สาระที่ได้จากหนังเรื่องนี้น่าจะจุดประกายเชื่อมโยงเพื่อนำไปประยุกต์ใช้ในการทำงานในองค์กรได้
<p style="text-align: center;"> </p>
<p style="text-align: center;">จอ อำ
จำ
จอ อำ
จำ
จอ อำ จำ</p>
<p style="text-align: center;">ความดีเราทำ
เราจงทำแต่ความดี</p>
<p style="text-align: center;">ชาวนาทำนา
จึงมีข้าวมาเลี้ยงชีพชีวี</p>
<p style="text-align: center;">ชาวนาทำดี
ชาวนานั้นมีบุญคุณต่อเรา</p>
<p style="text-align: center;"> </p>
<p style="text-align: center;"></p>
คนที่มีอายุ 30 ปี ปลายๆ ขึ้นไป
น่าจะรู้จักและประทับใจกับบทเพลงประกอบการสอน สอนของครูปิยะ
คนนี้ได้เป็นอย่างดี
หนังเรื่องนี้สมัยเด็กผมก็ดูสนุกสนานตามประสาเด็กๆ
แต่ก็เกือบร้องไห้เมื่อพระเอกมาตายตอนจบ และเมื่อไม่นานมานี้
ผมก็ได้ดูอีกครั้งจาก VCD ที่นำมาทำใหม่ ของค่าย Rose VDO
คราวนี้ผมดูในมุมมองของผู้ใหญ่ และคนวัยทำงานในองค์กรทั่วไป
และได้ลองวิเคราะห์เชื่อมโยงสาระที่ได้จากหนังเรื่องนี้กับการทำงานในองค์กร
ผมคิดว่าน่าจะนำไปประยุกต์ใช้กันได้ วิธีการสอนของครูปิยะยังทันสมัย
ผมคิดว่าเราสามารถนำมาปรับใช้กับการสอนในปัจจุบันได้ เช่น
การนำเพลงมาใช้ในการเรียนการสอน
เราสามารถนำเทคโนโลยีมาใช้ในเรื่องของการใช้เพลงหรือหนัง
ภาพเคลื่อนไหว Clip VDO มาประกอบการสอนได้อย่างสะดวก
การใช้เพลงหรือ Clip VDO ประกอบการสอน
ผมคิดว่าไม่จำเป็นต้องเป็นเรื่องเพลง หรือ Clip VDO
ที่เกี่ยวข้องกับเนื้อหาการเรียนการสอนก็ได้
เราเพียงเพื่อเป็นตัวจุดประกายเชื่อมโยงความรู้ไปยังเนื้อหาที่เราต้องการ
โดยให้ผู้เรียนเกิดการฉุกคิด หรือต่อยอดความคิดจากสื่อนั้นๆ
(ผมเคยเขียนบันทึกเรื่อง การ Music VDO คาราโอเกะ
มาใช้ในงานฝึกอบรมจาก Link นี้ http://gotoknow.org/blog/attawutc/320250
ซึ่งเนื้อหาของ Music VDO คาราโอเกะ
ไม่เกี่ยวกับเรื่องที่จะสอนแต่ผมใช้การจุดประกายเชื่อมโยงของเนื้อหาไปยังเรื่องที่ต้องการ)
บทบาทของครูปิยะในเรื่อง ไม่เป็นเพียงแค่ครูผู้สอนเท่านั้น
แต่ยังช่วยชาวบ้านพัฒนาชุมชนให้ดีขึ้นด้วย
ไม่ว่าจะเป็นเรื่องการหาอาหารกลางวันให้เด็ก
ด้วยการปลูกผักสวนครัว การช่วยชาวบ้านเรื่องสุขอนามัย
การสืบเรื่องราวเกี่ยวกับไม้เถื่อน
เปรียบกับเราอยู่ในองค์กรในหน้าที่ต่างๆ
เราต้องทำหน้าที่ของเราให้ดีที่สุด
และศึกษาเรียนรู้เรื่องราวต่างๆที่เป็นประโยชน์ต่อองค์กร
นำมาใช้พัฒนาองค์กรต่อไป ประสานงาน อาสาช่วยงานต่อผู้คนรอบด้าน
ดังคำกล่าวที่ว่า
เราต้องปฏิบัติตัวให้เป็นที่พอใจและไว้วางใจของลูกค้า
ลูกค้าในที่นี้ไม่ได้หมายความว่าลูกค้าที่มีอุปการะคุณ
หรือหน่วยงานอื่นๆ ที่ไม่ใช่หน่วยงานเราเท่านั้น ผมคิดว่า
ลูกค้าคือใครก็ได้ที่ไม่ใช่เรา เช่น ถ้าเราทำหน้าที่เป็นวิศวกร
ไม่ได้หมายความว่าเราเป็นวิทยากรให้ความรู้แก่คนอื่นๆไม่ได้
เราต้องสามารถถ่ายทอดความรู้ไปยังลูกค้า ลูกน้อง เพื่อนร่วมงาน หรือ
หน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้
ปัจฉิมบทของหนังเรื่องครูบ้านนอก จะเห็นว่าพระเอกตายตอนจบ
เพราะไปขัดผลประโยชน์ของกลุ่มผู้มีอิทธิพล
ดังนั้นการทำงานต้องอยู่บนพื้นฐานของความพอดี ต้องไม่เก่งอยู่คนเดียว
ไม่กล้าจนเสี่ยงเกินไป (กล้านักมักบิ่น) ต้องมีเครือข่ายที่เข้มแข็ง
พยายามหาเครือข่ายที่เป็นกัลยาณมิตร ช่วยเหลืออุ้มชูกัน
ไม่ใช่เครือข่ายแบบพันธมิตร ซึ่งเป็นมิตรที่อยู่ได้ด้วยผลประโยชน์
หมดผลประโยชน์ก็แยกจากกัน
เราต้องพยามทำเครือข่ายแบบพันธมิตรให้เป็นแบบเครือข่ายที่เป็นกัลยาณมิตร
ด้วยหลักสังคหวัตถุ 4 คือ ทาน ปิย วาจา สมานัตตา (โอบอ้อมอารี
วจีไพเราะ สงเคราะห์ปวงชน) ต่างๆ
เหล่านี้ต้องอยู่ภายใต้คุณธรรมและจริยธรรม