ผมได้รับการร้องขอจากลูกศิษย์คนหนึ่งให้ช่วยเขียนบันทึกเรื่อง "ปาท่องโก๋" ให้หน่อย เพื่อนำไปใช้ประกอบการสอนเรื่อง "โครโมโซมและ DNA" คงจะชอบใจตอนที่ผมเคยเล่าให้ฟังในชั้นเรียน เรื่องนี้ต้องเป็นบูรณาการความรู้ ระหว่างพงศาวดารจีนเรื่อง "ซวยงัก" และ เรื่องเล่าเกี่ยวกับ "อิ่วจาก้วย" ซึ่งเป็นที่มาของ "ปาท่องโก๋" ในบ้านเราครับ
ผมได้เล่าเกริ่นนำ/ปูพื้นเกี่ยวกับเรื่อง "ปาท่องโก๋" ไว้ ๔ ตอนมาแล้ว ขอได้โปรดติดตามดังนี้
เล่าเรื่องต่อนะครับจากตอนที่ 4 เมื่อบูเชียงก๋งตายแล้ว ประชาชนก็โกรธแค้นชีนไคว่ แต่ยังทำอะไรไม่ได้เนื่องจากขณะนั้นชีนไคว่เป็นใหญ่อยู่ในตำแหน่ง อัครมหาเสนาบดี
ภายหลัง บุตรของบูเชียงก๋งคนหนึ่ง ชื่องักหลุย ได้เป็นแม่ทัพไปปราบปรามเมืองไตกิมก๊กได้ราบคาบยอมเป็นข้าในแผ่นดิน น่ำซ้อง (ซ้องตอนใต้) แล้ว เมื่อกลับมาเฝ้าพระเจ้าซ้องเฮาจง (เป็นเชื้อสายของเตียคังเอี๋ยนปฐมกษัตริย์ราชวงค์ซ้อง ครองราชย์ต่อจากพระเจ้าซ้องเกาจง) จึงได้ชำระความเรื่องชีนไคว่เป็นไส้ศึก ได้ความจริงแล้ว ชีนไคว่,นางเฮงสี (ซึ่งทั้งสองตายไปก่อนหน้านั้นแล้ว) พร้อมทั้งพวกพ้อง จึงถูกประณามว่าเป็น "คนขายชาติ" และถูกพระราชอาญาประหารชีวิตทั้งหมด
และเพื่อเป็นการจารึกความดีให้กับบูเชียงก๋งผู้ล่วงลับ จึงได้มีการสร้างศาลรูปเคารพของบูเชียงก๋งขึ้น และยกย่องให้เป็นเทพเจ้า ภายนอกศาลให้สร้างเป็นรูปศิลา (หิน) คุกเข่าก้มหน้า เป็นรูปของชีนไคว่และนางเฮงสีกับพวกอีก 2 คน เวลาคนจะเข้าไปบูชาบูเชียงก๋ง ต้องเขกศีรษะคนเหล่านี้ พอเขกจำนวนครั้งมากเข้า ศีรษะรูปศิลาก็แหว่งไป ภายหลังจึงทำเป็นรูปโลหะ
ภาพ รูปเคารพของเทพเจ้าขุนพลงักฮุยหรือบุเชียงก๋ง | ||
นอกจากนั้นความที่ประชาชนยังมีความแค้น
จึงทำขนมชนิดหนึ่งเพื่อนำไปบูชาบูเชียงก๋ง เป็นแป้งติดกันเป็นคู่
แล้วเอาไปทอดในกระทะ เวลาจะรับประทานต้องฉีกออกจากกัน
เพื่อให้สมกับความแค้น สมมุติแป้งให้เป็นชีนไคว่กับนางเฮงสี
และเรียกขนมนี้ว่า "โหยวจ้าข้วย"
(จีนกลาง) แต่สำเนียงจีนในเมืองไทยจะออกเสียง "อิ่วจาก้วย" หมายถึงน้ำมันทอดชีนไคว่ (ฉินข้วย)
ประชาชนที่มากราบไหว้บูชาเทพเจ้าบูเชียงก๋งเสร็จแล้ว
มักจะถ่มน้ำลายหรือเอาของโสโครกสาดใส่รูปโลหะของพวกกังฉินเหล่านั้นเพื่อแสดงความเกลียดชังพวกกังฉินที่ร่วมกันขายชาติให้ชาวต่างชาติ.......
สมัยรัชกาลที่ 6 ขนม "อิ่วจาก้วย" ได้มีการนำมาทอดขายในเมืองไทยคู่กับขนมชนิดหนึ่งเรียกว่า "ปาท่องโก๋" ซึ่งในหนังสือประวัติวัฒนธรรมจีนของ ล.เสถียรสุต เขียนว่า “ปาท่งโก๋” เป็นขนมน้ำตาลทรายขาว แผ่นกลมใหญ่เท่าฝ่ามือ มีน้ำตาลโรยอยู่บนหน้า ขายคู่กับขนมเหย่าจาโก๋ หรือขนมทอดน้ำมัน ซึ่งเป็นแท่งประกบติดกัน ดังนั้นปาท่องโก๋ของเราก็น่าจะเป็นขนมอิ่วจาก้วย ที่เรียกชื่อสลับกันผิดมาตั้งแต่สมัยนั้น....
ภาพ ขนม"อิ่วจาก้วย" ซึ่งคนไทยเรียกผิดมาตั้งแต่สมัยรัชกาลที่ 6 ว่า "ปาท่องโก๋" | ภาพด้านล่างคือ ขนม "ปาท่องโก๋" เดิม | ||
หมายเหตุ : เรื่องของปาท่องโก๋นี้ เป็นเรื่องของคนที่ทำความไม่ดี คือขายชาติ ทำให้มหาชนโกรธแค้น ดังนั้นจึงทำขนมชนิดหนึ่ง ซึ่งเวลาจะรับประทานต้องฉีกออกจากกัน (ด้วยความแค้น) ดังนั้น ความหมายที่คนไทยนำมาใช้ในเรื่อง "การทำงานแบบปาท่องโก๋" (ทำนองว่าร่วมมือร่วมใจกันทำงาน) จึงไม่ถูกต้องในความหมายเดิมครับ...
ก็ยังมีผู้คนเข้าใจความหมายผิดๆอยู่เสมอ เห็นคู่บ่าวสาวบางคู่ทำของชำร่วยเป็น โหยวเถียว แต่คนไทยเรียก ปาท่องโก๋ แจกแขกอยู่เสมอในงานแต่งงาน เมื่อรู้ความหมายที่แท้จริงแล้วจะรู้สึกอย่างไรนะ
ค่ะ ที่คนไทยเรียก ปาท่องโก๋ ก็คือ 白糖糕 หรือออกเสียงให้ถูกตามสำเนียงคนกวางตุ้งก็คือ ปักถ่องโก๊ว คุณสมลักษณ์ อย่าลืมอัพเดท เรื่อง 馒头 (หม่านโถว) และประวัติของ 粽子 ด้วยนะเพราะใกล้จะถึงเทศกาลสิ้นเดือนนี้แล้ว
ดีคะ อ่านแล้วดีมากเลย ให้ความรู้จริงแล้วเราจะsearchหา วิธีทำปาท่องโก๋คือจะหัดทำขายอะเพราะทำน้ำเต้าหู้เป็นแต่ทำปาท่องโก๋ไม่เปน แต่เจอประวัติเลยลองคลิกอ่านดูได้ประโยชน์ในสิ่งที่เราไม่รู้ดี
ทางใต้ เค้าเรียกขนมที่ทำด้วยแป้งประกบเป็นคู่ ทอดสีเหลืองทอง ว่า อิ่วจาก้วย จาก้วย เฉียะโก๊ย
ส่วนปาท่องโก๋ เนี่ย เป็นชื่อที่ทางกรุงเทพฯ เรียกกัน
ขอบคุณมากค่ะอ่านแล้วได้ความรู้อีกชอบกินอย่างเดียวไม่เคยรู้เลยว่าเป็นของจีนคิดว่าเป็นของไทยอย่างเดียว
ใช่ครับ ทางใต้บ้านผมเรียก จาโก้ย
รู้ไว้ก็อย่าไปซีเรียสมาก อยู่กับปัจจุบัน มองบวก ขนมดีๆ มองโลกในแง่ดี กินพอประมาณ แค่นี้ก็สุขใจ