วันนี้ลูก ๆ สอง คน ชวนไปดูหนังเรื่อง spiderman คนเยอะมาก เลยต้องนั่งเก้าอี้เสริม
ลูกชายคนโตบอกว่าไม่ดีนั่งแล้วเมื่อย
แต่มองอีกทีก็ดีเพราะประหยัดไปหลายบาท
ก่อนจะเข้าดูหนังก็ดูเหมือนว่าทุกคนจะมีพฤติกรรมเหมือน ๆ กันคือจะซื้อขนมกรอบ ๆ
ไว้ขบเคี้ยวขณะดูหนัง เช่น ข้าวโพดอบเนย น้ำดื่ม ฟิชโช และขนมซองต่าง
ๆ ทำเอาหมอฟันอย่างเราต้องสะอึก สงสารฟัน
อย่าลืมว่าภาพยนตร์ฉายนานประมาณ 1-2 ชั่วโมง เจ้าเชื้อ
strep mutan และ lactobacilli คงจะอิ่มอร่อยไปมื้อใหญ่
เพราะภายหลังจากการรับประทานน้ำตาลเพียง 20 นาที
เจ้าแบคทีเรียเหล่านั้นก็สามารถผลิตกรดมาทำลายฟันได้แล้ว
ฉันภาวนาว่าขอให้ทุกคนได้ซื้อน้ำเปล่าเข้าไปดื่มด้วยเถอะ
อย่างน้อยก็ช่วยชะล้างเศษแป้งและน้ำตาล
เพื่อลดการผลิตกรดของแบคทีเรียได้บ้าง น่าจะขายผลไม้บ้างนะหรือพกพาไปเองก็ได้ค่ะ
อีกอย่างมีข้อเสนอแนะเพิ่มเติมคือ ให้ซื้อหมากฝรั่งชนิดไม่มีน้ำตาลไปเคี้ยวหลังเคี้ยวอาหารประเภทแป้งและน้ำตาล
พบว่าการเคี้ยวหมากฝรั่งมีข้อดี สอง ประการคือ
ช่วยกระตุ้นการหลั่งน้ำลายเพิ่มขึ้น
และช่วยขจัดเศษอาหารที่ติดอยู่ตามซอกได้
มีรายงานการวิจัยหลายฉบับพบว่า
การเคี้ยวหมากฝรั่งชนิดไม่มีน้ำตาลช่วยลดปริมาณกรดและป้องกันฟันผุได้
ข้อดีอีกข้อคือหากเคี้ยวหมากฝรั่งแล้วคงไม่ต้องกินอาหารอื่นจนจบเรื่องก็ได้
ช่วยประหยัดดีค่ะ
วันนี้ไม่ได้คาดหวังหรือกลัวอะไรเกี่ยวกับภาพยนตร์ที่จะดูเพราะคิดว่าน่าจะเป็นเรื่องสนุกโลดโผนเหมือนภาคก่อน
ๆ ที่เคยดูมา เพราะบางทีการชวนเด็กไปดูหนังบางเรื่องก็กังวล
หากเราไม่ได้ดูล่วงหน้าก่อน
กลัวว่าจะเป็นหนังที่ไม่เหมาะสมที่เด็กควรจะดูในบางฉากบางตอน
ดีเกินคาดหวังทีเดียวหละ
ถ้าจะผิดหวังก็คงจะเป็นเรื่องการต่อสู้กันอย่างรุนแรงในบางตอน
ซึ่งคิดว่าไม่ค่อยต้องการให้เด็กเห็นภาพของการฆ่าฟันหรือทำลายล้างกัน
กลัวจะเป็นการปลูกฝังความรุนแรงให้กับเด็ก
มีฉากตอนที่ประทับใจไม่น้อยค่ะ
ฉันรู้สึกว่าวันนี้ดูหนังได้ลึกซึ้งมากค่ะ เรียกได้ว่า “แลหนังแลตน” ได้ดีทีเดียว
ฉากแรก ที่ประทับใจคือ ฉากที่พระเอกนางเอกนอนพูดคุยกันบนใยแมงมุมเหมือนเปลยวนบ้านเรา
รู้สึกผ่อนคลายมาก ทันใดนั้นก็มีอุกาบาตตกมาจากนอกโลก
(ตอนแรกคิดว่าเอ๊ะจะมีใครมาเกิด) ปรากฏว่าที่อุกาบาตตกนั้นกลายเป็นตัวประหลาดสีดำ (แต่
นางเอกและพระเอก คนนั้นไม่ได้สังเกตเห็นและไม่รู้ตัวด้วยหละ)
ที่น่าสนใจก็คือว่า หลังจาก spiderman กับเมรี่เจนลงมาจากใยแมงมุม
(ด้วยความสุขสุดซึ้งก็มานั่งบนรถมอเตอร์ไซค์) ใกล้ ๆ
ตัวประหลาดนั้น.....พระเจ้า.....ตัวประหลาดติดล้อรถไปด้วย โดยที่ สอง
คนนั้นไม่รู้สึกตัวใด ๆ ........มุมมองที่น่าสนใจคือว่า....สิ่งไม่ดีมักจะเข้ามาในตัวเรา
เวลาเราเผลอเรอ.....หรือสุขเกินไปจนไร้สติ หรือขาดความรู้สึกตัว
หรือขาดสตินั่นเอง
ตอนดูก็ไม่ได้คิดว่าจะมีอะไรร้ายแรงเกิดขึ้นกับ spiderman บ้าง
แต่ก็คิดว่าน่าจะมีอะไรสักอย่างแน่ ๆ
ฉากที่ สอง ภาพของมนุษย์ทราย
(จำชื่อไม่ได้) เข้ามาหาลูก เขาเป็นโจร ข้อหาฆ่าคนตาย
แล้วแหกคุกมาหาลูก เพราะคิดถึงลูก ลูกไม่สบาย) ไม่มีใครเข้าใจเขา
แม้แต่ภรรยาของเขายังขับไสไล่ส่ง (ไม่เข้าใจ ไม่เชื่อใจ ไม่ไว้ใจ)
แต่ที่ประทับใจคือลูก.....พ่อบอกว่า พ่อรักลูก
ลูกก็บอกว่า ลูกก็รักพ่อ และเอาสร้อยพร้อมจี้ให้พ่อเก็บไว้ดูต่างหน้า
ทำไมลูกจึงเข้าใจพ่อ เพราะลูกไม่ด่วนตัดสินพ่อ
ลูกมองตามที่ลูกเห็นพ่อ
และลูกไม่สามารถจินตนาการหรือตัดสินไปไกลเท่ากับประสบการณ์ชีวิตของผู้ใหญ่
ผู้ใหญ่อาจจะตัดสินว่าการฆ่าคนตายนั้นเป็นคนเลวทั้งสิ้น
ไม่คู่ควรมาอยู่ในครอบครัวนี้อีกต่อไป .....น่าสงสารนะ..... เพราะจริง
ๆ แล้วเขาไม่ได้เป็นคนฆ่าอาของ spiderman
ฉากที่
สาม
ฉากที่คุณป้าเมเล่าความรู้สึกที่ไม่รู้ลืมมาจนป่านนี้ที่คุณลุงบอกรักป้า
โดยบอกหลานspiderman ว่าเราเป็นผู้ชายควรเห็นความสุขของฝ่ายหญิงมากกว่าของตัวเอง
เอ๊ะคล้าย ๆ กับของเราเลยน่ะนี่
ป้าเมเล่าว่ายังจำภาพและความรู้สึกนั้นได้ พูดพลางก็น้ำตาไหล
พร้อมกับถอดแหวนที่คุณลุงใส่ไว้ในมือซ้าย ให้กับหลาน
เพื่อให้ไปบอกรักฝ่ายหญิง ได้แหวนแล้ว spiderman
จะเดินทางไปหานางเอกก็ถูกจู่โจมโดยแฮรี่เพื่อนรัก ต่อสู้กันนาน
แหวนหลุดล่วงแต่Spiderman ก็ยังชักใยไปเก็บแหวนวงนี้ไว้ได้
ฉากที่
สี่ การต่อสู้ของ spiderman กับ
แฮรี่เพื่อนรัก ที่ประทับใจคือ แฮรี่ตกลงมาสลบคาที่ spimerman
ก็ลงมาช่วยปั๊มหัวใจ และนำส่งโรงพยาบาล โชคดีที่ฟื้นแล้ว
ไม่สามารถจำความก่อนสลบได้ ก็เลยได้เป็นเพื่อนที่ดีกับ spiderman
อีก
ซาบซึ้งในคุณความดีของ spiderman
ที่ไม่ได้คิดร้ายตอบต่อเพื่อน แม้เพื่อนจะเคียดแค้นพยาบาท เราก็ตาม
น่าชื่นชมจริง
ๆ
ฉากที่ ห้า
ฉากการแตกตัวของโมเลกุลของมนุษย์ทราย (โจร)
คือตำรวจไล่จำโจรคนนี้ แล้วเขาหนีตกลงไปในบ่อทรายนี้
ที่ศูนย์ควบคุมรู้สึกว่ามีสิ่งผิดปกติในบ่อนี้
ก็เลยสั่งให้มีการแตกตัวของโมเลกุลจากคนหนึ่งคนกลายหายไปในเม็ดทราย
ความรู้สึกถ้าเป็นเราหัวใจเราแตกสลายไปจริง ๆ
แต่ที่มหัศจรรย์คือว่าเขาสามารถฟื้นมาเป็นมนุษย์ทรายและคืนกลับสู่คนปกติได้ด้วย
สิ่งแรกที่เขาทำก็คือพยายามหยิบสร้อยภาพของลูกที่ให้มา
ไม่ว่าเขาจะอยู่ที่ไหนลูกจะอยู่ในมือเขาเสมอ
ประทับใจในความเป็นพ่อพิมพ์ต่อลูกไม่น้อยทีเดียว
ตำรวจน่าจะถามหาสิ่งดี ๆ ที่มีอยู่ในตัวโจรบ้างก็ดีนะ เพื่อ
empowerment ให้เขากลับกลายเป็นคนดีในสังคมเหมือนเดิม
ฉากที่ หก
คือฉากที่ spiderman
ไปช่วยนางแบบที่เกิดอุบัติเหตุปั้นจั่นชนตึก......ใครจะแคล่วคล่องได้เท่ากับ
spiderman แต่ที่น่าสนใจกว่านี้คือ ความไวของช่างภาพในการถ่ายภาพของ
spiderman ......ฉับไวมาก.....นี่ก็ไม่แน่ใจว่าตื่นรู้ว่องไวหรือเปล่า
ฉากที่ เจ็ด นางแบบจูบ
spiderman (ตามคำเชียร์) ของประชาชน ทำเอานางเอกแทบช๊อค
เมื่อเป็นคนของประชาชนแล้วก็ลำบากนะ
แต่สำหรับตัวเองแล้วคิดว่าเขาไม่น่าจะถอดผ้าเพื่อจูบปาก
น่าจะหอมแก้มมากกว่าน่าจะดีกว่า ถ้าเป็นสังคมไทย แต่ถ้าฝรั่งก็พอได้
แต่ที่น่าสนใจ.....ทำไมนางเอกไม่เข้าใจพระเอกบ้างหละ.....เขาน่าจะรู้ว่าพระเอกห้อยหัวมาแบบนั้น
คงไม่ได้จูบหรอก คนจูบจริง ๆ น่าจะเป็นผู้หญิงมากกว่า
ทำไมต้องด่วนตัดสินตามความคิดเราแล้วก็งอนตุ้บป่องไปเลย
ฉากที่ แปด
ฉากที่พระเอกเตรียมวางแผนกับเจ้าของร้านอาหาร
เพื่อให้ใส่แหวนในแก้วแชมเปญ
และเล่นเพลงที่ชอบ.....แต่......สิ่งที่ไม่คาดหวังก็เกิดขึ้น.....นางแบบตามมาคุยด้วย
แบบสนิทสนม คุยถึงเรื่องการจูบ และถูกเนื้อต้องตัว แบบไม่ธรรมดา
อีกนั่นหละ นางเอกก็ทนไม่ได้ (หรือว่าเราจะทนได้)
แต่ก็น่าจะอดทนเข้าใจหน่อยนะ เดินออกไป อย่างหน้าบึ้งตึง
ทำเอาพระเอกหน้าจืดไปเลย..... แต่ก็ชื่นชมพระเอกนะคะที่นิ่งพอสมควร
คือมั่นใจในความรักของตนเองที่มีต่อนางเอกมาก
ไม่หวั่นไหวแม้จะมีใครมายั่วยวนก็ตาม
น่าชื่นชมในความเป็นสุภาพบุรุษนะคะ
ฉากที่ เก้า
นางเอกถูกปลดกลางอากาศ
เป็นธรรมดาที่จะทำให้เราเสียใจและรับไม่ได้ spiderman
ก็พยายามปลอบว่ามันเป็นเรื่องธรรมดาที่นักวิจารณ์
หรือเจ้านายจะทำอย่างนี้กับเราได้ แต่ที่สำคัญคือเราต้องมั่นใจในตัวเองว่าเรามีความรู้ความสามารถอยู่
จิตอย่าตกตามคำเขากล่าวหา
พยายามนำคำที่เขาวิจารณ์มาปรับปรุงก็น่าจะทำให้เรารู้สึกดีขึ้นได้
ฉากที่ สิบ
นักข่าวหน้าแตก (แอ๊ดดี้)
นักข่าวควรจะมีคุณธรรม ไม่ควรสร้างเสริมตกแต่งภาพให้ผู้อื่นเสียหาย
หรือเดือดร้อนเพียงเพื่อจะทำยอดหรือทำความดีความชอบให้ยอดขายเจ้านายสูงขึ้น
Spiderman คงจะเป็นกระทิง (มั้ง) ก็เลยเอาภาพของจริงให้ บก.
ดูไปเลย....ทำเอานักข่าวหน้าแตก และเคียดแค้น spiderman มาก
ถ้าเป็นฉัน.....คงจะขอเบา ๆ กว่านี้มั้ง
เพราะถ้ามีหนามยอกแล้วเอาหนามบ่ง เรื่องมันอาจจะไม่จบ
สำหรับผู้ที่ถูกกระทำบางคน.....หากเลือกการพูดคุยให้เข้าใจกัน....และให้อภัยน่าจะมั่นใจว่าจบมากกว่านะ
“เวรย่อมระงับด้วยการไม่จองเวร”
ฉากที่
สิบเอ็ด นางเอกจูบแฮรี่(คนรักเก่า)
ประทับใจคือ พอจูบแล้ว.....มีสติรู้สึกตัว.....ว่าไม่น่าทำ....ก็รีบขอโทษ
แล้วก็เดินออกมาจากบ้านแฮรี่.....แหมน่าจะมีสติก่อนจูบนะ.....จะได้ไม่ต้องเสียใจในสิ่งที่ได้กระทำไป
บทเรียนฝากบอกสาว ๆ คือ เวลาโกรธกับแฟนแล้
อย่าประชดด้วยการไปคบกับแฟนเก่า.....เพราะถ่านไฟเก่าจะติดได้ง่าย
เผลอนิดเดียวเป็นเรื่อง.....ต้องมีสตินะคะ
ฉากที่
สิบสอง ละครนางเอกตัดรักพระเอก
เพราะถูกแฮรี่บังคับ
พระเอกคือดอกไม้พร้อมแหวนตั้งใจจะบอกรัก
แต่นางเอกถูกแฮรี่บังคับให้พูดตัดรัก เพราะเงามืดของพ่อบอกแฮรี่
ว่าวิธีการทำลาย spiderman คือทำลายหัวใจเขาก่อน เขาจึงใช้แบบนี้ทำลาย
spiderman อันดับแรก
แต่คนพากย์ พากย์ให้เสียอารมณ์มาก คือพากย์ให้ผู้ชมหัวเราะพระเอก
กลายเป็นตลกในคำพูด แต่จริง ๆ แล้วพระเอกแทบช๊อค
เมื่อได้ยินคำตัดรัก.....นางเอกก็ร้องไห้.....พระเอกก็ร้องไห้
แต่หน้าตาเขาดูตลก แสดงได้ไม่แนบเนียนเท่าไรฉากนี้
ฉากที่ สิบแปด ชอบมาก ๆ การให้อภัยคือกุศล
อันยิ่งใหญ่...ขอเพียงเข้าใจ...ก็อภัยได้ค่ะ
มนุษย์ทรายได้โอกาสบอกให้ spiderman ทราบว่าเขาไม่ได้ยิงคุณลุงเบน
เขาไปเพื่อขอรถคุณลุงเบน คุณลุงเบนบอกว่า “ให้เขาวางปืนซะ”
เขาไม่เข้าใจว่าการที่คุณลุงบอกอย่างนั้น
เพื่อช่วยเขาให้พ้นจากสิ่งเลวร้าย
แต่ไม่ทันทีเขาจะทิ้งปืนก็มีโจรอีกคนมายิงลุงเบนตายแล้ววิ่งหนีไป
เหลือเขายืนถือปืนอยู่เลยถูกตำรวจจับและใส่ร้ายว่าฆ่าลุงเบน
มนุษย์ทรายบอกว่า เขาไม่ได้ต้องการให้
spiderman ให้อภัย
เพียงแต่ขอให้เข้าใจก็พอแล้ว
Spiderman ทราบความจริง (ด้วยการทำอย่างตั้งใจและไม่ตัดสิน)
ก็เข้าใจและให้อภัยในที่สุด ภาพที่ชอบที่สุดคือ เมื่อมนุษย์ทรายได้ยินว่า spiderman ให้อภัย
ร่างเขาก็แตกสลยลอยหายไป...เหมือนกับว่า ตายตาหลับ ไม่มีอะไร
คั่งค้างในใจ spiderman บอกมนุษย์ทรายว่า
เรามีสิทธิ์เลือกทางที่ดีเสมอ
หากเราต้องการเลือก
ฉากที่ สิบเก้า
เมื่อมีความเข้าใจ ก็มีความรักเพื่อนอย่างแท้จริง
แฮรี่ตกลงมาจากที่สูง นอนคาที่ แต่ยังไม่ตาย นางเอกรีบมาดูใจ พร้อมกับ
spiderman ด้วย ก่อนตาย ทั้งแฮรี่ นางเอกและ spiderman
เข้าใจกันดี
แอร์จึงตายตาหลับอย่างมีความสุขในอ้อมกอดของเพื่อนรักทั้งคู่
นี่หละนะ เพื่อนกัน ก็ควรจะดีกันตั้งแต่มีชีวิต
หากตายไปแล้วก็ไม่สามารถช่วยเหลืออะไรได้อีก
อย่างมากก็ช่วยทำงานศพให้เท่านั้น
บทเรียนจากประสบการณ์เรื่องนี้ก็คงสอนให้เรามีสติอยู่กับปัจจุบัน
ขณะมองโลกให้เห็นความเป็นจริง อย่าด่วนตัดสิน
เพราะการเข้าถึงความจริงทำให้เราเกิดปัญญาในที่สุด
หนังทุกวันนี้ ถ้าเราดูแล้วคิดตาม มันก็มีอะไรที่สอนเราอย่างมากมายเลยนะครับ
ยิ่งเป็นหนังแนว การ์ตูน หรือหนังแนวฮีโร่ เวลาจะสอนอะไร ก้บอกตรง ๆ เลย ทำให้เข้าใจได้ง่ายโดยเฉพาะเด็กๆ ครับ
ภาคนี้ของหนังเรื่องนี้ดีมาก นอกจากที่จะต้องสูงกันฝ่ายอธรรมแล้ว ยังต้องต่อสู้กับสิ่งที่อยู่ในใจเราด้วย ต่อสู้กับการที่ต้องลุ่มหลงในอำนาจ จนลืมตัวตนที่แท้งจริงของตนเอง และสิ่งที่สำคัญที่หนังภาคนี้สอนก็คือ"การให้อภัยครับ" ถ้าเด็กคนไหนมีผู้ใหญ่ไปดูด้วย แล้วอธิบายให้ฟัง ก็จะเป็นการดีเป็นอย่างยิ่ง
ขอบคุณมากค่ะ ที่เขียนวิเคราะห์ให้ฟังเป็นฉากๆอย่างละเอียดเชียว ไปดูมาแล้วเหมือนกัน อ่านแล้วจึงอดนึกทบทวนอีกรอบไม่ได้ พร้อมกับเห็นด้วยทุกความคิดเห็นค่ะ
เพียงแต่ติดใจนิดหนึ่ง คือฉากที่ 18 น่ะค่ะ ความริงมนุษย์ทรายยิงลุงของ spiderman จริงๆไม่ใช่เหรอคะ เพียงแต่ว่า ไม่ได้ตั้งใจยิง ตอนนั้นดูเหมือนปืนมันลั่น แล้วเขาก็รู้สึกผิดและเสียใจในสิ่งที่เกิดขึ้น เขาจึงอยากจะให้ spiderman เข้าใจความรู้สึกนี้ของเขา โดยไม่ต้องอภัยให้เขาก็ได้
แล้วเมื่อ spiderman ยอมเข้าใจ จึงรู้สึกให้อภัยต่อมนุษย์ทราย
แต่ในความเข้าใจของ k-jira ตอนแรกก็นึกว่ามนุษย์ทรายสลายตัวหายจากไปเหมือนกัน แต่พอเห็นกลุ่มทรายที่เคลื่อนที่อ้อมตึกไป ก็นึกขึ้นมาได้ว่า มนุษย์ทรายแค่จากไปต่างหาก เพราะนั่นเป็นการเคลื่อนที่ของมนุษย์ทราย.. ซึ่งถ้ามีภาคต่อไป เขาก็อาจจะกลับมาได้อีกครั้งก็ได้นะ
^__^