ในบันทึกเก่าที่ใช้ชื่อว่า “ทำไมจึงแปลแต่งานของ Osho?” ถึงวันนี้มีผู้อ่านแล้วถึง 669 คน (ครั้ง) แต่ที่น่าสนใจก็คือในช่อง Comment มีผู้เข้าร่วมแสดงความคิดเห็นถึง 29 ครั้ง บ้างก็แสดงความพอใจ บ้างก็รู้สึกไม่พอใจ เป็นตัวอย่างเวทีที่แสดงให้เห็นถึงความแตกต่างหลากหลาย (ทางความคิด) ของคนเราได้อย่างชัดเจน สำหรับ Comment ที่เพิ่งเข้ามา (เมื่อ พ. 22 ต.ค. 2551 @ 18:29) คุณ Katy เขียนไว้ว่า . . .
สวัสดีค่ะ อ.ประพนธ์
ดิฉันเป็นคาทอลิก แต่ก็ชอบแนวคิดของ osho มีความจริงหลายอย่างที่ตรงกับที่พระเยซูสอน และความจริงบางอย่างที่พระองค์ไม่ได้พูดถึง แต่ osho นำมาตีแผ่ให้กระจ่าง ขอเป็นกำลังใจให้อาจารย์แปลงานของ osho ต่อไป ดิฉันติดตามทุกเล่มค่ะ แต่ก็ไม่ได้เชื่อทุกอย่าง สิ่งไหนดีก็รับ สิ่งไหนไม่อยากรับก็อ่านผ่านๆ ดิฉันว่าถ้าเพียงแค่เราปฏิบัติเรื่อง การรู้ตัวทุกขณะ เหมือนที่ท่านทำแล้ว สิ่งอื่นๆ ในหนังสือก็ไม่ใช่ประเด็นมากหรอกค่ะ จริงไหมคะ ส่วนเรื่องที่ว่าท่านมีแนวคิดเรื่อง free sex นั้น ดิฉันว่าไม่ใช่ค่ะ เพราะคนที่เขาบรรลุกันจริงๆ เขาจะไม่ยึดติด คิดแต่เรื่องนี้เรื่องเดียวหรอกค่ะ แต่เขาจะมีวิธีดำเนินชีวิตตามธรรมชาติของเขาอย่างสมดุล ว่าไหมคะ แต่ท่าน osho อาจจะตีแผ่ความจริงแรงไปหน่อย ทำให้พวกที่มือถือสากปากถือศีลเดือดร้อน
ยังไงก็ติดตาม เป็นกำลังใจ และจะสวดภาวนาแด่อาจารย์นะคะ
ขอพระเจ้าอวยพรค่ะ
Katy
ขอบคุณ คุณ Katy มากครับ สำหรับ Comment สั้นๆ ที่ทรงพลังนี้ ผมเห็นว่ามีอะไรดีๆ ค่อนข้างมาก จึงนำลงไว้ในบันทึกใหม่นี้ ผมเห็นว่า คุณ Katy เป็นตัวอย่างที่ดีของผู้ที่เรียนรู้ด้วย “ใจที่เปิดกว้าง” สามารถปล่อยวางความคิด ไม่ยึดติด (กรอบหรือแนวทางทางศาสนา) รู้ว่าเนื้อหาส่วนไหนเป็น "แก่น" ส่วนไหนเป็น "กระพี้" ผมอ่านแล้วรู้สึกมีกำลังใจ ได้รับความอบอุ่น เกิดปิติขึ้นมาในใจ ทำให้ได้เห็นว่าแท้จริงแล้วศาสนาไม่สามารถจะแบ่งแยกมนุษย์เราได้ สิ่งที่อันตรายกลับกลายเป็นความคิดเห็นของเรา ความคิดเห็นที่ไม่ตรงกัน ทำให้เกิดการแบ่งพรรคแบ่งฝ่าย สร้างความแตกแยกขึ้นมามากมายเหมือนกับที่สังคมไทยเป็นอยู่ในขณะนี้ !!
สวัสดีครับท่านอาจารย์
กระบวนการการจัดการความรู้ น่าจะป็นอีกทางเลือกหนึ่ง ในการคลี่คลายปัญหาความแตกแยกที่เป็นอยู่ในขณะนี้ ผมว่าน่าสนใจมากนะครับ
การยึดมั่นถือมั่นในความคิดของตัวเอง นำไปสู่อาการ มองแต่ไม่เห็น ฟังแต่ไม่ได้ยิน จะมีสักกี่คนที่เท่าทันจิตใจที่ยึดติดของตัวเอง
มีเพียงจิตใจที่เปิดกว้างเท่านั้นที่นำไปสู่การเรียนรู้ที่แท้จริง..^__^..
ขอบคุณอาจารย์ประจักษ์ และ คุณใบไม้ย้อนแสง . . . ท่านทั้งสองมองได้ตรงประเด็นมากครับ เพราะกุญแจสำคัญอยู่ที่การ "ไม่ยึดมั่นถือมั่น และต้องฟังกัน" กระบวนการ KM แบบที่ สคส. ทำ เน้นตรงนี้ค่อนข้างมาก ถ้าไม่ฟังกันหรือยึดมั่นค่อนข้างมาก การเรียนรู้ก็จะเกิดได้ยากครับ . . . วันก่อนฟังคำสอนของพระพรหมคุณาภรณ์ (ป.อ.ประยุตฺโต) ท่านบอกว่า "อย่าว่าแต่ให้พระเข้าไปพูดเลย ถ้าพระพุทธเจ้าอยู่ ไม่รู้ว่าเขาจะฟังพระพุทธเจ้าหรือเปล่า?"
ประโยคเด็ด ในบันทึกของอาจารย์ก็คือ การเรียนรู้ด้วยใจที่เปิดกว้าง ทำให้เราต่อยอดความคิดได้มากมาย มองทะลุมิติที่เราคุ้นชินได้
ขอบคุณครับอาจารย์
*** มีโอกาสผมจะขออาจารย์ ลงอาคมหนังสือเล่มใหม่ด้วยนะครับ
ถึงจะไม่ค่อยได้พบกับเอกในบันทึก แต่ก็ยังคงระลึกถึงเสมอ . . .หนังสือเล่มใหม่ "สปาอารมณ์" ปกสีเขียวสดใส ไม่แน่ใจว่าต้องใช้เวลานานเท่าใดจึงจะไปถึงตามร้านหนังสือ? หรือว่าเอกซื้อมาจากในงานมหกรรมหนังสือแล้ว !
สวยไหมครับ ?
คุณนก โทรสั่งตรงกับคุณสุนิตได้ที่เบอร์ 08-1919-8111 จะจัดส่งให้ทางไปรษณีย์โดยไม่คิดค่าส่ง . . . จะรับกี่เล่มครับ??
ครูตาเข้ามาแวะอ่านค่ะ ไม่รู้จัก oshoมาก่อนเลย มีอะไรให้เรียนรู้อีกเยอะนะคะ
ถ้าได้อ่านแล้ว ครูตาอย่าลืมแชร์มาให้ฟังบ้างนะครับว่ารู้สึกอย่างไร แชร์มาที่อีเมล์ผมก็ได้ครับ
Have got your third translated book on Intelligence and am reading it with enjoyment ka. Will have to buy the most recent one soon ka.
From what I read na ka, intelligence requires our open-mindedness with sa-ti and deep self refection na ka.
Sure will get more when readng further ka.
ptk
สวัสดีค่ะ
แวะมาเพิ่มเติมความรู้ให้ตนเอง
ได้อะไรอีกมากมาย
Dear Khun ptk . . . I am glad you enjoy it. I think you will enjoy the recent one as well. Thanks for your email, I 've learned a lot!
ขอบคุณ คุณ add ที่ีแวะเข้ามาอ่านครับ