เปิดภาคเรียนใหม่กับวิชาภาษาไทยชั้นมัธยมศึกษาปีที่ ๕
ซึ่งครูภาทิพรับผิดชอบสอน ห้อง ม.๕/๑ /๔ /๗
/๑๐ จากนักเรียนทั้งหมด ๑๒ ห้อง
เริ่มด้วยเรื่องโคลนติดล้อ
ซึ่งเป็นบทความทางการเมืองของอัศวพาหุ ครูภาทิพทิ้งการสอน
ม.๕ มาหลายสิบปีแล้ว
ก็เริ่มตั้งหลักด้วยการคุยกับพี่ๆ ที่เขาเคยสอนเรื่องนี้มาก่อน
ซึ่งจะเน้นให้เด็กทำใบงาน สรุปใจความ และทำคำศัพท์
ด้านการเขียนก็ให้เด็กเขียนเรียงความ ใจก็ค้านทันที
เด็กอ่านบทความก็ต้องเขียนบทความสิ
แต่เมื่อย้อนไปดูปัญหาระดับประเทศ
ผลสัมฤทธิ์ของเด็กด้านการเขียนต่ำ มันจะไหวรึ?
ถ้าจะให้เด็กเขียนบทความ
ด้วยนิสัยที่ชอบลอง และชอบออกแบบการสอน
ก็ทดลองตามวิธีการของครูภาทิพ
เริ่มตั้งแต่อ่านมาถึงขั้นการเขียน ใช้เวลาทั้งสิ้น ๕ คาบ
นักเรียนก็ทำได้ในระดับดีถึงดีมาก ส่วนความรับผิดชอบ
ครูภาทิพให้คะแนนระดับดีมากทุกคน
ผลของการสอนที่เกิดขึ้น เกิดจากการดำเนินการดังนี้
คาบที่ ๑ - ๒ อ่าน คิดวิเคราะห์ตีความ
จากชื่อเรื่อง สู่เรื่องใกล้ตัว
- ความหมายของโคลนติดล้อ ตัวแทนนักเรียนแต่ละแถว
อธิบายความหมายของโคลนติดล้อตามความเข้าใจ
ครูเขียนข้อความที่นักเรียนบอกบนกระดาน ซึ่งจะมีทั้งคำตอบกวน
ๆ และคำตอบที่ตรงประเด็น
-
ครูบอกขีดความสามารถในการคิดวิเคราะห์ของเจ้าของคำตอบว่า
คำตอบที่ให้มานั้นเทียบได้กับความรู้ของนักเรียนระดับใด
ซึ่งก็สร้างบรรยากาศสนุกสนานในการเรียนได้พอสมควร
-
ครูอธิบายความหมายของโคลนติดล้อให้นักเรียนฟัง
จากนั้นให้นักเรียนมองตนเอง
ว่านักเรียนเป็นโคลนหรือไม่ ถ้าเป็น
เป็นโคลนของอะไร โคลนของตนเอง โคลนของครอบครัว
โคลนของสังคม โคลนของประเทศชาติ
-
เมื่อนักเรียนสำรวจตนเองแล้วให้เขียนลงในสมุด
และเขียนบนกระดานจนครบทุกคนจากทั้ง ๔
ห้องมีนักเรียนเพียงคนเดียวที่บอกว่า “ ผมไม่เป็นโคลน
หากแต่มีโคลนมาติดผม โคลนนั้นคือกิเลส”
คำตอบที่มีค่อนมากและคล้ายๆกันคือ เป็นโคลนของตนเอง คือ
ขี้เกียจ ไม่ขยัน หนีเรียน
กลุ่มที่น่าสนใจ
คือกลุ่มที่ตอบว่าตนเองเป็นโคลนของครอบครัว
ทำให้ครอบครัวไม่สมหวัง
ไม่เป็นไปตามที่คาดหวังของพ่อแม่ ซึ่งมีอยู่ทุกห้อง
-
ครูให้นักเรียนกลุ่มที่เขียนว่าตนเองเป็นโคลนของครอบครัว
ทำให้ครอบครัวผิดหวัง
ออกมาอธิบายถึงสิ่งที่ตนเองเขียน
ทั้งครูและนักเรียนต่างได้เห็นความกดดันจากครอบครัวที่เพื่อนของเขาได้รับ
บางคนพูดไปน้ำตาซึมไป
ปัญหาต่างๆที่เขาได้รับการกดดัน เช่น
การสอบเข้าโรงเรียนนายร้อย
การไม่ยอมรับเรื่องการเบี่ยงเบนทางเพศ
พ่อแม่ต้องการให้ลูกเรียนแพทย์ขณะที่ลูกไม่ได้ชอบแพทย์
ลูกอยากเรียนสายศิลป์แต่พ่อแม่ให้เรียนสายวิทย์
บางคนถูกบุพการีทวงบุญคุณ
“ที่ยืนอยู่ตรงนี้ได้เพราะใคร...”
- นักเรียนอ่านโคลงติดล้อย่อหน้าที่ ๑-๒
ให้นักเรียนสังเกต วิธีการนำเสนอ การเกริ่นนำ
ให้เหตุผลของการเขียนบทความ
แล้วขยายความร้อยเรียงต่อกันอย่างน่าสนใจ
- นักเรียนอ่านย่อหน้าที่ ๓
แล้วเขียนแสดงความคิดเห็นด้วยกับคำพูดของบุคคลพวกหนุ่มๆ
ที่ทำงานเสมียนหรือเลขานุการหรือไม่ ที่ตอบอัศวพาหุ
ถึงสาเหตุที่พวกเขาไม่กลับไปช่วยบิดามารดาทำการเพาะปลูก ว่า “
ได้รับการศึกษาแล้วไม่ควรจะเสียเวลาไปทำงานชนิดซึ่งคนที่ไม่รู้จักหนังสือก็ทำได้”
พร้อมอธิบายเหตุผลที่ตอบเช่นนั้น
คาบที่ ๓
นักเรียนอ่านบทความทุกย่อหน้าแล้วจับใจความสำคัญทำในรูปแผนผังความคิดลงสมุด (๒
คะแนน)
คาบที่ ๔ แกะรอยโคลน
๑.
ครูแนะนำให้นักเรียนสังเกตวิธีการเขียนบทความ โคลนติดล้อ
ตอนความนิยมเป็นเสมียน เริ่มจาก
-
การเกริ่นถึงปัญหา ซึ่งผู้เขียนกล่าวถึงการให้การศึกษา
การตั้งโรงเรียนเป็นปัญหา
-
ผู้เขียนขยายในย่อหน้าต่อมาว่า ปัญหาดังกล่าวเกิดจาก
คนที่ได้รับการศึกษามีค่านิยมเป็นเสมียนแทนการกลับไปพัฒนาบ้านเกิดตามเป้าหมายของการจัดการศึกษา
ซึ่งประเทศต้องการให้คนที่มีการศึกษามาพัฒนาในหลายๆด้าน
โดยเฉพาะการเกษตร
-
ย่อหน้าต่อผู้เขียนก็เล่าถึงเหตุผลของเหล่าบรรดาเสมียนที่ไม่กลับไปพัฒนาบ้านเกิด
-
ย่อหน้าต่อมาเล่าพฤติกรรมของเสมียนว่าทำไมจึงเป็นปัญหาในการพัฒนาประเทศ
-
ย่อหน้าต่อมาเขียนถึงสิ่งที่ควรจะเป็นตามความคิดของผู้เขียน
เชิญชวนให้ทุกคนเห็นความสำคัญของทุกๆอาชีพ
-
ย่อหน้าสุดท้าย ยืนยันความคิดของผู้เขียนในเรื่องของอาชีพ
ว่าทุกอาชีพมีความสำคัญเท่ากัน
โดยเฉพาะอาชีพด้านการเกษตรมีความสำคัญเท่ากับอาชีพอื่น ๆ
๒.
นักเรียนร่วมกับครูเสนอปัญหาที่กำลังเป็นที่นิยม/ความสนใจของนักเรียน
ซึ่งได้ปัญหาต่างๆดังนี้
- การเมือง
- การเรียน โรงเรียน
- วัยรุ่น ความรัก
- ครอบครัว
- กีฬา เกม
๓.
นักเรียนเลือกประเด็นที่ตนเองสนใจ ๑ ประเด็น
พร้อมทั้งวางแผนการเขียน (เก็บคะแนน ๒ คะแนน)
นักเรียนส่งเมื่อหมดคาบเรียน
การวางแผนเขียนบทความ
-
ประเด็นที่เลือกเขียน
-
เหตุผลที่เลือกเขียนบทความประเด็นนี้
-
ต้องการจะบอก/นำเสนออะไรให้ผู้อ่านรับทราบ
-
ผู้เขียนมีความคิด ความเชื่อในประเด็นที่เขียนอย่างไร
-
ชื่อเรื่อง
- นามปากกา
คาบที่ ๕ เลียน ล้อ บน รอยโคลน
๑.
ครูนำชิ้นงานการวางแผนการเขียนบทความที่ผ่านการตรวจคืนนักเรียน
๒.
นักเรียนเขียนบทความตามที่ได้วางแผนไว้ (๕ คะแนน)
๓. นักเรียนส่งผลงานทันทีที่หมดเวลา
๔. ครูนำผลงานไปตรวจ
แล้วส่งคืนนักเรียนเพื่อนำมาเผยแพร่ผ่านเว็บไซต์ (คะแนนการเผยแพร่ ๒
คะแนน)
ผลของการจัดกิจกรรมการเรียนการสอนในเรื่องนี้
๑. นักเรียนส่งผลงานครบ ๑๐๐ %
๒.
มีผลงานนักเรียนบางชิ้นมีลักษณะคล้ายกับผลงานที่
ดัดแปลงจากการอ่านผลงานของผู้อื่นซึ่งผู้สอนได้ตั้งข้อสังเกตไว้กับงานชิ้นนั้น
ๆ
ผลงานนักเรียน
คลิก >>
เลียน ล้อ
บนรอยโคลน จากโคลนติดล้อ สู่ผลงานนักเรียน ห้อง ม. ๕/๑
เลียน ล้อ
บนรอยโคลน จากโคลนติดล้อ สู่ผลงานนักเรียน ห้อง ม. ๕/๔
เลียน
ล้อ บนรอยโคลน จากโคลนติดล้อ สู่ผลงานนักเรียน ห้อง ม. ๕/๗
เลียน
ล้อ บนรอยโคลน จากโคลนติดล้อ สู่ผลงานนักเรียน ห้อง ม. ๕/๑๐