ยกเลิกโรงเรียนในระบบให้หมด แล้วการเรียนรู้จะดีขึ้นทันที


เตือนคนที่ทิ้งไพ่ออกหมดตัว เพื่อแลกยศฐาบรรดาศักดิ์ สุขแบบโลกๆ นี่ มันยากเนอะ ... เวรกรรมของคนไทย

Deschooling Society     

ใครเคยอ่านบ้างไหมครับ

  ผู้บริหาร  บริษัทแห่งหนึ่ง   กิจการส่งออกดีมาก   และเป็นผู้บริหาร ที่ เข้าใจ LO ดี      ท่านแนะนำให้ผมอ่าน

ท่านเล่าให้ผมฟังในรถ  ขณะกลับ กทม  ด้วยกัน    ประมาณนี้ ครับ

ว่า    ......  ให้ยกเลิกระบบโรงเรียนในระบบให้หมด  แล้ว  การเรียนรู้จะดีขึ้นเยอะเลย

มนุษย์ต่างดาว  เดินทางมาโลก  มาเจอ  ตึก ในรั้ว   มีเด็กๆ   อยู่ในห้อง   จึงถาม ชาวโลก ว่า  นี่เป็น สถานที่อะไร   น่าจะเป็นคุก   เพราะ ดูจะ กดดัน  บีบคั้น  กันน่าดู 

ชาวโลกตอบว่า " เนี่ย  โรงเรียน   ครูสอนสั่ง เด็กรักดี ต้องจดจำและทำตาม"

มนุษย์ต่างดาว จึงอุทานว่า "โอ้   !    เข้าใจแล้วว่า ทำไม   มนุษย์โลก จึง ชั่วร้าย    ทำลายล้าง  และ โง่ขนาดนี้    ......  อย่างนี้ ไม่มีในดาวดวงไหนในจักรวาลเขาทำกัน    มันไม่ใช่การเรียนรู้เลย  ..... Stupid !!!"

ถ้าอยากอ่าน   ลอง คลิก  ไปที่

http://reactor-core.org/deschooling.html

อ่านยากหน่อยนะ 

หมายเลขบันทึก: 130830เขียนเมื่อ 22 กันยายน 2007 21:43 น. ()แก้ไขเมื่อ 6 มิถุนายน 2012 14:24 น. ()สัญญาอนุญาต: จำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (20)
  • เรื่องนี้จ๊าบ และดดนใจมาก
  • จะนัดเจอมนุษย์ต่างดาวคนนี้ได้ดาวไหนนะ
  • อิอิ ขอบคุณที่หาเรื่องดีๆมาประเทืองโง่

เห็นด้วยร้อยกว่าเปอเซ็นต์  ปัจจุบันคนที่ห่างศูนย์กลางความเจริญกลับมีทุนทางปัญญาที่จะดูแลรักษาตัวเองมากกว่าคนที่อยู่กรุงและนครเสียอีก  เพราะชีวิตถูกครอบ(ใหญ่กว่ากะลานิดนึง) จึงมองไม่เห็นสภาพความเป็นจริงของมนุษย์หรือธรรมชาติ  แต่คลิ๊กไปแล้วต้องตั้งสมาธิอ่านจริงๆครับ

เห็นด้วยและยกมือให้ทั้งหมดเลย เสนอกระทรวงศึกษาด่วนเลย รีบยุบโรงเรียนทั้งหมด ลอยแพนักเรียนไม่ต้องให้เข้าโรงเรียนอีกต่อไป หาเรียนกันเองตามอัธยาศรัยได้แล้ว

  • โรงเรียนในระบบตายไปนานแล้ว
  • นักเรียนไปโรงเรียนโดยไม่ได้ความรู้เลย เรียนเพื่อเอาใบประกาศเท่านั้นเอง ความรู้ไปเรียนกับโรงเรียนกวดวิชา
  • โรงเรียนกวดวิชาเปิดสาขาอย่างกว้างขวางจนร่ำรวย

เอ อันนี้มันคล้ายกับ เนื้อหาของเพลง

Another Brick in The Wall.

ของ Pink Floyd ยุค 80

We don't need no education
We dont need no thought control
No dark sarcasm in the classroom
Teachers leave them kids alone
Hey! Teachers! Leave them kids alone!

มีคน(ฝรั่ง)วิจารณ์ว่า  

knowledge is good, but school is bad.

อย่างไง ดี 

 ดีเหมือนกัน เรียนรู้ตามอัธยาศัย

สวัสดีครับท่านอาจารย์

สร้างโรงเรียนที่บ้านให้ได้ สร้างธรรมชาติรอบบ้านให้เป็นครูของเด็ก การเรียนรู้จะเกิดมากมาย นัดเจอแลกเปลี่ยนเรียนรู้ภายในชุมชน ระหว่างครอบครัว ระหว่างชุมชน ภูมิปัญญาจะเกิด เด็กจะกล้าที่จะใส่เสื้อชุดทำนาได้อย่างไม่น่าอาย ใส่เสื้อกลิ่นขี้ยางเก็บน้ำยางได้อย่างไม่น่าอาย โดยไม่ต้องอายใคร

การเรียนทุกวิชาจะต้องมีบทหนึ่งที่เป็นบทชื่อว่าบทต่อยอดด้วย ไม่งั้นความคิดเห็นจะอยู่ในลูกโป่ง ไม่หลุดออกมาจากกรอบนั้นแน่นอน

เวลาเราเสียบยอดต้นไม้ เราต้องเอาถุงพลาสติกหรือถุงกระดาษคลุมก่อน แต่จากนั้นเราก็ต้องเอาถุงออก เพื่อการเจริญเติบโต

ผมว่าหากหันไปมุ่งสู่ระบบธรรมชาติ หากจะเรียนรู้จำเป็นต้องมีความหลากหลายทางธรรมชาติ เพราะหากไม่มีธรรมชาติเราขาดความรู้แน่นอน เพราะธรรมชาติคือรากของความรู้ เพราะว่าใบรับรองใดๆ ไม่สามารถเอาไว้แก้ปัญหาได้ แต่รอยหยักภายในต่างหากที่จะช่วยแก้ปัญหาต่างๆ

ผมว่า โรงเรียนที่ไม่มีหัวใจของการเรียนรู้ โรงเรียนที่ไม่มีดวงตาในการปลูกหน่อจินตนาการให้กับเด็ก โรงเรียนที่ไม่สามารถปลูกหน่อคุณธรรม น่าจะยกเลิกได้ก็ดีครับ

อยู่ที่ว่าโรงเรียนจะเป็นผู้ให้ หรือว่าผู้รับ หากต้องการจะรับมากกว่าให้ก็ยุบได้ครับ ให้ความแรงจูงใจในการเรียนรู้นะครับ สร้างสภาพแวดล้อมต่อระบบคิด ฟื้นระบบจินตนาการให้งอกงาม เพราะความรู้เด็กจะคิดเอาเองในหัวสมองคิด เด็กคิดแล้วเข้าใจได้ความรู้ ปัญญามันจะหามาและมาเยี่ยมเด็กคนนั้นบ่อยๆ

กราบขอบพระุคุณมากๆ ครับ

ยังไม่ทันได้อ่านบทความทั้งหมด แค่เห็นชื่อเรื่องก็เห็นด้วยแล้วครับ

P  ผมว่า ในบางประเทศนะ  ไม่แน่ใจว่าที่ไหน

นักการเมือง เอี่ยว กับ นักบริหารการศึกษา  ทำเรื่องชั่วร้าย  เช่น

  • โกงกิน สร้างอาคาร สถานที่  ตำรา ฯลฯ สารพัด   แม้แต่ปลูกต้นไม้ ยังหาทางโกงได้เลย  .....  ศรีธนชัยศาสตร์กระจายจากประเทศไทย ออกไป ประเทศพวกนี้ได้ไงเนี่ย
  • โยกย้าย เอา พรรคพวก   ไปนั่งเป็น ผู้บริหาร   .. ไปกิน แปะเจี๊ยะ   หาเศษ หาเลยกับ การไถเงินผู้ปกครอง  ฯลฯ  ส่งส่วย
  • ให้ผู้บริหาร เป็น ฐานคะแนนเสียง  ในการเลือกตั้ง   กดดันครูให้เป็นหัวคะแนน
  • ฯลฯ

ประเทศไหน ที่คิดกันแบบนี้   ยังไง  ก็ต้อง ทำเป็น ไม่ได้ยิน  ไม่รับรู้  ฯลฯ ...... 

กว่าจะสำนึกได้ว่า "ผิดมหันต์"   ก็ ตอน เจอ พระยายมบาลโน้นแน่ะ

 

 

 

 

สวัสดีครับอาจารย์

ถ้ามีการล้างไพ่ใหม่เกิดขึ้น ผมฝันที่จะเห็นคนหันมาให้ความสำคัญกับ การสนใจใฝ่เรียนรู้ สู่การพัฒนาที่ยั่งยืน  มากกว่าให้ความสำคัญกับการเรียนเพื่อเอาเกรด ปริญญา

เฮ้อ...ผมจะต้องหลับและตื่นอีกกี่ครั้งเพื่อฝันที่เป็นจริง

  • ขออนุญาตเพิ่มเติมครับ
  • หลังล้างไพ่เสร็จ  ต้องแจกไพ่...ผมว่า LO & KM ตอบโจทย์ได้ดี เพราะการเรียนรู้ไม่จำเป็นต้องเกิดขึ้นในโรงเรียน แต่การจัดสภาพแวดล้อมให้เกิดการเรียนรู้สำคัญมากๆ

เห็นด้วยอย่างยิ่งครับ ผมมั่นใจว่าพลังแห่งการเรียนรู้อย่างอิสระจะทำให้เด้กมีความมั่นใจในการสร้างสรรครับ เป็นความรู้ที่กินได้ ครับ มีน้อง ๆ จากกลุ่มยุวชนสร้างสรรค์ ที่สุรษฎร์ธานี เคยประกาศไม่ขอกลับไปเรียนในโรงเรียนแล้ว นี่ก็เป็นตัวอย่างหนึ่งครับ

สวัสดีครับ
     อาจารย์ครับ  ผมอินจนอึ้ง ตั้งแต่ยังไม่เข้าไปอ่านใน Link ที่แนบมา .. เห็นแจ่มแจ้งล่วงหน้า เพราะบทสนทนานั้น สะท้อนและเสียดแทงใจดำยิ่งนัก .. ไม้หน้าสามดีๆนี่เอง .. ดีครับเอาไว้ทุบกำแพงโรงเรียนและมหาวิทยาลัย เพื่อเปิดโอกาสให้ นักเรียน นักศึกษาเขาได้มีโอกาสออกไป แสวงหา และสัมผัสความรู้ ความจริงที่มีชีวิตกันบ้าง .. ขอบคุณมากครับ

P     ขอบคุณครับ ท่านอาจารย์

ผมก็ไม่ กะ  จะ ฟาดใครแรงๆ   ...... ก็ มันเป็นอย่างนี้ จริงๆ    ....ทั่วโลกเลยครับ 

วันนี้ได้ยิน   หน พรรค การเมือง   ท่านหนึ่งประกาศว่า

"จะสนับสนุนการศึกษา ให้คนได้เรียนเยอะๆ   จบออกมาแล้ว มีงานทำ  เศรษฐกิจเจริญ"

ผม ฟังเสร็จ  ก็ ส่ายหัว   "เอาอีกแล้ว" ( ไม่ใช่ ท่านแรก นะครับ   ที่มีแนวคิดแบบนี้)

ในหัวมาแนว  "อุตสาหกรรม & เสพนิยม"   ยัดคนเข้าเครื่องจักร   ..... คนไหน  คิดไม่ตรง ครูอาจารย์    คือ  defect ก็ดีดออกไป  หรือ มั่วๆให้จบไป  .... เอาแต่ผลิตคน งกๆ เค็มๆ ออกมาเต็มไปหมด

ก็ แม่พิมพ์  เป็นแนว งกๆ เค็มๆ  หา "ใจ" ไม่เจอ  ทิ้งไพ่ดีไปหมด ถือไว้แต่ไพ่ร้ายๆ     ....   ลูกศิษย์ออกมาเหมือนแม่พิมพ์เลย

วิกฤตแห่งโลก และ แห่งชาติแล้วครับ !!!!!!

กบที่อยู่ในหม้อน้ำ  เมื่อน้ำอุ่นขึ้นเรื่อย  จะไม่รู้ตัว   จนน้ำร้อน   หมดแรงกระโดด   ตายอยู่ในหม้อต้มน้ำนั่นเอง

ธเนศ มณีศรีขำ

เด็ก เริ่มคิดได้แล้วหรือนี่ ....  มีเว็ปลิงค์ ให้อ่านไหมครับ

ผู้ใหญ่ reflect ตนเอง  ได้หรือยัง

ผมว่า tools ทาง LO &KM  แบบธรรมชาติ   น่าจะทำกันเยอะๆ  ในวงการนักบริหารการศึกษานะ

 

P  เห็นด้วยครับ

ขอ ให้ LO & KM    ฝังใน พวกดูแลการศึกษาให้ได้สักที

 

ผู้บริหารส่วนท้องถิ่นท่านหนึ่งเล่าว่า เรียนระดับบัณฑิตศึกษา โดยใช้ทุนของท้องถิ่น ไม่เสียเงินเองสักบาท ลองดูวิธีการเรียนการสอนระดับบัณฑิตศึกษา ของบางมหาวิทยาลัยของรัฐบาล

1. คะแนนเข้าเรียนครบ 15 % ของรายวิชา แต่ไม่ต้องไปเรียนก็ได้ เพราะมีเพื่อนในชั้นบางคนรับจ้างเซ็นชื่อเข้าเรียน

2. คะแนนสอบ 40 % ให้เปิดตำราได้ วิชา "การบริหารทรัพยากรบุคคล" ซึ่งหน้าปกตำราเขียนคำว่า "......แนวใหม่....." แถมข้อสอบแจกก่อนสอบ เตรียมตัวตอบมาได้เลย

3. นักศึกษาจะเชิญ (จ้าง) อาจารย์  มาทำกิจกรรมพัฒนาเจ้าหน้าที่ในหน่วยงาน และเตรียมเชิญเป็นที่ปรึกษาแบบใกล้ชิดได้ล่วงหน้า

ตกลงที่ไปเรียนหลักสูตรการปกครองระดับปริญญาโท ออกมาแล้วได้ผู้บริหารพันธุ์ไหน ยังไม่ค่อยแน่ใจ ?

  • ตามไปอ่านแล้ว
  • โดนใจมากๆๆ
  • แต่ไม่เข้าใจบ้านเราเกิดอะไรขึ้นครับ
  • ขอบคุณครับ

ผมขอทำตัวเป็นหมูไม่กลัวน้ำร้อน นำข้อมูลของแผนพัฒนาอุดมศึกษาระยะยาว (พ.ศ. 2550-2564) มาแสดงไว้ตรงนี้ก็แล้วกันครับน่าจะดีกว่าไปเขียนบันทึกแยกออกไป

ในฐานที่จ้างงาน knowledge worker จากตลาดแรงงาน ผมเป็นผู้มีส่วนได้เสียในผลผลิตของสถาบันระดับอุดมศึกษา และผมรู้สึกว่าบัณฑิตเมื่อเข้าสู่ตลาดแรงงาน น่าจะมีความพร้อมมากกว่านี้ พนักงานที่จบใหม่ๆ มีความเข้าใจในชีวิตน้อยมาก และมักมองโลกเป็นขาวหรือดำเหมือนทำข้อสอบปรนัย

ผมศึกษาสไลด์ชุดนี้ โดยคิดว่าตัดอคติออกเยอะมาก รู้สึกชอบสไลด์ชุดนี้ที่กล้าพูดถึงปัญหาอย่างกล้าหาญ คิดว่าสไลด์ที่ 189 เข้ากันได้ดีกับบริบทของบันทึกนี้ครับ

เจอหน้าอาจารย์เห็นถามถึง Blog นี้ ว่าอ่านหรือยัง ก็อ้อมแอ้มตอบ เพราะยังไม่อ่าน

มาอ่านแล้วโดนครับ คิดถึงหนังสือ โต๊ะโตะจัง ขึ้นมาเลยครับ ผมเคยจดไว้ได้ตามนี้นะครับ

มุกเด็ดๆ จากหนังสือโต๊ะโตะจัง เด็กหญิงข้างหน้าต่าง

เมื่อวานได้หนังสือ นางสาวโต๊ะโตะ มา เลยนึกถึงโต๊ะโตะจังขึ้นมา มีมุกมากมายที่เอาไปใช้เลี้ยงลูกได้ เช่น
1. การฟังลูกพูดเป็นเวลานานๆ เหมือนคุณครูใหญ่ฟังโต๊ะโตะจัง 4 ชั่วโมงในวันแรกที่พบกัน เป็นสิ่งที่พ่อแม่ควรฝึก
2. การให้เด็กผู้ชายและเด็กผู้หญิงชั้น ป.1 แก้ผ้าอาบน้ำในสระเพื่อให้เห็นสรีระและความแตกต่างกันระหว่างเพศ
3. การกางเต้นท์ในหอประชุม (เราเอามากางในบ้านก็ได้)
4. การเอาตู้รถไฟเก่ามาทำห้องเรียน (เราสร้างบรรยากาศได้)
5. การร้องเพลงเคี้ยวให้ละเอียดก่อนกินข้าว ได้ทั้งความสนุก และสอนเรื่องการเคี้ยว
6. การกินอาหารให้ครบด้วยคำว่า อาหารจากทะเล (ปลา และของแห้งต่างๆ เช่น กุ้ง, หอย และปลาตัวเล็กๆ ต้มกับซีอิ้วและน้ำตาล เคี่ยวจนงวด เก็บไว้รับประทานได้นาน) กับ อาหารจากภูเขา (ผัก, เนื้อสัตว์)
7. เริ่มเรียนวิชาอะไรก็ได้ในแต่ละวัน โดยครูเขียนรายการวิชาในกระดาน แล้วเด็กลำดับการเรียนเอาเอง แต่ให้ครบ ใครติดอะไรไปถามครู (Child Center ใช่ไหมเนี่ย)
8. มีการเรียนวิชา "ประกอบจังหวะ" ของ ดัลโครซ (ซึ่งคงต้องหาข้อมูลต่อ)

ส่วนอื่นๆ ที่ประทับใจเช่นการช่วยเพื่อนที่พิการปีนต้นไม้

น่าอ่านมากสำหรับ โต๊ะโตะจังฯ

ใครมีจุดประทับใจอื่น เล่าให้ฟังกันบ้างครับ

อยากถามว่าคนที่เห็นด้วยกับแนวคิดนี้ ใช้วิีธีการอย่างไรในการห้ามไม่ให้ลูก หลาน ตัวเองเข้าเรียนในโรงเรียน

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท