พ่อแม่เป็นแบบอย่างที่ดี ในเรื่องต่อไปนี้ 1. การยอมรับความจริง 2. การกล่าวคำขอบคุณ 3. การกล่าวคำขอโทษ 4. แสดงความเห็นอกเห็นใจผู้อื่น 5. รู้จักการแสดงความรักเพื่อนมนุษย์อย่างสร้างสรรค์
เพราะการเข้าไปอ่านอนุทิน....มีอนุทินของท่านพี่ท่านหนึ่ง คือพี่ศศินันท์
ที่มักเขียนอนุทินถึงหลานชาย
และบอกกล่าวถึงการเลี้ยงดู อบรมหลานชาย และได้อ่านบันทึกอันเนื่องมาจากลูก ๆ
ของพี่โอ๋-อโณ ย้อนหลังทุกบันทึก
นอกจากนี้ก็ยังมีบันทึกของแม่ใหม่ แห่ง
ร.ร.บ้านน้ำจุนด้วยค่ะ...เมื่ออ่านสิ่งที่ท่านทั้งสามเขียนถึงหลานและลูก
ๆ
ทำให้ผู้เขียนย้อนกลับมานั่งนึก ตรองดู ใคร่ครวญ ถึงการเลี้ยงดู
อบรมสั่งสอนลูกของตนเอง...และดูวิถีของเพื่อน ๆ
เจ้าหล่อน...ทำให้ผู้เขียนเห็นได้ชัดว่าการเลี้ยงดู อบรม สั่งสอน และแบบอย่างที่ดี มีผลต่อเด็กมาก ๆ
ค่ะ... ผู้เขียนมีลูกสาวเพียงคนเดียวค่ะ...”แอมแปร์”
มีเพื่อนเล่นที่บ้าน สองคน คนที่หนึ่งอายุ 6 ขวบกว่า ๆ
และส่วนคนที่สอง อายุสี่ขวบกว่า ๆ ทั้งสองคนเป็นเพื่อนเล่นแอมแปร์มา 2
ปีกว่าแล้วค่ะ
เพื่อนคนที่ 1
เป็นลูกคนเดียวของพ่อแม่...มีน้ำใจ...ไม่รังแกน้อง...รู้จักแบ่งปัน....ทั้งนี้เพราะย่า
และปู่ผู้ที่เลี้ยงนั้นอบรมสั่งสอน เลี้ยงดูด้วยเหตุและผล
พร้อมทั้งเป็นแบบอย่างที่ดีให้กับเด็กคนนี้ทุกอย่าง...
แต่สำหรับเพื่อนคนที่ 2
แต่ไหนแต่ไรมาสิ่งที่เพื่อนคนที่ 1
มีนั้นหาได้ยากมากในเด็กคนนี้...มีของเล่นแอมแปร์หลายชิ้นที่โดนเพื่อนคนนี้ทำลายโดยเจตนา...เฉพาะของแอมแปร์นี่ล่อเข้าไปทั้งหมด
7
ชิ้นค่ะ...ชิ้นล่าสุดเอามือหักของเล่นแอมแปร์...แล้ววิ่งกลับบ้าน...สักครู่มาใหม่พร้อมของเล่นของตัวเอง...ผู้เขียนเลยแกล้งแย่ว่า...
ผู้เขียน
: พี่....ทำของแอมแปร์หักใช่ไหม...งั้นเอาของเล่นพี่...ให้แอมแปร์นะ
แล้วพี่....เอาของแอมแปร์ที่พี่....ทำหักไปแล้วกัน....
พี่....
: ไม่ได้...ฮือ ๆ
...น้องกลับบ้านแล้ว..ฮือ ๆ ......
(ว่าแล้วพี่.....ก็วิ่งกลับบ้านพร้อมกับ ฮือ ๆ ๆ
....สักครู่แม่พี่....ก็เดินมาที่บ้าน)
แม่พี่....
:
น้าอ๋อย..เกิดอะไรขึ้น
เห็นเจ้า....วิ่งร้องกลับไป แถมพูดว่า
ป้าอ๋อยทำน้อง...
(ผู้เขียนเลยเล่าความจริงให้ฟัง
พอดีกับที่พี่....เดินมาถึง)
แม่พี่...
:
ไม่เป็นไรลูก...ป้าอ๋อยเข้าใจผิดเอง...ไม่ต้องเสียใจ...หยุดร้องนะลูก
แม่บอกป้าอ๋อยให้แล้วว่าอย่าทำน้อง
(
อ้าว...ไหงบอกลูกแบบนั้นละคุณแม่
แล้วเมื่อไหร่ลูกจะได้รับสิ่งที่ถูกต้องละนี่
ว้า...แย่จัง...)
แอมแปร์
: มาพี่...มาเล่นกันเถอะ
ไม่เป็นไรที่หักนั้น
ค่อยเอากาวมาทาก็ได้หรือว่าติดสก๊อตเทปก็ได้...ไม่ต้องเสียใจ...
(
ทุกครั้งที่พี่...ทำของเล่นแอมแปร์พัง
หล่อนก็เป็นแบบนี้แลค่ะ...ไม่เป็นไร
และปลอบใจพี่...ตลอด)
มีครั้งหนึ่งค่ะ...แอมแปร์เผลอไปเหยียบรองเท้าพี่....เข้าพี่....ร้องไห้พร้อมกับเอามือทุบแอมแปร์ที่หลังหลายโบ๊ะค่ะ...โดยที่แอมแปร์ก็ไม่รู้ตัวว่าทำอะไรผิด...มารู้ตอนที่พี่....ร้องพลางเล่าแม่ไปพลางว่าแอมแปร์เหยียบรองเท้า....
เวลาพี่...มาเล่นที่บ้านแอมแปร์(ก็เล่นที่บ้านนี้ทุกครั้ง
เพราะแอมแปร์ไม่เคยไปเล่นบ้านพี่...ทั้งนี้เพราะที่บ้านนี้เล่นซนได้โดยไม่ต้องกลัวโดนดุ)....แอมแปร์มักแบ่งนมเปรี้ยวและขนมให้พี่....กินทุกครั้ง
โดยเปิดตู้เย็นให้พี่...เลือกเอาเอง
ขณะที่เวลาพี่...หิวนมและขนมจะวิ่งกลับบ้านไปเอานมมากินพร้อมขนม..โดยเอามากล่องเดียว
เวลาพี่....อยากได้อะไร.ต้องได้ในทันที...ไม่งั้นมีการร้องแบบกรี้ดดดด.....
ยายและแม่พี่....มักบ่นว่าทำไม่พี่....เป็นแบบนี้ก็ไม่รู้
แต่เขาไม่ได้มองมาที่ตัวเองว่าต้นแบบนั้นเป็นอย่างไร
ครอบครัวไม่เคยแบ่งปันอะไรให้ใคร
มุ่งแต่ความสะดวกสบายส่วนตน มุ่งแต่วัตถุนิยม ไม่เล่นกับเด็กแบบเด็ก ๆ
ทั้งยาย แม่ และ
พ่อ
ก็ไม่มีสุนทรีย์แบบเด็ก ๆ
..ผู้เขียนสังเกตเวลาพ่อสัมเล่นกินพุงขาว(เอาปากไปเป่าลมที่พุงแอมแปร์)
แล้วสองพ่อลูกหัวเราะกันนั้น
พี่....จะเมินหน้าไปทางอื่น...
สรุปคือพี่....เป็นเด็กที่ต้องอยู่กับผู้ใหญ่ที่ไม่มีสุนทรีย์แบบเด็ก
ๆ เลย
มีแต่การตามใจ
รัก อบรมบ้างตามสภาพ
แต่ไม่ได้เป็นแบบอย่างทางสังคมให้พี่....เห็นเลย
ทำให้พี่....มีพฤติกรรมเช่นนี้
ศ.ดร.นายแพทย์วิทยา นาควัชระ
กล่าวถึงการเลี้ยงลูกให้มี EQ ดีไว้ในหนังสือ “ เลี้ยงลูกให้ เก่ง ดี มีสุข”
ว่า
1. พ่อแม่ควรจะมีความสุขเสียก่อน
ข้อนี้สำคัญสุด
เป็นปัจจัยหลักที่จะทำให้ฝึกได้หรือไม่
2. ต้องตั้งใจฝึกลูก
พ่อแม่ต้องตระหนักให้ได้ว่า การฝึกลูกให้มี
EQ
ดีนี้เป็นการลงทุนที่คุ้มค่ามาก
3. พ่อแม่ต้องรู้จักอารมณ์ของตัวเองให้ดี
4. ทำให้ลูกรู้ว่าพ่อแม่รักเขา
โดยการกระทำ...ไม่ใช่คำพูด
เช่น
“ พ่อและแม่
รักและภูมิใจลูกมากนะ
เพราะลูกเป็นคน(จงเอ่ยถึงความดีที่ลูกทำแล้วเรามองเห็น
แม้จะเป็นสิ่งเล็กน้อยก็อย่าลืมเอ่ย)” เด็ก ๆ
จะสงบและสยบต่อความรู้สึกถูกรัก
เขาจะภูมิใจเพราะรู้สึกว่าตัวเขามีคุณค่า
5. ไม่ติลูกต่อหน้าคนอื่นหรือพี่น้อง
จงอย่าสร้างบาดแผลทางใจให้ลูกและทำให้ลูกเกิดปมด้อย ขาดความนับถือตัวเองตลอดไป
สิ่งที่เราทำไปด้วยความไม่รู้นี้(
โดยการที่เราตำหนิ
ลงโทษลูกต่อหน้าคนอื่น
) จะไปอยู่ในส่วนของจิตใต้สำนึก
ทำให้เขาไม่ภาคภูมิใจตัวเองต่อไป
6. ไม่ชมลูกคนใดคนหนึ่งต่อหน้าลูกคนอื่น
ๆ
7. ให้กำลังใจลูกเสมอ
8. ปลอบลูกให้เป็น
9. หากิจกรรมฝึกสมองซีกขวาให้พัฒนามากขึ้น
เพื่อให้อารมณ์ดี
มีความสุนทรีและมีความสุขในชีวิต
กิจกรรมที่ว่าต้องไม่หวังผลกำไร ไม่เป็นการแข่งขัน เช่น การฟังดนตรี การร้องเพลง การเดินทางท่องเที่ยว
การทำสมาธิที่ไม่เคร่งเครียด เป็นต้น
10. พ่อแม่ต้องรู้จักชื่นชมตัวเอง
เมื่อนึกถึงเรื่อง ดี ๆ รู้สึกดี ๆ หรือทำสิ่งดี ๆ
กับตัวเองหรือกับลูกได้แม้แต่เพียงเล็กน้อยก็ตาม
ทั้งนี้เพราะทำให้เกิดกำลังใจและเกิดพลังในการฝึกลูกต่อไปเรื่อย ๆ
ไม่ท้อแท้หรือยอมแพ้ง่าย ๆ
11. สอนให้ลูกรู้จักชื่นชมตัวเอง
พ่อแม่ต้องสอนให้ลูกรู้จักชื่นชมตัวเองเป็นระยะ ๆ เมื่อเขาทำสิ่งดี ๆ
ได้แม้เพียงเล็กน้อย
12. พ่อแม่เป็นแบบอย่างที่ดี
ในเรื่องต่อไปนี้
1. การยอมรับความจริง
2. การกล่าวคำขอบคุณ 3.
การกล่าวคำขอโทษ 4.
แสดงความเห็นอกเห็นใจผู้อื่น 5.
รู้จักการแสดงความรักเพื่อนมนุษย์อย่างสร้างสรรค์
13. สอนเทคนิคการแก้ปัญหาให้ลูก
โดยบอกกับลูกว่า ทุกคนต้องมีปัญหา เมื่อเกิดปัญหาแล้ว เราอาจแก้โดยวิธี สู้ ถ้าสู้ได้ ถอยถ้าสู้ไม่ได้
ยอมรับว่าเกิดปัญหาแล้ว มองโลกในแง่ดี มีอารมณ์ขัน
ปรับตัวเข้าหาความเป็นสากลนิยม
14. ฝึกความอดทนรอคอย
จะทำให้มีความมั่นคงทางอารมณ์ มีวินัย
แก้เครียดด้วยตัวเองได้
พี่น้องผองเพื่อน
มิตรรักทั้งหลายคิดเห็นเช่นไรกันบ้างค่ะ.....ร่วมแสดงความคิดเห็นด้วยกันนะค่ะ...
เมื่อ อา. 09 พ.ย. 2551 @ 20:54
931407 [ลบ]
+ สวัสดีค่ะท่านอัยการชาวเกาะ...
+ เอาแบบบังหีมค่ะ...
เมื่อ อา. 09 พ.ย. 2551 @ 17:23
930941 [ลบ]
สวัสดีครับ ท่านอัยการชาวเกาะ
ตามล่าทุกท่าน ตามมาอ่านของทุกคน ที่มีผลงานอันอบอุ่นที่น่าประทับใจ
ในงานพบชาวบล๊อก บอกตรงๆมีความสุขร่วมครับ