ครั้งที่เจอคนชอบวิ่ง ที่พิษณุโลก คนชอบวิ่งชวนว่า ให้ไปภูเก็ตด้วยซิ เหล่า bloggers นัดกันไปชุมนุมที่นั่น จะได้เจอครูบาด้วย จำได้ว่าตอนนั้นตอบรับแบบแบ่งรับแบ่งสู้ไป แบ่งรับ เพราะใจมันว่า เออๆ เจอกันครั้งแรกก็ชวนให้ไปเที่ยวด้วยแล้ว พี่คนนี้นี่แปลกๆเนาะ แต่ก็อยากไปนะ บ้านเราเองนี่หว่า ไม่เห็นเป็นไรเลย ส่วนไอ้แบ่งสู้นั้น ใจมันว่าแล้วไอ้คนกลุ่มที่ว่านี่รู้จักใครเสียที่ไหนเป็นส่วนตัวเล่า แล้วเอ็งจะไปคุยกับใคร แบ่งรับกับแบ่งสู้คู่กัน มันเลยปลงใจรวมกันเป็น ความลังเลใจ แล้วใจก็รู้ว่า ไอ้ข้างแบ่งไว้สู้นะมันอ่อนนะ สงสัยไอ้ข้างแบ่งไว้รับมันจะชนะ เอาแล้วซิ กิเลสบอก “ใจง่ายนะนี่”
รูปบน ได้มาจากคุณโต้ง ลัดดาวัลย์ วิภูษณพันธ์ ร.พ.พุทธฯ
กลับจากพิษณุโลกมาก็เจองานหลายเรื่อง ก็เล่นหายไปตั้งอาทิตย์นึง แล้วมันจะไม่เหลืองานบานตะไทเลยหรือ ว่าแล้วก็บอกตัวเองว่า ไม่เป็นไรหรอก ใช่ว่ามันจะเป็นงานที่ต้องทำเองกับมือ มันเป็นแค่งานที่ต้องติดตามเท่านั้นนี่นา ไม่เห็นยากเลย ทีนี้ก็เหลือแต่ว่าจะมีงานด่วนอะไรมาอีกไหม แล้วเจ้านายอีก จะเรียกตัวหรือเปล่าเท่านั้นแหละ ส่วนงานที่วางแผนไว้แล้วว่า จะจับคนมานั่งคุยกันให้มีความสุข ก็แค่ติดตามจากผอก.ว่าจะให้ใครทำ ก็ถามลูกน้องสักหน่อยจะทำของเราเองต่อไปไหม สุดท้ายสรุปว่า งานนี้มอบคนอื่นทำแล้ว แต่เดี๋ยวทีมฉันมีเรื่องใหญ่คุยกัน แล้วเรื่องมีอยู่ว่า คุยทีไร หาลานจอดลงไม่ได้สักที คราวนี้เรื่องใหญ่ถ้าหาลานจอดลงไม่ได้อีก เธอแย่แน่ๆน้องเอ๋ย
คนชอบวิ่งชวนว่า ไปสิภูเก็ต เฮฮาศาสตร์4 เริ่ม 24 – 25 เมษายน ซึ่งเป็นวันพฤหัสและศุกร์ แล้ว 2 วันนี้ กลุ่มงานฉันมีแผนเอาผู้สาวทั้งหลายมานั่งคุยกัน ทั้งลูกหลวงจ้าง (ข้าราชการ) และลูกจ้างหลวง ( ลูกจ้างชั่วคราว) แล้วฉันจะไปได้ยังไง ตอนนี้ข้างแบ่งสู้มันเริ่มยอมแพ้ ใจมันสั่ง แล้วอย่างนี้ก็ต้องเลือกซิว่า จะเลื่อนแผนจับตัวลูกน้องมานั่งคุยไหม พอมันต้องเลือก ก็กลายเป็นรักพี่เสียดายน้องอยู่ตั้งนาน จนปิ๊งว่า หาข้อมูลเพิ่มจากอัยการชาวเกาะดีกว่า ว่าแล้วก็เข้าเน็ตไปหาข้อมูล เบ็ดเสร็จข้อมูลแล้ว ข้างแบ่งรับร้องไชโยว่า ชนะแล้ว
พอได้ข้อสรุป ทีนี้ก็เป็นตอนของการทำงานและการเตรียมตัว ใจที่แบ่งรับมา แวบขึ้นมาได้ กลุ่มที่มาครั้งนี้ล้วนเป็นจอมยุทธ อย่ากระนั้นเลย หนีบลูกน้องไปเรียนรู้ด้วยดีกว่า ว่าแล้วก็ชวนสาวๆให้ปลงใจมาด้วย แต่ไร้ฝีมือ สู่ขอให้ปลงใจไม่สำเร็จ ทีนี้ก็มาจัดการเรื่องเวลา พฤหัสไปไม่ได้แน่นอน แล้วเลือกศุกร์เย็น หรือ เสาร์เย็นดีหว่า ไปกี่วันดีหว่า มีข้อต้องปุจฉากับตัวเองมากมาย แล้วท้ายที่สุดก็ได้คำตอบ
เมื่อวันพฤหัส-ศุกร์ที่ 24-25 เมษายน มาถึง ฉันกับน้องๆในทีมงานก็ไปยึดห้องแอร์ ณ ที่แห่งหนึ่งในรั้วร.พ. เล่นกัน นั่งคุยกัน นอนคุยกันเต็มๆ 2 วันด้วยหลักสูตรที่ตั้งชื่อเองว่า “วิธีสร้างความสุข” วิธีการคุย ก็กำหนดเรื่องให้ได้ฝึกการคุยกันดีๆรอบแล้วรอบเล่า เอาเรื่องดีๆส่วนตัว ความดีที่ได้ทำของตัวเองที่มีแต่ตัวเองเท่านั้นรู้ มาคุยเล่าสู่กันฟัง กิจกรรมที่จัดมีผลตอบรับกลับมาดีมาก ไม่เชื่อก็ต้องเชื่อว่า ทุกคนที่มาร่วมบอกว่า รู้สึกดี มีความสุขที่ได้เข้ามาร่วม ทีมผู้จัดเองรู้สึกว่าทำงานได้ดีมาก บริหารเวลาให้จบลงตรงเวลาเลิกงานพอดีทั้ง 2 วัน
คืนวันพฤหัส เริ่มเก็บเสื้อผ้ายัดใส่กระเป๋า ใส่รถไว้ตั้งแต่กลางคืน เช้าไปทำงาน ทำงานเสร็จแล้วจะได้บึ่งรถไปภูเก็ตเลย ไม่ต้องแวะบ้านอีก วันศุกร์กิจกรรมเป็นใจจริงๆ ได้เลิกกัน 4 โมงเย็น AAR กันคนละรอบแล้วเลิก เด็กๆชวนถ่ายรูปไว้เป็นที่ระลึกกันก่อนปิดห้อง ได้ออกจากร.พ. เกือบ 5 โมงเย็น โทรฯไปบ้านเพื่อบอกว่า เดินทางแล้วนะ ลูกสาวฟังแล้วตกใจ ด้วยเธอลืมไปว่า แม่บอกไว้แล้วว่าจะมาภูเก็ต
ขับรถจากกระบี่มาเรื่อยตามเส้นทาง ระยะทางจากกระบี่สู่ภูเก็ตยาวไม่เกิน 200 กม. แล้วแต่จะวิ่งรถเส้นทางไหน ถนนที่วิ่งเข้าสู่จังหวัดพังงาเป็นถนนเพชรเกษมนั่นแหละ คราวนี้ความรู้สึกไม่เหมือนเดิม ขับรถไม่เหนื่อย ถนนมันเปลี่ยนไปเยอะด้วยเพิ่งปรับทำใหม่ เสร็จเมื่อปีที่แล้ว เข้าสู่พังงาก็พอดีพลบ เหลือบดูนาฬิกาเป็นเวลา 6 โมงเย็นเศษ กะเวลาไว้ว่า น่าจะถึงหาดในยางไม่เกินทุ่มครึ่ง แล้วก็เป็นตามนั้นจริงๆ
สวัสดีค่ะ อาจารย์
จุ๊บจุ๊บ
ดีใจที่มีพี่สาวเพิ่มอีกคน แต่พี่หมอเจ๊ผิดหวังที่จะได้มีพี่ชายกลับได้น้องชายเพิ่ม อิอิ ได้รู้วันนั้นว่าพี่หมอเจ๊ก็เป็นศิษย์เก่าสตรีภูเก็ต เย้...เด็กสตรีเก่งๆทั้งนั้นเลย ก๊ากๆ
สวัสดีค่ะพี่หมอเจ๊
วันที่ชวนพี่ไปนะเห็นพี่บอกเลี้ยงต้อนรับเพื่อน แต่ยังไม่แน่ใจว่าจะไปได้หรือไม่ แต่เจอกันอีกทีในตอนกินข้าว surprise มากเลย อิอิ คิดถึงเสมอนะค่ะ คิดถึงที่พี่แนะนำ สถานที่ต่าง ๆ และหาขนมอร่อย ๆ ให้ทาน ขอบคุณนะคะพี่สาวที่น่ารัก อิอิ.
มาติดตามบรรยากาศครับ
พี่หมอเจ๊คะ
แวะมาบอกว่าคิดถึงหลาย รู้สึกว่าเรายังได้คุยกันน้อยเกินไปยังไงไม่รู้ มาคุยผ่านบล็อกแล้วกันนะคะ :)
แรกๆผมงงๆ แบบคิดไม่ถึงว่า เอ๊ท่านผู้นี้ชื่ออะไรหนอ คิดเท่าไหร่ก็ไม่ออก จนได้ยินคนข้างๆเอ่ยคำว่าหมอเจ๊
โอยตายเลยเรา คิดในใจนะครับ ทำไมเราถึงคิดไม่ออก
มันเหมือนว่าน้องหมอเจ๊เงียบๆ คล้ายๆผมเลยครับ เพราะผมเป็นประเภท Introvert ไม่ใช่ Extrovert อิอิ
แต่ดีใจลึกๆที่เราเคยคุยกันทางบล็อคมาก่อน จึงพอเข้าใจกันครับ
ดีใจที่ได้พบตัวเป็นๆครับ
ดีในยิ่งนักที่ได้คุยกัน แม้ว่าจะน้อยไปสักหน่อย
คงมีโอกาสวันข้างหน้าอีกนะครับน้องหมอเจ๊ครับ
ยินดีที่ได้รู้จักหมอเจ๊ครับ
หมอเจ๊ดูนุ่มนวล อบอุ่น ใจดีจัง
ทั้งยังทักทายผมก่อนด้วย
ผมเป็นโรคชอบตีสนิทกับคนสาสุขครับ ไม่เชื่อไปถามป้าแดง กับน้องหนิงได้ครับ