด้วยกันจริงๆแต่ไมทำพิธีแต่งงาน เมื่ออยู่ด้วยกันแล้วหาก OK ก็แต่งเป็นทางการไปเลย  แต่หากทดลองอยู่แล้วต่างก็เห็นจุดอ่อนของกันและกัน และหากคิดว่าไม่น่าจะอยู่ด้วยยกันได้ดีก็แยกทางกันไป ก็เคยเห็นแบบนี้เหมือนกัน
  • ค่านิยมแบบนี้ต้องเสวนากันใหญ่นะ

สวัสดีครับ
ขอตอบด้วยนะครับ (แบบขำๆ)

สถิติประชากรชาย 100 คน
(ที่ยังไม่โดนระเบิด,และอุบัติเหตุ)
เป็นเกย์ - 30 คน
เป็นสามีของเกย์ - 20 คน
มีเมียแล้ว - 20 คน
อยู่ในคุก - 10 คน
มุ่งสู่นิพพาน - 5 คน
หน้าตาอุบาทว์มากๆ - 5 คน
ไร้สมรรถภาพ - 5 คน
เป็นเอดส์ - 3 คน
อยู่ในโรงพยาบาลบ้า - 1 คน
จากสถิติดังกล่าวชาย 100 คน
เหลือที่ใช้การได้เพียง 1 คน
(บังเอิญว่า 1 คนนี้ดันขี้อาย ไม่กล้าจีบสาวอีก)

ฉะนั้นผู้หญิงจึงอยากเป็นโสด
เพราะผู้ชายเหลือน้อยเกินไป
เป็นคำตอบสุดท้ายครับผม ;p

เป็นโสด...แต่ไม่ได้หมายถึง "หัวใจโสด"  ใช่ไหมครับ...

.....

ผู้หญิงส่วนหนึ่งบอกว่า ในบรรดาจำนวนผู้ชายที่มีน้อยอยู่แล้ว กลับพบว่าส่วนหนึ่งก็ยัง "ไม่ดีพอ"  เลยสถาปนาตนเองครองบัลลังค์โสดเลยดีกว่า

ขอมีมุมมองอาจต่างกว่าคนอื่นนะคะ ผู้หญิงเลี้ยงตนเองได้ ไม่อยากมีภาระ อิสระและคล่องตัวในการทำงานมากกว่ามีครอบครัว(โดยเฉพาะผู้หญิงที่มีความรู้สูงๆ) ยิ่งผู้หญิงที่เขามีครบทุกสิ่งทุกอย่าง เช่นบ้านรถ หรือมีรายได้อื่น ๆ ฯลฯ เขามองการมีคู่เป็นเรื่องเล็ก ๆ ถึงแม้เขาเหล่านั้นมีชายไทยและเทศติดต่อมาตลอด ว่าแล้วคนที่พูดนี่มีคู่ แต่เล่าจากประสบการณ์ของเพื่อนและน้องสาว
  • มีผู้ชายหลายคนที่ต้องเป็นโสดเหมือนกัน  เพราะผู้หญิงเลือกมากจัง.....

(^________________^)

เข้ามาอ่านแล้วมีความสุขค่ะ...ยังไม่ให้ความเห็นค่ะ..อ่านไปยิ้มไป...อิอิ

 

เข้ามาล่า...เอ๊ย อยากสอยรางวัลอีกคนค่ะ เหตุผลที่ยังไม่แต่งงานก็มีดังนี้ค่ะ

1. ชอบชีวิตที่อิสระเสรี อยากจะทำอะไรก็ทำ ไม่ต้องแคร์ใคร ไม่ต้องง้อใคร
2. รับไม่ได้กับสภาพที่ต้องอุ้มท้อง หรือมานั่งเลี้ยงเด็ก
3. สภาพเศรษฐกิจแบบนี้...ถ้ามีลูกก็คงจะต้องมีฐานะที่มั่นคง มีเงินทุนหมุนเวียน อย่างรอบคอบและคิดต่อไปในอีกหลายปีข้างหน้า นัยว่าเป็นโปรเจคใหญ่เลยทีเดียว
4. อกหักมาหลายครั้ง ได้เจอคนหลายประเภท คิดว่ายังไม่มีใครที่สามารถดูแลเราได้ค่ะ
5. สนุกกับการทำงาน และเรียนต่อแม้ตอนนี้จะมีใบปริญญามานอนกอดแล้ว 2 ใบ และกำลังจะตามมาอีก 2 ใบในวันข้างหน้าค่ะ

  • พี่ไพศาลคะ...
  • บันทึกนี้ใครไม่โสดจริงเข้ามา ตอบยากค่ะ...
  • พี่ี่คะเรื่องนักศึกษาอยู่กันเป็นคู่ๆมีตั้งแต่สมัยหว้าเรียนแล้วค่ะ
  • เขาบอกว่า"ประหยัดค่าหอ"เอ่อ...พูดไม่ออกเลย..
  • แต่ผู้หญิงเขา้ต้องสูญเสียบางอย่างไป   ส่วนเพื่อนๆที่หัวโบราณ...ก็ยังอยู่เป็นโสดกันค่ะ  เขาบอกว่า แฟนที่คบกันเป็น 10 ปีขอเลิก  เพราะบอกว่าเขาหวงตัวเกินไป...พอไปเจอคนอื่นที่ให้มากกว่า(ไปเลย)
  • เพื่อนเขาสวย  เก่ง  แต่ให้แฟนแค่กอดนิดหน่อยค่ะ  แม่ผู้ชายชอบ  แต่ผู้ชายไปซะแล้ว...
  • ขอบคุณนะคะที่เข้ามาช่วยแชร์ค่ะ  ได้แนวคิดมากเลย...
  • นักลงทุนเงินน้อย...เข้ามาตอบเรื่องโสด  แต่ใจมันไม่โสดก็เป็นแบบนี้แหล่ะ...
  • อย่ามาเข้าชมรมเีดียวกะพวกพี่เลย...
  • คุณ Tha....
  • สรุปคือ  ผู้ชายที่ใช้การได้ "ขี้อาย"หรือคะ 
  • ผู้ชายคนนัั้นโปรดทราบ  "กล้าๆ หน่อยจ้า"
  • ขอบคุณค่ะ  ที่มาแชร์กัน
  • มันเหมือนคำถามง่ายๆนะคะ  แต่โดนใจหลายคน..
  • เหมาะแก่การออกข้อสอบเป็นอย่างยิ่ง  ลูกศิษย์ที่เข้ามาอ่านเจอ..ก็ยกผลประโยชน์ให้จ้ะ
  • คุณพนัส...
  • หมายถึงใครคะ...
  • "เป็นโสด  แต่ไม่ได้หมายถึง "หัวใจโสด"
  • แหม...ถ้าหมายถึงหว้า  หัวใจมันก็มีบ้าง แว๊บๆ ตามเสียงเชียร์ของเพื่อนอาจารย์...
  • แต่เราเป็นผู้หญิง  ถ้าผู้ชายมัวขี้อาย..ได้แต่แอบมอง...เก่งแต่เรื่องงาน..
  • ส่วนเรื่องจีบผู้หญิง ติดลบ...  ก็แต่งกับงานไปเถอะ...
  • อิอิอิ..

โอ้โห....เมนูยอดฮิต

เพื่อนของไร้นามชอบเล่าเรื่องนี้...อาจารย์ลูกหว้าจะโกรธไหมถ้าจะเล่าให้ฟัง....

วันหนึ่งพ่อกับลูกสาวนั่งด้วยกัน

พ่อ..เมือ่ไหร่ลูกจะแต่งงานน่ะ ลูกสาวอายุ 20 ปีตอบว่า ยังค่ะพ่อยังไม่เจอคนที่อยู่ในสเปค ลูกชอบที่หล่อ รวย รสนิยมดี

ต่อมาอีก 10 ปี พ่อก็ถามใหม่ เออ ลูก ชายหนุ่มในสเปคของลูกยังไม่เจอหรืออย่าไร ลูกสาวอายุ 30 ปีตอบว่า ก็เจอนะคะ แต่ว่าหนูดูแล้ว หล่อมันกินไม่ได้ค่ะ อีกอย่างพวกทำตัวหล่อและถึงรวยก็พูดกันไม่ค่อยรู้เรื่อง ลูกก็อยากได้คนที่พูดกันรู้เรื่องน่ะค่ะ หล่อหรือรวยมันไม่ก็ไม่สำคัญ

เวลาผ่านไปไวเหมือนโกหก เมื่อลูกสาวอายุ 40  ปี พ่อก็อดไม่ได้ ถามอีกว่า ลูกเอ้ย ทุกวันนี้พ่อก็แก่มากแล้วก็หวังจะเห็นเจ้าเป็นฝั่งเป็นฝา เมื่อไหร่จะพาผู้ชายคนที่พูดกันรู้เรื่องมาหาพ่อล่ะ

ลูกสาววัย 40 ปี ตอบด้วยท่าทีหงุดหงิดเล็กน้อย...พ่อ มีผู้ชายอยู่ที่ไหนบ้างล่ะคะพ่อ

 

แฮ่ม.....ไร้นามบอกแล้วว่าเพื่อนเล่ามา ...

  • พี่อัมพรคะ...
  • หว้าก็คิดคล้ายๆที่พี่บอกมานั่นแหล่ะค่ะ
  • แถมวันๆก็ทำแต่งาน
  • แต่คนอื่นมักถามว่า......
  1. เลือกมากเหรอ  สเป็คสูงเกินไปหรือเปล่า
  2. แฟนเก่าเกณฑ์สูง   ทำให้มองคนที่เข้ามาให้สูงกว่าแฟนเก่าหรือเปล่า
  3. พ่อแม่เลี้ยงดีเกินไป  ทำให้ไม่อยากไปอยู่กับคนอื่นหรือเปล่า
  4. ผู้ชายกลัวเราหรือเปล่า...กลัวความเก่ง  กลัวฐานะ......กลัวๆๆๆๆๆๆ
  5. กลัวว่าจะผิดหวังอีกหรือเปล่า...
  6. ผู้ชายกลัวการเข้ามาจีบเรา  จะเป็นจุดสนใจของคนอื่นหรือเปล่า...
  7. พ่อแม่หวงหรือเปล่า...
  8. หว้าอายุมากแล้วนะ..พี่lioness ย้ำมากเลย
  • ไม่รู้จะตอบเขาอย่างไรนะคะพี่สมพร..  ก็เราอยู่กับพ่อแม่  สบายจะตาย...ไม่ต้องเอาใจใคร  ทำงานเหนื่อยๆ ก็นอนพักได้  มีคุณแม่ทำอาหารโปรดให้ทาน...
  • ไม่มีเวลาคิดเรื่องพวกนี้เลยค่ะ   จะรู้สึกก็แค่ตอนไปเดินช็อปปิ้งคนเดียว  รู้สึกแค่ตอนนั้นจริงๆค่ะ.....

นั่นแน่...ผู้หญิงแกร่ง  ก็มักจะพูดเช่นนี้แหละครับ...

....

ผมเองยังอกหักทุกวันเลยครับ  (ล้อเล่น) 

ส่วนที่เป็นโสด แต่หัวใจไม่โสดนั้น...ผมไม่เจาะจงครับ...

ผมโชคดีแล้วที่มีคนมาพลาดท่ามอบหัวใจให้.. ! ภายใต้เงื่อนไขเดียวคือ รัก แล้ว ห้าม เลิก ...(ฮา)...........

  • อาจารย์ ย่ามแดง..
  • ก็ผู้ชายอยากไม่กล้าเองนี่นา   จะว่าผู้หญิงเลือกมากอย่างเดียวไม่ได้หรอกค่ะ
  • ปากอย่างนี้ไม่น่าอยู่รอดมาถึงวันนี้หรอก...
  • ว๊ายๆๆๆ   อาจารย์..ย่ามแดงคุ
  • กลัวเข้าใจผิดค่ะ  ที่เขียนหมายความว่า เห็นอาจารย์เจ้าคารมอย่างนี้  ไม่น่าหลุดรอดสายตาสาวๆไปได้ค่ะ
  • แบบว่า สาวๆน่าจะแย่งกันมากกว่าค่ะ    
  • ไม่น่าอยู่รอดเป็นโสดมาจนทุกวันนี้...
  • คุณ Ka  Poom ...
  • ดีใจจังแวะมาเยี่ยม...
  • มาอยู่ชมรมเดียวกันมั้ยคะ
  • รออ่านความคิดเห็นนะคะ
  • เดี๋ยวขอตอบเท่านี้ก่อนนะคะ   แล้วจะแวะเข้ามาคุยใหม่ค่ะ

แวะมาแสดงความเห็นด้วยครับ ตามความเห็นผมนะครับ เดี๋ยวนี้ผู้หญิงเราเก่ง คล่อง พึ่งตัวเองได้ ทั้งกายและใจ เมื่อเทียบกับสมัยก่อน เธอก็เลยไม่รู้ว่าจะต้องไปสนใจกับคนที่ไม่ค่อยถูกสเป็คเต็มที่ทำไม เพราะมันมีตัวอย่างเยอะที่ พอแต่งไปแล้วผู้ชายก็ออกลายให้ปวดหัว อ่านเจอในหนังสือพิมพ์ก็เยอะที่แต่งได้ไม่ถึงปี อ้าว เตียงหักซะแล้ว ถ้าปิ๊งจริงๆ ก็ค่อยน่าลุ้นหน่อยว่า เอ้า ลองดูสักตั้ง

การที่ผู้หญิงเรามีสังคมเปิดมากขึ้นทำให้ไม่เหงาครับ มีเพื่อนเฮฮาได้ อยากไปไหนก็ได้ เมื่อก่อนถ้าไปไหนคนเดียว หรือไปบางที่เฉพาะผู้หญิงคนจะมองแปลกๆ

คนรอบข้างเขาถาม ก็เพราะเขาเป็นห่วง ก็ OK ครับ แต่ถึงเราแต่งไปแล้ว เขาก็ยังถามอยู่ดี 'ทำไมยังไม่มีลูกหละ แต่งมานานแล้วนี่' 'สามีไปไหนล่ะ ทำไมไม่มาด้วย' เพราะฉะนั้น ฟังเข้าหูซ้าย ทะลุหูขวาครับ ถ้าจะแต่งก็เพราะเจอคนถูกใจ ไม่ใช่แต่งเพราะคนอื่นมองว่าน่าจะแต่งได้แล้ว

สรุปตามมุมมองของผมคือ เพราะผู้หญิงเข้มแข็งขึ้นครับ  ที่สิงคโปร์ก็เป็นแบบนี้เหมือนกัน  

  • แอบมาแนะนำก๊วนสาวโสดพิษณุโลกค่ะ
  • เขียนสนับสนุนการเป็นสาวโสดที่บันทึกของพี่lioness ค่ะ  น่าสนใจทีเดียว
  • http://gotoknow.org/blog/mumsabai/84726
  • หว้าขอทะยอยตอบนะคะ  อย่าเพิ่งน้อยใจ  หว้าไม่อยากรีบตอบ.....
  • ขอค่อยๆอ่านทีละคน  แล้วตอบดีกว่า..เพราะต้องพิจารณารางวัลให้ด้วย....
  • คุณ kade...
  • ตอบได้น่าสนใจจริงๆค่ะ  มาล่ารางวัลหรือคะ...อืม..เดี๋ยวคิดดูก่อน..
  • ขอบคุณสำหรับคำแนะนำค่ะ  เดี๋ยวนี้ผู้หญิงคิดแบบนี้จริงๆค่ะ

เห็นบันทึกนี้ฮฮตเหลือหลาย....

ผมเลยตัดสินใจไปค้นเรื่องราวบุคลิกภาพและหัวจิตหัวใจของบรรดาผู้ชายทั้งหลายมาให้อ่านกัน...

เกือบสมบูรณ์แล้ว ..คาดว่าพรุ่งนี้ได้อ่านแน่...นะครับ

อ.ลูกหว้าค่ะ

       พี่ตอบคำถามแล้วนะคะ ที่บันทึกนี้ค่ะ

  • คุณไร้นามคะ...
  • ดีใจจังที่เข้ามาตอบ...หว้าไม่โกรธหรอกค่ะเพราะกำลังนึกว่าอ่านเรื่องตัวเอง อิอิ
  • ตราบใดที่ไม่มีคนกล้าเข้ามา...  ก็คงเป็นอย่างที่เล่าแหล่ะค่ะ  เริ่มทำำำใจแล้ว....
  • แม่เขาไปดูดวง  หมอดูบอกว่า"ลูกสาวไม่มีดวงเนื้อคู่  มีแต่ดวงงานค่ะ"
  • ขอบคุณค่ะคุณหมอ...
  • อ่านแล้วทำให้รู้สึกว่าไม่ใช่เรื่องแปลกเลยนะคะกับการอยู่เป็นโสด
  • หลายคนพยายามให้กำลังใจตัวเองว่า ก็เราเป็นพวก
  • "สวยเลือกได้" นี่นา... อิอิอิ
  • คุณพนัส...
  • พวกไม่โสดอย่ามาเยาะเย้ยกันนะ
  • แล้วหว้าจะรออ่านนะคะ  บางครั้งเราก็อยากรู้เรื่องของผู้ชายเหมือนกัน
  • แต่ไม่รู้จะถามใคร  อยู่ที่ g2k ผู้ชายก็เขียนบอกมาบ้างสิ...
  • บางทีพวก "โสดมีความหว้ง" จะได้ไปเรียนรู้กันบ้าง
  • ขอบคุณค่ะ แวะมาหลายรอบเลย...
  • พี่แป๊ดขา..ตามไปอ่านค่ะ
  • แหม...อ่านแล้วหลายคนอาจอยากสละโสดกันมากกว่าค่ะ
  • ขอบคุณมากนะคะ...สำหรับความคิดเห็น

ขอเพิ่มความเห็นอีกข้อได้ไหมค่ะ

       ที่ผู้หญิงสมัยนี้ ชอบอยู่เป็นโสด เป็นเพราะ เป็นเพราะ  เอ่อ

           เอ่อ   "เป็นทอม กะ ดี้"  เจ้าค่ะ

           ก๊าก  จะรอดไหมเนี่ย

อ.ลูกหว้าขา

จด ๆ จ้อง ๆ หลายเพลา

คิดอย่างไรก็คิดว่าไม่ออกว่าทำไมเราถึงต้องอยู่เป็นโสด

เคยเล่าให้เพื่อน ๆ ฟังว่าในชีวิตมีคนขอแต่งงาน 3 ครั้ง (ไม่รวมกับที่จะไปขอเค้าแต่งนะคะ...ฮา 1)

ประมาณว่าถ้าไม่ได้แต่งด้วย จะตาย ๆ ๆ ๆ ตรงหน้าตักเธอให้ได้  แต่....พี่ก็เห็นทุกกคนอยู่เย็นเป็นสุข มีลูกให้เชยชมทุกคน  ฮา 2

จริง ๆ แล้วคงไม่มีใครที่รักจริง ๆ นั่นแหละ

ตอนที่เรารัก  เราใช้หัวใจ ไม่ได้ใช้สมอง  พอนำเหตุผลหลาย ๆ อย่างมาประกอบการตัดสินใจ  มันจึงจำเป็นต้องตัดออกทีละข้อ ๆ ๆ ๆ ๆ  จนเหลืออยู่ข้อเดียว......ยอมรับทุกอย่างที่ต่างคนต่างเป็นได้ไหม  ไม่ใช่พบกันครึ่งทาง  เพราะครึ่งทางเมื่อไร  มันก็มีอีกครึ่งที่เป็นความไม่เข้าใจกันอยู่......ถ้ารับกันไม่ได้ทั้งหมด....การที่จะอยู่ด้วยกันทั้งชีวิต......มันย่อมมีเรื่องไม่เข้าใจกัน.....

ถ้าคบกับใครจะยอมรับในความเป็นทั้งหมดของคน ๆ นั้น  จะไม่ใช้คำว่า "อดทน"  เพราะคำว่าอดทนต้องมีวันสิ้นสุด  แต่การยอมรับกันทั้งหมด...มันตลอดไป

ดังนั้น สรุป  เป็นว่า  ที่โสด  เพราะ

มีใครที่รักจริง ๆ นั่นแหละ ฮา 3........

  • พี่แป๊ดขา...งั้นหว้าเพิ่มว่าก็ผู้ชายเปลี่ยนใจไปชอบผู้ชายมากขึ้น
  • ทำให้ผู้ชายจริงๆเหลือน้อย....
  • ส่วนผู้หญิงก็ไปชอบผู้หญิงซะงั้น
  • ก็เป็นอย่างนั้นจริงๆนี่คะ  สมัยนี้...
  • ขอบคุณค่ะพี่..555555
ขอบคุณพี่อิ่งอ๊อบมากเลยค่ะ สำหรับคำแนะนำ โอโฮ..มีคนขอแต่งงานตั้ง 3 ครั้ง ว้าวๆๆๆๆๆ ไม่เป็นไรนะคะ โสดก็อยู่ได้...
  • ยังไม่นอนหรือครับ อ.หว้า
  • หยันจริงๆ ครับ
  • มีเพลงมาฝากสาวโสด จากหนุ่มใต้นะครับ
  • เพลง รักลองแล นะครับ

    รักเอ้ย ไม่เคยก็ลองแล
    จะได้รู้ว่ารัก แท้มีแค่ไหน
    รักจริง รักซ้อน หรือกลับกลาย
    รักลวง รักใคร่ ก็ต้องลอง

    ห้าๆๆๆ

  • รักลองแล หมายถึง รักลองดู หรือลองรักดู ครับ
  • ฟังกันได้ที่นี่ครับ  คลิกเพื่อฟังhttp://www.schuai.net/songs/raglonglae.wma

  • วันนี้พยายามเข้ามาตอบคุณเม้ง 3 ครั้งแล้ว
  • เกิดอะไรขึ้น  พอตอบเสร็จกดบันทึกก็หลุดเลย..
  • เดี๋ยวลองตอบที่บ้านดู...
  • ขอบคุณสำหรับเพลงค่ะ  ก็เคยลองมา 2 ครั้งแล้วค่ะ
  •  แต่ไม่สมหวังเพราะรักแท้แพ้ระยะทาง  คนอยู่ใกล้กว่าคว้าเอาไป....
  • 666666666666(เบื่อเลขห้าแล้ว)
  • เรื่องนี้น่าจะทำวิจัยมากๆ ครับ
  • ผมเคยตั้งทฤษฏีเอาไว้บางอย่างเกี่ยวกับรักและระยะทางครับ ว่าน่าจะมีทางแก้ครับ หากเรามีสมมุติฐานสองข้อคือ

    รัก(L)ขึ้นกับระยะทาง(S)
    ระยะทาง(S)ก็ขึ้นกับเวลาที่มีให้กัน(t)

    ได้สูตร  ดังนี้  S = L*t

    นั่นคือ หากระยะทางไกลกัน หรืออยู่ห่างกันมากขึ้น ก็ต้องเพิ่มความรักให้มากขึ้น หรือไม่ก็รักเท่าเดิมแต่มีเวลาให้กันทางใดทางหนึ่งมากขึ้น

    หากระยะทางเพิ่มขึ้น ให้รักเท่าเดิม แต่เวลาให้กันลดลง สมการจะมีปัญหา จะส่งผลต่อค่าสัมประสิทธิ์ความรักครับ
  • อิๆ พอมีแววถูกไหมครับ ฮ่าๆๆ อันนี้มีตัวแปรแค่สองตัวครับ คือ ความรักต่อ ระยะทางและเวลา
  • หากคิดว่าใช้ได้ทดลองดูนะครับ

  • ห็นมั้ยหล่ะคุณเม้ง...บอกแล้วว่าเรื่องนี้น่าสนใจ
  • เรื่องใกล้ตัวของเรา..นำมาจับกับทฤษฎีซักหน่อย   นักศึกษาจะจำได้ง่ายขึ้น
  • หว้าเคยนำไปอธิบายเรื่องค่าเสียโอกาส  คิดกันใหญ่เลย...
  • อิอิอิ...นักเศรษฐศาสตร์กะนักคณิตศาสตร์คุยกันสนุกเค้าหล่ะ


  • ว่าแต่...จะให้หว้าไปทดลองใช้กะใครดีคะ  แสดงว่าต้องใช้กับคนที่อยู่ไกลอีกแล้วใช่มั้ย
  • ก็สงสัยตัวเองนะว่าทำไมคนอยู่ใกล้ๆเราถึงไม่เคยชอบเลย...
  • กลับชอบแต่พวกอยู่ำไกลๆ  แล้วก็แห้วทุกที...

  • อ้อ...หว้าเพิ่มเหตุผลอีก 1 ข้อ เพิ่งจะคิดได้ ผู้หญิงสมัยนี้ขี้เกียจทำงานบ้าน ขี้เกียจไปนั่งทำกับข้าว  ไปนั่งเอาใจสามี  แค่ทำงานก็เหนื่อยแล้ว...
  • ออเรื่องนั้น เรื่องขี้เกียจทำกับข้าว งานบ้าน แก้ได้ด้วยหลักทางจิตวิทยาครับ
  • ประเภทซึมลึกครับ ต้องเข้าคอร์สว่าด้วยการครองเรือนครับ (เอไม่รู้ว่ามีอะไรบ้างผมก็ไม่รู้ครับ เอาตัวไม่รอดอยู่ครับ ต้องปรึกษาท่านครู คือข้ามขั้นไปครับ)
  • คนเราผูกกันด้วยใจครับ หากรู้สึกดีต่อให้เหนื่อยก็ทำให้กันได้ครับ
  • ผู้ชายน่าจะลองหัดทำกับข้าว เอาใจภรรยา ทำงานบ้าน ก็คงน่าสนุกนะครับ
  • บูรณาการรักคงเป็นทางออกที่ดีที่สุดครับ ต้องไปวิจัยกันเองครับ ว่ามันหมายถึงอะไร มันคงเปลี่ยนแปลงได้ครับ ขึ้นกับแต่ละคู่ครับ
  • ขอบคุณครับผม
  • เห็นเพื่อนอาจารย์ที่ต้องสอนวันเสาร์-อาทิตย์  สอนเสร็จก็ต้องรีบกลับบ้าน  บอกว่าแฟนหน้างอ..บ่นว่าหิวข้าว

  • มุมที่หว้านั่งทำงานเป็นพวกแม่ลูกอ่อนทั้งนั้น  วันๆเขาก็มาปรับทุกข์ให้กันฟัง  ยิ่งฟัง  ยิ่งสงสาร แค่เราสอนก็เหนื่อยแล้ว  แต่พวกนี้ต้องกลับไปทำงานบ้าน  ดูแลสามีและลูก...

  • ถ้าผู้ชายหันมาช่วยทำงานบ้าน  ดูแลลูกบ้าง  ช่วยทำกับข้าวบ้าง .... ผู้หญิงอาจตัดสินใจสละโสดกันเพิ่มขึ้นนะคะ
  • ว่าแต่ ...."ผู้ชายคนไหนทำกับข้าวเป็นบ้าง  ยกมือขึ้น"
  • คนบางคนในชีวิตนึงเราอาจพบกันเพียงครั้งเดียว โอกาสครั้งเดียวในชีวิต แม้จะใกล้แค่เอื้อมก็ไม่ทำให้กล้าพอที่จะเดินเข้าไปคุย เข้าไปทักหรือขอเบอร์นะครับ
  • ความรักบางทีก็เหมือนความบังเอิญ
  • คนสองคนต้องเจอกันและอยู่ในที่(อาจเป็นบนโลก หรือที่ไหนสักแห่ง เช่น ทาง internet) ที่เดียวกันนานพอที่จะรู้จักกันและคุยกัน ไว้ใจกัน ผูกพันกัน
  • แต่หลายๆ ครั้ง ความรักมิได้จบลงที่การเป็นคนรัก(แฟน แต่งงานกัน) หากแต่มีความผูกพันที่ไม่อยากสูญเสียไป ต่างคนก็ต่างมีคนที่คบอยู่ หรือแม้หัวใจจะว่าง แต่ถ้าการเป็นคนรัก(แฟน) จะจบลงที่การเลิกลากัน การเลือกที่ เป็นจะเพื่อนกัน เป็นพี่เป็นน้อง เลือกความผูกพันที่ยั่งยืนกว่า น่าจะเหมาะสมกว่า ไม่ต้องเจ็บปวด เสียใจ ร้องไห้ หรือความรู้สึกที่แย่ก็จะไม่มี
  • ไม่ใช่ไม่อยากมีคนรู้ใจ แต่เพราะเหตุผลหลายอย่าง  เวลาน้อย งานหนัก ไม่มีใครโสดผ่านมา ยังไม่ถูกใจ หรือเค้ามีคนรักอยู่แล้ว หลักๆ น่าจะเป็นเรื่องเวลาที่คิดว่าเราไม่สามารถดูแล(หัวใจ)เค้าได้หรือทำให้เค้ามีความสุขได้
  • และอีกปัญหาคือถ้าคบใครสักคนคุณจะดูแลหัวใจกันอย่างไรให้เค้ารักคุณ และคุณรักเค้าตลอดไป เพราะในทุกๆวันมีคนที่ดีกว่าคุณผ่านเข้ามาในชีวิตของเค้าหรือคุณเสมอ ขึ้นอยู่กับเวลาที่จะทำให้ความรู้สึกใครเปลี่ยนไปก่อนกัน

โห  ลูกหว้า ยังฮอตไม่เลิกเลยนะ

แต่เอ... คำว่าฮอต กับ แห้ว เสียงมันคล้ายๆ กันนะ ...อิอิ

คุณเม้งพูดก็ถูกนะ ลูกหว้า คนเราผูกกันด้วยใจ เรื่องงานบ้าน งานครัว มันไม่น่าจะเป็นปัญหาใหญ่ ...เรื่องสำคัญ คือ รักกันให้ได้ก่อนเหอะ

เออแน่ะ  พ่อนักวิจัยใหญ่ คิดหัวข้อวิจัยได้แจ๋วจริง .....บูรณาการรักคงเป็นทางออกที่ดีที่สุด....อืม เข้าท่า

  • คุณ Tha กลับมาเขียนอีกครั้ง โดนเลยค่ะ..
  • อ่านแล้วชอบจังเลย  คุณเป็นใครกันเนี่ย  เดี๋ยวตามไปดู...ชอบๆๆๆ
  • พี่สุ...แห้วมันอร่อยดีนะ  หว้าชอบทาน
  • ความจริงผู้หญิงเรา  ถ้ารักใครซักคน  ผูกพันด้วยใจแล้ว  เหนื่อยแค่ไหน"ศรี(สี) ทนได้"
  • หัวข้อนี้ง่ายๆ  แต่เราสามารถเข้าถึงได้หมดค่ะ
  • ใครเข้ามาอ่านแล้ว  นำไปประยุกต์ใช้ได้หลายเรื่องทีเดียวนะเนี่ย
  • อย่างน้อยก็รู้สึกว่า "ไม่ใช่มีเราคนเดียวนะที่อยู่เป็นโสด....เป็นโสดก็สุขได้"
  • ใช่มั้ยคะ  พี่สุ...
  • วันเสาร์..ไปหาอะไรทานตอนเย็นกันมั้ยคะ  ตามประสาสาวโสด...
  • หว้าสอนเสร็จบ่าย 2 กว่าๆ  แต่ราณีสอนเสร็จ 5 โมงเย็น...
พี่หนิงไม่ได้ชอบเป็นโสดนะคะ  ^__*  แต่ไม่ชอบแต่งงาน  อิอิ
  • คุณพ่อขา...โปรดทำใจกับบรรดาลูกสาวเถอะค่ะ
  • ยิ่งตอบบันทึกนี้มากๆ  และมีสาวๆเข้ามาอ่านมากขึ้น  ดูจากตัวเลขแล้วเพิ่มขึ้นทุกวัน....ระวัง!!! อัตราการเป็นโสดจะยิ่งมากขึ้นเรื่อยๆ
  • ถ้าผู้ชายไม่คิดจะทำอะไรซักอย่างนึง  ขอบอก...
  • พี่หนิงจ๋า...
  • เืรื่องนี้แก้ไม่ยาก  อิอิอิ....ว่าแต่เจอคนนั้นหรือยังหล่ะ
  • อยู่เป็นเพื่อนหว้าเถอะ  กลัวเหงาอ่ะ...
  • ยิ่งอ่านมากๆ  ยิ่งรู้สึกว่า...น่าอยู่เป็นโสดจริงๆ
  • ฮอทจริงๆ ครับ
  • ผมตอบประเด็นกระซิบให้แล้วนะครับ ตามไปเอาคำตอบเองนะครับ
  • ขอบคุณครับผม มีความสุขในการทำงานนะครับ

อ่านแล้วก็ตลกดีนะคะ..เห็นด้วยกับทุกๆคำตอบนะคะ..(ในฐานะที่โสด.เหมือนกัน)..เพิ่มข้อคิดเห็นอีกหนึ่งข้อค่ะ..แต่ห้ามหัวเราะนะคะ..

คือ..แต่งงานเนี่ย..มันเป็นความจริงที่รับลำบากค่ะ..

แต่งแล้ว..ก็คงจะต้องเตรียมตัวรับความทุกข์กับอีกหลายๆเรื่อง..ทั้งในเรื่องการปรับตัว..และการทำใจหากอยากจะหลุดพ้นจากความทุกข์แล้ว..ใช้ชีวิตในชาตินี้เพื่อการพยายามหลุดพ้น..เนื่องจากขี้เกียจเกิดอีก.(ก็คือ..ไม่พยายามหาทุกข์..เข้าตัวอีก)ก็ไม่ควรจะแต่งงานน่ะนะคะ..(ไม่เสียเวลาชมนกชมไม้นานเกินไปน่ะค่ะ..เผลอๆกลัวว่าจะหลงทาง..เป้าหมายเปลี่ยนไปเสียอีก...แย่เลย.คิดไกลไปไหมคะเนี่ย...?)

  • ขอบคุณค่ะคุณเม้ง...คุยกะพี่สุอยู่ค่ะ
  • คุณครูแอ๊วคะ...ได้แนวร่วมอีกคนนึงค่ะ 
  • นี่ไม่ได้ส่งเสริมให้คนโสดหรอกนะคะ  เพียงแต่อยากรู้ความคิดเห็นสาวโสดท่านอื่น
  • และมุมมองของชายหนุ่มบ้าง...
  • อ่านแล้วก็ยิ้มๆรับการเป็นโสดของพวกเราค่ะ

สวัสดีครับอาจารย์

โหห ผมว่าผมนี่คงมาสายมากเลยนะเนี่ยกับการตอบกระทู้นี่ แต่ดูท่าทางสนุกดีครับ

ถ้าตอบแบบ operations research ก็คงต้องบอกว่า คำตอบที่ดีที่สุด (optimal solution) นั้นหาไม่ได้ครับ จะด้วยเหตุผลอะไรก็แล้วแต่เช่น ปัญหาที่สร้างมานั้นมันเป็นไปไม่ได้ (infeasibility) หรือว่าปัญหาที่สร้างมานั้นมันไร้ขอบเขต (unbounded) ครับ นั่นหมายความว่าตัวเลือกนั้นมีมากมายเสียเหลือเกิน เจอคนหนึ่งถูกใจ เดี๋ยวก็เจอคนอื่นที่ดีกว่า (ตอบตรงตามสาขาที่ผมเรียนเลยนะครับ)

แต่ถ้าตอบตามเศรษฐศาสตร์ แล้วผมเป็นลูกศิษย์อาจารย์ ผมจะตอบว่าการแต่งงานนั้นดำเนินไปสู่จุดไม่คุ้มทุนครับ ดังนั้นก็เลยไม่แต่งดีกว่า

ถ้าตอบถามคุณพ่อผมครับ คุณพ่อสอนไว้ว่า ให้เลือกผู้หญิงแบบนี้ครับ

  1. ความรู้ใกล้กัน
  2. ฐานะทางบ้านใกล้กัน
  3. ฐานะทางสังคมใกล้กัน

ถ้าไอ้สามอย่างนี้ไม่ใกล้กัน คุณพ่อผมบอกว่าปวดหัวครับ นั่นหมายความว่าคุณผู้หญิงอาจจะยังไม่เจอผู้ชายที่มีสามใกล้นี่ครับ

ปล รูปนั่นรูปผมกับแฟนสมัยเด็กครับ :D

 

  • ขอบคุณค่ะ คุณ ไปอ่านหนังสือ
  • ดีใจจังที่เข้ามาตอบกัน
  • พอดีพี่อยากได้แนวคิดจริงๆค่ะ
  • เรื่องง่ายๆ ที่ทุกคนเข้าถึงได้  เวลาเราสอนเศรษฐศาสตร์จะได้ประยุกต์ได้ง่ายขึ้น.
  • คุณเป็นนักคณิตศาสตร์หรือเปล่าคะ.....เพราะเราคิดใกล้เคียงกัน
  • จากหัวข้อนี้ต่อยอดให้ท่านอื่นๆเขียนบันทึกใหม่ๆได้หลายบันทึกทีเดียว...
  • อ๋อ...พี่เข้าใจผิด..ยังไม่แต่งนะคะ...
  • ก็เพื่อนพี่อ.ราณีบอกว่าเป็นลูกๆของน้องนี่นา
  • ดูสิเข้าใจผิดกันไปใหญ่....
  • สวัสดีค่ะ อ.ลูกหว้า
  • เจอชื่อบันทึกแล้วก็ทำให้สนใจอยากเข้ามาอ่าน
  • ขอแสดงความเห็นหน่อยนะคะ 
  • เมื่อก่อนอ้อเองก็รู้สึกว่า ไม่อยากแต่งงาน เพราะตอนนั้น ยังติดเพื่อน  มีคนมารัก  เราก็เอาเวลาส่วนใหญ่ไปกับคนที่เรารัก  เพื่อน ๆ หายหมด  รู้สึกเหงา ก็เลยคิดว่าว่าไม่อยากมีแฟน ไม่อยากแต่งงาน
  • ผ่านมาได้ช่วงหนึ่ง มีคนมารักเราในเวลาเดียวกัน 3 คน ถ้าคิดจะคบกับใครสักคน เขาก็แสดงความเป็นเจ้าเข้าเจ้าของ โทรตาม โทรเช็ค อยู่ไหน ทำอะไร กลับบ้านยัง ความจริงน่าจะเป็นเรื่องที่ดีที่มีคนคอยห่วงใย แต่ตอนนั้นรู้สึกรำคาญ  เลยคิดว่า ไปกับเพื่อนดีกว่าสนุกดี
  • พอเห็นเพื่อน ๆ แต่งงาน  เราก็กลับมาคิดได้ว่า ชีวิตเรา จะไปผูกกับเพื่อน ๆ ได้ไง สุดท้าย ทุกคนก็ย่อมมีชีวิต มีครอบครัวเป็นของตนเอง เลยเริ่มเปิดใจที่จะมองคนเข้ามาจีบเรา 
  • สุดท้าย มีคนมาขอแต่งเราพร้อมกัน 2 คน ปรึกษาผู้ใหญ่ท่านให้ใช้ดุลยพินิจของเราว่า เราจะอยู่กับใครได้  ใครรักเราที่สุด ใครรู้จักตัวตนที่แท้จริงของเรามากที่สุด และเรารู้จักตัวตนที่แท้จริงของใครมากที่สุด ก็เลยเลือกคนนั้น 
  • ข้อสรุปคนที่ไม่ยอมแต่งงาน อ้อจึงคิดว่า
  • - เพราะติดเพื่อน
  • - เพราะไม่มีใครรักเราจริง
  • - เพราะไม่มั่นใจในการใช้ชีวิตคู่
  • - เพราะมีความมั่นใจในตนเองสูงจนเกินไป
  • - สุดท้ายเมื่ออายุผ่านไปเรื่อย ๆ ก็หมดโอกาสที่จะได้ลงจากคานค่ะ    
  • ขอบคุณค่ะ...คุณอ้อ..ที่แวะมาเยี่ยมเยียน
  • ยินดีด้วยนะคะที่เจอคนที่ใช่
  • อ่าน comment เหล่านี้แล้วได้อะไรมากเลยค่ะ
  • ทำให้เรารู้อะไรขึ้นเยอะ
  • สรุปตอนนี้ก็ยังยินดีกับการเป็นโสดค่ะ  อยู่บนคานลมมันเย็นสบายดีค่ะ.อิอิอิ...

สวัสดีครับอาจารย์

  • ผมยังไม่แต่งงาน ดังนั้นยังไม่มีลูกครับ
  • ผมคงไม่ขอออกตัวว่าเป็นนักคณิตศาสตร์ครับ เอาเป็นว่าผมโดนจับมาเรียนเลขล่ะกันครับ และเนื่องจากว่าเรียนมานานมาก มันก็เลยติดนะครับอาจารย์
  • ผมชอบมากเลยครับที่อาจารย์อยากจะออกข้อสอบที่เกี่ยวกับชีวิตประจำวันครับ
  • ผมคิดว่าที่สุดของความรู้ ก็คือเอาความรู้ไม่ว่าจะอะไรมาใช้ในชีวิตประจำวันได้ครับ

 

เป็นเพราะไม่โสดนี่เองเลยได้เข้ามาบันทึกนี้ช้า....ผู้หญิงอยู่เป็นโสดเยอะในความเห็นของพี่นะค่ะ...พี่คิดว่าส่วนใหญ่คงไม่ได้ตั้งใจหรอกค่ะว่าจะคงความเป็นโสด แต่ที่เป็นโสด ก็อาจเนื่องมาจาก

  • เฉยๆ ไม่เจอคนถูกใจ ก็ไปเรื่อยๆ ไม่แสวงหา ไม่ค้นหา ไม่สร้างโอกาสให้ได้พบผู้ชาย
  • อยู่ได้ด้วยตนเอง
  • ไม่มีคนถูกใจ
  • เจอผู้ชายไม่น่ารัก (ประเภทรักจริงหวังแต่งน้อย...ส่วนใหญ่ประเภทรักหวังฟัน...แรงไปมั้ยเนี่ย)
  • ชอบอยู่คนเดียว
  • ไม่ชอบเอาใจผู้ชาย

แค่นี้ดีกว่านะ อาจซ้ำๆกับหลายๆ ท่านข้างบน

อ.ลูกหว้าน่าจะสรุป รวมเป็น Tacit knowledge เหตุผลของการอยู่เป็นโสดก็ดีนะค่ะ....สู้ๆ ค่ะ

  • คุณไปอ่านหนังสือ
  • ก็คุณใช้ภาพนี้ทำให้คนเข้าใจว่าอายุเริ่มมากแล้วไงคะ
  • ชอบคุยกับคนเรียนคณิตศาสตร์ค่ะ   พี่ก็ไม่เก่ง
  • แต่พี่ต้องสอนวิชาการวิเคราะห์เชิงปริมาณทำให้ต้องเรียนรู้คณิตศาสตร์แบบนำมาประยุกต์ค่ะ
  • พี่สอนแต่วิชาที่นักศึกษาบ่นค่อนข้างมากเป็นโจทย์ที่ยาก  ทำอย่างไรให้เขารู้สึกว่าวิชาที่พี่สอนนำไปใช้ได้จริง  พี่จึงพยายามจับกับเรื่องใกล้ๆตัว  หลายๆทาง สิ่งหนึ่งที่ค้นพบคือนักศึกษาชอบเรื่องเกี่ยวกับความรัก
  • ว่างๆไปช่วยที่เศรษฐศาสตร์ริมรั้วหน่อยนะคะ
  • พี่แป๋วขา..
  • ที่บันทึกนี้คนไม่โสดเข้ายากค่ะ  พี่บางทรายบ่นว่าเข้ามาตอบยากมากเลย
  • ขอบคุณมากนะคะ ที่คนไม่โสดก็อยากแชร์ด้วย
  • เข้ามาทักทายครับ ฮอทจริงบทความโสด นะครับ
  • เราจะยกให้ท่านติดชาร์ทไปอีกหนึ่งเดือนครับ อิๆๆ
  • สบายดีนะครับ
  • พี่แป๊ดขา...ตอบดีๆกันทั้งนั้น.
  • สงสัยต้องแยกเป็นชายกับหญิงตอบแล้ว  เพื่อไม่ให้เกิดความลำเอียงค่า..
  • เม้ง..เดี๋ยวจะสรุปแล้วหล่ะ...

นอนดึกจัง ลูกหว้า เป็นไรไป นอนไม่หลับเหรอ

 

สวัสดีครับอาจารย์ลูกหว้า

  • บล็อกอันนี้ฮ็อตฮิตจริงๆนะครับ
  • เรื่องรูปนี้มีประวัติที่มาครับ :D แต่ขอแปะไว้ก่อนครับอาจารย์
  • ผมเอาว่าวิชาการวิเคราะห์เชิงปริมาณที่อาจารย์ต้องสอน นี่คงเป็นพวก linear programming, integer programming, queueing, game theory แล้วก็ forecasting ป่ะครับ
  • ถ้าเป็นพวกนั้นผมเคยเรียนมาบ้างครับ และผมว่าพวกนี้เอามาใช้กับชีวิตประจำวันได้สบายๆเลยครับ
  • ผมว่า นักศึกษาชอบเรื่องความรักเพราะยังอยู่ในวัยมั้งครับ :D (เหมือนผมเลย)
  • ผมจะไปร่วมแจมในเศรษฐศาสตร์ริมรั้วบ่อยๆครับ
  • ขอบคุณจริงๆค่ะคุณ ไปอ่านหนังสือ
  • อย่าลืมนะคะว่าแปะอะไรไว้  จะคอยคำตอบค่ะ   คงเป็นคู่ทีน่ารักดีนะคะ
  • วิชาการวิเคราะห์เชิงปริมาณก็สอนอย่างที่บอกนั่นแหล่ะค่ะ  แต่เพิ่มตัวแบบการตัดสินใจ ,ตัวแบบมาร์คอฟ, ตัวแบบสินค้าคงคลัง ไปด้วยค่ะ
  • ความจริงมีเยอะแยะ แต่พี่เลือกสอนค่ะ เพราะเด็กรับทั้งหมดจะไม่ไหว....queueing theory พี่ตัดออกค่ะ  เพราะใช้โปรแกรมก็ได้...
  • พี่คงสอนให้พวกเขารู้แนวทางและแนะนำโปรแกรมช่วยในการวิเคราะห์...
  • เพราะนักศึกษาที่เรียนนั้นไม่ได้เก่งคณิตศาสตร์และมีนักศึกษาที่เป็นผู้ใหญ่ด้วย....
  • สำหรับเศรษฐศาสตร์ริมรั้ว  พอดีหยุดไปก่อนค่ะ   งานค่อนข้างเยอะและพันธมิตรหลายคนเดี๊ยงไปแล้วเนื่องจากนอนดึกเกินไป....
  • เดี๋ยวไว้สบายใจจะเริ่มเขียนอีกค่ะ  ที่นั่นเป็นความสุขใจที่ได้เขียนค่ะ  ถึงจะไม่ค่อยมีคนไปแจมเท่าไหร่.........ดีใจค่ะมียังมีคนสนใจอยู่"ท่านเจงกิสข่าน" อิอิ...
  • พี่สุคะ...เพิ่งเข้ามาเห็นค่ะ
  • ความจริงกลับมาบ้าน  เข้าห้องนอนเลย..
  • ตื่นมาอีกทีเขาหลับกันหมดแล้ว...
  • เลยนอนไม่หลับค่ะ  ย้ายมานอนในห้องคอมฯแทน  นี่แหล่ะชีวิตสาวโสด....
  • สบายใจแล้วค่ะพี่    ทำความดีต่อไป....ใครจะไม่เห็นก็ช่างเขาเถอะค่ะ

สวัสดีครับอาจารย์

เรื่องรูปนี่ แฟนผมเขาไปค้นรูปสมัยเรียนอนุบาลของเขามาดูนะครับ แต่แล้วดูไปดูมาไหงมีผมยืนอยู่ด้วยก็ไม่รู้ครับ เขาเลยสแกนให้เก็บไว้ แล้วผมก็ใช้เรื่อยมาครับ

ผมไม่ติดอะไรอาจารย์แล้วนะครับ

แถมนิดหนึ่งเรื่อง Markov ครับ เผื่ออาจารย์เอาไปหลอกเด็ก (เอ้ย ไม่ใช่สอนนักศึกษา) ตามหลักการของ perfect stock market แล้ว การเคลื่อนที่ของตลาดหุ้นต้องเป็นไปแบบ Markov ครับ

เพราะว่า Markov บอกว่า ไม่สนใจแหละว่าราคาหุ้นจะมีประวัติความเป็นมายังไง แต่ๆๆๆๆๆ เราแค่ราคาหุ้นวันนี้นั้น เราก็สามารถประมาณค่าราคาหุ้นวันพรุ่งนี้ได้ครับ

แต่นั่นมันทางทฤษฏีครับ ในทางปฏิบัติมันไม่ใช่ครับ (แต่จริงๆก็มีวิธีการหลายวิธีนะครับที่เอามาคาดการณ์ราคาหุ้น)

อ้อ อีกเรื่องอาจารย์ไม่สอน เรื่องการตัดสินใจแต่งงานไม่แต่งงานโดยใช้ decision theory บ้างหรอครับ ถ้าใช้คงสนุกแน่เลยครับ :D

  • อาจารย์ลูกหว้าคะ  มาช้าแต่ก็ดีกว่าไม่มาใช่ม๊ะ

  • เวลาที่รักใครมากๆ
    เรามักจะรู้สึกหวั่นไหว
    และกลัวว่าความสุขนี้จะหมดไป
    หรือจะอยู่ได้ไม่นาน
    ยิ่งรักมาเท่าไหร่
    ก็ยิ่งหวั่นไหวมากเท่านั้น
    ยิ่งผูกพันมากเท่าไหร่
    ก็ยิ่งกลัวมากเท่านั้น...ก็เลยอยู่เป็นโสดซะเลยดีกว่า...อิอิ..สบายใจดี (แต่ที่แน่ๆยังหาไม่เจอเลยนะซิคนที่ทำให้เราหวั่นไหว เฮ้อ!แย่จัง)

     

  1. ลูกหว้าจ๋าถือคติพี่นู๋ทิมค่ะ  มาแล้วยังดีกว่ามาช้า มาช้า ดีกว่าไม่มา
  2. บันทึกนี้ตอบได้ทั้งคนโสด (จะตั้งใจหรือไม่ตั้งใจก็ตาม )ยกเว้นคนโฉด555555
  3. สาเหตุหลัก ๆ ก็คือกลัวๆๆๆๆหลาย ๆอย่างรวมกัน
  • กลัวทางบ้านไม่ยอมรับฐานะ นิสัยฯลฯ
  • กลัวขาดความเป็นอิสระ  และความเป็นส่วนตัว
  • กลัวต้องแบ่งรายได้ให้(แบบ งกน่ะ55555)
  • กลัวต้องเสียสิทธิทางกฎหมายในหลาย ๆ อย่าง
  • กลัวจะเข้ากันไม่ได้ และต้องหย่าร้างกันในภายหลัง (ผู้หญิงไทยเดี๋ยวนี้สถิติการหย่าร้างสูงมากกกกก)
  • กลัวเขาไม่ดีพอสำหรับเรา หรือเราไม่ดีพอสำหรับเขา
  • กลัวเพราะไม่กล้า อายยยยยจ้า
  • กลัวเสียความรู้สึก

                  ฯลฯ

มีอีกมากมายตอบไม่หมดวันหลังจะมาตอบใหม่จ้ะสาวสุดฮอตตตต

 

  • น้องต่อ(ไปอ่านหนังสือ)....
  • พี่อาจตอบช้าหน่อยนะคะ
  • น้องกะแฟนโรแมนติกจังเลย....
  • เรื่อง Markov พี่สอนแต่เรื่องส่วนแบ่งตลาดค่ะ
  • ยังไม่เคยลงเรื่องการประมาณราคาหุ้นเลย...
  • วันนี้สอนเรื่อง Decision   Theory  แหม...น่าสนใจจริงๆ สำหรับคำแนะนำ
  • เดี๋ยวไปลองคิดดูก่อนค่ะ  
  • ขอบคุณมากนะคะ

แวะมาทักทาย

มาดูความฮิตฮอตของบันทึกนี้ที่มีอย่างต่อเนื่องและยาวนาน

....

ตัดเกรดนักศึกษาเสร็จหรือยังครับ

  • พี่นู๋ทิมกะราณี...ขอต้อนรับเข้าสู่ชมรมสาวโสดเมืองสองแคว จ้า....
  • ขอบคุณนะคะสำหรับคำแนะนำจากบรรดาสาวโสด
  • เขาว่าคนที่รู้มากจะตอบคนสุดท้าย  อิอิอิ..
  • คุณพนัสคะ.
  • เพิ่งเข้ามาเห็นค่ะ  
  • ยังตัดเกรดไม่เสร็จค่ะ  เพราะช่วงนี้ยังออกพื้นที่อยู่ค่ะ  จะหมดรอบแรกเดือนนี้แล้วค่ะ 
  • ไม่รู้เขาจะไล่ออกหรือเปล่านะ  ทำงานหลายอย่างก็ยังเงี้ยแหล่ะค่ะ

..

  • แวะมาปั่นกระทู้เอ๊ยมาทักทายบล็อกเกอร์ในดวงใจ  ที่ตั้งกระทู้ได้อย่างเป็นธรรมชาติ  โดนใจ  (แบบที่ใครๆก็อยากคุยด้วย)  :)
  • อยากบอกว่าตามอ่านอยู่เงียบๆอย่างเพลิดเพลินนะคะ  แต่ยังไม่ค่อยได้โพสต์  
  • ชอบที่หว้าเล่าเรื่องบ้านมากที่สุดเลยค่ะ  น่ารักมาก อยากเห็น (สนใจประตูห้องน้ำเป็นพิเศษ...)
  • ส่วนเศรษฐศาสตร์ริมรั้วก็กำลังตามอ่านอยู่   ข้อเขียนของหว้า ทำให้เกิดความรู้สึกว่า วิชาเศรษฐศาสตร์คือวิชาชีวิต 
  • ขนาดความรัก...  ยังสามารถวิเคราะห์เจาะลึกในมุมมองเศรษฐศาสตร์ได้เลยเนี่ย  สุดยอดอ่ะค่ะ
  • ปล. สำหรับคำถามข้างต้น  พี่ขอตอบว่า ธรรมชาติของสิ่งมีชีวิต มักต้องการชีวิตอื่นมาเกื้อกูลดูแลและพึ่งพา  อันเป็นปกติตามธรรมชาติ 
  • แต่จะเป็นไปตามความปรารถนาหรือไม่ ขึ้นอยู่กับ "จังหวะชีวิต"  ของแต่ละคนไป     (เอ่อ...อันนี้ตอบแบบกลางๆนะคะ  ไม่ได้เจาะจง :) )
  • ปล.1.1 ที่แทนตัวว่าพี่ เพราะพี่แก่เอ๊ยโตกว่าหว้าอ่ะค่ะ  คือยืนต่อแถวใกล้ๆกับท่านอาจารย์จันทรรัตน์ เจริญสันติเลย  แต่ยังมีความหวังว่าพี่โอ๋-อโณ จะเข้าแถวอยู่ก่อนพี่  ....อิอิ
  • P พี่ดอกไม้ทะเล....
  • ยกให้เป็นพี่ก็ได้ค่ะ  ขอโทษด้วยค่ะ  ไม่ได้เข้ามาดูบันทึกนี้...
  • ทุกๆเรื่องเขียนจากใจค่ะ  ตามใจฉัน แล้วแต่เวลาว่าง
  • ขอบคุณนะคะที่แวะมาเยี่ยมเยียนกัน
  • ทิ้งร่องรอยทักทายกันหน่อยนะคะ 

กว่าจะอ่านจบ...ปาดเหงื่อไป 3 ที (อากาศร้อน)

บอกตรงๆ ว่าหลงเข้ามา แต่ก็แอบอมยิ้มไปหลายที...

มองต่างมุม แล้วผู้ชายที่อยู่เป็นโสดล่ะ...?

ด้วยเหตุผลทั้งหมดทั้งปวงคงไม่ต่างกันเท่าไร่

ผมมีเพื่อนๆ ผู้หญิงหลายคนที่แต่งงานแล้วก็หย่า
แล้วก็แต่งใหม่ทั้งที่มีลูกพ่วงอยู่ตั้ง 2 คน

มีเพื่อนที่ทั้งสวย ทั้งน่ารัก สมัยเรียนมีชายหนุ่มมาจีบเยอะ แต่กลับไม่แต่งงานจนเดี๋ยวนี้ 

มีเพื่อนที่หน้าตาธรรมดาๆ สมัยเรียนไม่โดดเด่น ไม่มีคนมาจีบ แต่พอเรียนจบปุ๊บ แต่งงานปับ

ทุกครั้งที่ผมนัดเจอเพื่อนๆ ก็มักจะเจอคำถามประมาณว่า "ทำไมยังไม่แต่งงานวะ เมื่อไหร่แกจะแต่งงาน"

ตอนที่มีเพื่อนกิน เพื่อนเที่ยว เพื่อนดูหนังเยอะๆ ก็สนุกดี แต่ตอนนี้เพื่อนๆ ต่างก็มีครอบครัว

ทุกวันนี้ผมต้องดูหนังคนเดียว พอเดินออกจากโรงหนังก็รู้สึกเหงาๆ ไม่มีเพื่อนชวนคุย

บ่อยครั้งที่ต้องไปเดินห้างคนเดียว เพราะโทรชวนเพื่อนแล้วไม่ว่าง หรือตามตัวไม่เจอ

ชักจะเหงา-เหงา

หลายๆ คนบอกผมว่า เนื้อคู่ยังไม่เกิดมั้ง

"แล้วจะเกิดเมื่อไหร่ละนั่น ชาติหน้าละมั้ง"

แต่จะอย่างไรก็ตาม... ความรักสามารถมีได้ทุกหนแห่ง
จะชายจริง หญิงแท้ หรือเพศที่ 3 ก็มีรักได้เท่าเทียมกัน

ชื่อหนังเรื่องนี้คงยังใช้ได้อยู่แม้เวลาจะเปลี่ยนไป

"รักออกแบบไม่ได้"

 อะ...พิมพ์มาซะยาว ลืมตอบคำถาม

สำหรับเพื่อนๆ ผมที่ยังโสด เคยถามแล้วก็ได้คำตอบประมาณว่า ยังไม่พร้อม  หรือ อยู่แบบนี้ก็มีความสุขดี 

สำหรับผมก็แค่ยังรักอิสระ และยังไม่อยากมองใคร หลังจากที่ผิดหวังมา 2-3 ครั้ง

สุดท้าย ขอให้ความรักจงอยู่คู่กับทุกคนใน gotoknow

 

 

 

 

  • สวัสดีค่ะ คุณ bunpot
  • ขอบคุณนะคะสำหรับคำตอบ     
  • บางคนมองว่า......
  • ยังไม่พร้อม  หรือ อยู่แบบนี้ก็มีความสุขดี 
  • หรือแค่ยังรักอิสระ   และยังไม่อยากมองใคร หลังจากที่ผิดหวังมา 2-3 ครั้ง 
  • ขอบคุณจริงๆค่ะ   เพราะเจอคำถามนี้มากเหมือนกัน.....จนเบื่อที่จะตอบแล้ว
  • แต่บันทึกนี้ทำให้ได้มุมมองเยอะทีเดียวค่ะ
  • อย่างน้อยก็เป็นกำลังใจว่า "ไม่ใช่เราคนเดียวนะที่อยู่เป็นโสด...อาจจะรู้สึกเหงาบ้างเวลาไปไหนคนเดียว    แต่ก็มีความสุขกับการทำงานและครอบครัว  อิสระดีค่ะ "
  • เป็นกำลังใจให้คนโสดเช่นเดียวกันค่ะ
  • "แต่งกับงานไปก่อนนะคะ "
  • ขอบคุณสำหรับการมาเยี่ยมเยียนบันทึกนี้ค่ะ
ไม่อนุญาตให้แสดงความเห็น
พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท