มุมเล็กๆอีกมุมที่อาจจะไม่มีโอกาสได้บันทึกอีก....
10 มี.ค 2550 ที่ตึกช้าง ชั้น 6 มีงานเลี้ยงฉลองงานแต่งงานของลูกสาวครูอ้อย คุณเอี่ยว และ คุณนุ้ย ซึ่งครูอ้อยได้เขียนบันทึกเล่าเรื่องราวมาเรื่อยๆและเขียนเรียนเชิญหลายท่านใน gotoknow มาร่วมงานนี้ด้วย ตั้งแต่ปลายปี 2549 มาแล้วนายบอนตัดสินใจแล้วว่า คงไม่มาร่วมงานนี้หรอก ไม่ค่อยได้เข้า กทม.บ่อยครั้งมากนัก รออ่านบันทึกของครูอ้อยดีกว่า ยังไงก็ต้องเขียนอยู่แล้ว แต่ไปๆมาๆ นายบอนกลับมีโอกาสได้มาร่วมงานของลูกสาวครูอ้อยจนได้ ซึงนายบอนมากับหนูนิด ที่เข้ามาทำธุระใน กทม.ในช่วงนี้พอดี
แรกเริ่ม นายบอนค่อนข้างกังวลมาก เพราะเคยแต่ไปร่วมงานแต่งงานในแบบชาวบ้านๆ ไม่ค่อยได้ร่วมงานในสถานที่หรูเช่นนี้เลย แต่ครูอ้อยว่า ไม่เป็นไร กันเอง สบายๆ แต่งอย่างไรก็ได้นะ เลยหายห่วงงานแต่งนี้ นายบอนไม่ได้รับการ์ดบัตรเชิญแต่อย่างใด ครูอ้อยชวนให้มา ก็มาหน้าตาเฉย
และคุณหนูนิด ก็ขอมาร่วมงานด้วย เธอไปซื้อของขวัญ คือ ต้นเงินที่ทำใส่กล่องอย่างดี มีความหมายสำหรับชีวิตคู่ ทั้งแบกและถือมาจากบุรีรัมย์ เอ... หรือ มหาสารคาม เพื่อนำมามอบให้คู่สมรสโดยเฉพาะ
แต่เมื่อมาร่วมงานแล้ว ไม่ผิดหวังครับ ได้เจอตัวเป็นๆของลูกสาวของครูอ้อยครบถ้วน ด้วยความตื่นเต้นดีใจ (.... เอ.. แล้วดีใจทำไมเนี่ย) เลยหยิบกล้องดิจิตอล ถ่ายทันที ดูสิครับ ยิ้มหวานซะขนาดนั้น ไม่ถ่ายรูปไว้ได้ยังไง ด้วยความตื่นเต้น เอ๊ย ยินดีกับวันที่ครูอ้อย รอคอย เลยเก็บภาพได้เพียงไม่กี่ภาพ รูปแบบในงาน จัดเลี้ยงโต๊ะจีน ครูอ้อยเตรียมโต๊ะไว้ ติดป้าย โต๊ะ เพื่อนของคุณแม่เจ้าสาวไว้หลายโต๊ะ แต่เพื่อนคุณแม่เจ้าสาวกลับไม่ว่างมาร่วมงานเสียอีก แต่ยังดีที่มีเพื่อนรุ่นลูกอย่าง นายบอนกับหนูนิด โผล่มาช่วยกินอาหารโต๊ะจีน .. เอ๊ย... มาร่วมยินดีด้วยความเต็มอิ่ม เอ๊ย เต็มใจอย่างยิ่งครับครูอ้อยแต่งชุดสวยมากครับ นายบอนไปเห็นด้วยตาตัวเองแล้วทึ่ง แต่รูปที่ครูอ้อยเอามาลงใน blog ดูสีสันหล่นหายไปหลายส่วน อาจเป็นเพราะการบีบอัด ลดขนาดภาพ เพื่อให้สามารถในลงบล็อกได้ ซึ่งทำให้ภาพที่ดูสวย ดูดี ลดทอนสีสันไปหลายส่วน ไฮไลท์สำคัญ ช่วงพิธีการบนเวทีช่วง 2 ทุ่ม ที่มีการเชิญคุณพ่อ คุณแม่คู่สมรสไปยืนบนเวที ฝ่ายเจ้าสาววมีเพียงคุณแม่เท่านั้นที่ไปยืนเคียงข้าง เมื่อพิธีการ ส่งไมค์ให้คุณแม่เจ้าสาว พูดเปิดเผยความรู้สึก นายบอนนั่งกินกระเพาะปลาไป ฟังครูอ้อยพูดไปแล้ว ต้องรีบวางช้อน เพราะอิ่ม... เอ๊ย ประทับใจครับ เพราะได้ยินครูอ้อยพูดความรู้สึกผ่านไมค์ออกมา เสียดายที่นายบอนนั่งไกลไปหน่อย ไม่รู้ว่า ครูอ้อยมีน้ำตารื้นๆหรือไม่ โดยเฉพาะในช่วงที่ครูอ้อยพูดเป็นบทกวีออกมา ซึ่งถ่ายทอดความรู้สึกที่จับหัวใจมากๆ ทำให้ผู้มาร่วมงาน ปรบมือกราวใหญ่ให้ทันที เมื่อครูอ้อยพูดจบ
เป็นการกล่าวที่จับหัวใจ ถ่ายทอดความอบอุ่นจากหัวใจของผู้หญิงอายุ 48 ที่ต้องยืนคู่กับลูกสาวคนสวยในวันชื่นคืนสุข ที่แม้ว่า จะไม่มีผู้เป็นพ่อมาร่วมยืนเคียงข้างในช่วงเวลาสำคัญนั้นด้วย แต่ครูอ้อยได้เติมเต็มในส่วนที่ขาดได้อย่างสมบูรณ์ที่สุดแล้ว...เมื่อฝ่ายคุณพ่อคุณแม่เจ้าบ่าว (คุณนุ้ย) กล่าวเสร็จ คุณพ่อเจ้าบ่าว ซึ่งเสียงดี ร้องเพลงเพราะ รีบคว้าไมค์โชว์เสียงร้องทันที ในขณะที่ครูอ้อยรีบขอตัวเผ่น เอ๊ย ขอตัวลงจากเวที เพราะกลัวจะต้องโชว์เสียงร้องเพลง แหม นายบอนเสียดายจริงๆ
แต่ครูอ้อยจะได้จัดงานแต่งของลูกสาวอีกนะครับ สงสัยนายบอนต้องชวนครูอ้อยไปฟิตซ้อมร้องเพลงซะหน่อยแล้ว ว่าจะหัดให้ร้องเพลงของ ศิริพร อำไพพงษ์ ก็เกรงใจ อาจจะหัดให้ร้องเพลงของ ผ่องศรี วรนุช, พุ่มพวง ดวงจันทร์ ซะหน่อยก็คงจะดีไม่น้อย อีกสิ่งหนึ่งที่ประทับใจ คือ ของชำร่วย ของที่ระลึกจากงานแต่ง ที่มีรูปภาพน่ารักๆของคู่บ่าวสาว ให้อิจฉาเล่นๆ อีกด้วย
ความจริง นายบอนตั้งใจจะเก็บภาพชนิดไม่อั้น แต่ไม่ได้ชาร์ทแบตเตอรี่กล้องดิจิตอลไว้ก่อน จึงสามารถถ่ายภาพ เท่าที่เห็นนี้ครับ
บันทึกที่ครูอ้อย เขียนถึง =
มิตรรัก..มิตรใจ...มิตรสัมพันธ์...จาก GotoKnow หนูนิด ลงชื่อในสมุดเขียนคำอวยพรให้คู่บ่าวสาว
ภายในเวลาจำกัด กับการพยายามจับภาพคุณพ่อบ้านของครูอ้อย ที่บันทึกภาพวิดีโอไว้ด้วย
เห็นรอยยิ้มแล้ว นายบอนรีบถ่ายรูปด้วยกล้องดิจิตอลของตัวเองทันที
ไม่เคยนึกมาก่อนว่า จะได้มางานนี้ครับ เห็นบรรยากาศแล้ว ตะลึงจริงๆ
ครูอ้อยออกมาต้อนรับมิตรรักคนสำคัญด้วยตัวเองเลยทีเดียว
ภาพนี้คุณพ่อบ้านของครูอ้อยไม่มีโอกาสได้เห็นแน่นอน กับการทำหน้าที่จับภาพหน้างาน นายบอนเลยจับภาพมาฝาก กับมุมกล้องที่ไม่มีใครคิดที่จะถ่าย
ของชำร่วย ของที่ระลึกที่แจกภายในงานครับ เห็นแล้วตาร้อนผ่าว
บรรยากาศกายในงานแต่ง และบนโต๊ะอาหาร (ถ่ายมุมนี้เลยนะครับ)
บรรยากาศมุมไกลๆ เมื่อมองไปยังบนเวที ในขณะที่พ่อแม่ของคู่บ่าวสาว กล่าวเปิดใจบนเวที
บรรยากาศตอน 3 ทุ่ม ก่อนที่จะร่ำลาจากงาน