อ่านหนังสือดีๆที่ยืมมาจากห้องสมุดคณะแพทย์ของเรา ชื่อเรื่อง Moved by the Spirit เป็นหนังสือรวบรวมเรื่องราวแห่งการค้นพบและการเปลี่ยนแปลงตนเองของชีวิตคนดังๆหลายๆท่าน ที่ล้วนเป็นนักคิด นักเขียนที่เป็นเจ้าของผลงานที่มีชื่อเสียงเป็นที่รู้จักกันแพร่หลาย
การได้อ่านเรื่องแบบนี้ ทำให้เราได้คิด ได้แรงบันดาลใจดีๆเก็บไว้เป็นพลังของชีวิตจริงๆนะคะ เพราะบางครั้งเราก็เผลอไปไล่ตามอะไรๆที่คนอื่นกำหนดให้เรา จนลืมความหมายจริงๆของชีวิตที่ตัวเองที่ตั้งใจเอาไว้ เผลอไปเอามาตรฐานชีวิตที่ใครต่อใครกำหนดมาเป็นจุดหมายไปเสียได้เหมือนกัน ทั้งๆที่เป็นคนให้ความสำคัญกับเรื่องนอกตัวน้อยมากอยู่แล้ว ก็ยังอดเผลอตามกระแสเป็นพักๆได้เหมือนกัน เผลอทีไรก็เป็นทุกข์ไปซะทุกที แต่ก็ยังอดเผลอไม่ได้ เลยต้องหาอะไรดีๆมาคอยเตือนตัวเองแบบนี้แหละค่ะ
เรื่องที่อยากเอามาเขียนเล่าที่เนื่องมาจากหนังสือที่อ่านวันนี้ มีอยู่สองเรื่องของสองนักคิด นักเขียน
คนแรกคือท่าน Jhampa Shaneman เป็นผู้แต่งเรื่อง Buddhist Astrology ท่านนี้เป็นชาวตะวันตกท่านแรกๆที่มาบวชเป็นพระในนิกายมหายาน ของทิเบต เรื่องของท่าน ทำให้คิดถึงชื่อบันทึกนี้แหละค่ะ ว่าคนเราที่ดำเนินชีวิตกันอยู่ทุกวันนี้นั้น เราต้องการอะไรกันแน่ บางทีเราคิดไปเสียไกล วางแผนโน่นนี่นั่นกันไปมากมาย แต่ถ้าคิดให้ดีๆแล้ว มีแค่สองคำถามที่ท่าน Jhampa ท่านแนะนำให้ทุกคนถามตัวเอง ข้อแรกคือ คุณมีความสุขหรือเปล่า สิ่งที่คุณกำลังทำอยู่ทุกวันนี้กับชีวิตตัวเองและคนรอบๆตัวนั้น สร้างความสุขให้คุณอยู่ไหม ค้นหาให้เจอว่าความสุขที่แท้จริงของตัวคุณอยู่ที่ไหน ส่วนข้อสองถามว่า คุณรู้หรือไม่ว่าคุณจะตายเมื่อไหร่ เพื่อให้คุณตระหนักว่า เวลาที่เรามีในโลกนี้นั้นจำกัด ถ้าเราไม่ทำสิ่งที่ทำให้เราและคนรอบๆตัวมีความสุขทันทีที่เราคิดได้ เราจะบอกได้หรือว่า เราจะมีโอกาสอย่างนี้ไปอีกนานแค่ไหน
ท่านที่สองคือ Parker Palmer ท่านนี้เป็นนักสังคมวิทยาที่ประสบความสำเร็จในชีวิตตั้งแต่อายุน้อยๆ แต่งหนังสือหลายเล่ม อบรมผู้บริหารระดับสูงๆมามากมาย แต่ท่านเลือกที่จะไปใช้ชีวิตในสังคมเล็กๆแห่งหนึ่งที่มีวิถีปฏิบัติไม่เหมือนที่ไหนในโลก คือทุกคนในสังคมนั้นเท่าเทียมกัน Parmer เชื่อว่า หนึ่งในสิ่งที่เลวร้ายที่สุดที่คนทำต่อกันก็คือ การพยายามไปแก้ไข ไปช่วยคนอื่น แทนที่จะให้การช่วยเหลือด้วยการรับฟังอย่างลึกซึ้ง เขาเชื่อว่า การมีคนรับฟังเป็นสิ่งหนึ่งที่ช่วยให้คนค้นพบความจริงของตัวเอง เขาเห็นว่า วิธีที่ดีที่สุดที่เราทุกคนสามารถช่วยให้โลกเปลี่ยนแปลงได้คือการปล่อยให้จิตวิญญาณของเราได้พูด ได้แสดงออก ในแบบที่อยู่บนพื้นฐานของความคิดที่ว่า ไม่มีใครเป็นคนพิเศษ และเราทุกคนเป็นคนพิเศษ ตรงนี้โดนใจมากเลยค่ะ
ข้อคิดจากสองท่านนี้ในสัปดาห์นี้ ทำให้ตัวเองมีความสุขค่ะ รู้และมั่นใจในสิ่งที่ตัวเองคิดเอาไว้ จำได้มาแต่เด็กๆว่า สิ่งที่มักจะขอเวลาสวดมนต์อธิษฐานก็คือ ขอให้ทุกคนในโลกนี้รักกัน เคยคิดว่าเรานี้ประหลาด อยากให้คนในโลกนี้มีความเท่าเทียมกัน ทุกคนเป็นคนสำคัญและทุกคนก็ไม่มีความพิเศษ อยากให้คนทุกคนคิดว่าตัวเองมีค่า ไม่ต้องเหมือนใคร มีความสุขกับตัวเอง คิดว่าเวลาเราอยู่ใกล้ๆใครที่มีความสุขกับตัวเอง เราก็จะมีความสุขไปด้วย และความสุขก็หาได้ง่ายจะตายไป ทำดีกับคนอื่น ทำดีกับตัวเอง ทำดีกับสิ่งรอบๆตัว แค่นี้ชีวิตทุกวันก็มีความหมายแล้วนะคะ ถ้าพรุ่งนี้เราจากโลกนี้ไป เราก็ไม่ต้องเสียดายอะไรเลย เพราะเราใช้ชีวิตทุกวินาทีอย่างมีความสุขแล้ว ค้นให้พบความสุขของตัวเอง แล้วเราก็จะสามารถส่งต่อความสุขให้คนอื่นๆได้ไม่ยากเลย
ความรัก สร้างสรรค์โลก ขยายต่อเป็น ภราดรภาพและสันติภาพ
ชอบแนวคิด มุมมองในบันทึกนี้มากๆ ขอบคุณค่ะพี่โอ๋ รักษาสุขภาพนะคะ
คุณโอ๋ครับ
คุณPooแนะนำมาครับ เข้ามาแลกเปลี่ยนเรียนรู้ ประทับใจตรงนี้ครับ
Parmer เชื่อว่า หนึ่งในสิ่งที่เลวร้ายที่สุดที่คนทำต่อกันก็คือ การพยายามไปแก้ไข ไปช่วยคนอื่น แทนที่จะให้การช่วยเหลือด้วยการรับฟังอย่างลึกซึ้ง เขาเชื่อว่า การมีคนรับฟังเป็นสิ่งหนึ่งที่ช่วยให้คนค้นพบความจริงของตัวเอง เขาเห็นว่า วิธีที่ดีที่สุดที่เราทุกคนสามารถช่วยให้โลกเปลี่ยนแปลงได้คือการปล่อยให้จิตวิญญาณของเราได้พูด ได้แสดงออก ในแบบที่อยู่บนพื้นฐานของความคิดที่ว่า ไม่มีใครเป็นคนพิเศษ และเราทุกคนเป็นคนพิเศษ ตรงนี้โดนใจมากเลยค่ะ
ผมอยู่ในวงการศึกษา การฟังอย่างลึกซึ้งของคุณครูหรือผู้ปกครอง ช่วยแก้ปัญหาเด็กได้อย่างมหัศจรรย์เลยครับ
ขอบคุณบันทึกดีๆที่นำมาฝากครับ
สวัสดีค่ะน้องโอ๋
แวะมาอ่านเรื่องดีๆไว้เป็นคติเตือนใจค่ะ นอนหลับฝันดีนะคะ
น้อง poo ที่แวะมาให้กำลังใจกันนะคะ ติดตามอนุทินของหนูแล้ว ชื่นชมการใช้ชีวิตที่แสนคุ้มค่าของหนูนะคะ ส่งกำลังใจถึงน้องอยู่เสมอๆด้วยค่ะ ไดรับไหมคะ...
เยี่ยมมากเลยค่ะ คุณ small man ชื่นชมคุณครูที่เข้าใจนักเรียนมากๆเลยค่ะ เพราะความรู้ให้กันได้หากันได้ไม่ยากหากใฝ่หา แต่ความเข้าใจ การนำทางนี่ต้องเป็น"ครู"จริงๆจึงจะเข้าใจนะคะ ไม่ค่อยได้ทักทายแต่ก็รู้สึกจะเคยแว้บไปอ่านบันทึกคุณ small man ด้วยความชื่นชมอยู่ค่ะ ได้โอกาสขอบคุณกันไว้ตรงนี้ด้วยนะคะ
สวัสดีค่ะ พี่ คุณยาย คนสวย (เห็นรูปนี้ทีไรก็ต้องยิ้มไปด้วยทุกทีเลยค่ะ) ขอให้พี่นอนหลับฝันดีเช่นกันค่ะ แล้วแถมว่าขอให้มีความสุขกับชีวิตทุกๆวันด้วยนะคะ