ธรรมหรรษา
รศ.ดร. พระมหา หรรษา นิธิบุณยากร

นักวิชาการแนะ ปชช.ยึดหลักศาสนามากกว่าลาภยศทางการเมือง


ในวันขึ้นปีใหม่ ควรใช้โอกาสนี้เป็นเครื่องมือในการพัฒนาสร้างบุญบารมี ด้วยการมอบสติให้กับชีวิตตัวเอง ซึ่งขณะนี้คนส่วนใหญ่ยังหมกมุ่นอย่างมากในเรื่องการเมือง จึงต้องการให้สังคมไทยยึดหลัก 3 ย. คือ อย่า หยุด และยิ้ม

        มุมมองของนักวิชาการด้านศาสนาทั้ง 3 ศาสนา ให้ข้อคิดถึงสถานการณ์ทางการเมือง ผ่านรายการ "มองมุมใหม่" ทางสถานีโทรทัศน์ทีวีไทย โดย ผศ.พระมหาหรรษา ธมฺมหาโส ผู้ช่วยอธิการบดีมหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย กล่าวเนื่องในวันขึ้นปีใหม่ ว่า ควรใช้โอกาสนี้เป็นเครื่องมือในการพัฒนาสร้างบุญบารมี ด้วยการมอบสติให้กับชีวิตตัวเอง ซึ่งขณะนี้คนส่วนใหญ่ยังหมกมุ่นอย่างมากในเรื่องการเมือง จึงต้องการให้สังคมไทยยึดหลัก 3 ย. คือ อย่า หยุด และยิ้ม
        พระมหาหรรษา ยังให้ข้อคิดว่า สังคมจะต้องช่วยกันประคับประคองให้บ้านเมืองเดินไปได้ เพราะประเทศไม่ได้อยู่ภายใต้นักการเมืองเพียงฝ่ายเดียว แต่ประเทศเป็นของทุกคนที่ต้องช่วยกันดูแล
        ศาสตราจารย์ทันตแพทย์ ศึกษา เทพอารีย์ นักวิชาการด้านศาสนาคริสต์ เปิดเผยว่า วันขึ้นปีใหม่ถือเป็นการเริ่มต้นนำโอกาสนี้มาวางแผนดำเนินชีวิตต่อไป ทั้งระยะสั้นและระยะยาว จึงต้องการให้นักการเมืองรู้จักคำว่าพอ และต้องดำเนินชีวิตตามหลักคำสอนของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ ที่ปกครองแผ่นดินโดยธรรม
        ขณะที่นายอณัฐ อมาตยกุล นักวิชาการด้านศาสนาอิสลาม เปิดเผยว่า สังคมไทยได้ละทิ้งวิถีธรรมะ หันไปยึดมั่นกับวิถีการเมือง เพื่อสร้างตนเองให้มีอำนาจและบารมีมากขึ้น

http://www.thaipbs.or.th/clip/index.asp?content_id=232373&content_category_id=688

อ่านเพิ่มได้ที่ http://gotoknow.org/blog/buddhist-conflict-management/324798

หมายเลขบันทึก: 324864เขียนเมื่อ 3 มกราคม 2010 23:48 น. ()แก้ไขเมื่อ 19 มิถุนายน 2012 13:23 น. ()สัญญาอนุญาต: ครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-อนุญาตแบบเดียวกันจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (6)

อย่า หยุด ยิ้ม

ขออนุญาตนำไปใช้เป็นสิริมงคลกับตัวเองนะคะ

นมัสการครับ

    *  ได้มาอ่านแนวคิดเรื่องชีวิตกับความขัดแย้ง  รวมทั้งหลัก 3 ย ทำให้ผมมีความมั่นใจเพิ่มมากขึ้นในการทำเวที "สานเสวนา" นำตัวแทนคนเสื้อเหลืองและเสื้อแดงมาคุยกัน

   *  ผมลองทำในพื้นที่ระดับอำเภอก่อนครับ  ทำที่อำเภอบ่อไร่ จังหวัดตราด  โดยผมทำในนามสมาคมลูกเสือชาวบ้าน (ประธานสมาคมลูกเสือชาวบ้าน ตอบรับ และ ท่านนายอำเภอบ่อไร่ก็ เห็นดีด้วยครับ)  วันที่ 17  ผมจะเข้าไปพบตัวแทนทั้งสองสี  เพื่อทาบทามและทำความเข้าใจข้อตกลงในการพูดคุยกัน  ก่อนที่จะจัดจริง

  *  ในเวที จะประกอบด้วย  1  ตัวแทนเสื้อเหลือง  2.  เสื้อแดง   3.  ข้าราชการ(ที่เป็นกลาง)    4.   ตัวแทนประชาคม (ที่เป็นกลาง)  และ 5.  นักวิชาการ(ที่เป็นกลาง)   โดยงานนี้  ผมคงเป็นผู้ดำเนินรายการเองครับ

*  ถ้าได้ผลดี  ก็อาจจะขยับไปจขัดในระดับจังหวัดต่อไปครับ

อาจารย์ small man,

  • ขออนุโมทนาและชื่นชมในความเพียรพยายามของอาจารย์และคณะ
  • สีก็คือสี  เมื่อมองสีสามารถตีความได้อย่างน้อยสองอย่างคือ (๑) ในเชิงอัตวิสัย สีมีคุณค่าในตัวของมันเอง ถึงแม้ใครจะไม่ให้ค่าหรือตีความก็ตาม และ (๒) ในเชิงปรวิสัย สีไม่ได้มีคุณค่าในตัวของมันเอง มันจะมีค่าหรือไ่ม่มีค่าขึ้นอยู่กับการให้ค่าของมนุษย์
  • จากประสบการณ์ในการงานที่เกี่ยวข้องกับความขัดแย้งนั้น ความขัดแ้ย้งเป็นปรากฎการณ์ที่เกิดขึ้น ดำรงอยู่ และเปลี่ยนรูปอยู่ตลอดเวลา  ฉะนั้น เมื่อเผชิญกับสถานการณ์ของความขัดแย้งทั้งเชิงบวก และลบ
  • (๑) ควรศึกษาและเรียนรู้ว่า ทำไมเขาจึงคิด พูด และทำต่างจากเรา โดยการเรียนรู้ในฐานะเขาเป็นเขา ไม่ใช่พยายามที่จะทำให้เขา คิด พูด หรือทำเหมือนเรา
  • (๒) เมื่อใช้เวลาในการศึกษาและเรียนรู้อย่างมีสติ "ความเข้าใจ" (สัมมาทิฐิ) จะเกิดขึ้น เข้าใจความจริงว่า ทำเขาจึงคิด พูด และทำเช่นกัน หรือต่างจากเรา ความเข้าใจจะนำไปสู่
  • (๓) การที่เรามีท่าทีที่ถูกต้องและเหมาะสมต่อคนอื่นที่เราเคยคิดว่า เขาคิด พูด และทำต่างจากเรา และสุดท้าย
  • (๔) เราก็จะสามารถอยู่ร่วมกับบุคคลอื่นในสังคมได้อย่างมีความสุขมากยิ่งขึ้น รัก และใส่ใจคนอื่นมากยิ่งขึ้น
  • ประเด็นที่ควรใส่ใจก็คือ "ทุกครั้งเกิดความขัดแย้งในครอบครัว และสังคม" เรามักจะละเลย และหลงลืมที่จะ ศึกษา เรียนรู้ ทำความเข้าใจ มีท่าทีไม่ถูกต้อง เหมาะสมต่อเพื่อมนุษย์ที่อยู่รอบข้างตัวเรา ฉะนั้น จึงไม่แปลกที่หลายคน "มักตกเป็นเหยื่อของความขัดแย้ง" แทนที่ "จะได้ประโยชน์จากความขัดแย้ง"

โยมแก้ว

  • ดีใจที่โยมแวะมาเยี่ยม และดีใจที่ได้เห็นบรรยากาศปีใหม่กับครอบครัวที่แสนสุขของโยม
  • อนุโมทนาและเป็นกำลังใจในการนำหลักธรรมไปปฏิบัติและประยุกต์ใช้กับชีวิตและการงาน
  • เจริญพร/เจริญธรรม

นมัสการพระคุณเจ้า

เช้านี้พบข่าวท่านนายกอภิสิทธิ์ ล้มหวยออนไลน์ เพราะว่ามอมเมาประชาชน แล้วโดนบริษัทยักษ์ใหญ่ขู่จะฟ้องรัฐกว่าหมื่นล้าน

แม้ท่านนายกบอกว่าจะชดเชยความเสียหายให้ แต่ก็เกรงท่านจะแพ้ภัยเจ้าค่ะ

เพราะความมัวเมาถูกป้อนให้เราๆมานาน ไม่ว่ารูปแบบไหน

เห็นได้ชัดจากสื่อหนังสือพิมพ์ เคยทราบมาว่าช่วงที่จตุคามกำลังดัง รายได้ที่ทางสำนักพิมพ์ได้จากการโฆษณารุ่นต่างๆของจตุคามมากกว่ารายได้จากการใช้งบโฆษณาของสินค้าและบริการตามปกติหลายเท่า

สื่อจึงเหมือนอีกสิ่งที่ช่วยกระพือความมัวเมาแก่ชาวพุทธ เพราะสื่อมักสื่อสารการนับถือออกมาในรูปปาฏิหารย์ การสนองตัญหา มากกว่าการนับถือในรูปแบบอย่างที่ควรปฏิบัติตาม และการฝึกการละ

คอลัมน์เกี่ยวกับอิทธิฤทธิ์ปาฏิหารย์ เครื่องลางของขลัง มีตีพิมพ์ทุกวัน แต่คอลัมน์ที่พระคุณเจ้าสั่งสอนหลักธรรมมีแค่ทุกวันพระ

แล้วจะสู้กันไหวหรือเจ้าคะ

การยึดหลักศาสนามากกว่าลาภยศ จึงอยากให้เน้นกับทุกวงการเลยเจ้าค่ะ

มองว่าหลัก 3 ย นี้ หนังสือพิมพ์และนิตยสารต่างๆน่าจะนำไปใช้ด้วยเจ้าค่ะ คือ

หยุด กระพือข่าวความมัวเมา

อย่า เห็นแก่ตัวเลขรายรับค่าโฆษณา

ยิ้ม รับความปิติจากการกระทำที่ถูกต้อง และยิ้มรับความสุขจากการเป็นส่วนหนึ่งที่ช่วยเผยแพร่พุทธธรรม

สื่อก็มีส่วนสำคัญในการบ่มเพาะทัศนคติ อยากเห็นสื่อบ่มเพาะสิ่งดีๆแก่ชาวพุทธเจ้าค่ะ

_/|\_

แล้วก็กลับมาพิจารณาตนเองต่อ

3 ย ที่พระคุณเจ้าบอก

ก็เหมาะสำหรับเตือนตนเองด้วยเหมือนกันเจ้าค่ะ

ขอบพระคุณพระคุณเจ้า

กราบธรรมะสวัสดียามเช้าขอรับอาจารย์

ยึดหลักศาสนามากกว่าลาภยศทางการเมือง

นี้แหละสำคัญมากขอรับอาจารย์

และมันกำลังคืบคลานเกาะกินสังคมไทยที่ได้ชื่อว่า..สมณะ..อยู่  ณ  ขณะนี้

เป็นมุมมองของกระผมที่อาจถูกหรือผิดก็ได้ขอรับอาจารย์..

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท