กลับถึงบ้านก็เล่าเรื่องราวที่ไปพบพานให้เจ้าลูกชายฟัง เล่าไปแล้วก็ค้างไว้ เพราะไม่คิดว่าลูกชายเขาจะฟังนะ ค้างไปสักครู่เขาก็เตือน แปลกใจเหมือนกันที่เขาชอบฟัง เล่าจบเขาพูดออกมาคำเดียวว่า ค้นพบสัจจธรรมแล้วเนอะ บันทึกไว้เป็นหลักฐานว่าเล่าเรื่องอะไรให้ลูกชายฟัง
วันแรกที่สวนป่า เด็กๆลูกศิษย์อ.แป๋วถามรอกอดว่า หากว่าเขาไม่ประสบความสำเร็จในเรื่องเงินทองมากมายขนาดเท่าที่รอกอดมีอยู่นี้ เขาจะสามารถสานฝันที่อยากจะทำอย่างรอกอดได้สำเร็จรึไม่ ซึ่งรอกอดก็ไม่ได้ให้คำตอบเขาหรอกหนา ฉันไม่คิดว่าจะมีใครติดใจที่จะให้เด็กๆได้คำตอบ แต่ก็มีคนๆหนึ่งที่อยากจนตัวสั่นที่จะให้เด็กได้พบคำตอบ จึงมีข่าวบอกในตอนค่ำๆของวันที่สองว่า พรุ่งนี้จะพาไปดูหมู่บ้านเฮและไปดูฤษีใช้ชีวิต ฟังแล้วก็มีคนฮือฮาว่า แล้วอย่างนี้จะมิมีคนกลายร่างเป็นฤษีผู้หญิงเรอะ กลัวจริงๆว่าจะมีคนเปลี่ยนใจ
รุ่งเช้าตื่นกันมาก็มีคนอาสาผัดผักบุ้งให้กิน พ่อครูลงมือทอดไข่เจียวให้ก่อน ช่วยกันทำจนเมื่อยมือทีเดียว ได้ลองทำไข่เจียวใส่ดอกสะเดาลองดู คิดขึ้นมาจากภาพจินตนาการเห็นชะอมและมะระผัดไข่ ลองดูแล้วก็ได้เมนูแปลกสำหรับคนที่ชอบความขม อร่อยนะไข่เจียวสะเดาจิ้มน้ำพริกเปรี้ยวๆหวานๆ มานึกได้ที่บ้านนี่แหละว่าเมนูนี้จะอร่อย ถ้าใช้น้ำจิ้มแม่ประนอม ใครไม่เชื่อลองดู ใครทำแล้วไม่อร่อยให้กล่าวโทษว่าเก็บดอกสะเดามาไม่เป็น ครูบาสอนว่าจะเก็บดอกสะเดา ให้ฟันกิ่งทิ้งลงมาให้ต้นมันแตกกิ่งใหม่ ใครเก็บแบบปีนต้นขึ้นไปเก็บลงมาหรือเอามือเด็ดมาแต่ดอกนะเห่ยนะขอบอก
สายๆจึงพากันเคลื่อนขบวนไปที่ลำปลายมาศ ซึ่งถ้าไปแถวนี้แล้วเกิดหลง ให้ถามให้ชัดนะว่าจะไปอำเภอหรือแม่น้ำ เพราะว่ามีชื่อเหมือนกันอยู่ จำไม่ได้แล้วว่าต้นทางช่วงริมถนนนะเขาเรียกหมู่บ้านอะไร จำได้แต่ว่ามีถนนเล็กๆขนาดรถสี่ล้อเล็กเข้าไปถึงอาศรมฤษีได้ แต่รถบัสนะขอเถอะขืนขับเข้าไปก็จอดแบบไม่ได้แจว เพราะว่าไม่มีที่ทางให้กลับรถได้ เข้าไปก็คงต้องถอยหลังออกลูกเดียว ซึ่งมีสิทธิตกคันนา เพราะว่าทางที่ต้องถอยนะไกลสักกิโลได้มั๊ง
เมื่อรถป้าจุ๋มไปถึงทางเข้า กลุ่มที่เดินทางล่วงหน้ามาก่อน เขายืนอยู่กับบุรุษคนหนึ่งสวมหมวกผ้ามาด้วย รูปร่างบาง สูงโปร่ง จมูกไม่เหมือนคนอีสาน ตากลมแป๋วใสเชียว ครูบาแนะนำว่านี่ไงฤษี แนะนำแล้วก็ชวนกันมาถ่ายรูป จะบอกว่าแอบกอดฤษีตอนถ่ายรูปด้วยนะ ไม่รู้ทำให้เขาศีลขาดรึเปล่า ถ้าทำให้ศีลเขาขาดโดยไม่ตั้งใจ ใครก็ได้ช่วยปลงอาบัติให้ที
เรื่องราวในพื้นที่รอบอาศรมมีคนเล่าไว้แล้วในลานซักล้าง ไปทวนอ่านกันเองละกัน ขอบันทึกไว้เรื่องวิธีคิดที่ติดหัวมาซึ่งน่าสนใจทีเดียว อย่างเช่นเรื่องของการสร้างอาศรมที่ทำให้ได้ป่าล้อมบ้านอย่างที่เห็นๆ ดูแล้วไม่ง่ายเลยที่จะสร้างขึ้นมาได้ เพราะว่าช่างก่อสร้างเมืองไทยนะ ถนัดโค่นต้นไม้ทิ้งก่อนสร้างอาคารไม่ได้โค่นนะอึดอัดใจตายแน่ ฉันคุยกับเขาว่า บ้านนี้สร้างยากเชียวนะ ที่จะไม่ตัดต้นไม้นะ ดังนั้นช่างเขาเก่ง ใช้ช่างที่ไหนหรือ เขาบอกว่าสร้างบ้านหลังจากปลูกต้นไม้แล้วและขอร้องช่างว่าเวลาปลูกบ้านให้น่ะ จะปรับแปลนบ้านให้ทำง่ายยังไงไม่ว่าขอแต่ว่าอย่าตัดต้นไม้ที่ปลูกไว้ทิ้ง แล้วช่างก็ยอมทำให้ นี่เป็นเรื่องหนึ่งที่บอกว่า เขาเป็นคนมีสัมพันธภาพที่อบอุ่นนะ
เขาเล่าเรื่องการปลูกต้นไม้อีกว่า ในเรื่องของโลกร้อน เขาปลูกต้นไม้เผื่อใครๆ ครูบาก็ปลุกต้นไม้เผื่อให้คนอื่น วิธีคิดก็คือ ตัวคนเรานะเป็นแหล่งผลิตคาร์บอนไดออกไซด์ ต้นไม้มันฟอกให้คาร์บอนไดออกไซด์ให้หมดไป สำหรับตัวเขาใช้ต้นไม้แค่สองต้นก็พอแล้ว นี่เขาปลูกเอาไว้เต็มพื้นที่ จึงเหลือเผื่อให้คนอื่นๆด้วย น่าสนใจวิธีคิดไหม
ที่หลังบ้านเขาขุดบ่อปลาไว้ ลึกราวสี่เมตรได้กระมัง เมื่อเขาชวนไปเลี้ยงปลานั้น คาดคิดเรื่องปลาไว้ว่าน่าจะเป็นปลาน้ำจืดทั่วไปที่ใครๆเขาเลี้ยงไว้เป็นอาหาร อุแม่เจ้าประหลาดใจเมื่อเห็นปลาที่โผล่ขึ้นมากินอาหาร ปลาคาร์พเยอะแยะไปหมด ปลาที่เป็นอาหารได้ก็มีด้วย แต่เขาบอกว่า ไม่เคยจับมากิน เขาเลี้ยงมันไว้เป็นเพื่อนแค่นั้นเอง อย่าเพิ่งนึกว่าเขากินมังสะวิรัตินะค่ะ เขาบอกว่าถ้าจะกินปลา เขาก็ไปซื้อมาจากตลาดมากินค่ะ
ตอนที่ไปถึงอาศรมเขาใหม่ๆนั้น บางคนเดินขึ้นไปบนลานอาศรมเขาพร้อมรองเท้า แล้วก็รีบถอดไวๆเมื่อได้ยินเสียงเตือนว่า พื้นนะเอาไว้นั่งและนอนรับลมเย็นๆ หลายคนเลยถือโอกาสนั่งและนอน ฟังเรื่องราวเขาไปเรื่อยๆ ในไม่ช้าก็ได้ยินเสียงกรนเบาๆ เด็กบางคนที่มีความฝันเรื่องการเกษตรยังนั่งฟังตาแป๋วแหวว เขาต้อนรับด้วยน้ำมะเฟืองต้มใส่น้ำตาลนิดหน่อยเพราะว่ามันเปรี้ยว หากว่าไม่เปรี้ยวเขาว่าเขาไม่ใส่น้ำตาลหรอก
ด้านหลังของอาศรมอยู่ใกล้กับบ่อปลา มีอ่างล้างจานก่อวางอยู่ มีตู้อยู่ด้านล่างด้วย เขาเล่าว่าที่อาศรมนี้ใช้น้ำบาดาล น้ำใช้แล้วจะถูกทิ้งลงไปที่โคนไม้ รู้สึกดีกับวิธีการจัดการชีวิตของเขาจริงๆ
เยื้องๆกับด้านหน้าของอาศรม มีห้องน้ำไว้รับแขกด้วยนะ มีรองเท้าให้เปลี่ยนและแห้งสะอาดเชียว อาศรมที่ไปนั่งคุยกันมีชั้นบนด้วย อาศรมนะเป็นบ้านสองหลังอยู่ใกล้กัน ตัวบ้านอีกหลังมีชานบ้านเป็นระเบียงอยู่ตรงชั้นบนด้วย นัยว่าเอาไว้ดูดาวทั้งสองที่ ชีวิตแบบฤษีเรียบง่าย มีงานทำในฐานะอาจารย์พิเศษของม.ธรรมศาสตร์ ไม่ต้องเข้าไปสอนเพราะลูกศิษย์ถูกส่งมาเรียนที่อาศรมนี้ มีอินเตอร์เน็ตใช้ด้วย ซึ่งเขาพอใจกับการใช้มันแม้ว่าจะเป็นระบบที่ช้ามากๆก็ตาม เขาว่าเขาพอใจด้วยเหตุผลว่า ไม่มีความจำเป็นต้องใช้มันมาก ก็แค่ใช้มันติดต่อบางเรื่องราวแค่นั้นเอง ข้อมูลที่อยากจะรู้เขาก็มีวิธีรู้ได้โดยไม่ต้องอาศัยเครื่องมือผ่อนแรงใดๆ
ที่สนใจที่สุดเห็นจะเป็นเรื่องราวที่ครูบาเล่าว่า เอ่ยถึงชื่อใครในหมู่บ้านเขาจะรู้จักไปซะทุกคน รู้ด้วยว่าอยู่ตรงไหน เพิ่งมาอ๋อตอนที่เดินกลับออกมาที่ถนนด้วยกันว่าเหตุไฉน ก็เขาเป็นอาจารย์สอนเรื่องสารสนเทศนี่นา อย่างนี้จะไม่สามารถในเรื่องอย่างนี้ได้ยังไง น่าสนใจจริงๆนะนี่ ฤษีครูอ้นคนนี้ ทำให้อยากเจออีกค่ะ แล้วการเจอกับครูอ้นก็มีอะไรเอ๊ะในใจเหมือนกัน ที่เอ๊ะก็คือว่า ดูเหมือนครูอ้นจะจ้องหน้าฉันนานเป็นพิเศษ รึว่าจะนึกสงสัยว่าแม่สาวเฉิ่มเบรอะคนนี้ไปทำหน้าแตกจากที่ไหนก่อนมานั่งเสอนหน้าอยู่ที่นี่อ่ะ
ก่อนจบขอบันทึกไว้อีกหน่อยว่า เป็นครั้งแรกที่เดินเล่นในท้องนานะค่ะนี่ เกิดมายังไม่เคยเหยียบท้องนาเลย ทำให้ได้บทเรียนรู้ว่า การเดินบนพื้นที่เราไม่เคยมีประสบการณ์ตั้งแต่เด็กนะแก่แค่ไหนก็ยังต้องเรียน แล้วที่ทางแบบนาที่ไถแล้วปล่อยแห้งไว้นะ จะเดินแบบตามองสูง ไม่มองพื้นนาละก็มีเจ็บได้เพราะตกร่อง มิน่าชาวนาทั้งหลาย เขาจึงนิยมเดินบนคันนา ก็ในท้องนานะมีหลุมร่องล่อไว้เยอะแยะ ที่ได้เดินกันไปบนท้องนาก็เพราะว่าฤษีเขาอยากนำพาให้ไปถึงอาศรมด้วยระยะทางที่ลัด ไม่ต้องเดินหลายกิโลใต้แดดร้อนไง
พี่หมอเจ๊ค่ะ พอลล่าขอจองก่อนค่ะ
สวัสดีค่ะ
อยากไปเหยียบบ้างค่ะ พี่หมอเจ๊ อดไปอีกแล้วค่ะ
กำลังจะเข้านอน เห็น "ถามใจ" จึงนึกได้ว่า ถามใจตัวเองแล้ว พี่หมอเจ๊ก็หนึ่งบล็อกเกอร์ในดวงใจ
ต้องมาเยี่ยมเยียน
แต่อ่านละเอียดพรุ่งนี้ค่ะ
คืนนี้ต้องนอนแล้ว พรุ่งนี้มีงานสอน ;P
ครั้งแรกของพี่หมอเจ๊ คนสวย แซ่เฮ ที่ได้เดินท้องทุ่งท้องนา...
เป็นไงบ้างคะ..อารมณ์ตอนนั้น..อยากทราบจังค่ะ
สวัสดีค่ะพี่หมอเจ๊ น้องไม่ได้มาเยี่ยมพี่ตั้งนาน สบายดีนะคะ ทุกคนที่ไปสวนป่า กลับมาเล่าอย่างมีความสุข ทำให้หลายคนอยากไปค่ะ (แต่ ดาวลูกไก่ทำอะไรๆ แบบแม่บ้านแม่ศรีเรือนไม่เป็น เลยไม่ค่อยกล้าติดตามน้าอึ่งไปค่ะ ขอติดตามอ่านเรื่องราวผ่านบันทึกแต่ละท่านแบบเงียบๆ นะคะ)
แต่ดาวลูกไก่ก็มีประสบการณ์เคยได้เดินเล่นตามคันนานะคะ อิอิ
สวัสดีค่ะ
สวัสดีครับ คุณพี่หมอเจ๊
ผมว่าเป็นโชคดีของชาวบ้านเป็นอย่างยิ่งที่มี "ฤาษีไอที" มาช่วยโปรด
ช่วยเสริมเขี้ยวเล็บติดอาวุธให้คนในชุมชน
ผมเชื่อว่าหากเราใช้ประโยชน์
จากเทคโนโลยีเพื่อการเผยแพร่
องค์ความรู้และภูมิปัญญาท้องถิ่น
ให้ได้แลกเปลี่ยนกันอย่างกว้างขวาง
เชื่อได้ว่าอีกไม่นาน
บ้านเราคงพัฒนาได้อย่างที่
ไม่มีใครเหมือนและไม่เหมือนใครในโลก
สวัสดีครับ คุณหมอเจ๊แซ่เฮคนงาม
ตามมาเฉลยปัญหาครับ
ถามว่าเห็นคนเดินมาคนหนึ่งมองข้างเป็นผู้หญิง มองข้างหลังเป็นผู้ชาย คนๆนั้นชื่ออะไร
บอกใบ้เป็นคำไทยแท้ๆ คำเดียว เป็นชือคนบ้านนอกๆ บอกใบ้เพิ่มเติมว่า ให้มองหาสัญญลักษณ์ ของผูหญิงและของผู้ชายมารวมกัน เกิดเป็นคำไทยชื่อคน....เฉลยดีกว่าว่า
คนๆนั้น ชื่อ "หีด" ครับ5555555555อย่าคิดลึก