Kiwi ตอนเมืองคู่แฝดซานฟราน


จะพยายามเชื่อมโยงข้อมูลจากเรื่องที่อ่านกับสิ่งที่เห็น

8-18 สิงหาคม 51

           ได้รับโอกาสให้ไปศึกษาดูงานที่ประเทศนิวซีแลนด์ (เป็นครั้งแรก) ภายใต้การนำของ ท่านรองฯวินัย รอดจ่าย และท่านผอ.เบญจลักษณ์ น้ำฟ้า เป็นการเดินทางพร้อมกับเพื่อนกลุ่มใหม่ที่ประทับใจในไมตรีที่มีให้

           จากสนามบินสุวรรณภูมิสู่โอคแลนด์เมืองที่ทอดยาวที่สุดในโลก ใช้เวลาเดินทาง 11 ชั่วโมง อากาศหนาวมาก ฝนก็ตก เตรียมเครื่องกันหนาวไปมากพอควรทำให้กลัวว่าน้ำหนักกระเป๋าจะเกินเพราะที่นั่นค่อนข้างเข้มงวดห้ามน้ำเกิน กว่า 20 กก. กังวลใจเกรงจะทำให้เพื่อนร่วมทางยุ่งยาก ซึ่งเพื่อนๆก็ช่วยถ่ายเทกระเป๋าให้ เมื่อถึงโอคแลนด์ก่อนต่อไปเวลลิงตัน ขอบคุณค่ะ (เอาเข้าจริงวันนั้นเขาใจดีไม่เข้มเท่าที่ควร)

        ทุกครั้งที่ไปต่างประเทศจะอ่านเรื่องราวของประเทศนั้นๆเพราะรู้ว่าไม่ได้ไปเที่ยว ไปทำงานอ่านเพื่อให้มีข้อมูลและจะพยายามเชื่อมโยงข้อมูลจากเรื่องที่อ่านกับสิ่งที่เห็นให้มากที่สุด เช่นเดียวกันคราวนี้ก่อนไปอ่านหนังสือเกี่ยวกับนิวซีแลนด์บ้าง (แต่อ่านน้อยจริงๆเพราะมีภาระและมีปัญหาด้านสายตา)

              จากโอคแลนด์นั่งเครื่องบินต่อไปเวลลิงตัน ใช้เวลา 1ชั่วโมง เวลลิงตันเป็นเมืองที่ถือเป็นศูนย์กลางของประเทศ เป็นเมืองที่อยู่ระหว่างเกาะเหนือกับเกาะใต้ มีช่องแคบคุกคั่น ไม่แปลกเลยที่นี่จะมีลมแรงมาก แต่เมืองก็สวยงามด้วยความระยิบระยับของพื้นน้ำ

 เสียดายที่ฝนตกตลอดไม่เช่นนั้นคงเห็นความงามระยิบระยับอีกหลายเท่าตัวเมื่อผิวน้ำต้องแสงอาทิตย์

จากข้อมูลบอกว่าเวลลิงตันเป็นเมืองคู่แฝดกับซานฟรานซิสโกเมื่อ 3 ปีที่แล้วเคยขับรถจากลอสแองเจอลิสไปเที่ยวซานฟรานมาแล้ว จึงจะพยายามดูว่า ทั้ง2 เมืองเหมือนกันตรงไหน เพราะที่ซานฟรานดูวุ่นวายมาก แต่ที่เวลลิงตันดูสงบ ผู้คนเป็นมิตร พร้อมจะช่วยเหลือนักท่องเที่ยว มีตลาดเช้าให้ชม(ชอบมาก)  จากข้อมูลบอกส่วนที่เหมือนว่า ทั้ง2 เมืองมีโอกาสเกิดแผ่นดินไหวสูง (ที่ซานฟรานเจอกับตัวเองมาแล้วนึกว่าจะไม่รอด) สภาพทั่วไปเต็มไปด้วยเนินเขา มีสิ่งก่อสร้างที่เหมือนกันคือบ้านไม้เก่าทาสีรุ้งสดใสเรียกว่า painted ladies (ไม่เห็นนะ  เห็นแต่บ้านสีขาวตามเชิงเขาสวยจัง) มีรถรางเคบินเหมือนกันอันนี้จริงและมีโอกาสได้ใช้บริการทั้ง 2 เมือง สนุกมาก

      ไปถึงวันอาทิตย์ได้ไปชมพิพิทธภัณฑ์ชื่อ TE PAPA ตื่นตามาก ทำให้รู้และเห็นว่า มีเรื่องราวเกี่ยวภูเขาไฟมาก เห็นความผูกพันธ์ของชาวเมารีชนพื้นเมืองกับความเป็นนิวซีแลนด์ (ไปดูโรงเรียนเมารีจะเล่าตอนต่อๆไป)  อังกฤษเป็นชนผิวชาวชาติแรกที่เข้ามาตั้งถิ่นฐานที่นี่ (มีต่อค่ะ)

 

       

 

หมายเลขบันทึก: 202596เขียนเมื่อ 22 สิงหาคม 2008 02:38 น. ()แก้ไขเมื่อ 6 กันยายน 2013 19:27 น. ()สัญญาอนุญาต: จำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (0)

ไม่มีความเห็น

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท