"ผู้หญิงคนนี้เป็น 'โรคกรรม' รักษาไปก็เท่านั้น เสียเงินเปล่าๆ อย่าไปรักษาเลย รักษามานานแล้ว ไม่เห็นจะดีขึ้น เพราะกรรมเก่าที่เธอเคยทำแท้ๆ ชาตินี้เธอจึงต้องมาชดใช้กรรม"
คำพูดประโยคทองท่อนนี้ ทำให้ผู้เขียนต้องตั้งคำถาม "ในใจ" ว่า "เธอเป็นโรคกรรมจริงหรือ? ทำไม "กรรม" จึงมีอิทธิพลทำให้เธอท้อแท้ สิ้นหวัง และไม่ต้องการที่จะไปรักษา "โรค" ที่ไหนอีกแล้ว เพราะำคำพิพาษาจากเพื่อนบ้าน หมอทรงเจ้า และหมอดู
ผู้เขียนได้มีโอกาสไปเยี่ยมเยียน และให้กำลังใจเธอในช่วงก่อนปีใหม่ เธอผู้ซึ่งครั้งหนึ่ง เคยถือปิ่นโตไปทำบุญทุกวันพระ ไปทำนากับสามี ไปส่งลูกๆ เรียนหนังสือ แต่ ณ วันนี้ เธอเดินไปไหน หรือช่วยตัวเองแทบไม่ได้
เพราะเหตุใด จึงเป็นเช่นนี้? ทุกครั้งที่เธอขยับตัว แขน หรือขา เสียงร้องอัน "โหยหวน" จะหลุดออกจากปากของเธอในทันที เพราะเธอจะเจ็บตามเส้น ตามกระดูกอย่างรุนแรง และเคยไปรักษาที่โรงพยาบาลประจำจังหวัด แต่คำตอบที่เธอได้รับก็คือ "ไม่มีอะไรมาก" และเธอก็ได้รับ "ยาแก้ปวด" และ "ยาคลายเส้น" กลับมา
คำถามคือ"ไม่มีอะไรมาก" จริงหรือ? แล้วทำไมเธอจึงต้อง "ร้องโอดโอย" อยู่ทุกๆ ชั่วโมงและทุกครั้งที่เธอขยับแขน และขา และผู้ที่ร้องด้วยความทุกข์และทรมานไม่ยิ่งหย่อนไปกว่าเธอก็คือ "ลูกสาวทั้งสองของเธอ" และ "สามี" ที่อยู่เคียงข้างเธออยู่ไม่ห่าง
หากบอกว่า "เธอเป็นโรคกรรม" แสดงว่า "ลูกน้อยและสามีของเธอ" ก็ต้องมีส่วนรับผลแห่งกรรมด้วยกระนั้นหรือ เขาทั้งสามต้องงอมืองอเท้าเพื่อ "รอวันที่คุณแม่ต้องตายไปพร้อมกับโรคกรรมด้วยกระนั้นหรือ"
ใครเล่าจะเป็นผู้มีส่วนในการตอบ และพิสูจน์ทราบคำถามเหล่านี้
๑. พระสงฆ์
๒. หมอผี หมอทรงเจ้า หรือหมอดู
๓. คุณหมอ หรือพยาบาล
ในอดีตที่ผ่านมานั้น หมอผี หมอทรงเจ้า หรือหมอดู ได้พยายามทำหน้าที่ในการตอบปัญหาของ "ลูกน้อยและสามีของเธอ" อย่างต่อเนื่อง แต่บทสรุปที่ได้รับก็คือ "แม่และภรรยาของหนู/คุณเป็นโรคกรรม"
ในฐานะที่เป็นพระสงฆ์ที่เป็นญาติธรรม "ไม่สามารถอธิบาย หรือตั้งสมมติฐานได้ร้อยเปอร์เซ็นว่า โรคที่เธอเผชิญอยู่นั้น" จริงๆ แล้วเป็น "โรคกรรมเก่า" หรือว่่า "โรคกรรมใหม่" อย่างไรก็ดี ย่อมไม่ถูกต้อง หากเราจะ "โยนทุกเรื่องให้เป็นกรรมเก่า"
คำถามคือ ณ เวลานี้ เราโชคดีที่จะมีโอกาสพิสูจน์ทราบว่า เพราะกรรมใหม่ทำให้เธอเป็นโรคจริงหรือไม่? แล้วสุดท้ายใครจะเป็นคนตอบปัญหานี้ ถ้าไม่ใช่ "หมอ หรือแพทย์สมัยใหม่"
แม้ผู้เขียนจะพยายามวิ่งหาคำตอบอยู่ทุกวัน เวลา และนาที แต่ในขณะเดียวกัน ผู้เขียนก็ต้องนั่งรอ "แพทย์ หรือหมอ" ผู้ที่จะมา "เฉลยคำตอบ" ว่าจริงๆ ในมิติของวิทยาศาสตร์สมัยใหม่ "เธอเป็นโรคอะไร"
การค้นพบโรค หรือสมมติฐานของโรค คือ "การค้นพบรอยยิ้มและเสียงหัวเราะของเธอ" "ลูกของเธอ" และ "สามีของเธอ"
ขออานิสงส์เสี้ยวแห่งบุญที่ครั้งหนึ่งเธอเคย "ใช้มือถือปิ่นโตไปทำบุญที่วัด" "ใช้มือซักเสื้อผ้าให้พ่อแม่ใส่ตอนที่เธอยังเป็นสาว" และ "ใช้มือเช็ดน้ำตาลูกน้อยเมื่อยามร้องให้" ฯลฯ ได้โปรดชักพา "แพทย์ หรือใครสักคนที่พร้อมจะหยิบยืนรอยยิ้ม และเสียงหัวเราะให้แก่เธอ" เพื่อเธอจะได้กลับไปหยิบยื่น "รอยยิ้ม เสียงหัวเราะ และความสุขแก่ลูกน้อยของเธอต่อไป"
ด้วยธรรมะ พร และเมตตา
พระมหาหรรษา ธมฺมหาโส
ผู้ช่วยอธิการบดีฝ่ายวิชาการ
มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย
ให้ลูกเธอไปแจ้งศูนย์อนามัยชุมชนเพื่อส่งต่อไปรักษาก็ได้นะคะ
นมัสการเจ้าค่ะ
เจริญพรโยมแก้ว
ครูคิม
การวินิจฉัยโรคจากภาพและข้อมูลเพียงแค่นี้ ยาก นะครับ ถ้ามีข้อมูลอะไรเพิ่มเติมอีกจะช่วยได้มากครับ
แต่โรคอะไรที่ทำให้ผอมแห้งแรงน้อย ขยับแล้วปวดทุกครั้ง ผมจะคิดถึง ๒ โรค คือ มะเร็ง หรือ โรคเกี่ยวกับระบบภูมิคุ้มกัน ที่เขาเรียก โรคพุ่มพวง ทำนองนั้นนะครับ ซึ่งทั้งสองกรณี ต้องอาศัยการวินัจฉัยจากโรงพยาบาลเท่านั้น จึงจะเริ่มให้การรักษาได้อย่างถูกต้อง
ยังแนะนำให้กลับไปโรงพยาบาล เพื่อยืนยันว่า มันไม่ใช่ ไม่มีอะไร แล้ว หรืออย่างที่พี่แก้วว่า ในพื่นที่ จะมีสถานีอนามัยดูแลประชาชนในพื้นที่รับผิดชอบอยู่ สามารถใช้ช่องทางทั้นได้ มนกรณีเดินทางไปโรงพยาบาลไม่ไหว
อีกทางก็คือ มีโทรศัพท์ที่ให้ผมคุยกับคนไข้หรือครอบครัวในส่วนรายละเอียดได้หรือไม่ เรื่องนี้กรุณาส่งทาง email นะครับ เพราะ การรักษาความลับเป็นส่วนตัวของคนไข้ก็มีความสำคัญ รวมถึงการลงภาพที่เห็นใบหน้าของคนไข้อย่างชัดเจนในบันทึกของพระอาจารย์ก็มีความเสี่ยงนะครับ
ปัจจุบัน มีเหลือบที่จ้องสูบเลือดคนที่ประสบความทุกข์อยู่แล้ว โดยอาศํยข้อมูลที่ทราบทางสาธารณะจำนวนหนึ่ง ผมไม่อยากให้เหลือบพวกนี้ไปซ้ำเติมครอบครัวเธออีก
นมัสการค่ะ
ในระบบการรักษาในโรงพยาบาลมีระบบส่งต่อ ถ้าโรงพยาบาลจังหวัดรักษาไม่ได้ ก็สามารถส่งต่อไปโรงพยาบาลศูนย์
ถ้าโรงพยาบาลศูนย์ รักษาไม่ได้ก็ส่งต่อไปโรงพยาบาลมหาวิทยาลัยได้ค่ะ ตามระบบส่งต่อของจังหวัดนั้นๆ
เรื่องโรคกรรม ผู้เขียนคิดว่าเวลาหาสาเหตุไม่ได้ก็มักพูดแบบนั้น รวมทั้งเป็นความเชื่อทั่วๆไปของคนไทย
คิดว่าผู้ป่วยยังเข้าไม่ถึงการบริการขั้นสูงๆที่บอกว่าเป็นอะไรมากกว่า
พ่อของน้องที่รู้จัก ท้องโตทรมานแพทย์สงสัยเป็นมะเร็ง ส่งต่อไปรักษากรุงเทพ ผลไม่เป็นอะไร ไปหาพระ หาหมอดู
บอกเป็นโรคเวรกรรม หมดกรรมน่าจะดีขึ้น ตอนหลังรักษามาเรื่อยๆสรุปเป็นมะเร็ง ตอนนี้เสียชีวิตแล้วค่ะ
เจริญพร คุณหมอเติมศักดิ์
โยมขนิษฐา
นมัสการค่ะ
สวัสดีค่ะ
โยมไก่
ครูคิม
หนูคิดว่าหนูเป็นโรคคล้ายๆกันกับผู้หญิงที่พูดถึงนะคะ
แต่ว่าไม่มีใครเชื่อหนูเลย วันนี้หนูปวดกระดูกมาก ไปเรียนไม่ได้เลยคะ
หนูเป็นโรคอะไรไม่รู้ จู่ๆก็เป็นขึ้นมาเลย ค่อนข้างมีหลายอาการ
ทรมาณมากทีแรกนึกว่าจะไม่รอด หมอก็ไม่แน่ใจว่าเป็นอะไร สรุปกันไปต่างๆนานา
สุดท้ายเขาเลยบอกว่าหนูเป็นโรค still desease ไม่มีชื่อเรียกเป็นภาษาไทย
แต่ประมาณเอาว่าเป็น โรคภูมิคุ้มกันบกพร่อง แต่ไม่ได้เป็นโรคภูมิแพ้
และรับการรักษามา 2 ปีแล้วคะ จนถึงตอนนี้ แต่ว่าหนูเองก็ไม่ทานยาอีกเลย แต่ไปให้ดูอาการปรับยารับยากลับบ้าน
ยาแต่ละตัวที่ทานเข้าไปก็เป็นยาอันตรายและต้องอยู่ในการควบคุมของแพทย์เท่านั้นถึงจะได้ยานี้มาทาน
พอรู้ว่าน่าจะเกิดจากโรคกรรม หนูก็ไม่ทานอีกเลย อาการก็ไม่เป็นอะไรมากนัก เดี๋ยวดีเดี๋ยวร้าย
หนูเองสับสนไปหมด ไม่รู้จะหาทางแก้อย่างไรดี
โยมนุช
อาตมาเห็นว่า โยมควรจะรับประทานยาตามที่หมอสั่งยาให้ทานน่ะ แล้วไปเช็คอาการกับคุณหมอบ่อยๆ อาตมาเชื่อว่าทุกอย่างจะดีขึ้นน่ะ ขอให้สู้ต่อไป
เจริญพร
ขอส่งกำลังใจมาให้กับทุก ๆ ท่านที่ประสบกับกับความทุกข์นะครับ ขอให้พ้นจากทุกข์ภัยทั้งหลายไว ๆ และพบกับความสุขครับผม
อาชีพผมคือ การรักษา โรคต่างๆ รวมทั้งความเจ็บปวด ทุกข์ทรมาณ ให้หาย...
สามารถพิสูจน์ความจริงต้องติดต่อมาเอง (คนป่วย หรือ ญาติที่ใกล้ชิด) ให้ email มาหรือ ติดต่อ โทร 0815452811
และทดสอบความจริง....