เรียนสามก๊กฉบับนักบริหาร วันที่ ๒ มีนาคม ๒๕๕๒(ตอนที่ ๔-๕)


เล่าเรื่องที่เมืองเพชร

เรียนสามก๊กฉบับนักบริหาร วันที่ ๒  มีนาคม  ๒๕๕๒(ตอนที่ ๔-๕)

วันจันทร์ที่ ๒  มีนาคม  ๒๕๕๒  ออกจากบ้านเมืองนนท์เวลา ๐๕.๓๐ น. เข้าถนนราชพฤกษ์ ไปออกถนนบรมราชชนนี ผ่านสะพานพระราม ๘ เข้าถนนพระราม ๖ เพราะมีธุระที่โรงพยาบาลรามาธิบดี  เลี้ยวซ้ายผ่านสวนจิตรดารโหฐานตรงไปออกยมราช ขึ้นทางด่วนที่ด่านนี้   ถึงวิทยาลัยเวลา ๐๘.๑๐ น. จึงไม่ไปทานอาหารเช้า รอคณะเข้าแถวเคารพธงชาติ   วันนี้ทั้งวันเรียนเรื่อง บทเรียนการปกครองและการบริหารมองผ่านวรรณกรรม  วิทยากรคือ ศาสตราจารย์ ดร. เจริญ  วรรธนะสิน ตัวละครที่หยิบยกมาอธิบายบุคลิกภาพเชิงบริหารจะนำมาจากนิยายจีนเรื่องสามก๊ก  สามก๊ก เป็นผลงานการประพันธ์อันยิ่งใหญ่ของจีน ซึ่งเป็นที่ยอมรับกันว่า เป็นนิยายอิงประวัติศาสตร์ชั้นเอก ที่เขียนถึงในช่วงราชวงศ์หมึง นิยายเรื่องนี้ประกอบไปด้วย เรื่องราวที่เกิดขึ้นจริงประมาณ 70 % และ คาดว่าเป็นเรื่องที่แต่งขึ้นเองอีก ประมาณ 20 % อย่างเช่น หนังสือบางฉบับกล่าวว่า อาวุธของกวนอู นั้นหนักราว ๆ 40 กิโลกรัม เรื่องราว เกี่ยวกับความสามารถของ ลิโป้ ม้าของ เล่าปี่ ที่มีอยู่จริงบนเนินหงส์ร่วง และนอกนั้นก็อาจเป็นเรื่องราวที่แต่งขึ้นทั้งหมดอาจกล่าวได้ว่าประวัติศาสตร์ในยุคสมัยนั้นเป็นยุคทองของเหล่าทหารและนักรบ และแม้ว่า เรื่องนี้จะเกิดขึ้นมานานกว่า 1700 ปีแล้วก็ตาม แต่ชื่อของตัวละครต่าง ๆ เช่น เล่าปี่ โจโฉ กวนอู เตียวหุย และขงเบ้ง ก็ยังกลายมาเป็นชื่อที่ชาวจีนนิยมใช้ เพื่อตั้งเป็นชื่อของคนใจครอบครัว สามก๊ก ไม่ได้เพียงแต่กล่าวถึงเรื่องของการทำสงคราม การต่อสู้แย่งชิง และความขัดแย้ง อย่างเดียวเท่านั้น แต่ยังแสดงให้เห็นถึงความจงรักภักดี การทรยศหักหลัง ความทะเยอทะยาน ความมุ่งมั่น ความรับผิดชอบ การทดแทนบุญคุณ และความเชื่อมั่นไว้วางใจกัน และกันของบุคคลต่าง ๆ ในเรื่อง

 สามก๊ก ฉบับนักบริหาร:บทที่ 4ตั้งเตาเผาขนหู

มีคนกล่าวว่าอำนาจเป็นเครื่องบั่นทอนความดีอย่างได้ผลและเร็วที่สุด คำกล่าวนี้เห็นได้อย่างชัดเจนกับสิ่งที่เกิดขึ้นในท้ายยุคของพระเจ้าเลนเต้ ขั้วอำนาจทุกฝ่ายต่างแก่งแย่งชิงอำนาจ มัวเมากับอำนาจที่หลงพลัดเข้ามาในเส้นทางของตน อำนาจทำให้เกิดความหน้ามืด แต่แม้ดวงอาทิตย์ส่องหน้า ยังมองไม่เห็นแสง ปิดดวงตา ปิดสติปัญญา เห็นผิดเป็นชอบ โดยไม่คิดถึงผลร้ายที่จะตามมา แม้กระทั่งครรลองที่จะนำไปสู่ความตกอับ รวมทั้งการสูญสิ้นทุกอย่าง ไร้แผ่นดินที่จะอยู่ หรือแม้แต่ชีวิตของตนเองก็ยังถูกมองข้าม ถึงคราวที่พระเจ้าเลนเต้ประชวรหนักยังมิทันสิ้นพระชนม์ภายในราชสำนักเกิดการแก่งแย่งชิงอำนาจกันอย่างรุนแรง ขั้วอำนาจถูกแบ่งออกเป็น 3 ขั้วใหญ่ ได้แก่กลุ่ม 10 ขันทีขั้วหนึ่งกับแม่ทัพโฮจิ๋นพี่ชายของพระนางโฮเฮาอีกขั้วหนึ่ง แถมด้วยอีกขั้วหนึ่ง คือตังไทเฮา พระราชชนนีของพระเจ้าเลนเต้ ที่มาจากตระกูลสามัญชน อุ้มชูหองจูเหียบ หลานชายที่เกิดจากนางอองบิหยินพระสนมเอก ที่ถูกพระนางโฮเฮาลอบปลงพระชนม์ด้วยยาพิษพระนางโฮเฮาร่วมกับพี่ชายแม่ทัพโฮจิ๋นวางแผนยึดอำนาจเบ็ดเสร็จพยายามให้หองจูเปียนบุตรชายของนางขึ้นเสวยราช อีกด้านหนึ่งพระนางตังไทฮอต้องการให้หองจูเหียบหลานที่เกิดจากนางอองบิหยินสนมเอกขึ้นเป็นฮ่องเต้องค์ใหม่ ส่วนกลุ่ม 10 ขันทีคอยยุแหย่ทั้งสองขั้ว ขั้วไหนชนะก็จะพลอยชนะด้วย แต่ค่อนเอนไปทางข้างตังไทเฮา เพราะไม่วางใจอิทธิพลแม่ทัพโฮจิ๋นที่เป็นพี่ชายของพระนางโฮเฮาภายในราชสำนักบริหารราชการแผ่นดินเหลวแหลก ทุกขั้วหลงเชื่อคำยุยงของ 10 ขันที ที่ยืนอยู่บนฐานของการฉ้อราษฎร์บังหลวงทุกระดับ ใช้วิชามารในทุกเรื่องโดยไม่เกรงกลัวต่อบาปบุญคุณโทษ ทำการที่ขัดกับคำสอนว่าด้วยจริยธรรม คุณธรรมกับศีลธรรมบ้านเมืองของศาสดาขงจื๊อกับเล่าจื๊อโดยสิ้นเชิง ภายใต้แม่ทัพโฮจิ๋น มีนายทหารยังเติร์กหนุ่ม 2 คน คนหนึ่งชื่อโจโฉ อีกคนหนึ่งชื่ออ้วนเสี้ยว ทั้งสองรับราชการอยู่กับโฮจิ๋นในเมืองล๊กเอี๋ยง โจโฉเป็นชาวตำบลเจี้ยวจวิ้น มณฑลเจียงซู มีชื่อรองว่าเม่งเต๊ก เดิมแซ่แฮหัว แต่เนื่องจากโจโก๋ผู้บิดาเป็นลูกเลี้ยงของโจเถิงขุนนาง อยากมีแซ่ดังเลยใช้แซ่แฮหัวแต่นั้นมา ส่วนอ้วนเสี้ยว เป็นชาวเหอหนาน ชื่อรองว่า เปิ่นชู เชื้อสายขุนนางเก่าถึงห้าชั่วคน ทั้งสองคนนี้ จะมีบทบาทสำคัญในการเป็นผู้นำของทัพต่าง ๆ ที่สู้รบพุ่งกันในสมัยต่อมาโฮจิ๋นเหิมเกริมในอำนาจ รู้ความเละเทะของ 10 ขันทีในราชสำนัก แต่จนใจที่น้องสาวพระนางโฮเฮาคอยให้ท้ายกลุ่มขันที จึงทำการมิได้ถนัด อ้วนเสี้ยวแนะโฮจิ๋นให้กำจัด 10 ขันที ด้วยการทำพระราชโองการสั่งทัพหัวเมืองเข้าเมืองหลวง ให้ประกาศจะเอาตัว 10 ขันทีไปฆ่าเสีย โฮจิ๋นเห็นด้วยแต่โจโฉฉลาดหลักแหลมกว่า จึงทัดทานว่า การกำจัดพวกขันทีง่ายเสมือนหนึ่งพลิกฝ่ามือ แค่จับตัวหัวโจกส่งกรมพระธรรมนูญก็จบแล้ว ไฉนต้องเรียกทัพจากหัวเมืองมาวุ่นวาย โฮจิ๋นตวาดโจโฉว่า ผู้น้อยอย่างเจ้า จะไปรู้อะไรกับงานใหญ่ โจโฉผิดใจนัก หุนหันออกจากที่ทำการ พร้อมกับออกปากว่า บ้านเมืองจะฉิบหายก็เพราะโฮจิ๋นนี่แหละเหตุการณ์แตกหักมาถึง เมื่อพระเจ้าเลนเต้สิ้นพระชนม์ 10 ขันทีปกปิดข่าว คบคิดกันจะยกหองจูเหียบขึ้นสืบราชสมบัติเพื่อตัดกำลังโฮจิ๋น แต่โฮจิ๋นกับพวกรู้ทัน แก้เกมด้วยการประกาศสถาปนาหองจูเปียนหลานชายขึ้นเป็นองค์ฮ่องเต้ ตั้งหองจูเหียบเป็นตันซิวอ๋อง ทั้งๆ ที่ยังอยู่ท่ามกลางพระราชพิธีปลงพระศพพระเจ้าเลนเต้โดยอ้างเหตุผลทางการเมืองว่า บัลลังก์ไม่อาจว่างฮ่องเต้ได้ ริดทอนอำนาจของพระนางตังไทฮอ วันต่อมาพระนางโฮเฮากับโฮจิ๋น กำเริบถึงกับถอดยศนางตังไทฮอ อ้างว่าเป็นแค่เมียขุนนางชายแดน เมื่อสิ้นพระเจ้าเลนเต้แล้วจึงมิควรพำนักอยู่ในพระราชวังต่อไป พระนางถูกขับไปอยู่เมืองเหอเจียนในมณฑลเหอเป่ย ต่อมาโฮจิ๋นส่งทหารไปบังคับให้นางดื่มยาพิษจนตาย 10 ขันทีแก้เกม วิ่งเข้าหาพระนางโฮเฮา ให้ช่วยเจรจากับน้องชายโฮจิ๋น ด้วยการหักหลังปัดความผิดให้เกงหวนหัวหน้าขันที ที่วางแผนจะยกหองจูเหียบขึ้นเป็นฮ่องเต้ พร้อมกับตัดศีรษะเกงหวนใส่ถาดมาถวายพระนางโฮเฮากับโฮจิ๋น โฮจิ๋นใจอ่อนหลงเชื่อยกโทษให้พวกขันที  โจโฉกับอ้วนเสี้ยวสองคนยังคงยืนกรานว่าขันทีที่เหลือจะเป็นเสี้ยนหนามร้ายกาจต่อแผ่นดิน ควรจะกำจัดเสีย เกงหวนเปรียบเหมือนต้นหญ้า ขันทีที่เหลือเปรียบเหมือนราก ตายแต่ต้น รากก็จะงอกขึ้นแทน โฮจิ๋นสมุหนายกชะล่าใจมิฟังคำทัดทาน แต่กลับยืนกรานที่จะให้กองทหารจากหัวเมือง เข้ามาปราบกลุ่มขันทีตามความคิดเดิมให้ได้  ขุนนางตงฉินน้อยใหญ่ต่างคัดค้านความคิดของโฮจิ๋น ที่คิดนำทัพที่คุมโดยตั๋งโต๊ะเข้าเมืองหลวงบอกว่า ตั๋งโต๊ะเป็นคนพ่ายศึก ตั๋งโต๊ะเสมือนเสือหิว ขืนให้เข้าเมืองมันจะกัดไม่เลือก ขุนนางอีกคนหนึ่งบอกว่า ข้ารู้จักตั๋งโต๊ะดี คนผู้นี้หน้าเนื้อใจเสือ ถ้าให้เข้ามาจะต้องเป็นภัยแน่ โฮจิ๋นหาฟังคำทัดทานไม่ มีคำสั่งให้ตันหลิม เจ้ากรมอาลักษณ์ร่างหนังสือให้ทัพหัวเมืองเข้าเมืองหลวงล๊กเอี๋ยงตันหลิมยังทักท้วงว่า ท่านมิควรทำการอย่างหลับตา โบราณว่า คนที่ปิดตาจับนกกระจอก ก็จะเสียแรงเปล่า ท่านมีอำนาจราชศักดิ์เต็มมือ ไฉนต้องใช้กำลังมากพ้นกับพวกขันที เสมือนหนึ่งตั้งเตาเผาขนหูเพียงเส้นเดียว การเรียกทัพหัวเมืองเข้าพระนคร เท่ากับไปเรียกคนกล้าหลายคนมาไว้แห่งเดียวกัน ต่างคนต่างคิด ต่างใช้อาวุธทำร้ายกันเพื่อแย่งความเป็นใหญ่ ภายภาคหน้าจะเสียหาย บ้านเมืองจะวุ่นวายไม่เป็นการ โฮจิ๋นตวาดกลับด้วยเสียงอันดัวว่า " ทำการใหญ่ขืนหวาดระแวงกันเช่นนี้ จะทำการใหญ่ได้อย่างไร พวกหนอนหนังสือคิดมากไม่เข้าเรื่อง ไม่ต้องมาพูดอีกแล้ว.." ในครานั้น ขุนนางตงฉินหลายคนรวมทั้งโลติด ได้คืนตราตั้งลาออกจากตำแหน่งขุนนาง ขันทีรวมกลุ่มคิดกำจัดโฮจิ๋นลูกคนขายหมู โดยรำพึงว่า หวังพึ่งภูผา ภูผาก็ล่ม หวังพึ่งคน คนก็ม้วย แล้วจะทำอย่างไรดี เตียวเหยียงขันทีอาวุโสจึงแนะว่า เมื่อลมเปลี่ยนทิศ เราก็ต้องเบนหัวเรือ ทุกคนจึงเข้าประจบพระนางโฮเฮา ในขณะเดียวกันร่วมวางแผนลวงโฮจิ๋นมาฆ่าในวัง โดยปลอมพระราชเสาวนีย์พระนางโฮเฮาให้โฮจิ๋นเข้าเฝ้า โจโฉกับอ้วนเสี้ยวทัดทานอย่างไร โฮจิ๋นก็ไม่ฟัง บอกว่าน้องสาวตัวเองแท้ ๆ จะไม่ไว้ใจได้อย่างไร  โจโฉกับอ้วนเสี้ยวยกกองทหารตามไป แต่ถูกห้ามเข้าในเขตพระราชสำนัก จึงได้แต่คอยทีอยู่นอกกำแพงวัง โฮจิ๋นถูกรุมลอบทำร้ายจากพวกขันทีจนตาย เสียทีถูกตัดศีรษะโยนออกมานอกกำแพงวัง โจโฉกับอ้วนเสี้ยวจึงตัดสินใจยกกองทหารพังกำแพงวัง เข้าไปบุกฆ่าขันทีในเขตพระราชฐานจนสิ้น ใครที่ไร้หนวดไร้เคราท่าทางนุ่มนิ่มจะถูกฆ่าตายหมด มีแต่เตียวเหยียงกับอีก 3 ขันทีหัวโจกชิงพาตัวสองพระราชบุตรหองจูเปียน  ฮ่องเต้กับหองจูเหียบเล็ดรอดหนีออกจากวัง โดยมีกองทหารของโจโฉกับอ้วนเสี้ยวตามล่าไปติด ๆ พอพลบค่ำเตียวเหยียงเห็นจวนตัวหนีไม่พ้นก็โจนน้ำตาย ส่วนขันทีต๋วนกุยถูกอ้วนเสี้ยวฆ่าแล้วตัดเอาศีรษะผูกคอม้า พร้อมทั้งเชิญเสด็จองค์ฮ่องเต้กับตันซิวอ๋องสองพระราชบุตรกลับเข้าเมืองหลวง

 สามก๊ก ฉบับนักบริหาร:บทที่ 5 มนุษย์ทุกคนมีราคาของตนเอง

ความชุลมุนวุ่นวายในราชสำนักไม่น่าจะเกิดขึ้น ถ้าพระเจ้าเลนเต้ทรงตั้งอยู่ในขัตติยะราชธรรม ทรงแต่งตั้งหองจูเปียนเป็นรัชทายาทตามราชประเพณี และไม่ปล่อยให้พวก 10 ขันทีกับพระมเหษีโฮเฮากับพระราชมารดามาก้าวก่ายราชการแผ่นดินมากจนเกินไป ถ้าการบริหารราชการแผ่นดินมีธรรมาภิบาลเป็นที่ตั้ง เตียวก๊กก็มิอาจก่อม็อบ จนกลายเป็นกองกำลังกลุ่มโจรโพกผ้าเหลืองทำการจลาจลบนแผ่นดินได้  ตั๋งโต๊ะ เป็นชาวเมืองหลินเถา มณฑลเจียงซู พระเจ้าเลนเต้โปรดให้ไปปราบโจรโพกผ้าเหลือง แต่ตั๋งโต๊ะด้อยฝีมือแตกทัพถอยหนี อาศัยเล่าปี่ กวนอู เตียวหุยเข้าช่วยรบจึงรอดมา ตั๋งโต๊ะใช้วิชามารติดสินบน 10 ขันทีช่วยเพ็ดทูลความดีความชอบ ทั้งๆ ที่ไม่มีความดีแม้แต่น้อย แต่ก็ได้รับแต่งตั้งเป็นเจ้าเมืองซีหลง เมื่อได้รับคำสั่งให้ยกทัพเข้าเมืองเพื่อจับขันทีฆ่าเสีย ตั๋งโต๊ะยกไพร่พลสิบหมื่น พร้อมด้วยนายทหารเอก ลิฉุย กุยกี เตียวเจ หวนเตียว พร้อมเครื่องศัตราวุธยกมาตั้งอยู่นอกกำแพงเมืองลกเอี๋ยงราชธานี  เหตุการณ์เป็นจริงดั่งที่โจโฉเคยกล่าวไว้ บ้านเมืองจะฉิบหายก็เพราะโฮจิ๋น ตันหลิมอาลักษณ์ก็เคยทัดทานไว้ว่า จะเผาขนหูเส้นเดียวทำไมถึงต้องตั้งเตาเผา แค่ปราบกระเทยขันที 10 คน ทำไมต้องสั่งให้ทัพหัวเมืองยกทัพเรือนแสนประดากันเข้าเมืองหลวง แค่คิดก็ผิดแล้วนับตั้งแต่ทัพตั๋งโต๊ะเข้าเมืองหลวงแล้ว ก็เริ่มขยายเครือข่ายอิทธิพลในลกเอี๋ยง เร่งเกลี้ยกล่อมทหารที่เคยอยู่กับโฮจิ๋นเข้ามาเป็นพรรคพวก วันหนึ่งตั๋งโต๊ะแต่งโต๊ะสุราอาหารในพระราชอุทยานอุยเบ้งหุยเชิญขุนนางน้อยใหญ่มากินเลี้ยง ทุกคนเกรงอำนาจตั๋งโต๊ะก็พากันมาตามคำเชิญ พอได้เวลาตั๋งโต๊ะมือถือกระบี่ร้องห้ามว่า ท่านทั้งหลายอย่าเพิ่งเสพสุรา เรามีข้อราชการสำคัญจะปรึกษาด้วย ขุนนางทั้งปวงก็ตกใจนิ่งฟังอยู่ตั๋งโต๊ะประกาศว่า ทุกวันนี้หองจูเปียนได้เสวยราชสมบัติ แต่ไม่มีสง่าราศี ไม่มีกิริยาท่วงทีเป็นผู้นำให้ขุนนางกับประชาชนเคารพนับถือ ส่วนหองจูเหียบมีสติปัญญา ความรู้ความสามารถดีกว่า จึงอยากให้หองจูเปียนสละราชสมบัติ แล้วให้หองจูเหียบเสวยราชย์แทน นักการทหารอย่างตั๋งโต๊ะตบท้ายด้วยคำอ้างยอดนิยมในหมู่นักการเมืองว่า ที่ทำอย่างนี้เพื่อความร่มเย็นผาสุกของปวงประชาทั้งแผ่นดินขุนนางทุกฝ่ายพากันตกตะลึง แต่ไม่กล้าแสดงความคิดเห็นนิ่งเงียบอยู่ มีแต่เตงหงวนเจ้าเมืองเต๊งจิ๋วคนเดียวลุกขึ้นยืนร้องแก่ตั๋งโต๊ะว่า ท่านเป็นแต่ขุนนางบ้านนอก ไฉนจึงบังอาจคิดอ่านจะถอดพระเจ้าแผ่นดิน อันหองจูเปียนนั้นเป็นพระราชบุตรเอก มิได้ทำผิดสิ่งใด ท่านคิดอ่านอย่างนี้ถือว่าเป็นขบถ   ตั๋งโต๊ะได้ฟังดังนั้นก็โกรธชักกระบี่ออกจะฆ่าเต็งหงวน แต่ลิยูที่ปรึกษาตั๋งโต๊ะเหลือบตาเห็นองครักษ์เต็งหงวนคนหนึ่งรูปร่างสง่า สูงใหญ่ ถืออาวุธทวน ท่าทีเข้มแข็งนัก จึงทำเป็นห้ามตั๋งโต๊ะไว้ ขุนนางทั้งปวงก็ห้ามเต็งหงวน แล้วพากันแยกย้ายกลับที่พัก มาทราบภายหลังว่า นายทหารองครักษ์เต็งหงวนผู้นั้นชื่อ ลิโป้ นักรบยอดฝีมือแห่งยุคตั๋งโต๊ะมิได้ลดความพยายาม บีบสภาขุนนางเรื่องที่จะปลดฮ่องเต้ แต่ขุนนางทั้งปวงต่างทัดทานไม่เห็นด้วย โลติดประธานองคมนตรีลุกขึ้นค้านว่าที่เต็งหงวนพูดนั้นถูกแล้ว ตั๋งโต๊ะโกรธจัด จะฆ่าโลติดให้ได้ แต่ถูกขุนนางรวมทั้งอ้องอุ้นห้ามไว้ ด้วยเห็นว่าโลติดเป็นขุนนางเก่าแก่เป็นที่เคารพนับถือของคนทั่วไป หากฆ่าเสียจะทำให้บ้านเมืองวุ่นวายได้   รุ่งขึ้นเช้า เต็งหงวนกับลิโป้คุมทหารออกไปท้ารบกับตั๋งโต๊ะ ตั๋งโต๊ะคุมทหารออกรับ ลิโป้ควบม้ารำทวนเข้ามาแทง ตั๋งโต๊ะตกใจกลัวลิโป้ชักม้าหนีหลบเข้าหลังทหาร เต็งหงวนขับทหารหนุนไล่ฟันจนตั๋งโต๊ะกับทหารแตกกระจาย ต้องจัดตั้งค่ายใหม่ไว้รองรับตั๋งโต๊ะกลับค่ายด้วยอารมณ์ฮึดฮัด ออกปากกับบรรดานายทหารว่าเห็นนักรบมามาก แต่ไม่พบผู้ใดเข้มแข็งห้าวหาญเหมือนลิโป้ อยากจะได้ลิโป้มาเป็นพวก ลิซกกุนซือรับอาสาไปเกลี้ยกล่อมลิโป้ เพราะเคยเป็นเพื่อนกันมาตั้งแต่เด็ก แต่ขอม้าเซ็กเธาว์ไปล่อ ตั๋งโต๊ะลังเลไม่ยอม ลิซกจึงว่า แค่ม้าตัวเดียว แลกกับบ้านเมือง จะเลือกอย่างไหน?ตั๋งโต๊ะจึงยอม พร้อมกับจัดทองคำพันตำลึงกับพลอยสิบยอด เข็มขัดประดับหยกสายหนึ่งให้ลิซกนำไปให้ลิโป้ ลิซกเกลี้ยกล่อมลิโป้อยู่นาน หว่านล้อมว่าแทนที่จะเป็นนายทหารช่วยแค่เจ้าเมือง กับเป็นขุนทัพระดับชาติภายใต้อำนาจตั๋งโต๊ะ อนาคตย่อมไปได้ไกลกว่า   ลิโป้ละโมบหลุดปากว่า คำของท่านลิซกเหมือนกับแหวกหมู่เมฆมองเห็นตะวัน ลิโป้เห็นแก่ลาภ ยศ สรรเสริญ ไม่คำนึงถึงจริยธรรมกับความชอบธรรม ตรงรี่เข้าไปฆ่าเต็งหงวนพ่อบุญธรรมของตัวเองในที่พัก แล้วตัดศีรษะเต็งหงวนห่อผ้านำไปสวามิภักดิ์กับตั๋งโต๊ะเห็นลิโป้เข้ามาหา ตั๋งโต๊ะออกมารับถึงกับคุกเข่าคำนับลิโป้ บอกว่าท่านมาหาข้าพเจ้า อุปมาเหมือนฝนตกลงห่าใหญ่ น้ำท่วมเลี้ยงต้นกล้าชุ่มชื่น ใบเขียวสดขจีมีชีวิตขึ้นแล้ว พร้อมกับออกปากรับลิโป้เป็นบุตรบุญธรรมแทนที่เต็งหงวน นำเสื้ออย่างดีกับเกราะทองคำมากำนัลแก่ลิโป้ แต่งตั้งให้เป็นนายทหารองครักษ์เจ้า กรมฝ่ายขวาคอยรับใช้อยู่ใกล้ชิด มนุษย์ทุกคนย่อมมีราคาของตนเอง ลำพังแค่ม้าเซ็กเธาว์ แก้วแหวนเงินทอง เสื้อเกราะทองคำกับตำแหน่งลาภยศ ก็สามารถทำให้ยอดฝีมืออย่างลิโป้ หันหลังให้แก่ความชอบธรรมได้ตั๋งโต๊ะเมื่อได้ลิโป้มาอยู่ข้างตัว คิดอ่านสิ่งใดก็สะดวกขุนนางน้อยใหญ่แลทหารในเมืองตกอยู่ภายใต้อิทธิพลของตั๋งโต๊ะทั้งสิ้น อยู่มาวันหนึ่ง ตั๋งโต๊ะสั่งให้ลิโป้คุมกำลังกว่าพันคนเข้าล้อมพระราชวัง แล้วตั้งโต๊ะเชิญขุนนางมากินเลี้ยงในที่เฝ้า มือถือกระบี่ร้องประกาศถอดหองจูเปียนออกจากตำแหน่งฮ่องเต้ แล้วจะตั้งหองจูเหียบขึ้นเสวยราชสมบัติแทน ผู้ใดไม่เห็นด้วยข้าพเจ้าจะฆ่าเสีย  ขุนนางฟังแล้วต่างนิ่งอึ้ง มีแต่อ้วนเสี้ยวคนเดียวที่ลุกขึ้นยืนคัดค้านว่า หองจูเปียนเป็นพระราชบุตรเอก พระราชบิดายกราชสมบัติให้ มิได้มีความผิดสิ่งใด ท่านทำอย่างนี้มิใช่เป็นการคิดขบถหรือ ตั๋งโต๊ะได้ยินก็โกรธ ตวาดว่าถ้าขืนขัดขวาง ขอให้ดูกระบี่ในมือว่าจะคมหรือไม่ อ้วนเสี้ยวผู้กล้าย้อนว่า แล้วกระบี่ของข้าพเจ้าที่มีอยู่มันก็คมเหมือนกัน ทั้งสองต่างชักกระบี่ ลิยูที่ปรึกษาเข้าห้ามตั๋งโต๊ะ ขุนนางทั้งปวงก็เข้าห้ามอ้วนเสี้ยว ซึ่งโกรธจัดพาทหารกับพลพรรคยกออกจากเมืองหลวง  ผู้นำที่สร้างความผิดพลาดให้กับการบริหารบ้านเมือง ส่วนมากจะอยู่ได้เห็นความหายนะที่ตนได้ก่อขึ้น แต่ในกรณีของโฮจิ๋นแม่ทัพผู้นำที่สร้างความวิบัติให้กับบ้านเมือง หาได้มีชีวิตยืนยาวได้อยู่เห็นความแตกร้าวพินาศฉิบหายที่ตนเองได้ก่อขึ้นไม่ เป็นอุทาหรณ์สำหรับคนคิดทำการใหญ่ ถ้าถือคติข้ามาคนเดียว ไม่ฟังเสียงทักท้วงของผู้ใต้บังคับบัญชา สุดท้ายแม้ชีวิตของตัวเองก็เอาไม่รอดอย่างโฮจิ๋น

 กำจัด  คงหนู

ผู้อำนวยการสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาเพชรบุรี เขต ๑

  ตอนที่ ๑ - ๓   ตอนที่ ๖-๗    ตอนที่ ๘

อยากให้เธอเข้าใจ  :  ไมค์  ภิรมย์พร

หมายเลขบันทึก: 246301เขียนเมื่อ 4 มีนาคม 2009 18:50 น. ()แก้ไขเมื่อ 6 กันยายน 2013 20:23 น. ()สัญญาอนุญาต: ครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-อนุญาตแบบเดียวกันจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (0)

ไม่มีความเห็น

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท