ประสบการณ์ SUN Fire V210/V240 บน Debian 5.06


เหมือนหาเรื่องใส่ตัว ที่จริงแล้วไม่คิดจะยุ่งกับเจ้าเครื่อง SUN เลย ด้วยความอยากรู้ ก็เลยจัดการซะ!

ผมกับมะระ (gumara) เดินหา storage เพื่อใช้ในงาน backup เซิร์ฟเวอร์ ThaiOpenSource.org, Suriyan, Chantra และ Repository ที่อยู่ในเครื่องเดิม เนื่องจากโดนไล่ที่จาก CAT IDC มาเร่ร่อนอยู่ใน Data Center ของ SIPA เพราะไม่มีที่จะวางเครื่องจริงๆ ครับ ก็เลยทำใจให้ต้องเข้ามาที่สำนักงาน ซึ่งก็ได้โอกาส upgrade จาก Ubuntu 8.10 ไปเป็น 10.10 ไปในตัว ช่วงพักผ่อนระหว่างรอ ทีมงาน MIS ช่วยจัดการเรื่อง DMZ, Firewall, DNS ฯลฯ ก็พยายามหา share storage มาสำรองไฟล์ (เว็บ, ฐานข้อมูล, ไฟล์งาน, คลังซอฟต์แวร์) ซึ่งเสียงตอบกลับจากฝ่าย MIS ส่วนใหญ่คือ "ไม่มี!@#$@$%" แกมบอกว่ามีเครื่อง SUN อยู่ 3 ตัว ถ้าทำให้มันใช้งานได้ก็เอาไปเล้ยยยยย เหมือนหาเรื่องใส่ตัว ที่จริงแล้วไม่คิดจะยุ่งกับเจ้าเครื่อง SUN ซักเท่าไร แต่ด้วยความอยากรู้ ก็เลยจัดการซะ!
เครื่อง SUN ที่เอามาให้ผมกับมะระ คือ SUN Fire V120, V210 และ V240 ผมเคยจับ SUN มาก่อนแต่รุ่นเก่ากว่านี้มาก CPU Sparc เหมือนกับเจ้า 3 เครื่องนี้ นั่นหมายความว่าระบบปฏิบัติการที่ติดตั้งไว้เป็น Solaris 9 ตัวเครื่องยับเยินนิดหน่อย ฝาหน้าเครื่องดูหลวมๆ ปิดไม่ค่อยอยู่ ฮาร์ดิสโดนแงะแล้วใส่ไม่สนิท เลย ECC Error อยู่ตลอด ทำให้เครื่อง boot ไม่ได้ ซึ่งหลังจากพยายามยัดฮาร์ดดิสก์ได้ถูกวิธี และทำให้เครื่อง boot ได้ ก็พบกับ Solaris 9 สมใจ แต่มัน boot ไม่เรียบร้อยเพราะสาย SCSI ที่ต่อหลังเครื่อง V210 ไป V240 ไม่มี และไม่มีรหัสผ่าน Solaris ด้วย ทำให้ต้องติดตั้งกันใหม่หมด เช่นเคย มีกล่อง Solaris 9 มีคู่มือเครื่องอยู่นิดหน่อย แต่คู่มือติดตั้ง Solaris 9 ไม่มี และที่สำคัญแผ่น Solaris 9 ไม่มี! ทำให้ต้องเลือก Linux Distribution สักตัวนึงมาติดตั้งให้ได้ก่อน Linux ที่เลือกคือ Debian เพราะมีอยู่ตัวเดียวที่ใช้เป็นและสามารถติดตั้งบน CPU Sparc ได้ ปัญหาต่อมาคือทำยังไงให้มัน boot cdrom ???
ผมพยายามอยู่นาน อ่านวิธีจากคู่มือซึ่งพูดถึง service console และอื่นๆ แต่ไม่พูดถึง OpenBoot เลยสักกะตัว ได้ความช่วยเหลือจากทีมงาน Sun Microsystem ประเทศไทย ในการ break เข้าโหมด ok PROM ผมใช้คีย์บอร์ดของเครื่อง SUN กดปุ่ม Stop+A (ถ้าใช้ คีย์บอร์ดของเครื่อง PC กดปุ่ม Ctrl+Break) เพื่อ break Solaris เข้าโหมด OpenBoot หรือ ok PROM ทำให้ใช้คำสั่ง boot cdrom ได้ ปัญหาเรื่อง boot cdrom จึงหมดไป ปัญหาถัดมาคือ Software RAID สามารถใช้งานได้ แต่ V210 มีฮาร์ดดิสก์อยู่แค่ 2 ลูก ขนาด 36GB นั่นคือจะทำ RAID ก็ได้แค่ 0 กับ 1 ถ้าไม่ทำเลยก็ต้องแบ่งออกเป็น 2 ลูก กรณีนี้เครื่องไม่ทำ LVM และร้ายกว่านั้น RAID 0 ติดตั้ง SILO ไม่ได้ ทำให้ boot เครื่องไม่ได้ :P จึงทำได้แต่ RAID 1 ถึงจะ boot ได้ 
สำหรับเครื่อง V240 ต้องอาศัยการ break เช่นกันเพื่อติดตั้ง Debian แต่เครื่องที่มีอยู่ทุกตัวไม่มี Hardware RAID เนื่องจาก Solaris จัดการเรื่องฮาร์ดดิสก์เอง จึงไม่จำเป็นต้องมี แต่ Debian ไม่บอกให้ทำ Software RAID ซะงั้น ทำได้แต่ LVM และหน้าจัดการ LVM ของ Debian ไม่ได้สื่ออะไรเลย ทำให้ต้องทำใจติดตั้ง Debian ลงไปก่อนแล้วค่อยมาจัดการ LVM ทีหลัง ลืมบอกไปว่าเครื่อง V240 มีฮาร์ดดิสก์อยู่ 2 ลูก ลูกละ 36GB เท่ากันหมด ก็เลยเอาฮาร์ดดิสก์จากเครื่อง V210 มาใส่เพิ่มเป็น 4 ลูก ติด Debian ลงไปในลูกที่ 1 (sda) ส่วนที่เหลือทำ LVM ทำเป็น extra partition เอาไว้เก็บข้อมูล ได้อีก 100GB
ปัญหาถัดมาคือสาย LAN ซึ่งอาจจะสงสัยว่าทำไม?? สาย LAN ไม่มีเลยซักกะเส้นครับ คือ ถาม MIS ก็บอกว่า "ไม่มี!@#$@$%" ก็ไม่เป็นไร ได้คุ้ยลังเก่าๆ ซอกๆ หลืบๆ ใน Data Center หาสายมาจนได้ เดินไปขอ IP Address ภายใน หลังจาก config network IP Address ค่าต่างๆ สารพัดแล้วใช้ไม่ได้ เหมือนโลกจะสิ้นสุดตรงนั้นเลย เพราะพยายามเอาเครื่องเก่าที่ไม่ได้ใช้จะได้เอามาใช้ให้เกิดประโยชน์ แต่มาตกม้าตายตอนจบซะนี่ kernel message บอกว่า "no firmware running" ก็คิดว่า firmware ไม่มีก็เลยพยายามค้นหา เพราะ Broadcom ทำแสบไส้ได้อีก หลังจากที่พยายามค้นหาข้อมูลจากหลายเว็บไซต์ เรียบเรียงปัญหาและได้คำตอบที่ "กวน" มากๆ มาดังนี้ เค้าบอกว่า เครื่อง V240 มี LAN อยู่ 4 port (เสียบสาย LAN ได้ 4 เส้น) แต่ลำดับของอุปกรณ์ไม่ได้เรียงตามตัวเลข คือ ช่องแรกที่เขียนว่า "NIC 1" ที่คิดว่าเป็น "eth0" มันไม่ใช่ มันเป็น "eth2" หลังจากปรึกษากันแล้ว มันไม่น่าจะ "บ้าบอ" ได้ขนาดนั้น แต่มันเป็นอย่างนั้นจริงๆ ครับ พอเปลี่ยนชื่อ interface ปุ๊บก็ใช้งานได้เลย ส่วน NIC อื่นๆ คงต้องไปไล่ชื่อ interface กันอีกที
สรุปประสบการณ์จาก SUN Fire ทั้ง 3 เครื่อง (ใช้จริงๆ 2 เครื่อง) ทำให้หวนนึกถึงระบบคอมพิวเตอร์สมัยก่อน เพราะ OpenBoot อ้างอิงเป็น BUS;Disk;Partition Number ทำให้รู้สึกว่า ความรู้เมื่อสมัยเรียนได้เอามาใช้ตอนนี้นี่เอง ส่วนที่เข้าใจว่า boot เครื่องจากฮาร์ดดิสก์ตัวที่ 1 เพราะเป็น sda ซึ่งจริงๆ แล้วมันไม่ใช่ มันเป็น Disk2 Partition 1 ก็เล่นเอางงกันไปเลย ดังนั้นอ่านข้อมูลจาก environment ก่อนได้เป็นดีที่สุด เอาเป็นว่าเครื่อง SUN Fire V210 และ V240 ตกเป็นของผมเรียบร้อยแล้ว ผมทำให้มันทำงานได้แล้วนี่ :) แต่เอ๊ะ สิ่งที่ผมต้องการจริงๆ คือ storage เอาไว้เก็บข้อมูลอย่างน้อย 250GB ไม่ใช่เครื่อง SUN Fire 2 เครื่องที่มีฮาร์ดดิสก์รวมกันไม่ถึง 200 GB ~ T_T

ผมกับมะระ (gumara) เดินหา storage เพื่อใช้ในงาน backup เซิร์ฟเวอร์ ThaiOpenSource.org, Suriyan, Chantra และ Repository ที่อยู่ในเครื่องเดิม เนื่องจากโดนไล่ที่จาก CAT IDC มาเร่ร่อนอยู่ใน Data Center ของ SIPA เพราะไม่มีที่จะวางเครื่องจริงๆ ครับ ก็เลยทำใจให้ต้องเข้ามาที่สำนักงาน ซึ่งก็ได้โอกาส upgrade จาก Ubuntu 8.10 ไปเป็น 10.10 ไปในตัว ช่วงพักผ่อนระหว่างรอ ทีมงาน MIS ช่วยจัดการเรื่อง DMZ, Firewall, DNS ฯลฯ ก็พยายามหา share storage มาสำรองไฟล์ (เว็บ, ฐานข้อมูล, ไฟล์งาน, คลังซอฟต์แวร์) ซึ่งเสียงตอบกลับจากฝ่าย MIS ส่วนใหญ่คือ "ไม่มี!@#$@$%" แกมบอกว่ามีเครื่อง SUN อยู่ 3 ตัว ถ้าทำให้มันใช้งานได้ก็เอาไปเล้ยยยยย เหมือนหาเรื่องใส่ตัว ที่จริงแล้วไม่คิดจะยุ่งกับเจ้าเครื่อง SUN ซักเท่าไร แต่ด้วยความอยากรู้ ก็เลยจัดการซะ!

เครื่อง SUN ที่เอามาให้ผมกับมะระ คือ SUN Fire V120, V210 และ V240 ผมเคยจับ SUN มาก่อนแต่รุ่นเก่ากว่านี้มาก CPU Sparc เหมือนกับเจ้า 3 เครื่องนี้ นั่นหมายความว่าระบบปฏิบัติการที่ติดตั้งไว้เป็น Solaris 9 ตัวเครื่องยับเยินนิดหน่อย ฝาหน้าเครื่องดูหลวมๆ ปิดไม่ค่อยอยู่ ฮาร์ดิสโดนแงะแล้วใส่ไม่สนิท เลย ECC Error อยู่ตลอด ทำให้เครื่อง boot ไม่ได้ ซึ่งหลังจากพยายามยัดฮาร์ดดิสก์ได้ถูกวิธี และทำให้เครื่อง boot ได้ ก็พบกับ Solaris 9 สมใจ แต่มัน boot ไม่เรียบร้อยเพราะสาย SCSI ที่ต่อหลังเครื่อง V210 ไป V240 ไม่มี และไม่มีรหัสผ่าน Solaris ด้วย ทำให้ต้องติดตั้งกันใหม่หมด เช่นเคย มีกล่อง Solaris 9 มีคู่มือเครื่องอยู่นิดหน่อย แต่คู่มือติดตั้ง Solaris 9 ไม่มี และที่สำคัญแผ่น Solaris 9 ไม่มี! ทำให้ต้องเลือก Linux Distribution สักตัวนึงมาติดตั้งให้ได้ก่อน Linux ที่เลือกคือ Debian เพราะมีอยู่ตัวเดียวที่ใช้เป็นและสามารถติดตั้งบน CPU Sparc ได้ ปัญหาต่อมาคือทำยังไงให้มัน boot cdrom ???


ผมพยายามอยู่นาน อ่านวิธีจากคู่มือซึ่งพูดถึง service console และอื่นๆ แต่ไม่พูดถึง OpenBoot เลยสักกะตัว ได้ความช่วยเหลือจากทีมงาน Sun Microsystem ประเทศไทย ในการ break เข้าโหมด ok PROM ผมใช้คีย์บอร์ดของเครื่อง SUN กดปุ่ม Stop+A (ถ้าใช้ คีย์บอร์ดของเครื่อง PC กดปุ่ม Ctrl+Break) เพื่อ break Solaris เข้าโหมด OpenBoot หรือ ok PROM ทำให้ใช้คำสั่ง boot cdrom ได้ ปัญหาเรื่อง boot cdrom จึงหมดไป ปัญหาถัดมาคือ Software RAID สามารถใช้งานได้ แต่ V210 มีฮาร์ดดิสก์อยู่แค่ 2 ลูก ขนาด 36GB นั่นคือจะทำ RAID ก็ได้แค่ 0 กับ 1 ถ้าไม่ทำเลยก็ต้องแบ่งออกเป็น 2 ลูก กรณีนี้เครื่องไม่ทำ LVM และร้ายกว่านั้น RAID 0 ติดตั้ง SILO ไม่ได้ ทำให้ boot เครื่องไม่ได้ :P จึงทำได้แต่ RAID 1 ถึงจะ boot ได้ 

สำหรับเครื่อง V240 ต้องอาศัยการ break เช่นกันเพื่อติดตั้ง Debian แต่เครื่องที่มีอยู่ทุกตัวไม่มี Hardware RAID เนื่องจาก Solaris จัดการเรื่องฮาร์ดดิสก์เอง จึงไม่จำเป็นต้องมี แต่ Debian ไม่บอกให้ทำ Software RAID ซะงั้น ทำได้แต่ LVM และหน้าจัดการ LVM ของ Debian ไม่ได้สื่ออะไรเลย ทำให้ต้องทำใจติดตั้ง Debian ลงไปก่อนแล้วค่อยมาจัดการ LVM ทีหลัง ลืมบอกไปว่าเครื่อง V240 มีฮาร์ดดิสก์อยู่ 2 ลูก ลูกละ 36GB เท่ากันหมด ก็เลยเอาฮาร์ดดิสก์จากเครื่อง V210 มาใส่เพิ่มเป็น 4 ลูก ติด Debian ลงไปในลูกที่ 1 (sda) ส่วนที่เหลือทำ LVM ทำเป็น extra partition เอาไว้เก็บข้อมูล ได้อีก 100GB

ปัญหาถัดมาคือสาย LAN ซึ่งอาจจะสงสัยว่าทำไม?? สาย LAN ไม่มีเลยซักกะเส้นครับ คือ ถาม MIS ก็บอกว่า "ไม่มี!@#$@$%" ก็ไม่เป็นไร ได้คุ้ยลังเก่าๆ ซอกๆ หลืบๆ ใน Data Center หาสายมาจนได้ เดินไปขอ IP Address ภายใน หลังจาก config network IP Address ค่าต่างๆ สารพัดแล้วใช้ไม่ได้ เหมือนโลกจะสิ้นสุดตรงนั้นเลย เพราะพยายามเอาเครื่องเก่าที่ไม่ได้ใช้จะได้เอามาใช้ให้เกิดประโยชน์ แต่มาตกม้าตายตอนจบซะนี่ kernel message บอกว่า "no firmware running" ก็คิดว่า firmware ไม่มีก็เลยพยายามค้นหา เพราะ Broadcom ทำแสบไส้ได้อีก หลังจากที่พยายามค้นหาข้อมูลจากหลายเว็บไซต์ เรียบเรียงปัญหาและได้คำตอบที่ "กวน" มากๆ มาดังนี้ เค้าบอกว่า เครื่อง V240 มี LAN อยู่ 4 port (เสียบสาย LAN ได้ 4 เส้น) แต่ลำดับของอุปกรณ์ไม่ได้เรียงตามตัวเลข คือ ช่องแรกที่เขียนว่า "NIC 1" ที่คิดว่าเป็น "eth0" มันไม่ใช่ มันเป็น "eth2" หลังจากปรึกษากันแล้ว มันไม่น่าจะ "บ้าบอ" ได้ขนาดนั้น แต่มันเป็นอย่างนั้นจริงๆ ครับ พอเปลี่ยนชื่อ interface ปุ๊บก็ใช้งานได้เลย ส่วน NIC อื่นๆ คงต้องไปไล่ชื่อ interface กันอีกที

สรุปประสบการณ์จาก SUN Fire ทั้ง 3 เครื่อง (ใช้จริงๆ 2 เครื่อง) ทำให้หวนนึกถึงระบบคอมพิวเตอร์สมัยก่อน เพราะ OpenBoot อ้างอิงเป็น BUS;Disk;Partition Number ทำให้รู้สึกว่า ความรู้เมื่อสมัยเรียนได้เอามาใช้ตอนนี้นี่เอง :P ส่วนที่เข้าใจว่า boot เครื่องจากฮาร์ดดิสก์ตัวที่ 1 มาตลอดเพราะเป็น sda ซึ่งจริงๆ แล้วมันไม่ใช่ มันเป็น Disk2 Partition 1 เล่นเอางงกันไปเลย ดังนั้นอ่านข้อมูลจาก environment ก่อนได้เป็นดีที่สุด เอาเป็นว่าเครื่อง SUN Fire V210 และ V240 ตกเป็นของผมเรียบร้อยแล้ว ก็ผมทำให้มันทำงานได้แล้วใช่มั๊ย :)

แต่เอ๊ะ สิ่งที่ผมต้องการจริงๆ คือ storage เอาไว้เก็บข้อมูลอย่างน้อย 250GB ไม่ใช่เครื่อง SUN Fire 2 เครื่องที่มีฮาร์ดดิสก์รวมกันไม่ถึง 200 GB ~ T_T

คำสำคัญ (Tags): #debian#linux#sun fire v210v240
หมายเลขบันทึก: 406543เขียนเมื่อ 4 พฤศจิกายน 2010 20:41 น. ()แก้ไขเมื่อ 22 มิถุนายน 2012 14:28 น. ()สัญญาอนุญาต: ครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-อนุญาตแบบเดียวกันจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (0)

ไม่มีความเห็น

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท