อิสรภาพเกิดขึ้นไม่ได้ภายใต้การ “ติดดี"


อิสรภาพเป็นสิ่งที่ได้มาถ้าท่านยอมรับตัวเองตามที่ท่านเป็น

         เมื่อวานตอนบ่าย (10 พ.ย. เวลา 14.15 - 14.40 น.) ผมได้ให้สัมภาษณ์สดออกรายการ “คุยกับนักเขียนนักแปล” (FM92, www.moeradiothai.net) ผู้จัดรายการ คุณนงนุช ประเสริฐวชิรกุล ถามผมว่าเนื้อหาสาระของหนังสือแปลเล่มใหม่ที่ใช้ชื่อเป็นภาษาไทยว่า สปาอารมณ์ นั้นคืออะไร? ถ้าจะให้ผมตอบสั้นๆ ผมบอกว่าเป็นการทำให้ผู้อ่านได้หันมาสนใจและให้ความสำคัญกับอารมณ์ความรู้สึกที่อยู่ลึกๆ มากยิ่งขึ้น แต่ก่อนเราให้ความสำคัญแต่ความคิด ความคิดที่ชอบตัดสินดีเลวถูกผิด ความคิดทำให้เราเป็นโรค ติดดี กันงอมแงม ผมจะขอยกตัวอย่างข้อความบางตอนจากในหนังสือมาให้อ่านข้างล่างนี้ครับ . . .  

. . . อิสรภาพเกิดไม่ได้ภายใต้การ ติดดี  อิสรภาพเป็นสิ่งที่ได้มาถ้าท่านยอมรับตัวเองตามที่ท่านเป็น อิสรภาพเป็นผลพลอยได้ มันไม่ใช่เป้าหมายที่ได้มาจากการใช้ความพยายาม จากความต้องการของท่าน มันไม่ได้มาเพราะว่าท่านได้พยายามอย่างที่สุด มันเกิดขึ้นตอนที่ท่านผ่อนคลาย แล้วท่านจะผ่อนคลายได้อย่างไรถ้าท่านไม่ยอมรับความขี้ขลาดของตัวเอง? ถ้าท่านไม่ยอมรับความกลัวของตัวเอง ถ้าท่านไม่ยอมรับความรักของท่าน ถ้าท่านไม่ยอมรับความเศร้าของท่าน แล้วท่านจะผ่อนคลายได้อย่างไร?

. . . เกณฑ์ความดีบ้าๆ ทั้งหลายได้ถูกฝังไว้ในหัวผู้คน ท่านไม่พยายามเป็นตัวของตัวเอง ท่านไม่ฟังสิ่งที่ข้าพเจ้ากำลังพูด ข้าพเจ้ากำลังพูดว่า อะไรก็ตามที่ท่านเป็น จงยอมรับมันอย่างไม่มีเงื่อนไข การยอมรับคือกุญแจสำคัญที่นำท่านไปสู่การเปลี่ยนผ่านที่ยิ่งใหญ่

. . . การยอมรับต้องไม่มีเงื่อนไขใดๆ ไม่มีเหตุผลใดๆ ปราศจากแรงจูงใจใดๆ ทั้งสิ้น ท่านถึงจะเป็นอิสระจากมันได้ มันจะนำมาซึ่งความสุขความชื่นบานอันมหาศาล มันจะนำอิสรภาพมาให้ท่าน แต่อิสรภาพนั้นไม่ใช่สิ่งที่ได้มาในตอนสุดท้าย การยอมรับตัวเองเป็นอีกชื่อหนึ่งของอิสรภาพ ถ้าท่านสามารถยอมรับได้อย่างแท้จริง ถ้าท่านเข้าใจสิ่งที่ข้าพเจ้าหมายถึง การยอมรับที่ว่านั้นจะเป็นอิสรภาพที่เกิดขึ้นมาอย่างทันทีทันใด

มันไม่ได้หมายความว่าท่านต้องฝึกยอมรับตัวท่านก่อน แล้ววันหนึ่งท่านนี้ก็จะมีอิสรภาพ ไม่ใช่หรอกนะ การยอมรับตัวท่านเองนั่นแหล่ะคืออิสรภาพ เพราะที่ตรงนั้นความเจ็บปวดทางจิตใจจะมลายหายไปทันทีทันใด

ลองทำดูซิ สิ่งที่ข้าพเจ้าพูดอยู่นี้ต้องผ่านการลองทำ ท่านสามารถทำมันได้ มันไม่ใช่เรื่องที่ว่าต้องมาเชื่อข้าพเจ้า ท่านเคยต่อสู้กับความกลัวของท่านมาแล้ว ต่อไปนี้จงยอมรับมัน และมองดูว่าเกิดอะไรขึ้น เพียงแค่นั่งเงียบๆ ยอมรับมัน และพูดว่า ข้ามีความกลัว ดังนั้นข้าคือความกลัว ในสภาวะเช่นนั้น อิสรภาพจะค่อยๆ เผยตัว และปรากฏต่อท่านในที่สุด 

คงไม่ต้องอธิบายอะไรเพิ่มเติมนะครับ แต่ผมนำคำพูดของท่าน osho มาตอกย้ำอีกทีในภาพข้างล่างนี้ สำหรับท่านที่ต้องการจะพูดคุยเรื่องนี้ ขอเชิญไปพบผมกับคุณฐิตินาถ ณ พัทลุง ได้ที่ศูนย์หนังสือจุฬาฯ สาขาจามจุรีสแควร์ (สามย่าน) ในวันอังคารที่ 25 พ.ย. เวลา 14.00 น. จะมีการเปิดตัวหนังสือ "สปาอารมณ์" อีกครั้งหนึ่งครับ

          

หมายเลขบันทึก: 222092เขียนเมื่อ 11 พฤศจิกายน 2008 08:39 น. ()แก้ไขเมื่อ 6 กันยายน 2013 19:50 น. ()สัญญาอนุญาต: จำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (9)

สวัสดีครับ อ.ประพนธ์

ได้ติดตามผลงานของอาจารย์มาตั้งแต่ต้นปี 2551 รู้สึกผ่านตัวหนังสือและบทความ

เหมือนเป็นส่วนหนึ่งของการแสวงหาของตัวเองเลยครับ เหมือนได้เจออาจารย์ที่ดี

เหมือนได้เจอสิ่งดี ๆ สิ่งหนึ่งในชีวิต ยากที่จะอธิบายจริง ๆ อาจเพราะเมื่อก่อนผมเป็นคนไม่ค่อยสนใจชีวิตเลย ขอฝากตัวเป็นศิษย์คนหนึ่งนะครับผม

ขอบคุณครับ

สวัสดีครับอาจารย์

  • อ่านแล้ว ตอกย้ำความคิด ความเชื่อเดิมได้เป็นอย่างดีครับ
  • ท่านอาจารย์พุทธทาสเคยพูดไว้ด้วยถ้อยคำ หนักๆว่า " ทั้งชั่วทั้งดี ล้วนอัปรีย์พอๆกัน "
  • ที่จริงคำ อัปรีย์ นั้น ไม่ใช่คำที่รุนแรงอะไร  เพราะตามศัพท์เดิมแปลว่า ไม่น่ารัก, ไม่น่าพึงใจ .. แต่ถ้านำไปใช้บ่อย ไม่เลือกกาละ เทศะ ก็มีสิทธิ์ทำให้ผู้พูด ไม่น่ารัก, ไม่น่าพึงใจ ได้ เช่นกัน
  • บางท่านอาจงง  แต่คิดตรองตามดีๆก็คงเข้าใจได้ไม่ยากครับ
  • ขอบพระคุณครับ

ถ้าติดดี หลงดี เมาดี แล้วจะบ้าดี... ล้วนแล้วแต่ไม่ดี...

หลวงพ่อท่านกล่าวไว้ครับ...

...ช่วยกันรณรงค์ให้เลิกบ้าดีกันเถอะครับ...

สวัสดีครับ คุณPjBeej ผมดีใจที่ได้พบ "กัลยาณมิตร" ไม่มีศิษย์ไม่มีครูหรอกครับ

ขอบคุณ คุณโยธินิน ที่ช่วยเตือนใจไม่ให้เรา "หลงติดดี"

ขอบคุณอาจารย์ Handy ที่นำคำแรงๆ ของท่านอาจารย์พุทธทาสที่ว่า "ทั้งชั่วทั้งดี ล้วนอัปรีย์พอๆกัน" มาเป็นเครื่องเตือนใจ สมัยนี้พวกเรา "ดื้อยา" ต้องใช้ยาแรงๆ ของท่านอาจารย์มาสอนใจครับ

"การยอมรับคือกุญแจสำคัญที่นำท่านไปสู่การเปลี่ยนผ่านที่ยิ่งใหญ่ . . . การยอมรับต้องไม่มีเงื่อนไขใดๆ ไม่มีเหตุผลใดๆ ปราศจากแรงจูงใจใดๆ ทั้งสิ้น ท่านถึงจะเป็นอิสระจากมันได้ มันจะนำมาซึ่งความสุขความชื่นบานอันมหาศาล มันจะนำอิสรภาพมาให้ท่าน แต่อิสรภาพนั้นไม่ใช่สิ่งที่ได้มาในตอนสุดท้าย การยอมรับตัวเองเป็นอีกชื่อหนึ่งของอิสรภาพ"

ผมเคยเขียนเรื่อง "การยอมรับ" ไว้ในหลายบันทึก จะลองเข้าไปอ่านในบันทึกนี้ก็ได้ครับ http://gotoknow.org/blog/beyondkm/172622

สวัสดีค่ะ อ.ประพนธ์

วันนี้ไม่ได้มีโอกาสไปงานเปิดตัวหนังสือ แต่พี่ที่ทำงานได้ไปก็เลยได้ฝากให้พี่เขาซื้อมาให้พร้อมกับขอลายเซ็นอาจารย์มาด้วยค่ะ

ยังไม่ได้เริ่มอ่านเลย แต่เห็นชื่อหนังสือแล้วก็ชอบมาก

ถ้าได้อ่านแล้วขออนุญาตนำบางส่วนบางตอนไปเผยแพร่ใน blog ได้มั้ยคะ

( http://www.oknation.net/blog/concentration )

ขอบคุณล่วงหน้าค่ะ

สวัสดีครับคุณอโนชา ถึงตัวไม่ได้มา แค่ส่งใจมาก็ปลื้มแล้วครับ . . . เมื่อไรที่เขียนลง blog บอกผมบ้างนะครับ

อยากเห็นอิสรภาพที่แท้จริง จะเกิดขึ้นได้อย่างไร ช่วยทำให้เกิดขึ้นจริง

ดินผืนใหญ่ เม็ดทรายสีแดง

ใคร? ยอมให้เพลิงไฟเผาแผ่นดิน

ยามบุญส่ง สิ่งประสงค์ ย่อมอำนวย ยามหมดบุญ หนุนช่วย ย่อมยับเยิน

พญาช้างสารใหญ่ ถ้าไม่ยืนบนผืนทราย จะทรงกายอยู่ได้อย่างไร

พวกเราชาวเม็ดทราย อีสาน-เหนือ-กลาง-ใต้-ออก-ตก ที่เป็นคนจน

คนรากหญ้า หน้าดำ แต่ใจไม่ต่ำพอจะเข่นฆ่าประชาชน เยี่ยงสัตว์

พวกเราจำยอมต่ออำนาจมืด ชีวิตแล้วชีวิตเล่า ศพแล้ว ศพเล่า

ที่สังเวยอำนาจ ความยิ่งใหญ่ ที่ไร้เมตตา

ศพลูกหลานไทย กี่หมื่นศพแล้ว ที่สังเวย ใช้กรรม กรรมมีต้องชดใช้

ฆ่าเม็ดทราย ฆ่าเท่าไหร่ก็ไม่หมด ผืนทรายใหญ่ ซึมซับไว้

ทั้งเลือด และน้ำตา เลือด ทุกหยด อาบ รด เม็ดทราย

มันช่วยสร้างพลังในใจให้ยิ่งใหญ่ ไข่วคว้าหาทางเดิน

อันความมืด ปกปิดไว้ ไม่ตลอด ผู้สุดยอด ย่อมหยั่งรู้ ทุกแห่งหน

อันความทุกข์ ในหัวใจ คนยากจน ไม่สุดทน ไม่ร้องขอ ต่อใคร ๆ

สิ่งที่ได้แทนหัวใจอันไหม้ ทุกข์คือ กระดูกของผองเพื่อน เตือนญาติมิตร

จะเข่นฆ่าเท่าไหร่ เพื่อให้ท้อ กับคำขอเสรีภาพของพวกเราชาวเม็ดทราย

รวมกันไว้ เป็นเม็ดทราย ผืนเดียวกันไม่กระจายแยกแตกเป็นผุยผง

รวมกันไว้ รวมใจเป็นพลัง สีทรายดั่งสีเลือดที่หยดริน

เม็ดทรายสีแดง

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท