วิธีเริ่มเรื่อง
เรียบเรียงจาก แปดเงื่อนไขในการเปิดเรื่อง ของเพลินตา ในนิตยสารช่อการะเกด ฉบับที่ ๓๒ หน้า ๑๗๔
นักเขียนหลายคนใช้เวลาเป็นชั่วโมงๆ หรือเป็นวันๆ กระทั่งเป็นเดือน พยายามสร้างการเปิดเรื่องที่สมบูรณ์พร้อมก่อนที่จะขยับไปเขียนส่วนที่เหลือของเรื่อง การปฏิบัติเช่นนี้ โดยเฉพาะนัก(อยาก)เขียนมือใหม่ บางครั้งนำไปสู่การล้มเลิกเรื่องที่จะเขียนทั้งหมด เนื่องจากความขัดเคืองใจกับประโยคสองสามประโยคเท่านั้น
**เขียนในสิ่งที่ถนัด หากคนเขียนเด่นด้านการพรรณนาและการพัฒนาตัวละคร แต่ด้อยการสร้างความขัดแย้งและการผูกเรื่อง จงเขียนประโยคเปิดเรื่องให้ตัวละครแสดงพฤติกรรมทันที เช่นเดียวกัน หากการพัฒนาตัวละครเป็นเรื่องยากสำหรับคนเขียน ลองเปิดเรื่องด้วยการให้ตัวละครพูด นึกคิด หรือกระทำสิ่งที่แสดงลักษณะนิสัยของเขาหรือหล่อนออกมา**
เทคนิคการเปิดเรื่อง
ประชาธิป กะทา
เนื่องจากเรื่องเล่าต้องการเป้าหมายที่ชัดเจนเป้นอย่างมากว่า เราต้องการจะสื่อสาร หรือบอกเล่าประเด็นใด(หัวใจของเรื่อง) สู่คนอ่าน ดังนั้นเรื่องเล่าที่เราจะเขียนจึงไม่ใช่ “ขอเพียงแค่ให้มีจุดตั้งต้น” แล้วเนื้อหาส่วนอื่นๆ จะตามมาเท่านั้น แต่มันจะต้อง “เปิดเรื่อง” เพื่อสนับสนุนสิ่งทั้งหลายทั้งปวงที่เราจะบอกเล่าสู่คนอ่าน รวมทั้งเปิดเรื่องให้ดึงดูความสนใจน่าติดตามอ่านต่อไป ต้องซัดคนอ่านให้อยู่หมัดใน ๕ บรรทัดแรก ว่างั้นเถอะ
วิธีการเปิดเรื่องที่จะนำเสนอต่อไปนี้ สามารถเลือกใช้ได้ตามความสนใจของคนเขียน โดยจะมีตัวอย่างบางส่วนจาก กรณีศึกษาที่เจ้าหน้าที่ที่ให้บริการปฐมภูมิ เขียนถ่ายทอกเรื่องเล่า จากประสบการณ์ทำงานจริง เพื่อเป็นตัวอย่างใช้ประกอบการทำความเข้าใจ
๑.ความขัดแย้ง
เปิดเรื่องด้วยการบอกเล่าถึงความขัดแย้งไปรงๆ ในประโยคแรก วิธีนี้เป็นการมุ่งเข้าสู่หัวใจของเรื่องเล่าในทันที เหมาะกับเรื่องที่ต้องการแสดงความขัดแย้งอย่างรุนแรงและเด่นชัด เช่น
กฤษณา ไม่ชอบหนวดเคราของน้อยเพื่อนร่วมงานประจำสถานีอนามัย เธอคิดว่ามันไม่เหมาะกับข้าราชการที่ต้องให้บริการรักษาพยาบาลแก่ชาวบ้าน
คำว่า ไม่ชอบ บรรจุความขัดแย้งอยู่ภายใน หรืออย่างน้อยก็แสดงถึงความขัดแย้งซึ่งจะกลายเป็นสัญลักษณ์ของการขับเคี่ยวทางจิตใจในครั้งต่อๆ ไปของคนทั้งคู่
๒.ตัวละคร
เปิดเรื่องด้วยการนำคนอ่านเข้าไปอยู่ในจิตใจของตัวละครสำคัญ แล้วรีบแสดงความสัมพันธ์ที่สลับซับซ้อน ระหว่างตัวละครสำคัญกับตัวละครอื่นๆ เช่น
หมอบอกจันทร์ว่า แม่ของหล่อนต้องลดน้ำหนักบ้างเพื่อรักษาโรคเกี่ยวกับความดัน คืนวันพุธต่อมา จันทร์ก็เลยพาแม่ไปเข้าคอร์ส ลดน้ำหนัก หล่อนไม่สนใจว่าแม่เคยทำอะไรเพื่อหล่อนบ้างหรือไม่ แต่ทุกคืนวันพุธ หล่อนจะคอยเตือนตัวเองให้พาแม่ไปออกกำลังกายล
หน้าที่กับความหวั่นวิตก ที่ผสมปนเปกันทำให้ผู้อ่านสนใจความสัมพันธ์ของแม่ลูกคู่นี้ แม้ว่าความขัดแย้งที่แท้จริงยังไม่เปิดเผยออกมา
๓.บทสนทนา
การเปิดเรื่องด้วยบทสนทนา เป็นวิธีที่ดีที่สุดในการนำเข้าสู่เรื่องอย่างรวดเร็ว ผู้อ่านชอบที่จะได้ยินการถกเถียงโต้แย้งระหว่างตัวละคร เมื่อตัวละครทั้งสองสนทนา ผู้อ่านจะนิ่งฟัง เช่น
กริ๊ง กริ๊ง !!! “สวัสดีค่ะ สุขาภิบาล ดวงกมลรับสายค่ะ”
“.........................................”
“ค่ะ เดี๋ยวจะขึ้นไปเดี๋ยวนี้ค่ะ”
เสียงโทรศัพท์แจ้งว่ามีผู้ป่วยวัณโรคที่ตึกผู้ป่วยล่าง ดวงกมลรีบเก็บเอกสารบนโต๊ะแล้วหยิบแบบฟอร์มซักประวัติผู้ป่วยวัณโรคพร้อมกับสมุดประจำตัวผู้ป่วยวัณโรค เดินไปตามทางพอถึงตึกผู้ป่วยล่าง ดวงกมลตรงไปที่เคาเตอร์พยาบาลแล้วถามว่า “เตียงไหนคะ”
(จากเรื่อง ชีวิตที่เหมือนตายทั้งเป็น จ.ราชบุรี)
“อรุณ ! ไอ้เด็กคนนั้นมันมาอีกแล้ว”
“ใครหรือพี่ไร”
“ก็ไอ้เด็กคนที่พี่เล่าให้ฟังไง ที่มันชอบมานอนหน้าวอร์ด แล้วแอบเข้าไปในห้องคนไข้ตอนเจ้าหน้าที่เผลอไง”
(จากเรื่อง หนู จะอยู่กับใคร จ.ราชบุรี)
๔.การพรรณนาฉาก
เช้าวันพุธอากาศสดใส กลุ่มผู้สูงอายุราว ๓๐ คน เริ่มทยอยมาร่วมทำกิจกรรมที่ลานวัดพระธาตุเสด็จตามปกติ คนที่อยู่ใกล้วัดก็เดินมาเอง ส่วนที่อยู่ไกลก็ใช้จักรยานคันเก่า ที่มีกระบุงสานเป็นตาห่างๆ ติดท้ายรถ แสงแดดยามเช้าทำให้ทุกคนกระชุ่มกระชวยมีชีวิตชีวา
ต้นดอกแก้วถูกปลูกไว้รายรอบบริเวณวัด ดูเป็นระเบียบลงตัว และยังสร้างร่มเงาต่อเนื่องกันเป็นหลังคาใหญ่ กลิ่นหอมของดอกแก้วช่วยสร้างบรรยากาศสดชื่น ยามคนแก่ออกกำลังกายเป็นอย่างดี
(จากเรื่อง แสงเทียนส่องทาง จ.ลำปาง)
๕.การพรรณนาตัวละคร
ตัวอย่างการเปิดเรื่องด้วยการพรรณนาตัวละคร เช่น
ผัวเมียแก่หง่อมถูกจับตามองจากทุกคนบนชายหาด แต่ทั้งคู่ดูเหมือนมองไม่เห็นใครทั้งนั้น
มีเงื่อนงำอยู่ในคำพรรณนาข้างต้น ผู้อ่านย่อมอยากรู้เหมือนกับ “ทุกคนบนชายหาด” พวกเขาอยากรู้รายละเอียดของหญิงชายชราสองคนนี้ หากแก่นเรื่องหรือความขัดแย้งในเรื่องของเราเกิดจากตัวละครหนึ่งมีลับลมคมในกับตัวละครอีกตัวหนึ่ง เราต้องทำให้ผู้อ่านอยากรู้อยากเห็นไปด้วย
หญิงวัยกลางคนนอนอยู่บนเสื่อเก่าๆ สวมเสื้อคอกระเช้าสีขาวหม่น มีคราบสกปรก นุ่งผ้าถุงสีเขียวลายทาง เหน็บชายไว้ไม่แน่นจะหลุดมิหลุดแหล่ นัยน์ตาเหม่อลอย มองเพดานแบบไร้จุดมุ่งหมาย พอทีมเยี่ยมบ้านของเราไปถึงก็เห็นชายชราคนหนึ่ง นุ่งกางเกงชาวเลสีดำ มีผ้าขาวม้าพาดบ่า ไม่สวมเสื้อ เดินตรงไปที่หญิงกลางคนๆ นั้น
(จากเรื่อง ชีวิตนี้ยังมีหวัง จ.จันทรบุรี)
วิธีเปิดเรื่องที่ค่อนข้างเป็นนามธรรม เป็นทางการ แต่ก็ยังมีผู้ใช้อยู่และได้ผลดี เช่น
รสชาติของความเจ็บปวดนั้นเล็กน้อยมากเมื่อเทียบกับสิ่งที่เราสมควรจะได้รับ มันง่ายที่จะให้ แต่ยากที่จะสูญเสีย เหมือนกับเรื่องราวต่อไปนี้
ต่อไปนี้เป็นตัวอย่างจากเจ้าหน้าที่ปฐมภูมิ ที่เปิดเรื่องด้วยการกำหนดกรอบของแก่นเรื่องชัดเจนตั้งแต่ตอนแรก
เหตุการณ์ต่างๆ ที่เกิดขึ้นในชีวิต บางครั้งก็ไม่มีที่มาและเหตุผล บางครั้งก็เป็นปัญหาที่ยากแก่การแก้ไข แต่เมื่อเกิดขึ้นผู้ที่เผชิญกับเหตุการณ์นั้นๆ ต้องจัดการเพื่อให้เกิดความลงตัวและสามารถดำเนินชีวิตต่อไปได้ แต่ปัญหาที่เกิดขึ้นครั้งแล้วครั้งเล่ากับคนในครอบครัว ดูเหมือนภาระทั้งหมดจะอยู่ที่แกนหลักของครอบครัว และมาวันหนึ่งแกนหลักของครอบครัวกลับต้องพบกับปัญหาความเจ็บป่วย ที่ทำให้กลายเป็นคนที่ต้องพึ่งพาผู้อื่น แล้วใครเล่าจะเป็นแกนให้เธอได้เกาะเพื่อที่จะลุกได้อีกครั้ง
(จากเรื่อง เวรกรรมจริงหรือ ? จ.ขอนแก่น)
เขาว่ากันว่า ความสุขมักอยู่กับคนเราได้ไม่นาน ไม่ช้ามันก็จะจากไปและความทุกข์ก็จะเข้ามาแทน และเช่นกันความทุกข์ก็จะอยู่กับเราไม่นานเหมือนกัน และความสุขก็จะกลับคืนมาแทนที่ วนเวียนกันไปเป็นวัฏจักรชีวิตคนเราเช่นนี้ไปเรื่อยๆ
(จากเรื่อง หนานนวล จ.เชียงใหม่)
คนเรานั้นถ้าจะต้องเกิดมาเป็นคน เรามีสิทธิเลือกเกิดได้แค่ไหน...เลือกได้หรือเปล่าว่าจะเอาอะไรและไม่เอาอะไรติดตัวมาบ้างตอนที่เราเกิด (จากเรื่อง ชีวิต...ใครกำหนด จ.เชียงใหม่)
โดยสรุป การเปิดเรื่องที่มีการผูกเงื่อนปม แสดงความขัดแย้งของเหตุการณ์ หรือวิกฤตภายในจิตใจของตัวละคร จะเป็นการเปิดเรื่องที่ชวนติดตาม เร้าให้คนอยากอ่านต่อไป นอกจากนั้น การลอกเลียนฉากเปิดจากเรื่องสั้น นิยาย และภาพยนตร์ที่เราประทับใจก็เป็นอีกวิธีการหนึ่งที่นัก(อยาก)เขียนหน้าใหม่บางคนเคยปฏิบัติมาก่อนที่ฝีมือจะกล้าแกร่งมีชื่อเสียงเป็นที่รู้จัก (เรียบเรียงจาก แปดเงื่อนไขในการเปิดเรื่อง ของเพลินตา ในนิตยสารช่อการะเกด ฉบับที่ ๓๒ หน้า ๑๗๔)
ดีใจมากๆ ที่ได้รับโอกาส ดีดี แบบนี้ ขอขอบคุณพี่ป้อม(สุทธิสิทธิ์ ไมตรีจิตร์) ที่มอบโอกาสนี้ให้ ผมได้ร่วมแลกเปลี่ยน แบ่งปัน เปลี่ยนแปลง และผองเพื่อน ยังไงก็จะขอนำความรู้ ประสบการณ์ที่ได้รับในช่วงเวลาดังกล่าว มาพัฒนาตนเองต่อไปครับ
ไม่มีความเห็น