R2R (Research to Routine) เป็นการวิจัยเพื่อ “พัฒนา” (Research & Development) ซึ่งเป็นการพัฒนาอย่างประหยัด...

การพัฒนาแบบ R2R นั้นประหยัดต้นทุน คือ ไม่ต้องลงทุนในการศึกษา อบรม สัมนา เพื่อให้ได้มาซึ่ง “ระเบียบวิธีวิจัย (Research Methodology)”
การวิจัยแบบเดิม ต้องไปเรียนก่อน ลาไปศึกษาก่อน ต้องลงทุนเดินทางไปอบรมและสัมนาก่อน
ต้องใช้งบประมาณตน งบประมาณหลวงเป็นจำนวนมาก
ต้องลงทุนไปก่อนถึงจะเริ่มนับหนึ่งในการวิจัยได้

แต่ R2R คิดได้ก็ทำเลย
คิดปุ๊บก็ทำปั๊บ
ประยุกต์พัฒนา ค้นคว้าองค์ความรู้จากสิ่งรอบข้าง
R2R จึงเป็นการ Reduce & Reuse & Recycle of Knowledge
คิดค้น ค้นคิด วนไปเวียนมาในความรู้ ซ้ำแล้ว ซ้ำอีก ซ้ำแล้ว ซ้ำอีก
จนสามารถกลั่น กรอง ร่อนออกเป็นความรู้ที่เหมาะสมกับ “บริบท (Context)”

ความรู้ที่ได้ออกมาหนึ่งสามารถพัฒนาได้ถึงสองคือ พัฒนางานหนึ่งและพัฒนาตนอีกหนึ่ง

การประยุกต์ใช้ความรู้ที่มีอยู่เปรียบได้กับการ Reuse ความรู้ที่อยู่ในตู้ขององค์กร (Knowledge in Organization)
นำความรู้ที่อยู่ในตู้ ที่ใครหลายคนเคยลงทุน ลงแรงไปเรียน ไปศึกษา ไปอบรม ไปสัมมนามาแล้ว
นำมาผสม ระคนเข้ากับความรู้ในปัจจุบันโดยอาศัยกระบวนการวิจัยแบบง่าย ๆ แบบธรรมดา แบบ “ธรรมชาติ”

กระบวนการวิจัยแบบธรรมชาติ เกิดขึ้นจากแนวคิดที่ว่า อันใดไม่ดีก็คิด ก็แก้ให้ดี
ดีแล้วก็ถือว่า “ใช้ได้แล้ว”
ไม่ต้องไปคำนึง ไปกังวลเหมือนเมื่อก่อนว่าจะถูกต้องตามทฤษฎีไหม จะถูกต้องตามระเบียบวิธีวิจัยไหม (Research methodology)…!

R2R สามารถพัฒนาตนเองให้อาจหาญทางวิชาการ
คนที่ทำ R2R เป็นประจำและสม่ำเสมอ ย่อมมีความมั่นใจในสิ่งที่ค้นพบ
กล้าคิด กล้าพูด กล้าทำ
กล้าปฏิเสธ (Reject) สมมติฐานทางสถิติเก่า ๆ และหันหน้าเข้าหาสมมติฐาน ณ หน้างานอันเป็นองค์ความรู้ใหม่ ๆ สด ๆ

คนที่ทำมากย่อมแข็งแรงและแข็งแกร่งมาก

เปรียบได้กับคนที่ออกกำลังกายบ่อย ๆ ร่างกายนั้นย่อมแข็งแรง
หลายคนต้องเสียเงินไปฟิตเนสเพื่อออกกำลังกาย การออกกำลังกายแบบเข้า Fitness นี้ก็เปรียบได้กับการลาไปเรียน ลาไปศึกษา ลาไปอบรมสัมมนา
แต่การออกกำลังกายแบบ R2R นั้นเปรียบได้กับการออกกำลังกายของ “กรรมกร”
ได้แรง ได้กำลัง ได้เงิน และ “ได้งาน...”

R2R เป็นกระบวนการวิจัยที่มีคุณค่าเหนือการวิจัย
R2R เป็นกระบวนการที่พัฒนากายและพัฒนาใจ
R2R เป็นกระบวนการที่สามารถพัฒนาอุปนิสัยที่ดีให้ก้าวไกลในการทำงาน...