บางทีกระแสการรักษาด้วยเซลล์ต้นกำเนิดที่ต้องใช้เทคโนโลยีขั้นสูงและการที่ผู้ป่วยต้องเสียเงินก้อนโตอาจทำให้ประชาชนทั่วไปไม่ได้ให้ความสนใจมากนัก ทั้งนี้อาจเป็นเพราะเซลล์ต้นกำเนิดเป็นเรื่องที่ยากเกินที่จะทำความเข้าใจ หรือถึงแม้อยากจะเปิดใจรับการรักษาด้วยเซลล์ต้นกำเนิดมันก็ยากเหลือทนเพราะไม่มีเงิน
ผมไม่ได้ต่อต้านหรือสนับสนุนการรักษาด้วยเซลล์ต้นกำเนิดในเมืองไทยที่ประชาคมวิจัยโลกต่างก็เป็นห่วงอยู่ไม่น้อย การเขียนบล็อกครั้งนี้เพียงเพื่อเน้นย้ำให้ท่านผู้อ่านได้รับข่าวสารบางส่วนที่ผมคิดว่าสำคัญสำหรับทุกคน
ทุกท่านมีเซลล์ต้นกำเนิดในร่างกาย ตั้งแต่ท่านแรกเริ่มอยู่ในครรภ์มารดาจนกระทั่งเติบใหญ่จนสิ้นชีพ หรือแม้กระทั่งตายแล้วผู้อื่นยังสามารถใช้ประโยชน์จากเซลล์ต้นกำเนิดเหล่านั้นได้ ถ้าหากเราเชื่อว่าเซลล์ต้นกำเนิดทำหน้าที่ในการเติมเต็มเซลล์ของร่างกายที่เสื่อมสลายและช่วยซ่อมแซมเมื่อเกิดการบาดเจ็บ ทุกสิ่งอันที่เกิดขึ้นรอบตัวเราจึงมีผลกระทบต่อเซลล์ต้นกำเนิดทั้งโดยทางตรงหรือทางอ้อม
อาหารที่เรากินทุกวันก็ถูกย่อยสลายเป็นโมเลกุลเล็กๆ อาหารเสริม หรือยา ก็ถูกดูดซึมเข้าสู่กระแสเลือดและเดินทางไปยังอวัยวะต่างๆ ซึ่งเมื่อไปถึงบ้านของเซลล์ต้นกำเนิดที่เรียกว่า stem cell niche ก็อาจออกฤทธิ์ในทางบวกหรือทางลบ ประเด็นนี้จึงเป็นที่มาของแนวทางการแพทย์ฟื้นฟู (regenerative medicine) แขนงหนึ่ง ที่เรียกว่า chemical induction ซึ่งก็คือการปรับเปลี่ยนหน้าที่การทำงานของเซลล์ต้นกำเนิดในร่างกายเรา มีงานวิจัยบางส่วนพบว่าสมุนไพรและสารสกัดธรรมชาติบางชนิดอาจมีผลทางบวกต่อเซลล์ต้นกำเนิด บางมหาวิยาลัยในประเทศสหรัฐอเมริกาถึงขนาดตั้งบริษัททำการตลาดผลิตภัณฑ์เสริมสุขภาพดังกล่าว แล้วสมุนไพรไทยดีๆ ของไทยมีฤทธิ์บ้างไหม อันนี้ผมว่าเป็นโจทย์วิจัยที่น่าศึกษาทั้งเพื่อวิชาการและการพาณิชย์ ดังนั้นการกินอยู่ที่ดีมีสุขอนามัยก็เป็นแนวทางหนึ่งในการบำรุงเซลล์ต้นกำเนิดของเราได้
นักวิจัยในแวดวงประสาทวิทยาศาสตร์รู้เป็นอย่างดีว่าพฤติกรรมมีผลต่อเซลล์ต้นกำเนิดประสาทในสมอง คนเราทุกคนมีเซลล์ต้นกำเนิดในสมองซึ่งทำหน้าที่หลายประการ ที่เห็นเด่นชัดและขัดแย้งการสิ่งที่ผมถูกสอนมาตั้งแต่เล็กจนโตก็คือสมองหยุดการสร้างเซลล์ประสาทเมื่อเราโตขึ้น แต่ตอนนี้ทุกท่านต้องเปลี่ยนข้อมูลในระบบของท่านใหม่เป็นเซลล์ต้นกำเนิดประสาทสร้างเซลล์ประสาทใหม่ตลอดเวลาจนคนเราสิ้นชิวิต แล้วเซลล์ประสาทใหม่ก็มีคุณสมบัติพิเศษหลายอย่างที่เซลล์ประสาทเก่าๆ ไม่มี การได้รับกลิ่นใหม่ๆ ทำให้เซลล์ต้นกำเนิดประสาทแบ่งตัวเพิ่มขึ้นและช่วยยืดอายุขัยของเซลล์ประสาทในระบบการรับกลิ่น การออกกำลังกายก็พบว่ามีผลต่อการสร้างเซลล์ประสาทมากขึ้นในสมองส่วนที่เกี่ยวข้องกับความจำ และเกี่ยวข้องกับโรคภัยบางประเภท
การได้รับรังสีทั้งจากการรักษามะเร็ง รังสีคอสมิกจากอวกาศ สารพิษในชีวิตประจำวันบางชนิด หรือคลื่นความถี่ที่ใกล้เคียงกับโทรศัพท์เคลื่อนที่ที่เราใช้อยู่ทุกวันก็พบว่าทำให้เซลล์ต้นกำเนิดประสาทในสัตว์ทดลองลดจำนวนลง สร้างเซลล์ประสาทลดน้อยลง ถึงแม้ว่าหนูไม่ใช่คนเลยทีเดียวแต่องค์ความรู้และการรักษาโรคในปัจจุบันก็ล้วนอ้างอิงจากหนูทดลอง ดังนั้น พฤติกรรมเสี่ยงดังกล่าวจึงอาจจะมีผลต่อคนเช่นเดียวกัน
เรื่องของระบบนิเวศของเซลล์ต้นกำเนิด (stem cell ecology) นั้นเป็นเรื่องน่าสนใจอยู่ไม่น้อย อันนี้อาจทำให้เห็นภาพแบบองค์รวมของเซลล์ต้นกำเนิดได้ดีขึ้น ดังที่ได้กล่าวว่าเซลล์ต้นกำเนิดมีอยู่ในเกือบทุกอวัยวะ และผมคิดว่าคงมีทุกที่เพียงแต่ยังไม่ค้นพบ เซลล์ต้นกำเนิดจากไขกระดูก เมื่อถูกกระตุ้นด้วยปัจจัยที่เหมาะสมก็สามารถเคลื่อนตัวออกมาจากไขกระดูก เดินทางตามกระแสเลือดไปยังอวัยวะต่างๆ เช่น มีรายงานว่าเซลล์ดังกล่าวเคลื่อนตัวไปยังสมองและไขสันหลัง หรือบางรายงานบอกว่าเข้าไปไม่ได้แต่หลั่งสารบางอย่างที่เป็นประโยชน์ต่อการทำงานของสมอง เซลล์ต้นกำเนิดบางชนิดก็ทำหน้าที่ซ่อมแซมกล้ามเนื้อหรือช่วยทำให้ขนาดกล้ามเนื้อใหญ่ขึ้น (satellite cells/ muscle stem cells) รวมทั้งประชากรของเซลล์ต้นกำเนิดในกล้ามเนื้อหัวใจ (cardiac stem cells) และหลอดเลือด (endothelial progenitors) ซึ่งช่วยทำงานในระบบไหลเวียนโลหิต เป็นต้น ดังนั้นเซลล์ต้นกำเนิดมีระบบนิเวศของมันในแต่ละอวัยวะ และมันเดินทางไปสู่ระบบนิเวศรวมของร่างกายผ่านทางกระแสเลือดที่แซกตัวอยู่ทุกระบบ กระบวนการ "บงการ" ให้เซลล์ต้นกำเนิดบางชนิด เดินทางไปยังเยื้อเยื่อบางแห่ง ด้วยปริมาณและเวลาที่เหมาะสม จึงเป็นอีกกลยุทธ์หนึ่งของร่างการในการฟื้นฟูตัวเอง
ไม่เฉพาะเซลล์ต้นกำเนิดเดินทางไปมาระหว่างอวัยวะในร่างกายของคนคนหนึ่ง แต่เซลล์ต้นกำเนิดยังเดินทางเชื่อมสายสัมพันธ์ระหว่างแม่กับลูกได้อีกด้วย เซลล์ต้นกำเนิดในแม่อาจจะเดินทางเข้าไปในตัวของลูกที่อยู่ในครรภ์ และเซลล์ต้นกำเนิดของลูกก็อาจเดินทางเข้าสูกระแสเลือดแม่ (fetomaternal stem cell trafficking) เซลล์ต้นกำเนิดดังกล่าวนี้อาจทำหน้าที่บางอย่าง เช่น การซ่อมแซมเนื้อเยื่อ เป็นต้น http://www1.imperial.ac.uk/medicine/research/researchthemes/reprodscience/expfetalmedicine/
มีอีกหลายประเด็นที่ผมอยากจะเขียนแลกเปลี่ยนกับทุกท่านในชุมชนออนไลน์แห่งนี้ในโอกาสหน้า แต่สิ่งที่ผมปรารถนาอยู่ตลอดเวลาคือ ทำอย่างไรจึงจะทำให้เด็กที่กำลังเรียนชั้นประถมศึกษาเป็นต้นไปรู้เรื่องเซลล์ต้นกำเนิด หรืออย่างน้อยๆ คุณครูที่โรงดรียนสามารถแนะนำความรู้พื้นฐานได้ โดยอาจแทรกในชั้นเรียนในกรณีที่ไม่มีหลักสูตรการเรียนการสอนโดยตรง หรือคงจะดีมากๆ หากกระทรวงฯ เห็นความสำคัญของวิชาการแขนงใหม่ๆ เช่น ประสาทวิทยาศาสตร์ เซลล์ต้นกำเนิด หรือ นาโนเทคโนโลยี เป็นต้น อันนี้ผมเห็นแบบการเรียนการสอนกิจกรรมเซลล์ต้นกำเนิดสำหรับเด็กเล็ก ของประเทศสหรัฐอเมริกา ซึ่งน่าตื่นตาตื่นใจมากที่เขาป้อนข้อมูลความก้าวหน้าทางวิทยาศาสตร์ให้เด็กเล็กๆ รวมทั้งการชี้ให้เห็นความสำคัญของกิจกรรมในชั้นเรียน เช่น การวิ่งออกกำลังกาย การวาดภาพ การทำกิจกรรมกลางแจ้ง ที่ล้วนมีผลต่อการทำงานของสมองและการเรียนรู้และหนึ่งในกลไกบางส่วนก็คือการปรับเปลี่ยนหน้าที่และการทำงานของเซลล์ต้นกำเนิดที่มีอยู่ในสมองของน้องนักเรียนทุกคน
สวัสดีค่ะ
***แวะมาอ่าน..เขียนให้เข้าใจได้ง่ายดีค่ะ..ขอบคุณ
ชอบมาก... รู้สึกจะยังมีอีกนะ รออ่านครับเ
อยากให้คุยเกี่ยวกับความสัมพันธ์ของเอนไซม์กับเซลต้นกำเนิดด้วยครับ ขอบคุญมาก
เป็นเรื่องน่าสนใจมากค่ะ
ไปดูประวัติแล้ว ตอนนี้น่าจะเรียนอยู่อังกฤษใช่ไหม ประวัติน่าทึ่งมากค่ะ
สวัสดีครับพี่ เขียนได้ดีเลยทีเดียวครับ เข้าใจง่าย ได้ประโยชน์ ขอบคุณมากครับ
ชอบมากค่ะ ได้ความรู้เพิ่มขึ้น แล้วจะแวะเข้ามาอ่านอีกนะคะ ขอเป็นกำลังใจให้รียนจบเร็วๆ แล้วกลับมาพัฒนาวงการหมอยาให้พัฒนาขึ้นไปเรื่อยๆนะคะ และอยากให้เด็กไทยมีคนเก่งๆอย่างนี้มากๆขึ้นค่ะ
"ทำอย่างไรจึงจะทำให้เด็กที่กำลังเรียนชั้นประถมศึกษาเป็นต้นไปรู้เรื่องเซลล์ต้นกำเนิด"