Ph.D. นิเทศศาสตร์นวัตกรรม ม.เกริก


นวัตกรรม

สวัสดีชาว Blog และนักศึกษาทุกท่าน

          เมื่อวันที่ 14 พ.ย. 52 มหาวิทยาลัยเกริกได้เชิญผมมาปฐมนิเทศแนะนำวิธีการสอนโดยใช้ Concept 4L's และ 2R's และบรรยายเรื่องโลกาภิวัตน์ การเปลี่ยนแปลงและผลกระทบของการสร้างนวัตกรรมทางการสื่อสารเพื่อการบริหาร ให้กับนักศึกษาปริญญาเอก สาขานิเทศน์ศาสตร์นวัตกรรม มหาวิทยาลัยเกริก และหลังจากนั้นผมจะมาสร้างการเรียนรู้ในด้านนวัตกรรมอีก 3 ครั้ง และผมอยากให้นักศึกษา รวมทั้งชาว Blog เข้ามาติดตามการเคลื่อนไหวของ Blog นี้ครับ

                                                                         ขอบคุณครับ

                                                                      จีระ หงส์ลดารมภ์

 

 

 

 

 

 

หมายเลขบันทึก: 313385เขียนเมื่อ 14 พฤศจิกายน 2009 09:33 น. ()แก้ไขเมื่อ 6 กันยายน 2013 21:53 น. ()สัญญาอนุญาต: ครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-อนุญาตแบบเดียวกันจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (157)
จิรายุ อัครวิบูลย์กิจ

เรียน ท่าน ศาสตราจารย์ ดร. จิระ หงส์ลดารมภ์

กระผมในนามตัวแทนของมหาวิทยาลัยเกริก และในฐานะรองผู้อำนวยการหลักสูตรปรัชญาดุษฎีบัณฑิต สาขานิเทศศาสตร์นวัตกรรม ต้องขอกราบขอบพระคุณท่าน ศาสตราจารย์ ดร.จิระ หงส์ลดารมภ์ ที่ได้ให้ความกรุณาให้เกรียรติ มหาวิทยาลัยเกริกในการให้ โอกาสทางหลักสูตรปรัชญาดุษฎีบัณฑิต สาขานิเทศศาสตร์นวัตกรรม มหาวิทยาลัยเกริกในครั้งนี้ ด้วยท่านกรุณาสละเวลาอันมีค่าของท่าน มาบรรยาย และชี้แนะแนวทาง ในกระบวนการการศึกษาในระดับปริญญาเอก ตลอดจนคุณูปการต่างๆ ทางด้านนวัตกรรม การบริหาร การจัดการ เพื่อเป็นการเปิดวิสัยทัศน์ ของนักศึกษาในระดับปริญญาเอกของมหาวิทยาลัยเกริก และการนำมาซึ่งองค์ความรู้ การนำไปปรับใช้ และ การประยุกต์แนวทางทางต่างๆ ทางด้านการบริหารจัดการ ที่มีความเปลี่ยนแปลงไปตลอดเวลา ตามกระแสของการเปลี่ยนแปลงไปของ กระแสโลกาภิวัฒน์ และบริบทต่างต่างๆ ของสังคม กระผมเองในนามตัวแทนของนิสิตนักศึกษา และคณาจารย์ ของ หลักสูตรปรัชญาดุษฎีบัณฑิต สาขานิเทศศาสตร์นวัตกรรม มหาวิทยาลัยเกริก ขอกราบขอบพระคุณในความกรุณาของท่านในครั้งนี้ จึงได้ขอปวรณาฝากตัวเป็นศิษยานุศิษย์ และขอน้อมรับคำสั่งสอน ตลอดจนแนวทาง และองค์ความรู้ที่ท่าน อาจารย์ได้กรุณาอบรมสั่งสอน และให้โอกาสพวกเราชาวมหาวิทยาลัยเกริก ทั้งนี้ หวังเป็นอย่างยิ่งว่า องค์ความรู้ที่ท่านอาจารย์ได้ให้ความกรูณาอบรมสั่งสอนต่อศิษย์ทั้งหลาย จะได้นำไปใช้ให้เกิดประโยชน์ ต่อตนเอง ต่อสังคม และประเทศชาติ สืบไป

ดังนั้น จึงขออาราธนาสิ่งศักดิ์สิทธิ์ ทั้งหลายในสากลโลก จงได้ดลบรรดาลให้ท่าน ศาสตราจารย์ ดร.จิระ หงส์ลดารมภ์ จงมีแต่ ความสุข ความเจริญ มีอายุ วรรณะ สุขะ พละ และเป็นปูชณียะบุคคลของแวดวงวิชาการ และสังคมไทยตลอดกาลนานเทอญ

ด้วยจิตคารวะและด้วยความนับถืออย่างสูง

จิรายุ อัครวิบูลย์กิจ

รองผู้อำนวยการหลักสูตรปรัชญาดุษฎีบัณฑิต

สาขานิเทศศาสตร์นวัตกรรม มหาวิทยาลัยเกริก

เกศสุพิชญ์ ธนนันท์โสภณ

เรียน ท่าน ศาสตราจารย์ ดร. จิระ หงส์ลดารมภ์

ดิฉันรู้สึกชื่นชมท่านอาจารย์ เนื่องจากท่านอาจารย์ได้เป็นที่ปรึกษาโครงการ e-leaning ของ กฟภ. ซึ่งเป็นหน่วยงานของดิฉันทำงานอยู่ เป็นทุนเดิมอยู่แล้ว และยิ่งมีโอกาสได้เรียนกับท่านอาจารย์โดยตรงในclass Ph.d ก็ยิ่งรู้สึกว่าท่านอาจารย์เป็นผู้ทรงวุฒิ ที่มีความรู้ ความสามารถมาก นับว่าโครงการนิเทศศาสตร์นวัตกรรม ม. เกริก ได้รับเกียรติจากท่านอาจารย์มาถ่ายทอดความรู้ที่หาที่ใดไม่ได้ ต้องขอขอบพระคุณท่านอาจารย์เป็นอย่างสูง ที่เมตตากรุณาถ่ายทอดความรู้ในครั้งนี้ค่ะ

ขอแสดงความนับถือ

เกศสุพิชญ์ ธนนันท์โสภณ

นายประจักษ์ เพ็งจางค์

- วันนี้เรามาปะทะกันทางปัญญา

- เรียนกับผมต้องรู้จักแก้ปัญหาตัวเองตลอดเวลา(ปรับปรุงเปลี่ยนแปลงแก้ไข)

- ผมไม่ได้สอนให้คนรวยหากแต่จะสอนให้คุณฉลาดและเป็นประชาชนที่ดี

สำหรับการเรียนในวันนี้เกิน 100% ครับ อยากบอก ม.เกริก เหลือเกินว่าการจะดูว่านักศึกษาตั้งใจเรียน หรือเรียนรู้เรื่องหรือไม่ บางครั้งผมคิดว่าขั้นอยู่กับอาจารย์ผู้สอนต่างหากและมีส่วนอย่างมากฝากบอกน้องนก อ.บิ๊ก ด้วยว่า ดร.จีระ หงส์ลดารมภ์ เยี่ยมมาก ตรงไปตรงมาจุดประกายและชัดเจน เราพึ่งค้นพบตัวเองว่าเราอยากเรียนมากขึ้น อาจเป็นเพราะว่าอาจารย์ใส่ใจในลูกศิลย์ หรือเราบ้ายอก็ไม่รู้เพราะ อาจารย์ให้เกียรตินักศึกษาทุกท่านเท่าๆกัน รักนกมาก เคารพ อ.บิ๊ก ขอบคุณ มหาวิทยาลัยเกริกที่ได้หาอาจารย์ที่ดี ประสิทธิ ประสาทวิชาให้กับพวกเราเป็นอย่าง "ครู" ที่พวกเราจักได้ความรู้อย่างไม่มีที่สิ้นสุด นี้ไม่ใช้การประจบสอพอมันคือความในจากใจจริง

Dear Professor Chira,

Very impress indeed by the class today. New era for teaching technology that we ever come across . I ll do my best a very good start for me.

Thank you so much for the best opportunity to allow me to be along with you .

Best regards,

Sasisupa Orr

ในวันที่ 14 พ.ย. 2552 ได้มีโอกาสเป็นลูกศิษย์ ศ.ดร.จีระ หงส์ลดารมภ์ ผมได้รับความรู้จาดอาจารย์ในเรื่องการพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ซึ่งต้องให้มนุษย์มีจิตสาธารณะที่ดีและทำความดีให้กับประเทศไทย

ขอขอบคุณอาจารย์มากๆ

นายวิรัช จินดากวี

นักศึกษาปริญญาเอก

หลักสูตรนิเทศศาสตร์นวัตกรรม มหาวิทยาลัยเกริก

นายสุริยา ประดิษฐ์สถาพร

จาก Model HR Architecture ของท่านอาจารย์นั้น น่าจะเป็นสังคมในอุดมคติ ที่อาจทั้งชีวิตของผมก็อาจจะไม่เห็นได้ แต่หากประชากรในประเทศไทยทุกคนเข้าใจก็จะทำให้เกิดความสุขและความสมดุลอย่างยั่งยืนได้ การทำความเข้าใจนั้นก็คงไม่พ้นเรื่องการสื่อสารเพื่อให้เกิดความรู้ ความเข้าใจจนเกิดการเปลี่ยนแปลงทัศนคติ

ดังนั้นสื่อมวลชนจึงเป็นเครื่องมือที่สำคัญในการสื่อสารทำความเข้าใจ เพื่อให้เกิดความสุขและความสมดุลอย่างยั่งยืนตาม Model HR Architecture. ในฐานะนักนิเทศศาสตร์ ขอนำเสนอข้อคิดเห็นในการสร้างภูมิคุ้มกันให้กับประชากรไทย โดยใช้สื่อมวลชนสีขาวและปรับปรุงหลักสูตรการเรียนในทุกระดับการศึกษา

สื่อมวลชนสีขาวหมายถึงสื่อมวลชนทุกแขนงที่สร้างเนื้อหาสารและหรือหาเนื้อหาสารที่มีสาระทีดี มีประโยชน์ไม่แต่งเติมสิ่งที่ไม่เหมาะสม

การปรับปรุงหลักสูตรการเรียนในทุกระดับการศึกษาคือการเปิดวิชาการรู้เท่าทันสื่อ เพื่อให้ประชาชนเกิดความรู้เกี่ยวกับสื่อ ระบบการทำงานของสื่อ ลักษณะการประกอบอาชีพที่เกี่ยวข้องกับสื่อ

จากการมีสื่อมวลชนสีขาวและการปรับปรุงหลักสูตรการเรียน เป็นการให้ความรู้และสร้างทัศนคติที่พึงประสงค์ต่อประชาชน มีผลให้ประชาชนเกิดการคิดเป็น วิเคราะห์เป็น มีความคิดแบบวิทยาศาสตร์ เกิดสังคมการเรียนรู้ และเกิดจิตสาธารณะเพื่อช่วยเหลือเกื้อกูลกันในสังคม ดังนั้นประชาชนซึ่งเป็นผู้ขับเคลื่อนประเทศไปในโลกก็จะสามารถนำประเทศให้เติบโตในโลก โลกาภิวัตน์ ได้อย่างมีความสุขและความสมดุลอย่างยั่งยืนได้

นายพูนศักดิ์ ศิริชัย

1.จากแนวคิดของท่าน ศ.ดร.จีระ หงส์ลดารมย์

ในเรื่องของ HR Architecture มีความเกี่ยวข้องกับนิเทศศาสตร์ เราก็น่าจะมองในมุมมองของการสื่อสาร

ในทางนิเทศศาสตร์

- ผู้ส่งเปรียบเสมือนผู้ที่สร้างให้ประชากรเกิด

- สารของส่งก็คือ สื่อที่ได้แก่ การศึกษา การดูแลสุขภาพ การพัฒนาการด้านครอบครัว

- ช่องทางการสื่อสารก็คือ การสร้างให้รู้จักคิด รู้จักวิเคราะห์ เรียนรู้สังคม คุณธรรม จริยธรรม

- ผู้รับสารก็คือ ตัวประชากรที่เป็นผู้รับสาร

2. การเรียนรู้ตลอดชีวิต

การเรียนก็เพื่อส่งเสริมให้เรารู้จักใช้ชีวิตในสังคม มีการทำงานเป็นกลุ่ม เรียนรู้ที่จะใช้ชีวิตร่วม กับผู้อื่น ปริญญาไม่เคยบอก หรือเป็นเครื่องชี้นำเราว่าจบแล้วต้องทำงานด้านนั้น แต่ระบบการเรียนรู้ทั้งหมดมีจุดประสงค์ให้เรารู้จักคิด คิดอย่างเป็นระบบ คิดเป็นระเบียบ เข้าใจ กฎเกณฑ์ของสังคม

เหตุที่มนุษย์ทุกคนต้องเรียน ก็เพราะ มนุษย์ต้องดำรงชีวิตอยู่ในสังคม การที่เราทุกคนมีชีวิต กิน เดิน นอน ทำงานพบปะสังสรรค์ในสังคม ต้องแสดงกิริยาท่าทางต่าง ๆ มากมาย ความรู้เท่านั้นที่เป็นตัวบอกและสนองความต้องการของเรา เช่น เมื่อเราเกิดความรู้สึกหิว ความรู้ที่เราได้จากการเห็นการสัมผัสบอกเราว่า อะไรคืออาหารที่เราจะกินได้ อะไรไม่ใช่อาหาร และในเชิงลึกเรารู้ว่าอาหารที่กินได้อันไหนมีประโยชน์ อันไหนมีโทษ ซึ่งจะใช้เพียงแค่การมอง การชิม หรือสัมผัสอย่างใดอย่างหนึ่งไม่ได้

การเรียนจึงไม่ใช่แค่ตำรา แต่เป็นสิ่งที่ไร้ขีดจำกัด เช่น ถ้าคุณเดินข้ามถนน คุณมองเห็นรถที่วิ่งมา แล้วคุณหลบ แสดงว่าคุณได้เรียนรู้แล้วว่า สิ่งที่พุ่งมาเป็นสิ่งที่ก่อให้เกิดอันตราย

3.โลกาภิวัตน์ คือ ผลจากการพัฒนาการติดต่อสื่อสาร การคมนาคมขนส่ง และเทคโนโลยีสารสนเทศ อันแสดงให้เห็นถึงการเจริญเติบโตของความสัมพันธ์ทางเศรษฐกิจ การเมือง เทคโนโลยี และวัฒนธรรมที่เชื่อมโยงระหว่างปัจเจกบุคคล ชุมชน หน่วยธุรกิจ และรัฐบาล ทั่วทั้งโลก

ซึ่งมีความเกี่ยวพันกับนวัตกรรมการสื่อสารอันเนื่องมาจากสังคมในยุคปัจจุบันเต็มไปด้วยข้อมูล และข่าวสาร เป็นยุคแห่งโลกของการติดต่อสื่อสารที่ไร้พรมแดน ทั้งนี้เพราะเทคโนโลยีการติดต่อสื่อสารจะมีความทันสมัย ก้าวหน้า สามารถติดต่อสื่อสารกันได้อย่างรวดเร็ว ที่เกิดจากการวิวัตนาการของเทคโนโลยีคอมพิวเตอร์ ผนวกกับความเจริญก้าวหน้าของเทคโนโลยีทางด้านการสื่อสาร ทำให้ความเป็นไปของในซีกโลกหนึ่ง สามารถเห็นได้ในอีกซีกโลกหนึ่งในเวลาเพียงชั่วเสี้ยววินาที ส่งผลให้มีผู้กล่าวกันว่าทำให้โลกใบนี้เล็กและแคบลง ซึ่งผลนี้มีความเกี่ยวพันและกระทบกับแห่งความเจริญแห่งยุคโลกาภิวัตน์ซึ่งมีผลกระทบกับทุก ๆ วงการทั้งด้านการศึกษา การพาณิชย์ อุตสาหกรรม สังคม การเมือง วิทยาศาสตร์ สิ่งแวดล้อม

4. การพัฒนาทรัพยากรมนุษย์มีความสำคัญกับการอยู่รอดในยุคโลกาภิวัตน์เพราะ

การพัฒนาทรัพยากรมนุษย์จะต้องมีการพัฒนาให้ครอบคลุมทั้ง 4 ด้าน คือ

- ด้านการศึกษา เช่น เน้นด้านการคิดวิเคราะห์, ภาษาอังกฤษ

- ด้านสุขภาพ ต้องมีสุขภาพแข็งแรง ทั้งกายและใจ

- ด้านโภชนาการ ถ้าโภชนาการดี สุขภาพร่างกายและจิตใจก็จะดี

- ด้านครอบครัว เป็นหน่วยเล็ก ๆ หน่วยแรกที่ควรให้ความเอาใจใส่

การพัฒนาทรัพยากรมนุษย์จึงถือเป็นปัจจัยสำคัญที่จะทำให้เราสามารถอยู่รอดในยุคโลกาภิวัตน์ได้ โดยอยู่รอดอย่างมีความสุข และสามารถเพิ่มมูลค่าของตัวเราเองให้เป็นที่ต้องการของสังคม มีประโยชน์ต่อสังคม

เกศสุพิชญ์ ธนนันท์โสภณ

วิเคราะห์ โครงสร้าง HR Architecture

สามารถนำเสนอได้ 2 มุมมอง คือ ภาพในมุมมอง แบบ MACRO (โลก / ประเทศ ) และภาพในมุมมองแบบ MICRO ซึ่งจะสามารถวิเคราะห์ผ่านกระบวนการการศึกษาสภาพแวดล้อมที่มีผลกระทบทั้งภายในและภายนอก

จากโครงสร้าง ดังกล่าว ดิฉันจะขอเปรียบเทียบโครงการดังกล่าวกับภาพในมุมมองแบบ Micro (องค์กร หน่วยงาน ) เนื่องจากหลายท่านมีมองมุมในภาพ ในมุมมอง แบบ MACRO (โลก / ประเทศ ) กันหลายท่านแล้ว

ในมุมมองแบบ Micro (องค์กร หน่วยงาน ) นั้นเป็นเรื่องใกล้ตัวของดิฉันมาก เพราะเป็นหน่วยงานที่มีการลงทุนกับพนักงานมากที่สุดองค์กรหนึ่ง

ส่วนที่ 1 Supply Side การเพิ่มคุณภาพชีวิตของบุคลากร ในองค์กร

1. ประชากรเกิด แทนค่าเท่ากับ บุคลกรภายในองค์กรที่มีความรู้เดิมๆ

2. คุณภาพชีวิต แทนค่าเท่ากับ การพัฒนาการศึกษา การดูแลด้านสุขภาพ

สวัสดิการของครอบครัว

3. แนวคิดด้านนวัตกรรม ที่มีการสร้างสรรค์ใหม่ แทนค่าเท่ากับ กำลังแรงงานและคุณภาพของบุคลากร

4. บุคลากรจะมีความคิดที่เป็นระบบ ระเบียบมีความคิดเชิงวิเคราะห์ ใส่ใจในเรื่องสังคม สาธารณะประโยชน์ มากขึ้น

ส่วนที่ 2 Demand Side การนำแนวคิดของบุคลากรไปใช้ในแขนงต่างๆ

บุคลากรจะมีความคิดที่เป็นระบบ ระเบียบมีความคิดเชิงวิเคราะห์ ใส่ใจในเรื่องสังคม สาธารณะประโยชน์ มากขึ้น แนวนำหลักการ หรือแนวคิดที่ได้รับไปผสมผสานกับ นโยบาย A/I/S/G

Agriculture

Industry

Service

Government Self Employment

นำนวัตกรรมทางความคิดมาเพื่อพัฒนาในช่องทางที่สนใจ หรือรับผิดชอบ

การแข่งขัน

ประชาธิปไตย

ความยากจน

Place

Global Warming

โลกาภิวัตน์

ความยั่งยืน และความสุข สมดุล

โครงสร้าง HR Architecture นั้นเป็นสิ่งสำคัญไม่ว่าจะมองในมุมใหญ่ หรือมุมเล็ก ก็ตาม ในมองมุมภาพเล็กเกี่ยวกับองค์กรนั้น หลายองค์กรขนาดใหญ่ในปัจจุบันหันมาลงทุนเรื่องของต้นทุนชีวิตเพิ่มมากขึ้น เนื่องจากเป็นการลงทุนที่ตรงจุด ตรงประเด็น สามารถบริหารจัดการได้ทุกภาคส่วน อีกทั้งยังสามารถวัดคุณภาพได้ทุกระดับ ไม่ว่าจะเป็นด้านบุคคล องค์กร หรือหน่วยงานทั้งในประเทศ และต่างประเทศ

การลงทุนในการพัฒนาคุณภาพชีวิตเป็นการลงทุนที่ใช้ต้นทุนต่ำ แต่ผลที่ได้รับนับว่าคุ้มค่า ไม่ว่าจะเป็นในเรื่องของการศึกษา การใส่ใจในเรื่องสุขภาพ สวัสดิการทางสังคม และครอบครัว แต่สิ่งที่จะขาดไม่ได้คือ ระบบการสื่อสารทั้งภายใน และภายนอกองค์กร เป็นสิ่งสำคัญยิ่ง ที่ขาดไม่ได้ในกระบวนการในการสื่อสารทุกๆขั้นตอน สิ่งเหล่านี้คือ พื้นฐานชีวิตที่สำคัญเมื่อคุณภาพของผู้รับสาร และผู้ส่งสาร มีคุณภาพ แต่ผลที่รับคือประเด็นสำคัญ หรือวัตถุประสงค์ เป้าหมายหลัก ของกระบวนการต่างหากที่มีความสำคัญที่ไม่อาจจะมองข้ามไปได้

วิเคราะห์การเรียนรู้ ตลอดชีวิต

การเรียนรู้ เป็นสิ่งสำคัญของมนุษย์ทุกคน ไม่ว่าจะเป็นการเรียนรู้ภายในห้องเรียนหรือการเรียนรู้ นอกห้องเรียน สังคมเป็นสถานที่สำคัญในการเรียนรู้เรามีการเรียนรู้ตลอดเวลา และทุกสถานที่ ไม่แบ่งระยะเวลา ไม่แบ่งระยะทาง ไม่แบ่งเพศ ไม่แบ่งวัย ไม่แบ่งชนชั้น ไม่แบ่งคนรวยคนจน ไม่แบ่งเชื้อชาติ ฯลฯ

ซึ่งคนทุกคนมีการปฏิสัมพันธ์กันทุกๆด้าน ดังนั้นการเรียนรู้ก็เช่นกัน เราสามารถเรียนรู้ได้ไม่หยุดยั้ง อีกทั้งสภาพแวดล้อมในปัจจุบัน ทั้งในครอบครัว สังคม ในประเทศ ต่างประเทศ มีการเปลี่ยนแปลงทางเทคโนโลยีสารสนเทศทำให้มีเกิดการเรียนรู้ได้อย่างง่ายยิ่งขึ้น ประกอบกับการเรียนการสอนในปัจจุบันมีความก้าวหน้าด้วยเช่นกัน ผู้เรียน ผู้สอน สามารถปรับตัวเข้าหากันอย่างไม่ยากนัก หากเปรียบเทียบกับการสอนในอดีต ขอสรุปว่า การเรียนไม่มีวันสิ้นสุด หนังสือไม่มีวันตาย ชีวิตที่มีอยู่จะควบคู่ไปกับการเรียนรู้ตลอดเวลา ทุกวินาที

การพัฒนาทรัพยากรมนุษย์มีความสำคัญ อย่างไรกับการอยู่รอดของตน

การพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ เป็นสิ่งสำคัญของมนุษย์ทุกคนเนื่องจาก การพัฒนาอย่างต่อเนื่องไม่มีขีดจำกัดสามารถพัฒนาได้ตั้งแต่แรกเกิด ไม่ว่าจะเป็นการพูด การอ่าน การเขียน การพัฒนาแนวคิด การพัฒนาศักยภาพ ฯลฯ ทุกคนจะมีการพัฒนาอย่างต่อเนื่อง แนวทางในการพัฒนาของมนุษย์ องค์กร ประเทศ ล้วนแตกต่างกันขึ้นอยู่กับสิ่งแวดล้อม ความสามารถ สังคม ทำให้เกิดการแตกต่างทางด้านความรู้สึก ความคิด ล้วนมาจากาการรับรู้ การถ่ายทอด การสื่อสาร จากคนหนึ่งไปยังคนหนึ่งทั้งสิ้น เมื่อมนุษย์มีความคิดเป็น¬องตนเองก็จะนำมาพัฒนาเพื่อสร้างเกราะคุ้มกันภัย หรือสร้างสิ่งใหม่ๆให้กับตนเอง สังคม ประเทศ เพื่อให้เกิดประโยชน์ในด้านต่างๆ ไม่ว่าจะเป็น ทาง สังคม สิ่งแวดล้อม หน่วยงาน ครอบครัว แต่สิ่งที่มองเห็นและเป็นปัจจัยที่สำคัญอย่างยิ่งก็คือ การให้เกิดการยอมรับในสังคม และสร้างกำลัง ให้สำหรับตนเอง และสังคม ทั้งในปัจจุบัน และอนาคต ต่อไป

นายอำนวย เพชรวิจิตรภักดี

มนุษย์เราตั้งแต่แรกเกิดจนกระทั้งเติบใหญ่เข้าสุ่วัยทำงานจะมีสิ่งเร้าและปัจจัยต่างเป็นองคืประกอบเข้ามาเกี่ยวข้องกับชีวิต เช่น การศึกษา สุขภาพ อนามัยและการดูแล การดำรงค์อยุ่เป็นครอบครัว และการใช้สื่อต่างๆในชีวิตประจำวัน ทำให้มนุษย์มีความคิดมีปัญญา รู้จักแก้ปัญหา รู้จักประมวลความคิดวิเคราะห์ ตั้งสมมุติฐาน มีการเรียนรู้ เสริมสร้างภูมิปัญญาประสบการณ์ อยุ่ตลอดเวลาอย่างต่อเนื่อง

และมนุษย์ก็เข้าสู่สังคมอาชีพไม่ว่าจเป็น กสิกรรม อุตสาหกรรม การบริการ ทั้งหหน่วยงานภาครัฐและเอกชน

   ในขณะเดี่ยวกันก็ต้องอยู่ในสภาพแข่งขันดิ้นรนทั้งทางการเมืองการปกครอง ความร่ำรวย ความยากจน การดำรงอยู่กับสภาพแวดล้อมในยุคแห่งโลกาภิวัฒน์ เพื่อสู่ความยั่งยืนและดำรงชีพอย่างสวยสุขต่อไป

โดย:นายอำนวย เพชรวิจิตภักดี 5213115

นายวุฒิวิทย์ ก่าแก้ว

จากโมเดล HR Architecture จะเห็นว่ามีความสัมพันธืกันทั้งในมุมของเศรษฐศาสตร์ ทั้งนิเทศศาสตร์

ในทางนิเทศศาสตร์จะเห็นว่าก็สามารถใช้การสื่อสารเป้นเครื่องมือในการดำรงค์ชีวิต นั้นหมายถึง เมื่อมนุษย์หรือประชากรเกิดขึ้น และส่งเสียงร้องก็ถือว่าได้อยู่รอดเป็นมนุษย์เป็นสัตว์สังคม อันนี้ก็อยู่ในศาสตร์ของกฎหมายเพราะต้องไปแจ้งเกิดตามกฎหมาย ก็เข้ากับหลักนิติศาสตร์ การจะไปบอกกล่าวก็ต้องใช้การสื่อสาร ก็อยู่ในหลักของนิเทศศาสตร์ เมื่อแจ้งเกิดแล้วก็อยุ่ในจำนวนประชากรศาสตร์ ก็อยู่ในหลักของเศรษฐศาสตร์เช่นกัน ดังนั้นเราจึงสามารถบอกได้ว่า โมเดล HR Architecture นั้นก็ไม่อาจแยกว่าส่วนไหนเป้นนิเทศศาสตร์ ส่วนไหนเป็นเศรษฐศาสตร์หรือจะเป็นศาสตร์ไหนๆก็ตามเพราะนี้คือวงจรแห่งชีวิต ที่ทุกศาสตร์ทุกแขนงต้องอยู่ควบคุ่กันไปเพียงแต่มนุษย์เองไม่ได้แยกแยะว่าส่วนใดเป้นอย่างไร เพียงเพราะมนุษย์ใช้ชีวิตที่สิ้นเปลืองเกินไปจนไม่ระมัดระวังว่าสิ่งไหนผิดสิ่งไหนถูก แล้วมนุษย์ก็ไม่มีความพอเพียง จึงมุ่งที่จะแสวงหาความสุขและความสมดุลได้อยาก ทั้งๆที่ชีวิตนั้นมีทั้งความสุขและความสมดุลอยู่กับตัวตนของมนุษย์แล้ว

นายวุฒิวิทย์  ก่าแก้ว 5213120

นางสาวอักษร จุลวรรณ

คำถามข้อที่ 1 จากโมเดล HR Architecture ความสัมพันธ์กันในมุมมองของเศรษฐศาสตร์ และนิเทศศาสตร์ อย่างไร

แนวคิดพร้อมแสดงข้อคิดเห็นส่วนตัว เนื่องจากมีการมองปัญหาจากมุมมองที่ครบถ้วน เป็นสาเหตุให้เราสามารถทราบสาเหตุของปัญหาอย่างครบถ้วน และเข้าใจความเชื่อมโยงของระบบต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องกับปัญหานั้นอย่างลึกซึ้งและกว้างขวาง การเชื่อมโยงแนวคิดในการแก้ไขปัญหาจากมุมมองต่าง ๆ ทำให้สามารถพลักดันการแก้ไขปัญหาอย่างเบ็ดเสร็จครบวงจร โดยไม่เกิดการติดขัดภายในระบบต่าง ๆ และไม่ทำให้เกิดปัญหาต่อเนื่องติดตามมา ยกตัวอย่างเช่น การแก้ไขปัญหาความยากจนในประเทศไทย เป็นอีกตัวอย่างหนึ่งที่ชัดเจนของการขาดความคิดในทางการสื่อสารที่ชัดเจน และตรงประเด็นจากขาดการมองอย่างเป็นองค์รวม หน่วยงานภาครัฐ และภาคเอกชนพยายามแก้ไขปัญหาด้วยมุมมองของตนเอง และขาดการพิจารณาความต้องการของประชาชนที่ยากจน นอกจากนี้การแก้ไขปัญหายังขาดการมีแนวคิดต่างๆ เข้าหากัน สังเกตุได้จากการที่ต่างคนต่างทำ ไม่มีการวางแผนหรือโครงการร่วมกัน ส่งผลทำให้ไม่ประสบความสำเร็จ เพื่อช่วยให้เราเป็นคนที่ "ใจกว้าง" จะข่วยฝึกให้เรามองนอกกรอบความจำกัดของตนเอง สู่กรอบของสิ่งต่างๆ ที่สามารถเชื่อมโยงกันได้ในกรอบที่กว้างและครบถ้วนมากที่สุด ทำให้เราเกิดความตระหนักว่า กรอบแนวคิดที่เรามีต่อเรื่องใดเรื่องหนึ่งนั้น ย่อมถูกจำกัดด้วยประสบการณ์ ความรู้ ความเข้าใจที่เรามีต่อเรื่องนั้นๆ ดังนั้นสิ่งที่เราคิดจึงไม่ใช่มาตรฐานที่จะมาชี้วัดว่าถูกหรือผิดอย่างไร แต่จะคิดเพื่อประโยชน์สูงสุดต่อภาพรวม

 

 

นาวโสภิต พิสิษฐบรรณากร

เมื่อศึกษาในโมเดล HR Architecture แล้วพบว่าโมเดลดังกล่าวมีความเกี่ยวข้องในทางนิเทศศาสตร์ด้วยการสื่อสาร ตั้งแต่เกิด พบว่ามนุษย์ได้เรียนรู้ได้มีการศึกษา ซึ่งก็ได้คิดเป็น เรียนรู้เป็น นั้นก็หมายถึงศาสตร์แห่งนิเทศศาสตร์ ด้วยการใช้การสื่อสารเป้นแนวทางทั้งเรื่องการศึกษา สุขภาพ ครอบครัว เป็นต้น เมื่อเรียนรุ้แล้วก็สามารถก่อเกิดวงจรชีวิตมนุษย์นั้นคือ

         การแข่งขัน ซึ่งก็ประกอบด้วยหลายๆศาสตร์เข้าด้วยกัน ทั้งในทางเศรษฐศาสตร์ นิติศาสตร์ นิเทศศาสตร์ สังคมศาสตร์ สิลปศาสตร์ เป้นต้น

         เกิดประชาธิปไตย ก็เป็นหลักของนิติศาสนตร์ เป็นต้น

ทั้งหมดของโมเดลดังกล่าวก็สามารถเกิดความยั่งยืน ความสุข และความสมดุล ได้เป็นอย่างดี 

นายประจักษ์ เพ็งจางค์ 5213118

เมื่อพิจารณาโมเดลแล้วกระผมคิดว่าในทางนิเทศศษสตร์ โมเดลแห่งชีวิตนี้สามารถบ่งบอกได้ว่าวงจรของชีวิตมนุษย์นั้นย่อมต้องอยุ่ในสังคมที่หลากหลายนั้นคงหมายถึงชีวิตก็คือจุดศูนย์รวมศาสตร์ทุกศาสตร์ที่ไม่สามารถแยกกันได้ เพราะว่ามนุษย์ต้องดำรงอยู่และดำรงชีวิตในสังคม และการดำรงอยู่ในสังคมนั้นศาสตร์ทุกศาตร์ต้องเข้ามาเกี่ยวข้องกับชีวิตอยู่แล้ว

ตั้งแต่เกิด จนเติบโต เราต้องเรียนหนังสือ ทำงาน สร้างชีวิต ทุกศาสตร์ไม่ว่าจะศาสตร์แห่งการศึกษา ศิลปศาสตร์ สังคมศาสตร์ แลละที่สำคัญคือนิเทศศาสตร์ เราก็ใช้การสื่อสารอยุ่ทุกวันในชีวิตประจำวัน และวันนี้เราจึงสรุปได้ว่ามนุษย์มีความยั่งยืน ความสุข และความสมดุล  

เป็นการเชื่อมโยงผสมผสานระบบบคิด ตั้งแต่ถือกำเนิดเป็นมนุษย์ ระบบการทำงานต่างๆ ภายในร่างกาย อันได้แก่ การปฏิสัมพันธ์ระหว่างปรัชญาการมองโลก ความรู้ประสบการณ์ อารมณ์ความรู้สึก ความเชื่อ ลักษณะนิสัย การคิดและการใช้เหตุผล ในวิถีการดำเนินชีวิตของเรา ไม่ว่าจะทำสิ่งใดก็ตามหากจะให้ประสบความสำเร็จบรรลุวัตถุประสงค์ที่ตั้งใจไว้ การปฏิสัมพันธ์ การมีแนวคิดใหม่ๆ จึงเป็นสิ่งที่จำเป็น การแสดงมิตรภาพที่เราให้แก่ครอบครัว เพื่อน ลูกค้า และคนอื่นๆ ในสังคม ย่อมส่งผลสะท้อนกลับคืนช่วยส่งเสริมให้สิ่งที่เราทำประสบความสำเร็จได้ ยกตัวอย่างเช่นพ่อแม่ทะเลาะวิวาทกัน มีผลต่อสภาพจิตใจ และภาวะอารมณ์พื้นฐานของลูก ณ เวลานั้น ซึ่งส่งผลสืบเนื่องทำให้ลูกมีปัญหาในการดำเนินชีวิต เนื่องจากสิ่งต่างๆ และระบบต่างๆ ในโลกล้วนเชื่อมโยงกนสัมพันธ์กัน การทำความเข้าใจ การปฏิสัมพันธ์เชื่อมโยงย่อมช่วยให้เราเห็นภาพนั้นชัดเจนขึ้น ช่วยให้เราสามารถวินิจฉัยปัญหาได้อย่างครบถ้วนทุกมุมมอง สามารถนำส่วนดีท่มีอยู่ในสิ่งต่างๆ มาเติมเต็มเข้ากับสิ่งที่มีอยู่ ทำให้สิ่งที่เราต้องการสมบูรณ์มากและมีความสุข ความยั่งยื่นตลอดไป

ณัฏฐ์ธา พงษ์วิทยานุกฤต

บุคลคือทรัพยากรที่ต้องการการพัฒนาตั้งแต่อยู่ในครรภ์มารดาจนถึงเชิงตะกอนให้มีคุณภาพที่จะรู้จักคิดเป็น วิเคราะห์เป็นแบบวิทยาศาสตร์โดยการเรียนรู้อย่างมีจิตสาธารณะคือความเป็นผู้คิดเพื่อสังคมส่วนรวม ไม่คิดแบบเห็นแก่ตัวซึ่งมีผลมาจากการศึกษาการมีสุขภาพที่ดีทั้งกายและใจมีอาหารที่ดีอยู่ในสังคมที่ดีภายใต้สิ่งแวดล้อมและสถานการณ์การแข่งขันและเปลี่ยนแปลงตลอดเวลาของโลกาภิวัฒน์และระบอบการปกครองอันมีผลต่อการพัมนาบุคคลากรมนุษย์ป็นอย่างยิ่ง โอกาสเหล่านี้ต้องได้รับการตอบสนองจากรัฐหรือผู้ปกครองที่มีหน้าที่บำบัดทุกข์บำรุงสุขให้ยั่งยืนต่อประเทศชาติและประชาชนที่มีความต้องการทุกชาติ ความยากจนและสุขภาพที่ไม่ดี ปิดกั้นโอกาสของการเรียนรู้เพื่อการพัฒนาบุคคลในชาติ

วิเคราะห์โมเดล HR Architecture เมื่อพิจารณาแล้วมองว่า โมเดลดังกล่าวมีส่วนเกี่ยวข้องทั้งในทางนิเทศศาสตร์และเศรษฐศาสตร์ นั้นคือมนุษย์เมื่อเกิดขึ้นมาแล้วก็จะพบกับการดำรงชีวิตที่เรียกว่า การสื่อสาร เพราะเมื่อมนุษญ์เกิดขึ้นสิ่งแรกที่เราทุกคนทราบกันดีก็คือการทำคลอด การฝากครรภ์ นี้ก็เป็นการสื่อสาร เมื่อเกิดมาแล้วก็ต้องเรียนรู้ ทั้งเรียนหนังสือ เรียนรู้ชีวิต ทั้งประสบการณ์ ต่างๆ เรียนรุ้เรื่องสุขภาพ ครอบครัว ทั้งหมดเป็นเรื่องของการสื่อสารทั้งสิ้น ส่วนในทางเศรษฐศาสตร์ ได้เรียนรุ้เรื่องจำนวนประชากร ถึงแม้มนุษย์จะเห็นเป้นเรื่องไม่สำคัญ แต่เรื่องประชากรศาสตร์ก็เป็นส่วนหนึ่งของชีวิตของมนุษย์ ทั้งหมดของดมเดลจึงสรุปได้ว่าวงจรชีวิจมนุษย์มีทั้งความยั่งยืน ความสุข และความสมดุล

นายรมย์ธีรา คล้ายขยาย

เป็นโมเดลจำลองสภาพความเป็นไปของมนุษย์ในช่วงแรกเริ่มของชีวิตกับความสัมพันธ์กับสิ่งแวดล้อมภายนอกที่เป็นปัจจัยและส่งผลกระทบต่อความเป็นอยู่และสิ่งจำเป็นความต้องการของมนุษย์ที่มนุษย์สร้างขึ้น อันเป็นผลทำให้มนุษย์ต้องต่อสู้แข่งขัน เพื่อความอยุ่รอด และความเป็นอยู่ที่สมบูรณ์ ในโลกโลกาภิวัฒน์

นายจิตรการ กาญจนเลขา

นิเทศศาสตร์กับทรัพยากรมนุษย์มีความสำคัญอย่างไร กับความเป็นอยู่รอดของสังคมไทย มนุษย์โลกที่เกิดมาโดยเฉพาะสังคมประเทศไทย

แนวความคิดของผู้เขียน ดีมาน ความต้องการแรงงานของประชากรที่เกิดมาคิดแบบในเชิงวิทยาศาสตร์ สังคมการเรียนรู้ ความรับผิดชอบต่อตนเองต่อครอบครัว และต่อสังคม โดยเฉพาะนักนิเทศศาสตร์เป็นผู้ศึกษาหาความข้อมูลก่อนว่าสื่อสารไปสู่สังคมควรวิเคราะห์และสังเคราะห์ข้อมูลด้วยความรับผิดชอบต่อสังคม สังคมมีความต้องการข่าวสารอยู่ตลอดเวลา ผู้ที่มีความรู้ ผู้ที่มีความสำเร็จและผู้ที่มีความเจริญแล้วโดยเฉพาะนักศึกษานิเทศศาสตร์

         ในยุคโลกาภิวัฒน์การแข่งขันระหว่างประเทศ โดบเฉพาะความอยากจน ความไม่พอดี ความไม่เท่าเทียมกันด้านการศึกษา สุขภาพอนามัย การดูแลตัวเองและครอบครัว สื่อจะต้องเป็นนวัตกรรมมีความคิดสร้างสรรค์ คิดให้เป้นระบบ ดำเนินการให้สำเร็จตามเป้าหมาย เติมเต้มให้กับสังคม เป็น (SUPPLY SIDE) ให้แก่สังคมอย่างชาญฉลาด โดยเฉพาะต้องมั่นด้วยการมีจิตเป็นสาธารณะ

นางวัชรี ปรัชญานุสรณ์

จากผังจอง HR Architecture

ในการวิเคราะห์ผลกระทบจาก สภาพแวดล้อมทั้งภายนอกและภายในต่อการสร้างนวัตกรรมทางการสื่อสารเพื่อการบริหาร ทั้งทางด้านเศรษฐกิจ ทางด้านสังคม ทางด้านการเมือง ภาพรวมของHR ของประเทศ และว้ฒนธรรมองค์กร ซึ่งจะต้องมีทั้งการเรียนรู้ สิ่งที่ตอบสนองและความต้องการโดยจะต้องเริ่มจาก

-ต้องมีความคิดสร้างสรรค์ มีความรู้ นั่นหมายถึงการบริหารสมองให้มีคุณภาพให้ดี เพื่อนำไปสู่การสร้างคน

-นำไปวางแผนเพื่อจะนำไปสู่การดำเนินการในการจัดระบบ เขียนแผน เพื่อให้ได้รับอนุมัติ

-นำไปดำเนินการให้ประสบความสำเร็จ

ในภาพนั้นแสดงให้เห็นถึงความสำคัญของทรัพยากรมนุษย์ทั้งระดับใหญ่(Macro) ไปสู่ ภาพเล็ก (Micro) ซึ่งประกอบไปด้วย สภาพแวดล้อมทั้งภายในและภายนอก สิ่งที่สำคัญจากที่เราเห็นภาพทั้งใหญ่และเล็ก จะเห็นได้ว่าประเทศเราผลิตทรัพยากรมนุษย์อย่่างไร เราในฐานะพ่อ แม่ ก็มีส่วนช่วยให้มนุษย์เป็นทรัพยากรที่ีดี เช่น ให้การศึกษา สุขภาพ โภชนาการ ครอบครัว และสื่อต่างๆ ที่เขารับและกลั่นกรองในการรับได้มากน้อยเพียงใด แต่หลักๆ ก็คือ รัฐจะต้องเข้ามามีบทบาทในการสร้างคน ซึ่งจะต้องมีการผลักดันโดยกฏหมาย เราจะต้องนำส่ิงเหล่านี้ "มาจัดการทรัพยากรมนุษย์" ต่อไป ซึ่งเป็นสิ่งที่ละเอียดอ่อน ต้องให้ความใส่ใจและใฝ่รู้ในแต่ละเรื่องให้ลึกซึ้งลงไป อันเนื่องมาจากมนุษย์นั้นเป็นทรัพยากรที่แตกต่างจากวัตถุหรือเครื่องจักร มนุษย์จะมีการเปลี่ยนแปลงทางด้านพฤติกรรม อารมณ์ จิตใจ ความหลากหลายของแต่ละคนก็ไม่เหมือนก้น คนที่มีการพัฒนาการทางด้านความรู้ ท้กษะ ทัศนคติอยู่เสมอ และแต่ละคนมีเป้าหมายในการทำงานของตนเอง และที่สำคัญมนุษย์เป็นสิ่งที่มีชีวิต มีการพัฒนาการด้วยตนเองได้

เพราะฉะนั้น นิเทศศาสตร์ทางนวัตกรรม กับการบริหารคนจึงมีความสำคัญ เพราะเป็นเครื่องมือในการนำเสนอและในการสร้างให้เกิดความเข้าใจอันดีซึ่งกันและกัน ทุกขั้นตอนที่สำคัญในการสร้างทุนมนุษย์ หรือโครงสร้างทรัพยากรมนุษย์ ต้องใช้ "การสื่อสาร" เพื่อนำไปสู่ความยั่งยืน และความสุข ความสมดุล

นายไพบูลย์ ปรัชญานุสรณ์

จากผังของ HR Architecture ถ้าเราจะพิจารณาว่า มีความสอดคล้องกับนิเทศศาสตร์อย่างไร คงจะพอเปรียบเทียบได้คือ

ในลักษณะ Micro ถ้าสมมติว่าเป็นบุคคลคนหนึ่้งเกิดมาแล้ว สิ่งแรกที่จะต้องเรียนรู้คือ การสื่อสารที่เป็นอวจนะภาษา เพื่อเป็นการสื่อสารกับพ่อแม่ เพื่อจะให้ได้รับการดูแลและเวลาหิว เมื่อโตขึ้นได้รับการศึกษา ก็สามารถสื่อสารได้ด้วยวจนะภาษา ถ้ายิ่งมีความสามารถในการสื่อสาร ก็ยิ่งมีความสุขกับสังคมคนรอบข้าง และเมื่อเติบโตขึ้นอยู่ในวัยทำงาน การสื่อสารอย่างเดียวไม่เพียงพอ เพราะจะต้องสื่อสารด้วยความคิดที่สร้างสรรค์ ความคิดที่เป็นกระบวนการและความคิดที่มีจิตสาธารณะ จึงจะทำให้ประสบความสำเร็จในหน้าที่การงาน มีความเป็นอยู่ในสังคมที่ดี สามารถอยู่ในโลกโลกาภิวัฒน์ และอยู่ได้อย่างเป็นสุข

ถ้าจะพิจารณาในลักษณะ Macro ในระดับประเทศ ถ้าประชากรในประเทศเป็นประชากรที่มีการศึกษา มีความคิดเป็นกระบวนการ คิดแบบวิเคราะห์ คิดแบบสร้างสรรค์ และมีความคิดแบบจิตสาธารณะ ไม่ว่าประชากรเหล่านี้จะไปประกอบอาชีพ เกษตรกรรม อุตสาหกรรม บริการ เจ้าของกิจการ หรือเป็นผู้บริหารประเทศ ก็ย่อมจะทำให้ประเทศนั้นมีความสามารถสูงในการแข่งขันกับนานาประเทศ มีความเป็นประชาธิปไตย พ้นจากความยากจน มีความสงบสุข รู้จักรักษาสิ่งแวดล้อม และสามารถอยู่ในโลกโลกาภิวัฒน์ได้ ซึ่งสิ่งต่างๆ เหล่านี้ จะส่งผลให้ประเทศมีการพัฒนาอย่างยั่งยืน ประชากรก็จะมีความสุข และมีความสมดุลของชีวิต ทั้งด้านวัตถุนิยมและจิตนิยม ทั้งนี้ก็ล้วนมาจากความสามารถในการสื่อสารในทุกขั้นตอน

วิเคราะห์โมเดล HR Architecture

จากการศึกษาโมเดล HR Architecture พบว่า:

โมเดลดังกล่าวเป็นการแสดงวงจรของความสัมพันธ์ที่เกี่ยวกระทบต่อกันของกระบวนการการพัฒนาประชาชาติโดยแสดงให้เห็นภาพในระดับกว้างและแสดงตัวแปรทั้งภายนอกและภายในที่ส่งผลต่อกันในเส้นทางของการพัฒนาประชากรสู่สังคมและความเป็นอยู่ที่ยั่งยืน มีความสุข สมดุล

ความสัมพันธ์ทั้งหมดนั้นขึ้นอยู่กับคุณภาพของประชากร (คนในชาติ) มีผลจากตัวแปรคือ องค์ความรู้ สุขภาพ ระบบสาธารณสุข โภชนาการและความสัมพันธ์ของครอบครัว (Family) ซึ่งรวมถึงความรัก ความอบอุ่น กำลังใจ อันเป็นสาระสำคัญของการพัฒนาจิตใจมนุษย์

ด้วยการหล่อหลอมของตัวแปรที่ได้กล่าวมาแล้วในเชิงบวก ก็จะมีผลให้เกิดคุณภาพของคน ซึ่งนั่นหมายถึง

คนในชาติคิดเป็น วิเคราะห์เป็น คิดแบบวิทยาศาสตร์ คิดแบบนวัตกรรมสร้างสรรค์ มีสังคมแห่งการเรียนรู้และมีจิตสาธารณะแล้ว ไม่ว่าจะประกอบอาชีพหรือดำรงชีวิตอยู่ด้วยการทำกิจการภาคเกษตรกรรม อุตสาหกรรม บริการ ข้าราชการ หรือองค์กรใด ๆ ก็จะมีผลกระทบในเชิงบวกทั้งสิ้น

การแข่งขันก็จะได้เปรียบ เสรีประชาธิปไตยย่อมเกิดผลดี ความยากจนก็จะหมดไป เกิดความสงบ เมื่อสิ่งแวดล้อมเกิดการดูแลอย่างดี ก็จะไม่ถูกทำร้ายจากสภาพแวดล้อม ความร่วมมือในตลาดค้าเสรี น่าจะส่งผลทางบวก

เมื่อความสมดุลบังเกิด ความสุขและความยั่งยืนย่อมตามมา

มีตัวแปรที่ผู้วิเคราะห์เชื่อว่าน่าจะมีผลกระทบเพิ่มเติมคือ การสื่อสาร ซึ่งเป็นตัวเชื่อมโยงอันมีผลต่อทั้งพลังกระตุ้นและแรงเฉื่อย อีกทั้งตัวแปรทางวัฒนธรรมของสังคมนั้น ๆ ซึ่งอาจส่งผลให้เกิดการเปลี่ยนแปลงได้เช่นกัน.

ณัฏฐ์ธา พงษ์วิทยานุกฤต

สวัสดีครับ ขออนุญาตมาเยี่ยมชม Blog ของอาจารย์เพื่อศึกษาบทความเป็นความรู้เพิ่มเติมนะครับ

นาย วิรัช จินดากวี นศ ปริญญาเอก มเกริก

สวัสดีตอนเช้าครับท่านอ จีระ และเพื่อนนักศีกษาทุกท่านขอเข้ามาดูรายงานของเพื่อนๆทุกท่านเขียนได้ดีทุกคนขยันกันจริงๆเพราะ อาจารย์สอนดีและสนุกมากกับการเรียน เสาร์หน้าพบกัน8โมงเช้าครับอาจารย์ ขอบคุณจาก นาย วิรัช จินดากวี

นายประจักษ์ เพ็งจางค์

อาจารย์ครับ ผมอิจฉาเพื่อนที่ชื่อ แก้ว วิรัช มากผมเลยมาต่อยอด ถ้าอาจารย์สอนดีพวกเราต้องตั้งใจเรียนและมาให้ครบสิ เรียนกับ

ศ.ดร.จีระ คือเรียนอย่างมีประสิทธิภาพ ไม่เครียด ไม่เบื่อ เพราะไม่ง่วง แก่ ๆ อย่างพวกเราทนสอนก็ว่าบุญโขแล้วว่าไหม ? เสาร์หน้าเจอกัน 7.59 น. นัดก่อนแก้ว 1 นาที ชนะแค่นี้ก็ดีนะเพื่อน พี่จักษ์

จิรายุ อัครวิบูลย์กิจ

เรียน ท่าน ศาสตราจารย์ ดร.จิระ หงส์ลดารมภ์ และสวัสดีนักศึกษาปริญญาเอก นิเทศศาสตร์ นวัตกรรมทุกท่านครับ

กระผมรู้สึกยินดี และภาคภูมิใจ กับประเด็นเนื้อหาต่างๆ ที่ท่าน อาจารย์ ชี้แนะแนวทางให้นักศึกษา และก่อให้เกิด แรงบันดาลใจ ( Inspiration ) ให้กับ บรรดา นักศึกษาปริญาเอก จนกระทั่งเกิดความกระตือรือล้นที่จะเปิดวิสัยทัศน์ของตนเองออกมา มีการ Learning and Sharring รู้จัก การช่วยเหลือ และแบ่งปัน พยายาม แสดง ทรรศนะของตนเองผ่านกระบวนการ การกลั่นกรองทางความคิด ต่าง ให้เห็น และมีความตระหนักแห่งคุณค่าแห่งตนเอง รวมทั้งการให้เกียรติ คนอื่น การเคารพในศักดิ์ความเป็นมนุษย์ และเคารพในความแตกต่าง หรือ ความเป็นปัจเจกบุคคลในแต่ละคน อ่ายงที่ผมเรียนทุกท่านแล้วว่า การสื่อสารที่ดีที่สุด จะต้อ เป็นกระบวนการ การสื่อสาร ที่เป็น การสื่อสาร ภายในตัวบุคคล ( Intra personnal Communications ) โดยที่ตระหนักรู้ ใน อายตนะทั้ง 6 หรือ ตา จมูก หู ลิ้น กาย และใจ หรือบางตำราที่ว่า จริต 6 ที่ สะท้อน ถึงกระบวนการการสื่อสารผ่านสื่อต่างๆ ทั้งภายใน และภายนอก ที่มากระทบต่อ ผัสสะ ด้วยตาที่เรามองเห็น ความสวยงาม ความน่าเกีลยด เป็นเหตุให้ การสื่อสารภายในตน เกิด ปฏิกิรยา ว่าชอบ หรือ เกลียด ( นั่นคือการกระทบต่อ ผัสสะ ) หูที่เราได้ยิน ความไพเราะเพราะพริ้ง หรือ ความกระโชก โฮกฮาก ทำให้เราเกิดอาการเพลิดเพลิน กับคำยกยอ คำหวานหู หรือ ไม่อยากได้ยินคำผรุสสวาท ที่ไม่ต้อง ตามผัสสะแห่งตน อัน รสชาดอันเปรี้ยวหวานมันเค็ม หรือ รสชาดที่แสนเฝือ หรือ ไม่เป็นที่ชอบพอของการรับรู้รสของลิ้น ก็เป็น ปฏิกิริยา ( Reaction ) ต่อรสชาดนั้นๆ ส่วนกายสัมผัส ที่ เราได้รับหรือสัมผัส กับความอ่อนนุ่ม ละมุนละมัย ของ วัตถุใดๆ หรือ ความหยาบกระด้าง ความแหลมคม จนกระทั่งก่อให้เกิด ความระคายเคือง หรือบาดแผล ต่างๆ ก็เป็น การสื่อสารภายในให้ร่างกายได้รับรู้ว่า นุ่ม ว่าเจ็บ แค่ไหน สุดท้ายใจ ในกระบวนการสื่อสารใดๆ ที่มีการ ส่งจากแหล่งสารใด ( Sender ) มีข้อความแบบไหน ( Messege ) ผ่านช่องทางใด ( ได้เห็น ได้ยิน ได้กลิ่น ได้ลิ้มรส ได้สัมผัส ได้ เกิดความรู้สึก ) ผ่าน ช่องทางการสื่อสาร ( Channel ) ได้แก่ ตา จมูก หู ลิ้น กาย และใจ ไปสู่ ผู้รับสาร ( Reciever ) คือตัวตนของตนเอง ที่ประกอบไปด้วยธาตุทั้ง 4 คือ ดิน น้ำ ลม ไฟ ( คือ อวัยยวะต่างๆ เลือด อากาศที่เราหายใจเข้าไป และ อุณหภมู ภายในร่างกาย ) ทั้งหมด ที่ว่านี้ ก่อให้เกิด การรับรู้ ( Perception ) และมีผลต่อ อารมณ์ ความรู้สึก และจริตต่างๆของมนุษย์ โดยทั่วไป ทั้งหมดที่กล่าวมาแล้วนั้น คือ การสื่อสารภายในบุคคล ที่อยาก จะแลกเปลี่ยน และเชื่อมโยงกับกับทุกๆท่าน ซึ่งเป็น ปัจจัยแรก และปัจจัย เริ่มต้น ของ ความรัก โลภ โกรธ หลง สรรเสริญ ติฉิน และนินทา ในบริบทที่ว่า

( Intra Personnal Communication ) หรือ การตระหนักรู้ ในตน ( Self Awearness ) สำหรับการร่วมแชร์และแบ่งบัน ในกระบวนบวนการ Knowledge Management ในครั้งนี้ ขอกล่าวไว้แต่เพียงเท่านี้ก่อนครับ คราวหน้า จะขออนุญาตุและเข้ามาร่วม เสวนา เพื่อก่อให้เกิด นวัตกรรม ทางด้านการจัดการ ทางการสื่อสารต่อไปในโอกาสหน้าครับ

ด้วยจิตคารวะ และ ขอแสองความนับถือทุกๆท่านครับ

อาจารย์ จิรายุ อัครวิบูลย์กิจ

( หนึ่งในครอบครัว นิเทศศาสตร์ นวัตกรรม มหาวิทยาลัยเกริกครับ)

นายพูนศักดิ์ ศิริชัย

Hello friends, all I would say thank you to Professor Chira makes friends with the development of PhD students in the computer more. Makes innovative communication has developed equations honor graduate students.

นายจิตรการ กาญจนเลขา

คารวะคณาจาร และเพื่อนๆ...... ผู้กล้าหาญ..... (เข้ามาเป็น น.ศ.ป.อ.) I am รู้สึกเป็นเกียรติ และ ขอขอบคุณ...ที่ได้รับความกรุณา ทุกสิ่ง ทุกอย่าง อยากตอบแทน โดยการให้ แต่สิ่งที่จะให้ มันเป็นเพียง "คำโบราณ" ที่ได้นำมาประยุกต์ โดยขออนุญาตใช้คำว่า นวัตกรรม (innovation) โปรดรับไว้พิจจารณา ห้าห้า ห้าห้าๆ มีอยู่ 5 ข้อคือ....

1) การให้ โอกาส...

2) การให้ ข้อคิด...

3) การให้ สติ.....

4) การให้ น้ำใจ...(มีน้ำใจให้)และ

5) การให้ อภัย...

(ทั้ง 5 คำนี้ จะเห็นได้ว่า *ไม่มีใครเสียอะไร* มีแต่ได้กับได้ทุกผ่าย เรื่องนี้เป็นเรื่อง ทั้งที่เป็นของฟรีที่คนไทยชอบแต่ก็ไม่มีคนอยากจะให้ ^ใครมีจิตเมตตา^ โปรดนำไปบอกคนใกล้ชิดด้วย และ ~ใครมีจิตเป็นสาธารณะ~อย่าลืม.... ท่านจะเป็นคน

ที่มีบุญมีวาสนาไปตลอดกาลนานเทอญ

นางสาวอักษร จุลวรรณ

สวัสดีค่ะอาจารย์จีระ และเพื่อนๆ รุ่นพี่ทุกท่าน

รู้สึกเป็นเกียรติ และภาคภูมิใจเป็นอย่างยิ่งค่ะ ที่ได้มาเป็นลูกศิษย์ของอาจารย์ค่ะ และก็อย่างกระซิบบอกเพื่อนๆ ว่า วันเสาร์นี้ คงได้เจอกันพร้อมหน้าพร้อมตากันทุกท่านนะคะ จะได้สนุกสนานเวลาเรียน อาจารย์จะได้ภูมิใจค่ะ 

 

เรียน ท่านศาสตราจารย์ ดร.จิระ หงส์ลดารมภ์ และสมาชิก หลักสูตรปรัชญาดุษฎีบัณฑิต สาขานิเทศศาสตร์นวัตกรรม มหาวิทยาลัยเกริก ทุกท่าน

เพื่อเป็นการแลกเปลี่ยนความคิดเห็น หรือข้อมูลข่าวสาร อันควรที่จะเป็นประโยชน์ต่อ เครือข่ายสมาชิกทุกท่าน เพื่อเป็นการสร้างองค์ความรู้ที่เป็น นวัตกรรม ทางด้านการสื่อสารจริงๆ หากท่านใด มีอะไรดีๆ หรือ อยากจะนำเสนอ ชี้แนะ และ มีความแปลกใหม่ ที่คาดว่าน่าจะนำมาปรับปรุงแก้ไข หรือ แลกเปลี่ยนกัน และ / หรือ เพื่อ ให้เกิดบรรยากาศในการเรียนรู้ร่วมกันอย่างเป็นทีม จึงขอให้ทุกท่านพยายาม สื่อสาร หรือ แลกเปลี่ยน ทรรศนะ กัน อย่างไม่มีข้อจำกัด และขอให้เป็นไปในแนวทางสร้างสรรค์ บอกเล่า เก้าสิบ เกี่ยวกับเรื่องราวต่างๆ ที่ท่านได้มีโอกาสไปพบ ไปเห็น หรือ ผ่านประสบการณ์ ที่ดีๆนั้นมา ช่วยแบ่งปัน ให้กับสมาชิกของเราทุกๆท่านด้วย อย่างน้อย ก็เป็นจุดเริ่มต้นที่ดีๆ ที่จะสื่อสาร ทำความเข้าใจกัน สร้างความเป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน ในกลุ่มของเพื่อนสมาชิก นิเทศศาสตร์นวัตกรรม ( อันมีอยู่เพียง หนึ่งเดียวในประเทศศไทยในขณะนี้ ) ให้สมศักดิ์ศรี แห่งการเป็นนักศึกษาหลักสูตรปริญญาเอก และความเป็นนักคิด นักเขียน นักสร้างสรรค์ และในนามของ World Colonial Populations ที่ดี และมีศักยภาพต่อไป

ด้วยจิตคารวะ และ ขอแสดงความนับถืออย่างสูง

อาจารย์จิรายุ อัครวิบูลย์กิจ

รองผู้อำนวยการหลักสูตรปรัชญาดุษฎีบัณฑิต

สาขานิเทศศาสตร์นวัตกรรม มหาวิทยาลัยเกริก

ถึง ลูกศิษย์ทุกๆคน

ผมได้อ่านข้อความทุกท่านแล้ว

ขอบคุณที่ชอบการเรียนที่สนุกตรงประเด็นและนำไปใช้ได้ อย่าลืมว่าแต่ละท่านก็มีประสบการณ์มากมาย ผมมีหน้าที่ดึงมันออกมาและทำให้ค้นหาตัวเอง

การเรียน PH.D ของไทยคือต่อยอด ประสบการณ์โด่ยเรียบเรียงระบบความคิดให้ดี และกรุณามีความภูมิใจและจับมือกันแน่นๆ ใน 16 - 17 คนและช่วยเหลือกันให้มากที่สุด

นายสุริยา ประดิษฐ์สถาพร

เรียนท่าน ศ.ดร จีระ หงส์ลดารมถ์

การพัฒนาทรัพยากรมนุษย์สำคัญอย่างไรกับความอยู่รอดในโลกาภิวัฒน์

เมื่อกล่าวถึงคำว่า ”การพัฒนาที่ยั่งยืน” ความเข้าใจ ความหมาย กรอบแนวทางการพัฒนา เป้าหมายของการพัฒนา และหนทางนำไปสู่การพัฒนาที่ยั่งยืน โดยมี “คน” เป็นศูนย์กลางการพัฒนา คือการพัฒนาที่ยั่งยืน เป็นการพัฒนาที่บูรณาการให้เกิดองค์รวม คือ องค์ประกอบทั้งหลายที่เกี่ยวข้องจะมาประสานกันครบองค์ และมีลักษณะอีกย่างหนึ่งคือ มีดุลยภาพ กล่าวคือ ธรรมชาติแวดล้อมกับเศรษฐกิจจะต้องบูรณาการเข้าด้วยกัน จะทำให้เกิดสภาพที่เรียกว่าเป็นภาวะยั่งยืนทั้งในทางเศรษฐกิจและในทางสภาพแวดล้อม การคุ้มครองสภาพแวดล้อมควบคู่ไปกับการพัฒนาเศรษฐกิจ โดยใช้มนุษย์เป็นแกนกลางการพัฒนาเพื่อสร้างให้เกิดความสมดุล ระหว่างคนธรรมชาติ และสรรพสิ่ง เพื่อให้อยู่ร่วมกันด้วยความเกื้อกูลกัน ไม่ทำลายล้างกันทุกสิ่งในโลกก็จะอยู่ร่วมกันอย่างสงบสุข ส่งผลต่อการพัฒนาที่ยั่งยืนอย่างแท้จริง

“โลกาภิวัตน์” นั้นเป็นคำที่เราคุ้นเคยกันมากซึ่งจะปฏิเสธไม่ได้ว่าโลกาภิวัตน์ มีผลกระทบโดยตรงต่อการดำรงชีวิตของคนเรา แต่คนทั่วไปก็ยังไม่รู้ว่า โลกาภิวัฒน์ ส่งผลกระทบต่อตนเองอย่างไร รวมทั้งการทำตัวหรือจะพัฒนาตนเองอย่างไร เพื่อให้อยู่รอดในโลกาภิวัฒน์ ดังนั้น ข้าพเจ้าในฐานะนักนิเทศศาสตร์ ขอแสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับความสำคัญในการพัฒนาทรัพยากรมุนษย์ กับความอยู่รอดในโลกาภิวัฒน์

ความสำคัญของการพัฒนาทรัพยากรมนุษย์นั้น ถือเป็นการลงทุนที่คุ้มค่าและยั่งยืนที่สุด เมื่อเปรียบเทียบกับการลงทุนประเภทอื่นๆ ทั้งนี้เพราะความสำเร็จขององค์กรขึ้นอยู่กับศักยภาพของบุคลากร องค์กรใดหากมีทรัพยากรบุคคลที่มีความสามารถสูง มีคุณธรรม มีจริยธรรม ย่อมสามารถสร้างความได้เปรียบทางการแข่งขัน นำพาองค์กรไปสู่ความสำเร็จได้ตามเป้าหมายที่ต้องการอย่างยั่งยืน องค์กรทุกองค์กร จึงปรารถนาและให้ความสำคัญกับการพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ให้เห็นทั้งคนดีและคนเก่งอยู่ตลอดเวลาในช่วงหลายปีที่ผ่านมา ประเทศของเราต้องเผชิญกับความเปลี่ยนแปลงในทุกๆ ด้านๆ ทั้งทางด้านเศรษฐกิจ สังคม การเมือง และเทคโนโลยี ซึ่งล้วนมีผลกระทบต่อวิถีชีวิตและความเป็นอยู่ของมนุษย์ที่อยู่ในสังคมไทยเป็นอย่างมาก ประกอบกับแนวทางการพัฒนาในแผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ตั้งแต่ฉบับที่ 1-7 ก็ได้ให้ความสำคัญต่อการพัฒนาเศรษฐกิจเป็นหลัก โดยใช้ทรัพยากรที่มีอยู่ให้เกิดประโยชน์สูงสุด ทำให้เศรษฐกิจของประเทศเจริญเติบโตอย่างรวดเร็ว แต่ก็ก่อให้เกิดปัญหาทางสังคมหลายประการเลยทีเดียว นับตั้งแต่แผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติฉบับที่ 8 เป็นต้นมา ก็เน้นคนเป็นศูนย์กลางของการพัฒนาแบบองค์รวม โดยมุ่งพัฒนาศักยภาพของคนและสภาพแวดล้อมทางสังคม เพื่อให้เกิดการพัฒนาแบบ มีประสิทธิภาพ การพัฒนาทรัพยากรมนุษย์สามารถจำแนกได้เป็น 3 ระดับ ดังนี้

การพัฒนาระดับชาติ มุ่งพัฒนาคนในภาพรวมเพื่อให้สามารถดำรงตนอยู่ในสังคมได้ เป็นพลเมืองดี มีคุณภาพ มีผลิตภาพสูง และมีความรับผิดชอบต่อสังคม การพัฒนาจึงคำนึงถึงการพัฒนาด้านการศึกษา ด้านสุขภาพ ด้านแรงงาน เป็นสำคัญ

การพัฒนาระดับองค์กร มุ่งพัฒนาคนให้เกิดความเชี่ยวชาญสามารถทำงานให้องค์กรได้อย่าง มีผลิตภาพสูงและพร้อมกับการขยายตัวและการเปลี่ยนแปลงในอนาคต และเน้นการพัฒนาทางด้านบูรณาการ ระหว่างการพัฒนาบุคคล การพัฒนาอาชีพและการพัฒนาองค์กร เพื่อมุ่งเน้นการพัฒนาจากการเรียนรู้ของบุคคลไปสู่ทีมการเรียนรู้ และองค์กรแห่งการเรียนรู้ไปพร้อมกัน

การพัฒนาระดับบุคคล มุ่งพัฒนาคนให้ตระหนักถึงความจำเป็นในการพัฒนาตนเองเพื่อเพิ่มความรู้ความสามารถ และประสิทธิภาพในการทำงานให้สามารถดำรงตนอยู่ในสังคมได้ เป็นสมาชิกระดับครอบครัว องค์กร สังคมและประเทศชาติ

ทรัพยากรที่สำคัญที่สุด คือ พลังสมอง ส่งผลทำให้ทรัพยากรมนุษย์กลายเป็นปัจจัยสำคัญที่สุดของประเทศ ส่งผลให้กลยุทธ์การพัฒนาเศรษฐกิจต้องเปลี่ยนแปลงตามไปด้วย แต่ปัจจุบันกลยุทธ์การพัฒนาประเทศได้มุ่งไปสู่ “เศรษฐกิจบนพื้นฐานแห่งความรู้” สำคัญที่กำหนดการเติบโตทางเศรษฐกิจ คือ นวัตกรรมและความรู้

สำหรับแผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติฉบับที่ 10 ซึ่งใช้ในช่วงปัจจุบัน คือ ระหว่างปี 2550 - 2554 ได้สานต่อแนวคิดให้คนเป็นศูนย์กลางของการพัฒนาเช่นเดียวกัน โดยยุทธศาสตร์การพัฒนาให้ความสำคัญลำดับสูงกับการพัฒนาคุณภาพคนในทุกมิติอย่างสมดุล ทั้งทางจิตใจ ร่างกาย ความรู้ และทักษะความสามารถ โดยในส่วนของการพัฒนาเด็กและเยาวชนนั้น มุ่งเน้นเตรียมเด็กและเยาวชนทั้งด้านจิตใจ ทักษะชีวิตและความรู้พื้นฐานในการดำรงชีวิต การพัฒนาสมรรถนะและทักษะแรงงาน และเร่งผลิตกำลังคนเพื่อตอบสนองการพัฒนาประเทศ การพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ไม่ใช่เรื่องง่ายอย่างที่คิด ต้องใช้เวลายาวนาน

จากความสำคัญของทรัพยากรมนุษย์ดังกล่าวข้างต้น ปัจจุบันประเทศต่างๆ ได้มีมาตรการ หลายประการเพื่อส่งเสริมการพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ โดยการพัฒนาระบบการศึกษาของประชาชนให้เป็นเลิศ ส่งเสริมการเรียนรู้ตลอดชีพ ส่งเสริมความสนใจด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี พัฒนาความคิดสร้างสรรค์ สร้างความแข็งแกร่งด้านวัฒนธรรม ส่งเสริม EQ เพื่อความฉลาดในอารมณ์ พัฒนาความคิดอ่านของประชาชนให้เป็นผู้ประกอบการใหม่

เครื่องมือที่ขาดไม่ได้สำหรับการพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ คือการสื่อสารและเทคโนโลยี วิถีของการพัฒนาและการเปลี่ยนแปลงของสังคมเป็นไปอย่างรวดเร็ว ทำให้ การพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ ต้องเตรียมความพร้อมต่อการเข้าสู่ยุคแห่งโลกาภิวัฒน์ ที่มีการใช้เทคโนโลยีสารสนเทศเพื่อให้ได้เปรียบต่อสภาวะการแข่งขัน วิธีการเรียนรู้ผ่าน E-learning ในการพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ นั้นจะต้องเน้นการปรับตัวให้ทันโดยการสร้างคน ตอบสนองต่อความต้องการขององค์กร คือต้องเรียนรู้ได้เร็ว และสร้างคนได้จำนวนมากทันต่อความต้องการ เน้นการเสริมทักษะด้านการเรียนรู้ได้ตลอดไป โดยยึดหลัก คิดเป็น ทำเป็น หรือ การคิดอย่างเป็นระบบ และสิ่งที่จำเป็นที่จะสนับสนุนทำให้เกิดการแลกเปลี่ยนองค์ความรู้ก็คือ การโน้มน้าวให้บุคลากรที่มีคุณภาพยินยอม ที่จะแบ่งปันความรู้ของตนกับผู้อื่น โดยมีการสร้าง โอกาส และให้รางวัลที่เหมาะสม กับบุคลากร หรือกลุ่มคน ภายในและภายนอก องค์กรต่าง ๆ ที่สร้างสรรค์องค์ความรู้ต่อการพัฒนาการปฏิบัติงาน อีกทั้งยังช่วยเสริมสร้างความรู้เชื่อมโยงแหล่งความรู้เพื่อลดช่วงและระยะเวลาในการเรียนรู้ รวมทั้งส่งเสริมวิถีการเรียนรู้ของบุคลากรให้เกิดความต่อเนื่อง ตามความพร้อมและความต้องการต่อการดำรงชีวิตในสังคม โลกาภิวัฒน์ ด้วยความอยู่รอดและมีความสุข

นายพูนศักดิ์ ศิริชัย

เรียน ท่าน ศ.ดร.จีระ หงส์ลดารมภ์ และเพื่อนนักศึกษา

การพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ (Human Resource Development) คือ กระบวนการเรียนรู้ที่มีลักษณะต่อเนื่องไปตลอดชีวิต ซึ่งเกิดทั้งภายในและภายนอกห้องเรียน และคำนึงถึงความสามารถในการนำความรู้ที่ได้รับไปปฏิบัติงานที่ได้รับงานมอบหมายอย่างมีประสิทธิภาพเพื่อให้งานโดยรวมประสบความสำเร็จ

การพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ (Human Resource Development) หมายถึง การพัฒนาความรู้ ความเข้าใจ ทัศนคติและทักษะการทำงานของบุคลากรให้สามารถทำงานบรรลุผลงานตรงตามมาตรฐานผลงาน หรือ ความหมาย ในวงกว้างหมายถึงการพัฒนาสมรรถนะ(COMPETENCY)ของบุคลากร ให้ทำงานได้ตามมาตรฐานผลงานของตำแหน่งงาน

ความจำเป็นในการพัฒนาทรัพยากรมนุษย์

• มนุษย์เป็นศูนย์กลางแห่งการพัฒนา

• ในทรัพยากร 4M คือ คน วัตถุดิบ เงินทอง เครื่องจักร นั้น คน นับว่าสำคัญที่สุด

• มนุษย์ เป็นทรัพยากร เพียงอย่างเดียว ที่มีชีวิตจิตใจ เติบโตได้ เมื่อแก่เฒ่าลงไป อาจจะลืม อาจจะด้อยสมรรถภาพลง แต่ก็สามารถกลับมามีสมรรถภาพเช่นเดิม หรือมากกว่าเดิมได้

• มนุษย์สามารถกำกับดูแล อีก 3M ที่เหลือ ได้อย่างดี อย่างมีประสิทธิภาพ

ดังนั้น จึงจำเป็นต้องพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ ให้ดีที่สุด เพื่อให้บรรลุถึงประสิทธิภาพ ประสิทธิผลสูงสุด

จากหลักการของ ศ.ดร.จีระ หงส์ลดารมภ์

การพัฒนาทรัพยากรมนุษย์จะต้องมีการพัฒนาให้ครอบคลุมทั้ง 4 ด้าน คือ

- ด้านการศึกษา เช่น เน้นด้านการคิดวิเคราะห์, ภาษาอังกฤษ

- ด้านสุขภาพ ต้องมีสุขภาพแข็งแรง ทั้งกายและใจ

- ด้านโภชนาการ ถ้าโภชนาการดี สุขภาพร่างกายและจิตใจก็จะดี

- ด้านครอบครัว เป็นหน่วยเล็ก ๆ หน่วยแรกที่ควรให้ความเอาใจใส่

การพัฒนาทรัพยากรมนุษย์จึงถือเป็นปัจจัยสำคัญที่จะทำให้เราสามารถอยู่รอดในยุคโลกาภิวัตน์ได้ โดยอยู่รอดอย่างมีความสุข และสามารถเพิ่มมูลค่าของตัวเราเองให้เป็นที่ต้องการของสังคม มีประโยชน์ต่อสังคม

ดีใจมากเลยนะท่ีทุกคนสนใจในการเรียนในการเรียนในครั้งนี้ดูเหมือนว่าการจุดประการในการเรียนและการใส่ใจเป็นนิมิตรหมาย

ท่ีน่าภูมใจในการเรียนของพวกเรามากทำให้เรานึกถึงเพื่อนอีกคนหนึ่งท่ีหายไปหวังว่าเสาร์นี้คงจะได้เจอกันนะครับ เพือนท่ีมีแต่ความ

ห่วงใยองค์กรส่วนรวม เสียสละสาคครี วันนี้เขาไปไหน กลับมาเถอะนะแล้วเจอกัน เรียนสนุกมากไม่เชื่อลองถามเพื่อนทุกคนดูโดย

เฉพาะ อ.บิ๊ก ท่านจะตอบได้เป็นอย่างดีเพราะท่านเคียงข้างเรามาตลอด แก้ว เองคงรู้นะว่าข้าหมายถึงใคร แก้วก็เป็นอีกคนท่ีเพื่อน

หลายคนยอมรัีบในความอาวุโส เจอกันนะครับทุกคน

พี่ประจักษ์ เด้อ ครับ

สวัสดีครับอาจารย์และเพื่อนนักศึกษาปริญญาเอก ม เกริก วันนิ้ท่านอาจารย์ได้จุดประกายให้พี่ประจักษ์อย่างแรงสามารถส่งข้อความด้วยตนเองได้ทั้งที่อายุจะปาเข้าไปเกือบ70แล้วขอบอกว่าเก่งจริงๆนะ เพื่อนที่คิดถืงนั้นคือประธานรุ่นคุณอธิกิต นัยพินิจ ฃื่งเป็นที่รักของเพื่อนๆเพราะประธานมีจิตสาธารณะมีแต่ให้กับให้ วันเสาร์8โมงเช้าพบกันครับ ขอบคุณครับ นาย วิรัช จินดากวี

นาง วัชรี ปรัชญานุสรณ์

เรียน ศ.ดร.จีระ หงส์ลดารมถ์

1.ศึกษาโลกาภิวัฒน์และผลกระทบเกี่ยวอะไรกับนวัตกรรม

โลกาภิวัฒน์ หรือ Globalisation สามารถตีความหมายกว้างได้ว่า เป็นกระบวนการซึ่งลดขอบเขตด้านภูมิศาสตร์ การเมือง ทำให้เกิดการสื่อสาร การเดินทางและการค้าขายกันเพิ่มมากขึ้น กระบวนการนี้เกี่ยวโยงกับเศรษฐกิจท้้งทางตรงและทางอ้อม และทุกประเทศล้วนเกี่ยวข้องด้วยกันทั้งนั้น ขณะที่บริษัทระหว่างชาติและบางประเทศได้รับผลประโยชน์มากมายจากการก้าวโลกาภิวัฒน์ แต่กระบวนการนี้กลับส่งผลทางลบกับบางประเทศ จากงานศึกษาของ Boxberg และ Klimenta (1999) ระบุว่า โลกาภิวัฒน์อาจก่อให้เกิดผลทางลบมากมาย เช่น ปัญหาการว่างงาน ,การหาประโยชน์อย่างผิดกฏหมายจากแหล่งวัตถุดิบในประเทศกำลังพัฒนา ,การให้ความสำคัญกับการเงินมากเกินไป และภาวะอ่อนแอของประเทศทั้งในประเทศที่พัฒนาแล้วและกำลังพัฒนา การรักษาสถานภาพทางการเงินก็ถือว่าเป็นเรื่องยาก

กระบวนการเหล่านี้ส่งผลให้เกิดการก่อการร้ายและก่อให้เกิดเทคโนโลยีทางลบ ซึ่งเป็นภัยต่อความมั่นคนของชาติ และภูมิภาคได้ ตัวอย่าง เช่น

-ความเป็นโลกาภิวัฒน์ของเศรษฐกิจและเทคโนโลยีจะมีผลอย่างมากต่อรัฐบาลและหน่วยงานเอกชนต่างๆ ตลาดการเงินระหว่างประเทศสามารถทำสิ่ิงหนึ่งที่รัฐบาลทั่วโลกทำไม่ได้ และไม่พยายามจะทำ นั่นคือ การลดความสำคัญของรัฐบาลประเทศต่างๆ ในเอเซีย ซึ่งประสบความสำเร็จอย่างลวกๆ ไม่ซื่อตรง และไม่ชอบธรรมด้วย กองกำลังต่างๆ ,อาณาเขต รวมทั้งหนังสือเดินทางล้วนแต่หมดความสำคัญมากขึ้นทุกวัน

-ปัญหาการขาดองค์กรที่ดูแลความมั่นคงระหว่างประเทศ

องค์กรที่มีอยู่ในปัจจุบันยังไม่เพียงพอ และยังไม่มีศักยภาพเพียงพอในการแก้ปัญหาต่างๆ ซึ่งก่อให้เกิดความไม่มั่นคงระหว่างประเทศ

-การแพร่หลายของเทคโนโลยี

กระแสข้อมูลข่าวสาร นอกจากจะช่วยให้เกิดโลกาภิวัฒน์ ซึ่งทำให้เราใกล้กันมากขึ้น และสถานที่ไม่ใช่สิ่งสำคัญอีกต่อไปแล้วนั้น ยังส่งผลอย่างมากกับบางภูมิภาค กระแสข้อมูลข่าวสารมีผลต่อความคิด ความคาดหวังของผู้คน และก่อให้เกิดการเปลี่ยนแปลงต่างๆ รัฐบาลของหลายๆ ประเทศ อาทิ ประเทศจีน นับวันจะปิดกั้นสิ่งที่ประชาชนได้อ่าน และได้ฟังน้อยลง การที่ประชาชนได้รับข่าวสารอย่างรวดเร็วทันท่วงทีทำให้รัฐบาลจะต้องเตรียมพร้อมรับมือโต้ตอบไว้ตลอดเวลา

-อาชญากรรมเพิ่มขึ้น

ปัญหาอาชญากรรมเพิ่มสูงขึ้นไม่ว่าจะเป็นมุมไหนของโลก ปัญหาภายในประเทศ เช่น อาชญากรรม เป็นปัญหาที่ส่งผลกระทบโดยตรงต่อความมั่นคง ปลอดภัยของประชาชน ,ประเทศ และท้องถิ่น โดยเฉพาะในปัจจุบันที่เกิดอาชญากรรมระหว่างประเทศเพิ่มขึ้น และยากที่จะจัดการได้ อาชญากรใช้เทคโนโลยีใหม่ๆ เช่นการสื่อสารมาเข้าช่วยในการก่ออาชญากรรม และกฎหมายก็ยังตามเทคโนโลยีเหล่านี้ไม่ทัน

-ปัญหาด้านประชากรศาสตร์

การเพิ่มขึ้นของประชากร ก็นับเป็นปัญหาด้านความมั่นคงระหว่างชาติอีกอย่างหนึ่ง เราต้องพยายามควบคุม จำนวนประชากรของประเทศที่เน้นการเกษตรซึ่งมีรายได้ต่ำ ยังมีอัตราการเกิดมาก ก็ยิ่งส่งผลให้อัตราความขัดแย้งทางการทหาร ทั้งภายในและภายนอกเพิ่มมากขึ้น

2.ศึกษาทรัพยากรมนุษย์ มีความสำคัญอย่างไรกับการอยู่รอดในโลกาภิวัฒน์

ในการพัฒนาคนขึ้นมาเป็นแกนบูรณาการในระบบการพัฒนาที่เป็นองค์รวมให้เกิดความสมดุล มีปัจจัยและองค์ประกอบต่างๆ ที่ทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงขึ้น ดังนี้

1.มนุษย์

2.สังคม

3.ธรรมชาติแวดล้อม

4.เทคโนโลยี

ซึ่งมนุษย์นั้นมีฐานะ 2 อย่าง คือฐานะที่เป็นชีวิตที่มีสภาวะอยู่ในธรรมชาติและในฐานะที่เป็นบุคคล ผู้เป็นส่วนร่วมทำให้เกิดสังคม และเกิดเทคโนโลยี จึงสรุปได้ว่า มนุษย์เป็นส่วนหนึ่งของโลกแห่งธรรมชาติ และในฐานะที่เป็นผู้สร้างโลก คือ โลกธรรมชาติ(มนุษย์ในฐานะชีวิตและธรรมชาติส่วนอื่นๆ) กับโลกมนุษย์ ซึ่งประกอบด้วยมนุษย์ในฐานะบุคคล สังคม และเทคโนโลยี

เทคโนโลยีและระบบการต่างๆ ทางสังคม ได้ทำให้เกิดมีโลกมนุษย์ซ้อนขึ้นมาในธรรมชาติ เทคโนโลยีเป็นสิ่งแวดล้อมใหม่ เป็นทั้งเครื่องมือที่มนุษย์ใช้กระทำต่อมนุษย์ด้วยกันเอง ต่อสังคม ต่อธรรมชาติ ยิ่งถึงยุคปัจจุบัน เทคโนโลยียิ่งมีความสำคัญมาก จนจะครอบงำตัวมนุษย์เอง ความเปลี่ยนแปลงเป็นไปในโลก รวมทั้งการพัฒนาที่ยั่งยืน หรือถือว่าเป็นส่วนหนึ่งของธรรมชาติ เมื่อโลกมนุษย์ได้เจริญมากขึ้นเท่าไหร่ ความเสื่อมเสียหายของโลกธรรมชาติจะไปพร้อมกับความเจริญนี้ด้วย กระบวนการพัฒนาที่ยั่งยืน เป็นการพัฒนาคนที่เป็นปัจจัยตัวกระทำให้เป็นศูนย์กลางของการพัฒนาด้วยการพัฒนาเต็มระบบ ทั้งพฤติกรรม จิตใจและปัญหา และการพัฒนาที่ยั่งยืนโดยการพัฒนาคนเต็มระบบเป็นแกนกลางที่ไปประสานปรับเปลี่ยนบูรณาการให้เป็นระบบแห่งการดำรงอยู่ด้วยดีอย่างต่อเนื่องเรื่อยไป

นายไพบูลย์ ปรัชญานุสรณ์

เรียนท่านอาจารย์ จีระ หงส์ลดารมภ์

ผมนายไพบูลย์ ปรัชญานุสรณ์ เป็นลูกศิษย์อาจารย์หลักสูตรปริญญาเอก นิเทศศาสตร์นวัตกรรม มหาวิทยาลัยเกริก ขอแสดงความคิดเห็นเสนออาจารย์ในเรื่อง

1.โลกาภิวัฒน์เกี่ยวข้อง กับนวัตกรรมการสื่อสารอย่างไร

2.การพัฒนาทรัพยากรมนุษย์สำคัญอย่างไรกับการอยู่รอดในโลกาภิวัฒน์

1.ในเรื่องความเกี่ยวข้องระหว่างโลกาภิวัฒน์และนวัตกรรมการสื่อสารน้้น สามารถกล่าวได้ว่า โลกาภิวัฒน์นั้นเกิดจากนวัตกรรมการสื่อสาร เพราะการเปลี่ยนแปลงการสื่อสารจากสื่อดั้งเดิม ได้แก่ หนังสือพิมพ์ วิทยุ และวิทยุโทรทัศน์ มาเป็นสื่อ INTERNET ซึ่งมีโครงข่ายครอบคลุมไปทั่วโลกโดยผ่านดาวเทียมสื่อสาร ทำให้การสื่อสารของคนทั่วโลกมีความใกล้ชิดและสามารถสื่อสารถึงกันได้ตลอด 24 ชม. ถึงกับกล่าวว่า ปัจจุบันโลกนี้มีลักษณะแบน เนื่องจากไม่มีเวลากลางวัน กลางคืนอีกแล้ว เพราะคนที่อยู่ในซึกโลกที่เป็นกลางคืน ก็สามารถติดตามหรือติดต่อกับคนที่อยู่ในซึกโลกที่เป็นกลางวันสามารถทราบถึงความเคลื่อนไหวในทุกด้าน ไม่ว่า สังคม เศรษฐกิจ หรือการเมือง และขณะนี้ก็เริ่มมีนวัตกรรมการสื่อสารใหม่ ที่เรียกว่า NEXT GENERATION NETWORK (NGN) ซึ่งจะเป็นเครือข่ายใหม่ที่ทันสมัยกว่าเครือข่ายปัจจุบัน ที่จะทำให้การสื่อสารทั้งภาพและเสียงไปด้วยกันอย่างสมบูรณ์แบบ

ลักษณะพิเศษของ NGN

1.Quality of Service (QOS) คุณลักษณะเบื้องต้นคือ คุณภาพของการส่งสัญญาณที่ดีเยี่ยม นอกจากจะเป็นระบบที่ปลอดภัยสุดยอดแล้ว การส่งสัญญานของ NGN ยังให้ภาพและเสียงที่คมชัดอีกด้วย

2.ความปลอดภัย Security คือเป็นระบบที่ให้ความปลอดภัยได้เต็มที่ใน NGN มีการตรวจสอบ ID ของผู้ส่งทุกครั้ง ไม่ว่าจะเป็นหมายเลขโทรศัพท์ หรือ ไอพี แอดเดรสของแต่ละสาย เพื่อป้องกันการปลอมแปลง และยังมีระบบล๊อคการสื่อสารที่ไม่ต้องการในเครือข่ายได้ด้วย

3.เชื่อถือได้ Reliability-NGN เป็นระบบที่เชื่อถือได้ ซึ่งได้รับการพัฒนาเรื่องความปลอดภัยมาจากระบบ PSTN และ NGN มีโครงสร้างมากมายในการส่งสัญญาณและอุปกรณ์,มีระบบควบคุมสายส่งสัญญาณในกรณีที่มีการส่งสัญญาณหนาแน่นและบริการส่งข้อความสำคัญได้ด้วย

4.มีการประสานงานที่เปิดกว้าง Openness of the Interfaces- NGN มีการประสานงานที่เปิดกว้าง ซึ่ง NGN มีการทำงานที่เปี่ยมประสิทธิภาพในการรับส่งทั้งภาพและเสียงคุณภาพสูง,การส่งสารทั้งแบบ unicast (ผู้ส่งรายเดียว ผู้รับรายเดียว) และ multicast (ผู้ส่งรายเดียว ผู้รับหลายราย),การเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ต และ next generation Ethernet คุณภาพสูง การประสานงานที่เปิดกว้างนี้ ช่วยให้ NGN สามารถประสานงานกับบริษัทต่างๆ ในธุรกิจอื่นๆ เพื่อสร้างแอพพลิเคชั่นใหม่ที่ต้องการระบบการสื่อสารระยะไกลเหล่านี้

ด้วยการทำงานที่ล้ำหน้าเหล่านี้ NGN เป็นระบบการสื่อสารที่ปรับเปลี่ยนง่าย และปลอดภัย ซึ่งสามารถช่วยสร้างบริการและธุรกิจใหม่ๆ ได้

ขณะนี้ NGN ได้รับการพัฒนาในประเทศที่เจริญแล้ว ได้แก่ อเมริกา ยุโรป และญี่ปุ่น และในไม่ช้าก็จะเชื่อมโครงข่ายกันทั่วโลก ซึ่งเมื่อนั้น โลกก็จะเข้าสู่โลกาภิวัฒน์ยุคใหม่ ทุกคนจะเหมือนใกล้ชิดอยู่ในเมืองเดียวกัน ทำงานกันอย่างใกล้ชิดมากยิ่งขึ้น ข้อมูลข่าวสารก็จะหลั่งไหลอย่างสะดวกรวดเร็วมากกว่าปัจจุบันหลายเท่าตัว ถ้าเปรียบปัจจุบันการไหลของข้อมูลข่าวสารจะใช้ถนนลูกรัง ในยุคของNGN ข้อมูลข่าวสารจะไหลบนถนนSUPER HIGHWAY เลยทีเดียว เพราะฉะนั้นโลกาภิวัฒน์ยุคใหม่ต้องมีอะไรที่เปลี่ยนแปลงอย่างแน่นอน และอย่างรวดเร็วยิ่งกว่าปัจจุบัน

2.ในเรื่อง การพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ว่ามีความสำคัญอย่างไรกับการอยู่รอดในโลกาภิวัฒน์ จะเห็นว่าในยุคโลกาภิวัฒน์การสื่อสารสามารถเข้าถึงกันได้อย่างสะดวกรวดเร็ว ทำให้ข้อมูลข่าวสารทางด้านเศรษฐกิจเป็นที่รับรู้อย่างรวดเร็วด้วย ธุรกิจที่สามารถเข้าถึงข้อมูลข่าวสารก่อนย่อมได้เปรียบ จึงเกิดการแข่งขันกันทางด้านธุรกิจที่รุนแรงขึ้น การพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ในด้านความรู้ เทคโนโลยีการสื่อสาร และภาษาที่ใช้ในการสื่อสารจึงสำคัญพอๆ กับการพัฒนาทางด้านฝีมือของคนทำงานในระดับล่าง ขณะเดียวกันคนทำงานในระดับบนก็จะต้องพัฒนาให้มีความคิดสร้างสรรค์ เพื่อผลิตนวัตกรรมใหม่ๆ เข้าสู่ธุรกิจ ถ้าใครคิดได้ก่อนก็เป็นลิขสิทธิ์ของคนนั้น คนอื่นต้องกลับไปตั้งต้นคิดนวัตกรรมใหม่ ดังนั้นทักษะในการคิดอย่างสร้างสรรค์ จึงเป็นเรื่องสำคัญในการพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ และนอกจากจะคิดสร้างสรรค์ในด้านธุรกิจแล้ว จะต้องมีความคิดสร้างสรรค์ในความเป็นมนุษย์ตามไปด้วย เพื่อให้สังคมน่าอยู่ มีคุณภาพชีวิตที่ดี ไม่เอารัดเอาเปรียบ ซึ่งกันและกัน มีจิตสาธารณะที่จะช่วยเหลือผู้อ่อนด้อยกว่า เพราะการอยู่รอดในโลกาภิวัฒน์ หมายถึงการที่จะทำให้ทุกคนในสังคมอยู่รอด โลกาภิวัฒน์จึงจะอยู่รอดด้วย

นายวุฒิวิทย์ ก่าแก้ว

การพัฒนาทรัพยากรมนุษย์สำคัญอย่างไรต่อการอยู่รอดในโลกโลกาภิวัตน์

 

โลกาภิวัตน์ หรือ โลกานุวัตร (globalization)  คือ ผลจากการพัฒนาการติดต่อสื่อสาร การคมนาคมขนส่ง และเทคโนโลยีสารสนเทศ อันแสดงให้เห็นถึงการเจริญเติบโตของความสัมพันธ์ทางเศรษฐกิจ การเมือง เทคโนโลยี และวัฒนธรรมที่เชื่อมโยงระหว่างปัจเจกบุคคลชุมชน หน่วยงานธุรกิจ และรัฐบาล ทั่วทั้งโลก

 

โลกาภิวัตน์ (Globalization) หมายถึงกระบวนการที่ประชากรของโลกถูกหลอมรวมกลายเป็นสังคมเดี่ยว กระบวนการนี้เกิดจากแรงของอิทธิพลร่วมทางเศรษฐกิจ เทคโนโลยีและสังคม-วัฒนธรรมและการเมือง

 

โลกาภิวัตน์ถูกมองว่าเป็นกระบวนการที่ใช้เวลาเป็นศตวรรษที่ติดตามการขยายตัวของประชากรและการเจริญเติบโตทางอารยธรรมที่ถูกเร่งในอัตราสูงมากในช่วง 50 ปีที่ผ่านมา รูปแบบโลกาภิวัตน์ยุคแรกๆ มีมาตั้งแต่สมัยจักรวรรดิโรมัน จักรวรรดิพาเธีย (จักรวรรดิอิหร่านระหว่าง พ.ศ. 296พ.ศ. 763) และสมัยราชวงศ์ฮั่นเมื่อเส้นทางสายไหมที่เริ่มจากจีนไปถึงชายแดนของจักรวรรดิพาเทียและต่อเนื่องไปสู่กรุงโรม ยุคทองของอิสลามนับเป็นตัวอย่างหนึ่งเมื่อพ่อค้าและนักสำรวจชาวมุสลิมวางรากฐานเศรษฐกิจของโลกยุคแรกไปทั่ว “โลกเก่า” ยังผลให้เกิดโลกาภิวัตน์กับพืชผล การค้า ความรู้และเทคโนโลยีต่อมาถึงระหว่างยุคของจักรวรรดิมองโกลซึ่งมีความเจริญมากขึ้นตามเส้นทางสายไหม การบูรณาการโลกาภิวัตน์มีความต่อเนื่องมาถึงยุคขยายตัวทางการค้าของยุโรป เมื่อถึงคริสต์ศตวรรษ ที่ 16 และ17 (ระหว่าง พ.ศ. 2043พ.ศ. 2242) เมื่อจักรวรรดิโปรตุเกสและจักรวรรดิสเปนได้แผ่ขยายไปทั่วทุกมุมโลกหลังจากที่ได้ขยายไปถึงอเมริกา

 

            การพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ (Human Resource Development) คือการวางอย่างเป็นระบบต่อเนื่อง เพื่อจัดให้มีการพัฒนาระดับขีดความสามารถในการปฏิบัติงานของพนักงาน และประสิทธิภาพในการดำเนินงานขององค์การ  โดยใช้วิธีการฝึกอบรม การให้ความรู้ และจัดโปรแกรมการพัฒนาพนักงาน ให้มีโอกาสได้รับความก้าวหน้าในอาชีพสำหรับอนาคต

 

การพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ มีความหมายกว้าง และลึกกว่าการฝึกอบรม มีความหมายตั้งแต่

การศึกษา การปฐมนิเทศ การอบรมสัมมนา การติดตามประเมินผลการปฏิบัติงาน ตลอดจนการการบริหารจัดการอาชีพ

 

สาเหตุที่ทำให้เกิดการพัฒนาทรัพยากรมมนุษย์

  • องค์กรต้องมีการเปลี่ยนแปลง ปรับปรุงขนาดโครงสร้าง และการพัฒนาองค์กรอย่างต่อเนื่องและไม่หยุดนิ่ง
  • ในอนาคต นายจ้างไม่จำเป็นที่จะต้องคำนึงมากนักเกี่ยวกับการพัฒนาพนักงาน ในเมื่อมีแนวโน้มว่าโอกาสก้าวหน้าและการเลื่อนตำแหน่งคนในองค์กรมีน้อยมาก คนมีการย้ายเข้า-ออกจากสำนักงานเพิ่มมากขึ้น 

แต่การพัฒนาทรัพยากรมนุษย์มีความจำเป็นและมีความสำคัญมากขึ้น เนื่องจาก

* การที่ผู้จัดการระดับกลางจะก้าวไปสู่ตำแหน่งผู้บริหารระดับสูง มีน้อยลง เนื่องจากองค์กรมีลักษณะแบนราบ

  • *หลายองค์กรเริ่มปรับเปลี่ยนและมุ่งเน้น ธุรกิจหลัก, core competencies
  • *ลักษณะงานมีการปรับเปลี่ยนไปสู่ งานโครงการ มากกว่าการที่จะต้องก้าวไปสู่ตำแหน่งที่สูงขึ้น
  • *การลาออกของพนักงาน พนักงานลาออกจากบริษัทหนึ่งไปอยู่อีกบริษัทหนึ่งเพื่อต้องการความก้าวหน้าในอาชีพเป็นสิ่งที่ไม่ได้คาดการณ์ล่วงหน้า จึงจำเป็นต้องให้มีการพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ เพื่อจัดเตรียมพนักงานทดแทนไว้ล่วงหน้า
  • *เทคโนโลยีก้าวหน้า
  • *ความล้าหลังของพนักงาน

 

ดังนั้นจะเห็นได้ว่าหารพัฒนาทรัพยากรมนุษย์นั้นมีความสำคัญอย่างยิ่งในการพัฒนาและการอยู่รอดในโลกแห่งโลกาภิวัตน์นั้น เมื่อสังคมเปลี่ยนแปลงแต่ความเป็นมนุษย์ยังคงอยู่ เมื่อโลกแห่งโลกาภิวัตน์เข้ามาสู่เมือง มนุษย์ก็ย่อมจะต้องปรับเพื่อใช้โลกแห่งโลกาภิวัตน์อย่างมีประสิทธิผล คือ ใช้ประโยชน์จากการเปลี่ยนแปลงให้มากที่สุดมนุษย์ก็จะอยู่รอดในสังคมอย่างสง่างาม สงบสุข ยกเว้นมนุษย์ที่ไม่เข้าใจไม่เข้าถึงโลกาภิวัตน์ว่าเปลี่ยนแปลงอย่างไรและนำเอาความเปลี่ยนแปลงนั้นมาเป็นโทษสู่ตนเองอย่างไม่มีแนวคิด 

นางโสภิต พิสิษฐบรรณากร

โลกาภิวัฒน์ คือ การทำให้ทุกคน (ทุกวัฒนธรรม เป็นต้น) เป็นแบบเดียวกันทั่วโลก มนุษย์ถูกลดค่าลงเป็นผู้บริโภคที่เปลี่ยนแทนได้ เป็นหน่วยย่อยที่มีมาตรฐานและเป็นเพียงสมาชิกทางสถิติของระบบ (ตลาด) ทางการค้าและเทคโนโลยีเท่านั้น

การพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ (Human Resource Development HRD.)

มนุษย์ คือ สัตว์ที่รู้จักใช้เหตุผล สัตว์ที่มีจิตใจสูง ทรัพยากร หมายถึง สิ่งทั้งปวงอันเป็นทรัพย์ ส่วนพัฒนา หมายถึง ทำให้เจริญ (พจนานุกรม ฉบับราชบัณฑิตยสถาน พ.ศ. 2525)

จากความหมายของศัพท์ดังกล่าวอาจประมวลความได้ว่า การพัฒนาทรัพยากรคือการทำให้มนุษย์เจริญ มีศักยภาพมากขึ้นจนกลายเป็นทรัพยากรที่มีค่าในสังคมและในประเทศในการพัฒนาองค์การ จะมีความหมายคือ การให้ความก้าวหน้าทางความรู้ ความสามารถ ทักษะ โดยมีวัตถุประสงค์ที่จะปรับปรุงผลงานภายในองค์การ สะท้อนให้เห็นถึงการให้ความสำคัญกับบุคคลเท่าเทียมกับผูกมัดที่ยึดหลักปรัชญาในการพัฒนาคนภายในองค์การสู่ความเป็นมืออาชีพ

การพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ในองค์การ เป็น การพัฒนาองค์รวมของการพัฒนาบุคคล (ID) พัฒนาวิชาชีพ (CD) และพัฒนาองค์การ (OD) เพื่อมุ่งสู่การผลิตสูงสุด คุณภาพ โอกาสและการเพิ่มพูนสูงสุด เพื่อสมาชิกองค์การที่พวกเขาทำงานทำให้เป้าหมายขององค์การบรรลุผล

เมื่อการพัฒนาทรัพยากรมีความสำคัญเป็นอย่างยิ่งในการพัฒนาประเทศทั้งสองจะต้องถูกพัฒนาไปอย่างควบคู่กันอันเนื่องเพราะเมื่อโลกเข้าสู่ยุคแห่งโลกาภิวัตน์ นั้นหมายถึงการเปลี่ยนแปลงทางด้านสังคมย่อมเกิดขึ้น เมื่อสังคมเปลี่ยนไป มนุษย์ก็อาจจะต้องเปลี่ยนแปลงไปบ้างเพราะโลกโลกาภิวัตน์นั้นทำเกิดความทันสมัยมากขึ้น ไม่ว่าจะเป็นเทคโนโลยี การค้า เป็นต้น รวมทั้งเกิดสังคมที่ก้าวล้ำทางเทคโนโลยี ประชาชนมีเทคโนโลยีที่ทันสมัยใช้งานอยู่ตลอดเวลา

การพัฒนาทรัพยากรมนุษย์

มนุษย์ คือ สัตว์ที่รู้จักใช้เหตุผล สัตว์ที่มีจิตใจสูง ทรัพยากร หมายถึง สิ่งทั้งปวงอันเป็นทรัพย์ ส่วนพัฒนา หมายถึง ทำให้เจริญ (พจนานุกรม ฉบับราชบัณฑิตยสถาน พ.ศ. 2525)

การพัฒนาทรัพยากร คือ การทำให้มนุษย์เจริญ มีศักยภาพมากขึ้นจนกลายเป็นทรัพยากรที่มีค่าในสังคมและในประเทศ

การพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ในองค์การ เป็น การพัฒนาองค์รวม

1.พัฒนาบุคคล (ID)

2. พัฒนาวิชาชีพ (CD)

3. พัฒนาองค์การ (OD)

เพื่อมุ่งสู่การผลิตสูงสุด คุณภาพ โอกาสและการเพิ่มพูนสูงสุด

การพัฒนาบุคคล (ID Individual Development)

ช่วยให้พนักงานเห็นถึงจุดอ่อน จุดแข็งของตน เสริมจุดแข็งและพัฒนาจุดอ่อน โดยใช้ศักยภาพทั้งหมดเพื่อสร้างประสิทธิภาพองค์การขณะเดียวกันก็บรรลุเป้าหมายส่วนบุคคล เป็นการพัฒนาบุคคลที่เกิดจากการผ่านทักษะงานหลายตำแหน่ง เพื่อมุ่งพัฒนาความรู้ทัศนคติ ทักษะใหม่ ๆ และพฤติกรรมให้ดีขึ้น เพื่อที่จำทำให้ผลการปฏิบัติงานเพิ่มขึ้นและดีขึ้น

การพัฒนาวิชาชีพ (CD Career Development)

เน้นการวิเคราะห์เพื่อให้ทราบความสนใจ ค่านิยม ความรู้ความสามารถ กิจกรรม และการมอบหมายงานให้บุคคลปฏิบัติเพื่อพัฒนาทักษะสำหรับการปฏิบัติงานในอนาคต การพัฒนาอาชีพนั้น ทั้งบุคลากรและองค์การต่างต้องมีกิจกรรมที่จะต้องปฏิบัติทั้ง 2 ฝ่าย

การพัฒนาองค์การ (OD Organization Development)

มุ่งพัฒนาวิธีแก้ปัญหาองค์การด้วยวิธีการใหม่ ๆ และสร้างสรรค์โดยพยายามปรับโครงสร้าง วัฒนธรรม กระบวนการบริหาร และกลยุทธ์ของการบริหารทรัพยากรมนุษย์ให้สอดคล้องกัน วิธีการแก้ปัญหาโดยปรับส่วนต่าง ๆ ให้กลมกลืนกันสามารถทำให้องค์การปรับตัวได้ด้วยตนเอง และมองเห็นปัญหาและความอ่อนแอของตนเองแล้วนำมาแก้ไข

วิธีการพัฒนาทรัพยากรมนุษย์วิถีพุทธ

การพัฒนามนุษย์กับการพัฒนาทรัพยากรมนุษย์

พระธรรมปิฎก (ป.อ. ปยุตโต) ได้ให้ความหมายและความแตกต่างของการพัฒนามนุษย์กับการพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ไว้อย่างชัดเจนดังต่อไปนี้

การพัฒนามนุษย์ ซึ่งหมายถึง การพัฒนาคนในฐานะที่เป็นการพัฒนาทรัพยากรอย่างหนึ่ง

ทรัพยากรมนุษย์ เป็นคำที่เกิดมาไม่นานนัก (เกิดในช่วง ค.ศ. 1965-1970 คือ พ.ศ. 2508-2513) เป็นแนวคิดที่เกิดขึ้นในช่วงที่เน้นเรื่องการพัฒนาเศรษฐกิจ และต่อมาก็ขยายไปถึงการพัฒนาสังคม เป็นการมองคนอย่างเป็นทุนเป็นเครื่องมือ เป็นปัจจัยหรือเป็นองค์ประกอบที่จะใช้ในการพัฒนาเศรษฐกิจและสังคม ต่อมาเราเห็นว่าการที่จะพัฒนาโดยมุ่งเน้นแต่ในด้านเศรษฐกิจนั้นไม่ถูกต้อง แต่สิ่งที่สำคัญคือคนเรานี่เอง ซึ่งควรจะให้ความใส่ใจเป็นพิเศษ เราจึงหันมาเน้นในเรื่องการพัฒนาคน แต่ก็ยังมีการใช้ศัพท์ที่ปะปนกัน บางทีใช้คำว่าทรัพยากรมนุษย์ บางทีใช้คำว่า พัฒนามนุษย์

หลักการสหกรณ์เป็นหลักการที่มีพลังในด้านอุดมการณ์ เพราะมีอุดมการณ์ทางด้านสังคมนิยม

ที่มองประโยชน์ส่วนรวมและประโยชน์ของกลุ่มสมาชิกเป็นสิ่งสำคัญกว่าประโยชน์ส่วนตน ประเทศชาติต่างๆทั่งโลกซึ่งนิยมการช่วยเหลือกันเองด้วยสันติวิธี จะพยายามส่งเสริมวิธีการสหกรณ์อย่างกว้างขวาง เพราะสามารถระดมพลังและทรัพยากรของสมาชิกแต่ละคนเข้ามารวมกันเป็นกลุ่มก้อน แล้วขยายงานด้วยการช่วยเหลือซึ่งกันและกัน และแบ่งผลประโยชน์กันด้วยความเป็นธรรม ไม่ใช่ต่างคนต่างทำและแย่งผลประโยชน์กันอย่างลัทธินายทุน วิธีการสหกรณ์จึงเหมาะสำหรับคนจนและคนด้อยโอกาสที่ต่อสู้โดยลำพังไม่ได้ ต้องรวมตัวกันช่วยเหลือในการผลิตการจำหน่าย การแบ่งปันผลประโยชน์และการสะสมทรัพย์

ประเทศที่ประสบความสำเร็จมากในการใช้วิธีการสหกรณ์ได้แก่ประเทศสวีเดน อิสราเอล

และญี่ปุ่น ซึ่งขณะนี้เป็นประเทศพัฒนาแล้ว สำหรับอิสราเอลนั้นหลังสงครามโลกครั้งที่ 2 สหประชาชาติได้มีมติให้แบ่งพื้นที่ของชาวปาเลสไตน์ ที่เป็นประเทศอิสราเอลปัจจุบันให้ชาวยิวที่อพยพมาจากประเทศต่างๆมาตั้งรกรากบุกเบิกทะเลทรายด้วยวิธีการสหกรณ์โดยจัดเป็นนิคมการเกษตรที่รู้จักกันในชื่อ คิบบุช คิบบุชประสบความสำเร็จมาก นอกจากจะช่วยกันพัฒนาทะเลทรายเป็นสวนส้ม ซึ่งสามารถส่งส้มไปขายทั่วโลกได้แล้ว ยังช่วยกันต่อสู้ป้องกันการโจมตีเข่นฆ่าจากกองทหารและกองโจรชาวอาหรับหลายๆชาติในตะวันออกกลางได้ด้วย สหกรณ์ในญี่ปุ่นที่ประสบความสำเร็จมากก็มีหลายด้าน เช่น สหกรณ์การเกษตร อย่างสหกรณ์ชาวนาญี่ปุ่น จะร่วมกันควบคุมปริมาณการผลิตไม่ให้ล้นตลาด ราคาข้าวญี่ปุ่นจึงสูง สร้างรายได้ให้ชาวญี่ปุ่นได้มาก ประกอบกับรัฐบาลจ่ายเงินอุดหนุนให้แก่ชาวนาญี่ปุนโดยผ่านสหกรณ์ชาวนาด้วยแล้ว ทำให้ชาวนาญี่ปุ่นมีฐานะดีไม่แตกต่างจากอาชีพอื่น แม้แต่สินค้าหนึ่งตำบลหนึ่งผลิตภัณฑ์ (OTOP) ที่ไทยเราอ้างตัวอย่างจากญี่ปุ่น ก็เป็นผลงานของสหกรณ์ต่างๆที่เมืองโออิตะประเทศญี่ปุ่น

การบริโภคนิยมอย่างไม่มีขอบเขต รัฐบาลจึงต้องแก้ไขที่ต้นตอคือการพัฒนามนุษย์ และ

พัฒนาทรัพยากรมนุษย์วิถีพุทธควบคู่กันไปกับโครงการช่วยเหลือของรัฐบาลคือต้องฝึกสอนทั้งข้าราชการและชาวบ้านให้ลดละกิเลส รู้จักช่วยเหลือกันตามหลักสหกรณ์และทางสายกลางของพุทธศาสนา แทนที่จะมุ่งเน้นอยู่ที่เงินและวิชาความรู้เฉพาะสาขาในการช่วยเหลือก็ต้องมุ่งพัฒนาจิตใจและฝึกสอนให้เข้าใจและยอมรับหลักการช่วยเหลือหรือรวมพลังกัน และยอมรับความรู้จักพอ และทำทุกอย่างพอประมาณตามหลักทางสายกลาง ก็จะทำให้แน่ใจได้ว่าโครงการช่วยเหลือเกษตรกรและคนยากคนจนของรัฐบาลจะไม่เกิดการทุจริตจนเป็นอุปสรรคและทำให้ความช่วยเหลือของรัฐบาลล้มเหลวไปได้

ดังนั้นรัฐบาลจึงควรช่วยเหลือชาวบ้านทางจิตใจด้วย โดยจัดฝึกสอนการพัฒนามนุษย์และ

การพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ตามหลักสหกรณ์และพุทธศาสนาควบคู่ไปกับการให้ความช่วยเหลือทางการเงินด้วย โครงการช่วยเหลือของรัฐบาลก็จะบรรลุผลสำเร็จได้ดีขึ้น

ดังนั้น การพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ได้ผ่านประวัติศาสตร์ความเป็นมายาวนานนับแต่มนุษย์ได้อุบัติขึ้นมาบนโลก ผ่านการต่อสู้กับธรรมชาติจนมนุษย์สามารถเอาตัวรอดมาได้ ในยุคกรีกได้ให้สถาบันที่สำคัญคือโรงเรียนและปรัชญาการศึกษา โรมันได้ให้ภาคปฏิบัติคือการฝึกทักษะภายใต้ความสัมพันธ์อันดีระหว่างผู้ฝึกกับผู้รับการฝึก เมื่อเข้าสู่ยุคกลางที่ศาสนาคริสต์มีอิทธิพลในสังคม ศาสนาคริสต์ได้ให้กฎเกณฑ์ทางสังคมและศีลธรรมแก่สังคมทำให้ความสัมพันธ์ทางแรงงานมีระบบศีลธรรมเข้ามาเกี่ยวข้องและสร้างความเท่าเทียมในด้านการศึกษาแก่ชายหญิงเท่าเทียมกัน Locke, Rousseau และ Pestalozzi ได้เพิ่มคุณค่าแก่การฝึกงานทางด้านทรัพยากรผ่านประสาทสัมผัส ประสบการณ์ และ การฝึกงาน แก่การพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ และเมื่อการพัฒนาได้เข้ามาสู่ดินแดนใหม่คืออเมริกาการพัฒนานี้ก็ถูกใช้ให้เป็นประโยชน์กับดินแดนใหม่ และประชากรในโลกใหม่ ทำให้การพัฒนานี้ได้เจริญขึ้นจนกลายเป็นวิชาที่สำคัญที่สอนกันในมหาวิทยาลัยและสถาบันฝึกอาชีพที่สำคัญทุกแห่ง วิธีการพัฒนามนุษย์และวิธีการพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ที่กำลังทำอยู่อย่างได้ผล ก็มีหลายอย่าง เช่น วิธีการพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ตามโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริ การพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ตามนโยบายและโครงการของรัฐบาล และการพัฒนาทรัพยากรมนุษย์โดยองค์กรการปกครองส่วนท้องถิ่น ซึ่งถ้าได้ทำการพัฒนามนุษย์และพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ตามวิธีที่กล่าวไว้แล้วกันอย่างจริงจังและเพิ่มเติมให้แพร่หลายอย่างทั่วถึงแล้ว ก็จะช่วยให้สังคมคนยากจนและด้อยโอกาสหลุดพ้นจากการครอบงำของทุนนิยมได้ และช่วยให้พวกเขามีชีวิตความเป็นอยู่ที่เป็นสุขแบบพอมีพอกินที่จะช่วยตนเองให้กินดีอยู่ดีได้ยั่งยืนต่อไป

นายประจักษ์ เพ็งจางค์

การพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ (Human Resource Development HRD.

มนุษย์ คือ สัตว์ที่รู้จักใช้เหตุผล สัตว์ที่มีจิตใจสูง ทรัพยากร หมายถึง สิ่งทั้งปวงอันเป็นทรัพย์ ส่วนพัฒนา หมายถึง ทำให้เจริญ (พจนานุกรม ฉบับราชบัณฑิตยสถาน พ.ศ. 2525)

จากความหมายของศัพท์ดังกล่าวอาจประมวลความได้ว่า การพัฒนาทรัพยากรคือการทำให้มนุษย์เจริญ มีศักยภาพมากขึ้นจนกลายเป็นทรัพยากรที่มีค่าในสังคมและในประเทศ

ในการพัฒนาองค์การ จะมีความหมายคือ การให้ความก้าวหน้าทางความรู้ ความสามารถ ทักษะ โดยมีวัตถุประสงค์ที่จะปรับปรุงผลงานภายในองค์การ สะท้อนให้เห็นถึงการให้ความสำคัญกับบุคคลเท่าเทียมกับผูกมัดที่ยึดหลักปรัชญาในการพัฒนาคนภายในองค์การสู่ความเป็นมืออาชีพ

การพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ในองค์การ เป็น การพัฒนาองค์รวมของการพัฒนาบุคคล (ID) พัฒนาวิชาชีพ (CD) และพัฒนาองค์การ (OD) เพื่อมุ่งสู่การผลิตสูงสุด คุณภาพ โอกาสและการเพิ่มพูนสูงสุด เพื่อสมาชิกองค์การที่พวกเขาทำงานทำให้เป้าหมายขององค์การบรรลุผล

ขอบเขตงานการพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ในองค์การ

โดยปกติทุกองค์การจะต้องมีทรัพยากร 3 ประเภทคือ

1. Physical Resource

ได้แก่เครื่องจักร อุปกรณ์ ส่วนประกอบผลิตภัณฑ์ เป็น ทรัพย์สินขององค์การ แสดงให้เห็นถึงความมั่นคง แข็งแกร่งขององค์การ เป็นสิ่งที่เห็นจับต้องได้และสามารถวัดความสำเร็จขององค์การได้ เช่น สำนักงานใหญ่

2. Financial Resource

ได้แก่ เงินสด สินค้าคงเหลือ การลงทุน เป็นสินทรัพย์หมุนเวียนขององค์การ

มีความสำคัญต่อองค์การเพราะเป็นปัจจัยทำให้องค์การตอบสนองโอกาสที่จะเติบโตขยายตัวได้ สามารถคำนวณได้จาก ทรัพย์สินลบด้วยหนี้สินขององค์การ เป็นปัจจัยที่นักลงทุนประเมินสภาพการเงินขององค์การ

3. Human Resource

คนที่องค์การจ้าง การวัดมูลค่าทำได้ยาก ผู้บริหารมักมองข้ามความสำคัญเพราะสะท้อนความมั่งคั่งขององค์กรได้ยาก เป็นสิ่งที่ไม่เสื่อมค่าเหมือนทรัพยากรกายภาพ ทรัพยากรมนุษย์สะท้อนให้เห็นถึงมูลค่าสุทธิองค์การเหมือนทรัพยากรทางการเงิน สำคัญเท่าการเงิน

ฝ่ายบริหารวัดค่าของทรัพยากรมนุษย์ได้

ก. การหาต้นทุนในการหาคนแทน เช่น ต้นทุนคัดเลือก จ้าง วางตำแหน่ง การฝึกหัด อบรม

ข. ฝ่ายบริหารประเมินมูลค่าจาก การวัดความรู้ ความสามารถ ความชำนาญ ทัศนคติของสมาชิกองค์การ พนักงานที่ฝึกฝนชำนาญจะสะท้อนผลิตผล ประสิทธิภาพการทำงาน ทัศนคติต่องานและองค์การ

องค์การมักไม่เอาทรัพยากรมนุษย์เป็นสินทรัพย์ขององค์การ หลายบริษัทละเลยความสำคัญของการให้ความรู้ ฝึกหัด พัฒนา ความชำนาญ โดยแท้จริงแล้ว ทุกองค์การไม่ว่าทางธุรกิจ ราชการ บริการได้ใช้ทรัพยากรเหล่านี้อย่างถึงที่สุดเพื่อการแข่งขัน

ขอบเขตงานพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ (HRD.) ในองค์การมีเป้าหมาย 3 ประการคือ

1. Create the system งานสร้างระบบ

2. Maintain the system บำรุงรักษาระบบ

3. Improve the system ปรับปรุงระบบ

ผู้ที่ต้องการเข้ามาทำงานในหน้าที่ HRD.ในองค์การจะต้องเตรียมความรู้ในทางวิชาการในแต่ละสาขาให้พร้อม เช่น ผู้ทำงานใน Information System จะแตกต่างจากผู้ทำงานใน Organization Development ในใจกลางของวงกลมประกอบด้วยเป้าหมายหลัก 3 ประการคือ สร้าง รักษา และ ปรับปรุงระบบ โดยที่เป้าหมายแต่ละส่วนจะทำให้บรรลุผลได้ก็ต่อเมื่อได้ทำหน้าที่ตามวงกลมรอบนอกแต่ละส่วนให้บรรลุผลในการทำให้ระบบขององค์การทำหน้าที่นั้น ยกตัวอย่าง เช่น จะต้องมีการระบุและจ้างพนักงาน (มักเรียกการคัดเลือกและบรรจุเป็น Staff) ระบบจะมีการบำรุงรักษาด้วยการให้เงินเดือน หรือบำรุงสุขภาพ (อยู่ในขอบเขตงาน Compensation and Benefits)

ในส่วนของ Improving the System มีการอบรมบุคลากร เรียก Individual Development จะเห็นได้ว่า ขอบข่ายงาน H.R.D. ในแต่ละส่วนมีภาระหน้าที่ที่สำคัญที่จะสร้างความมั่นใจได้ว่า องค์การจะอยู่ในสภาพที่ทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ

โลกาภิวัฒน์

โลกาภิวัตน์ หรือ โลกานุวัตน์ คือ ผลจากการพัฒนาการติดต่อสื่อสาร การคมนาคมขนส่ง และเทคโนโลยีสารสนเทศ อันแสดงให้เห็นถึงการเจริญเติบโตของความสัมพันธ์ทางเศรษฐกิจ การเมือง เทคโนโลยี และวัฒนธรรมที่เชื่อมโยงระหว่างปัจเจกบุคคล ชุมชน หน่วยธุรกิจ และรัฐบาล ทั่วทั้งโลก

โลกาภิวัฒน์ ในคำภาษาอังกฤษคือ Globalization หรือ Globalisation เข้าใจในความหมายโดยทั่วไปว่า โลกไร้พรมแดน

โลกาภิวัตน์ ตามพจนานุกรมฉบับราชบัณฑิตยสถาน พ.ศ. 2542 หมายถึง "การแพร่กระจายไปทั่วโลก; การที่ประชาคมโลกไม่ว่าจะอยู่ ณ จุดใด สามารถรับรู้ สัมพันธ์ หรือรับผลกระทบจากสิ่งที่เกิดขึ้นได้อย่างรวดเร็วกว้างขวาง ซึ่งเนื่องมาจากการพัฒนาระบบสารสนเทศเป็นต้น"

โลกาภิวัตน์ เป็นการสร้างคำตามหลักการสนธิคำ ๒ คำ คือ โลก และ อภิวัตน์ คำ อภิวัตน์ มาจากอุปสรรค อภิ + กับธาตุ วตฺต ในภาษาบาลี ตรงกับ วฤตฺ ธาตุ ในภาษาสันสกฤต ในภาษาไทยแผลงมาเป็น วัตน์ คำ อภิวัตน์ มีความหมาย การเข้าถึง, การแผ่ถึง, การเอาชนะ

โลกาภิวัตน์ เป็นคำศัพท์เฉพาะที่บัญญัติขึ้นเพื่อตอบสนองปรากฏการณ์ของสังคมโลกที่เหตุการณ์ทางเศรษฐกิจ การเมือง สิ่งแวดล้อม และวัฒนธรรมที่เกิดขึ้นในส่วนหนึ่งของโลก ส่งผลกระทบอันรวดเร็วและสำคัญต่อส่วนอื่นๆของโลก

โลกาภิวัตน์เกิดจากสี่รูปแบบพื้นฐานของการเคลื่อนย้ายทุนในเศรษฐกิจโลก โดยสี่การเคลื่อนย้ายของทุนที่สำคัญคือ:

• ทุนมนุษย์ (เช่น การอพยพเข้าเมือง การย้ายถิ่น การอพยพจากถิ่นฐาน การเนรเทศ ฯลฯ)

• ทุนการเงิน (เช่น เงินช่วยเหลือ หุ้น หนี้ สินเชื่อและการกู้ยืม ฯลฯ)

• ทุนทรัพยากร (เช่น พลังงาน โลหะ สินแร่ ไม้ ฯลฯ)

• ทุนอำนาจ (เช่น กองกำลังความมั่นคง พันธมิตร กองกำลังติดอาวุธ ฯลฯ)

สาราณียธรรม 6 ประการ

1. เมตตากายกรรม ปฏิบัติต่อเขาด้วยความรัก ความเมตตา

2. เมตตาวจีกรรม พูดกับเขาด้วยความรัก ความเมตตา

3. เมตตามโนกรรม จิตคิดที่จะพูด จะทำกับเขาด้วยความรัก ความเมตตา

4. สาธารณโภคี มีอะไรก็แบ่งปันกันใช้ แบ่งปันกันกิน

5. สีลสามัญญตา การมีศีล เคารพกฎกติกา และกฎหมายของสังคมร่วมกัน ไม่พยายามฝ่าฝืน ไม่ส่งเสริมสนับสนุนให้ตนเอง และเพื่อน ๆ ล่วงละเมิดทั้งโดยตรง และโดยอ้อม

6. ทิฏฐิสามัญญตา การมีความคิดเห็นที่ตรงกัน หรือสอดคล้องกัน ไม่พยายามขัดแย้ง คัดค้านคิดเห็นที่สร้างสรรค์ดีงามของครอบครัว ชุมชน สังคม ประเทศชาติ และคำสอนทางพระศาสนา

เศรษฐกิจพอเพียงในกระแสโลกาภิวัตน์

เนื่องด้วยปีนี้เป็นปีเฉลิมฉลองวโรกาสพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงครองราชย์ครบ 60 ปี "มติชน" จึงนำบทวิจัยของนายสุวิทย์ เมษินทรีย์ ว่าด้วยเรื่องเศรษฐกิจพอเพียงตามแนวทางของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว มานำเสนอ โดยจัดแบ่งบทวิจัยเป็น 3 ตอน

การที่จะอยู่อย่างมีความสุขอยู่อย่างเต็มภาคภูมิในกระแสโลกาภิวัตน์ ไม่ได้หมายความว่าประเทศนั้นจะต้องเป็นทุนนิยมแบบสุดโต่ง เพียงแต่เราอยู่ในโลกที่ทุนนิยมกำลังโดดเด่น เพราะสังคมนิยมได้ถูกลดทอนความสำคัญลงไปหลังการสิ้นสุดของสงครามเย็น ประเด็นมีอยู่ว่าระบบทุนนิยมในกระแสโลกาภิวัตน์มีความสมบูรณ์มากน้อยเพียงใดในการสร้างความมั่งคั่งของชาติครอบคลุมทั้งทางด้านเศรษฐกิจ สังคม และการเมือง

ภายใต้ระบบทุนนิยมในกระแสโลกาภิวัตน์ เราต้องสร้างขีดความสามารถในการแข่งขันให้กับภาคเอกชน ขณะเดียวกันเราต้องดูแลภาคประชาชนซึ่งเกือบ 80-90% ที่อยู่ในชนบท มีเรื่องของความยากจน การด้อยโอกาส ความสมานฉันท์ ความแข็งแรงของชุมชน การอนุรักษ์วัฒนธรรม ความแข็งแกร่งของครอบครัว ซึ่งนับวันจะอยู่ตามซอกหลืบ นี่คือแรงผลักดันจากชุมชนภิวัตน์ ประเด็นคือ เราจะ Balance 2 พลังขับเคลื่อนนี้ในทิศทางที่ก่อให้เกิด High Performance Economy ได้หรือไม่ นี่คือประเด็นที่ท้าทาย เราจะทำอย่างไรให้เป็นหนึ่งเดียวกันได้ สามารถสร้างดุลยภาพระหว่างความสมานฉันท์ในสังคมกับขีดความสามารถทางการแข่งขันทางเศรษฐกิจของประเทศในเวทีโลก

ดูอย่างประเทศจีน แม้จะมีการพัฒนาทางเศรษฐกิจอย่างก้าวกระโดด แต่ความมั่งคั่งดังกล่าวก็ยังกระจุกตัวอยู่ทางด้านตะวันออกที่ติดทะเล ยังไม่สามารถกระจายความมั่งคั่งไปยังภาคตะวันตก ซึ่งความยากจนยังมีอยู่ดาษดื่น แม้ว่าจีนจะมีนโยบาย Go West ก็ตาม ในการประชุมสมัชชาประชาชนครั้งล่าสุด จีนได้ประกาศมาตรการ "The New Socialist Country Side" ครอบคลุมเขตชนบทที่ล้าหลังที่ถูกละทิ้งในช่วงการพัฒนาเศรษฐกิจของช่วงทศวรรษ 1990 ที่ผ่านมา ในภูมิภาคเหล่านี้มีประชากรกว่า 740 ล้านคน แต่มีรายได้เฉลี่ยอยู่เพียงหนึ่งในสามของคนเมือง มาตรการนี้ประกอบด้วยการลดภาษี, การเพิ่มการอุดหนุนทางด้านเกษตรและการสร้างโครงสร้างพื้นฐานต่างๆ สนับสนุนเป็นพิเศษ

มาถึงตรงนี้ ประเทศไทยคงต้องทบทวนหาดุลยภาพใหม่ที่เป็นดุลยภาพเชิงพลวัตรในการสร้างสมดุลระหว่างโลกาภิวัตน์ กับชุมชนภิวัตน์ การขับเคลื่อนประเทศก็เหมือนการขับรถที่เมื่อมีเบรกก็ต้องมีคันเร่ง ทำอย่างไรที่จะนำพาประเทศไปสู่ High Performance Economy ขณะเดียวกันก็รู้จักตัวเองด้วยว่าตัวเองอยู่ไหนประมาณตนเองไปด้วย ตามแนวคิดเศรษฐกิจพอเพียงของในหลวง ต้องรู้จักประมาณตนด้วย นี่คือเศรษฐกิจพอเพียง ตรงนี้ต่างหากที่น่าจะเป็นจุดเริ่มต้นของการกำหนดนโยบายทั้งมวล

จริงๆ แล้ว เศรษฐกิจพอเพียงน่าจะเป็นหลักยึดหลักคิดก่อนจะทำอะไรก็ตาม 1 )มีภูมิคุ้มกันดีพอหรือยัง 2) มีการประมาณตนหรือไม่ 3) ใช้องค์ความรู้ ใช้สติหรือเปล่า ประเด็นคือจะทำอย่างไรให้ 4 พลังขับเคลื่อน-โลกาภิวัตน์ และชุมชนภิวัตน์ กับ High Performance Economy กับ เศรษฐกิจพอเพียง อยู่ในดุลยภาพเชิงพลวัตรในทิศทางที่ก่อให้เกิดการปรับเปลี่ยนทางเศรษฐกิจ สังคมและวัฒนธรรม ตรงนี้เป็นประเด็นที่ท้าทายมาก ทุกภาคส่วนต้องมองในที่นี้ด้วย ถ้าเราพูดเรื่องโลกาภิวัตน์อย่างเดียวเราก็พูดไปเรื่อยๆ หรือพูดเรื่องชุมชนภิวัตน์เราก็พูดไปเรื่อยๆ แต่เมื่อไหร่ที่เราเริ่มนำเอา 4 พลังขับเคลื่อนนี้มาพิจารณาร่วมกันบน Platform เดียวกันเพื่อตอบโจทย์ของความมั่งคั่งของชาติ เพื่อตอบโจทย์ของผลประโยชน์ของชาติ มันจะเกิดกรอบความคิดเกิดยุทธศาสตร์ขึ้นมา ซึ่งสามารถแปลงเป็นนโยบายที่ต้องรีบทำ แต่ทำด้วยความรอบคอบและเกิดผลลัพธ์ที่ยั่งยืน

นายอำนวย เพชรวิจิตรภักดี

ทรัพยากรมนุษย์ (Human resource) เป็นบุคคลซึ่งมีความพร้อม มีความจริงใจ และสามารถที่จะทำงานให้บรรลุเป้าหมายขององค์การ หรือเป็นบุคคลในองค์การที่สามารถสร้างคุณค่าของระบบการบริหารงานให้บรรลุวัตถุประสงค์ที่ต้องการได้ ดังนั้นองค์การจึงมีหน้าที่ในการบริหารทรัพยากรมนุษย์ เพื่อให้ปฏิบัติงานจนบรรลุวัตถุประสงค์ขององค์การ ซึ่งต้องใช้การวางแผนเชิงกลยุทธ์ด้านการบริหารทรัพยากรมนุษย์เข้ามาช่วย

วัตถุประสงค์ของการบริหารทรัพยากรมนุษย์ [Human resource management (HRM) objective]มีดังนี้

1. เพื่อจัดหาคนที่มีคุณสมบัติที่เหมาะสมกับงาน

2. เพื่อใช้ทรัพยากรมนุษย์ให้เกิดประโยชน์สูงสุด

3. เพื่อพัฒนาทักษะและความสามารถของกำลังแรงงานให้มีประสิทธิภาพสูงสุด

4. เพื่อรักษาพนักงานที่มีความสามารถให้คงอยู่ให้นานที่สุด

5. เพื่อสื่อสารนโยบายการบริหารทรัพยากรมนุษย์ให้กับพนักงานทุกคนได้ทราบ

ประโยชน์ของการศึกษาเรื่องการบริหารทรัพยากรมนุษย์

1. การจ้างคนไห้เหมาะสมกับงาน

2. ลดอัตราการออกจากงานสูง

3. ไม่การเสียเวลากับสัมภาษณ์ที่ไม่ได้ประโยชน์

4. ทำให้บริษัทไม่ต้องขึ้นศาลเนื่องจากความไม่เป็นธรรมของผู้บริหาร

5. ทำให้บริษัทไม่ถูกฟ้องจากการจัดสภาวะแวดล้อมการทำงานที่ไม่ปลอดภัย

6. การทำให้พนักงานคิดว่าเงินเดือนที่เขาได้รับยุติธรรม

8. ให้มีการฝึกอบรมและการพัฒนา ซึ่งเป็นการพัฒนา ประสิทธิภาพและประสิทธิผลของหน่วยงาน

โลกาภิวัตน์ (Globalization) หมายถึงกระบวนการที่ประชากรของโลกถูกหลอมรวมกลายเป็นสังคมเดี่ยว กระบวนการนี้เกิดจากแรงของอิทธิพลร่วมทางเศรษฐกิจ เทคโนโลยีและสังคม-วัฒนธรรมและการเมือง

เมื่อมองโลกาภิวัตน์เฉพาะทางเศรษฐกิจ การวัดอาจทำได้หลายทางที่แตกต่างกัน โดยดูจากการรวมศูนย์การเคลื่อนไหลทางเศรษฐกิจที่อาจบ่งชี้ความเป็นโลกาภิวัตน์เห็นได้ 4 แนวดังนี้:

• สินค้าและบริการ เช่น ดูการส่งออกและนำเข้าสินค้าที่เป็นสัดส่วนกับรายได้ต่อหัวของประชาชาติ

• แรงงานและคน เช่น อัตราการย้ายถิ่นฐานเข้าและออกโดยชั่งน้ำหนักกับประชากร

• เงินทุน เช่นการไหลเข้าและไหลออกของเงินลงทุนทางตรงที่เป็นสัดส่วนกับรายได้ประชาชาติและรายได้ต่อหัวของประชากร

• เทคโนโลยี เช่น การเคลื่อนไหวของงานวิจัยและพัฒนา สัดส่วนของประชากร (และอัตราการเปลี่ยนแปลงที่ตามมา) ใช้เทคโนโลยีที่เกิดใหม่ (เทคโนโลยีขั้นก้าวหน้า เช่นการใช้โทรศัพท์ รถยนต์ อินเทอร์เน็ตบรอดแบนด์ ฯลฯ)

นั่นคือ เป็นการวัดดูว่าชาติ หรือวัฒนธรรมนั้นๆ มีความเป็นโลกาภิวัตน์ตั้งแต่ต้นมาถึงในปีที่ทำการวัดล่าสุด โดยการใช้ตัวแทนง่ายๆ เช่น การเคลื่อนไหลของสินค้าเข้า-ออก การย้ายถิ่นฐาน หรือเงินลงทุนทางตรงจากต่างประเทศดังกล่าวข้างต้น

เนื่องจากโลกาภิวัตน์ไม่ใช่ปรากฏการณ์อย่างเดียวทางเศรษฐกิจ การใช้การเข้าสู่ปัญหาด้วยวิธีแบบหลายตัวแปรมาเป็นตัวชี้วัดความเป็นโลกาภิวัตน์จึงเกิดขึ้นโดยการเริ่มของ “ถังความคิด” ([Think tank) ในสวิสเซอร์แลนด์ KOF ดัชนีมุ่งชีวัดไปที่มิติหลัก 3 ตัวของโลก ได้แก่ เศรษฐกิจ สังคมและการเมือง นอกจาการใช้ตัวชี้วัดหลักทั้งสามตัวนี้แล้ว ดัชนีรวมของโลกาภิวัตน์และตัวชี้วกึ่งดัชนีโยงไปถึงการเคลื่อนไหลจริงทางเศรษฐกิจ ข้อจำกัดทางเศรษฐกิจ ข้อมูลเกี่ยวกับการติดต่อของบุคคล ข้อมูลเกี่ยวกับการเคลื่อนไหลของข้อมูลข่าวสาร และข้อมูลของความใกล้ชิดติดต่อกันทางวัฒนธรรม เหล่านี้ถูกนำมาใช้ในการคำนวณด้วย มีการเผยแพร่ข้อมูลนี้เป็นรายปี เป็นข้อมูลรวมของประเทศต่างๆ 122 ประเทศดังในรายละเอียดใน “Dreher, Gaston and Martens (2008)”

การสร้างความเข้มแข็งของชุมชนในกระแสโลกาภิวัตน์

กระแสโลกาภิวัตน์ก่อให้เกิดสิ่งที่น่ากลัวและสิ่งที่เป็นโอกาสเช่นกัน

• ในมิติทางด้านวัฒนธรรม กระแสโลกาภิวัตน์ทำให้ทุกคนต้องทาน McDonald อย่างอเมริกา ถ้าเรามีจุดยืนทางวัฒนธรรมที่แข็งแรง เราก็สามารถทำอย่าง McDonald ได้ ทุกคนมาเมืองไทยต้องมาดื่มด่ำกับวัฒนธรรมไทย ถ้าเราเข้มแข็งพอ กระแสโลกาภิวัตน์ก็คือโอกาส

• ในมิติทางด้านเศรษฐกิจ กระแสโลกาภิวัตน์ทำให้เกิดการลงทุน ทำให้เกิดการจ้างงาน แต่ในทำนองเดียวกัน กระแสเงินทุนที่ไหลเข้าออกเร็วก็ให้เกิดความเสี่ยงกับประเทศที่มีระบบเศรษฐกิจอ่อนแอ การลงทุนในภาคอุตสาหกรรม ทำให้วิถีชีวิตของคนเปลี่ยนไป คนหนุ่มสาวหายไปจากหมู่บ้าน ไปทำงานโรงงาน บางทีก็ไปอยู่โรงงานต่างถิ่นด้วยซ้ำไป

• ในมิติทางด้านการเมือง กระแสโลกาภิวัตน์ทำให้เราไม่สามารถดำเนินนโยบายโดยอิสระได้ ต้องฟังเสียงองค์กรระหว่างประเทศ ฟังเสียงประเทศอื่น

กระแสโลกาภิวัตน์ไม่ได้เกิดจำเพาะกับใครบางคนแต่กระจายไปทั่ว ถ้าดีก็ดีกันหมด มันจึงไม่ใช่ภยันตรายเสมอไป อาจเป็นโอกาสด้วย ประเด็นคือ ชุมชนก็สัมผัสกับสิ่งนี้ด้วยเหมือนกัน แต่ชุมชนไม่เหมือนภาคเอกชน ชุมชนขณะนี้ปัญหารากฐานที่แท้จริงคือ การศึกษาต่ำ โอกาสมีน้อย หนี้สินสูง รายได้ต่ำ การศึกษาที่ต่ำไม่เพียงทำให้โอกาสมีน้อยเท่านั้น แต่ยังทำให้ผลิตภาพต่ำไปด้วย

เมื่อกระแสโลกาภิวัตน์เกิด ชุมชนเผชิญกับมัน บางทีมีโอกาสก็ทำไม่ได้เพราะความรู้ในระดับชุมชนไม่พอ ความจนซ้ำซากก็ยังมีอยู่ ชุมชนที่อยู่ในระดับ Suffer (ทุกข์ระทม) ยังมีอีกมาก รากเหง้าของปัญหาในการเผชิญกระแสโลกาภิวัตน์ของชุมชนเป็นเรื่องที่น่ากลัว เหมือนภูเขาน้ำแข็ง ดูเหมือนเราเห็นปัญหา แต่ยังมีอะไรต่อมิอะไรซ่อนอยู่อีกมาก เช่น เรื่องความเสี่ยงความอ่อนแอ เราจะทำให้ชุมชนเข้มแข็งได้อย่างไร ในเมื่อคนหนุ่มสาวที่จะเป็นพลังของชุมชนไม่อยู่ในชุมชน และยังมีคนแปลกหน้าเข้ามาทำอะไรต่ออะไรกับชุมชนอีกเยอะแยะ

ตรงนี้ไม่ได้หมายความว่าให้คนอื่นเข้ามายุ่งไม่ได้ แต่เรามีแผนจะจัดการกับเรื่องนี้อย่างไร ชุมชนในอนาคตจะมีระดับการพึ่งพาภายนอกสูงหรือไม่ เรื่องหนี้สินภาคประชาชนก็น่าเป็นห่วง จนมีผู้ใหญ่หลายท่านกลัวว่าความยากจนจะกลับมาอีกครั้ง จากการแก้ปัญหา 4 ปีที่ผ่านมา เราไม่ได้รื้อปรับที่โครงสร้าง เราค่อยๆ แก้ปัญหาทีละจุดไป ขณะที่รากเหง้าของปัญหาใต้ภูเขาน้ำแข็งทับถมเป็นทวี ความเสี่ยงของชุมชนจากกระแสโลกาภิวัตน์ยังไม่มีใครศึกษาอย่างเป็นจริงเป็นจัง ความอ่อนด้อย ความอ่อนแอต่อโลกยังไม่มีใครวัดออกมาอย่างเป็นเรื่องเป็นราว

สิ่งที่รัฐบาลและหน่วยงานภาครัฐทำ คือ การสร้าง Safeguard (ความปลอดภัย) ให้ชุมชน แต่การลงไปแบบแยกส่วนของหน่วยงานต่างๆ นั้นจะไปทำหน้าที่ Safeguard ชุมชนออกจากกระแสโลกาภิวัตน์ได้อย่างไร

แนวคิดที่อยากนำเสนอถือเป็นปรัชญาที่สำคัญ ซึ่งองค์กรสามารถนำมาใช้เป็นแนวทางปฏิบัติให้ชุมชนขยับจาก Suffer เป็น Survive (การอยู่รอด) และจาก Survive มาเป็น Sustain (ดำรงอยู่) ได้อย่างแท้จริง นั่นคือปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว

เราต้องไม่มองชุมชนในบริบทของชุมชนภิวัตน์ (Localization) เพียงอย่างเดียว แต่ต้องมองให้ครอบคลุมในบริบทของภูมิภาคภิวัตน์ (Regionalization) ด้วยและในอนาคตก็ต้องเตรียมคิดด้วยว่าชุมชนจะอยู่ในบริบทของโลกาภิวัตน์ (Globalization) ได้อย่างไร ขอให้มองแบบพหุมิติ ไม่ใช่ชุมชนภิวัตน์หรือโลกาภิวัตน์เพียงมิติเดียว

ณ จุดนี้ต้องเริ่มมองว่าใน 70,000 กว่าชุมชนทั่วประเทศ บางชุมชนอาจจะยัง Localized แต่บางชุมชนเริ่มเกาะกลุ่มกันมีวิสาหกิจชุมชนเชื่อมต่อเครือข่ายกันได้ ก็มองแบบ Regionalized แต่บางชุมชนจริงๆ เชื่อมกับโลกได้แล้ว ก็เป็น Globalized ไป

ทำนองเดียวกันในมิติของการพัฒนา จุดเน้นคงต้องมองความสมดุล เราจะมอง เรื่องการพัฒนาทางเศรษฐกิจของชุมชนเพียงอย่างเดียวไม่ได้ เพราะคงต้องมองเรื่องของทุนทางสังคมและทุนมนุษย์ควบคู่ไปด้วย เพียงแต่เติมทุนทางเศรษฐกิจเข้าไปเพื่อให้ชุมชนนั้นสามารถที่จะเชื่อมต่อกับโลกภายนอกได้ ท้ายที่สุดแล้ว จุดสำคัญที่เป็นแก่นแท้ของการพัฒนา ซึ่งท่านอมาตยา เซน ที่ได้รับรางวัลโนเบลเมื่อไม่นานมานี้ ท่านพูดถึงและจี้ใจดำรัฐบาลในหลายประเทศคือเรื่องของการพัฒนาทุนมนุษย์ ทุนสังคมเกิดไม่ได้ถ้าทุนมนุษย์ไม่ดีพอ เพราะพื้นฐานอยู่ที่องค์ความรู้

อย่างที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวได้ทรงตรัสไว้ในเศรษฐกิจพอเพียง คือ องค์ความรู้ ความรอบคอบ ความเท่าทัน ทุกอย่างต้องฝังไว้ที่ตัวปัจเจกบุคคลหรือทุนมนุษย์เสียก่อน ประเด็นที่ท้าทายคือ เราจะต้องมีความรอบรู้ว่ามิติในการพัฒนานั้นไม่เบ้ไปทางใดทางหนึ่งจนเกินไป และกุญแจสำคัญก็คือเรื่องการพัฒนาทุนมนุษย์ การพัฒนาทางสังคม

เพราะฉะนั้นการพัฒนาความเข้มแข็งของชุมชน ต้องอยู่ในหลักของความสมดุล มันเป็นตามสมดุลระหว่างภายในกับภายนอก สมดุลระหว่างชุมชนกับโลก เป็นการสมดุลระหว่างมิติทางเศรษฐกิจกับมิติทางสังคม สมดุลทางวัตถุและจิตใจ เป็นสมดุลในมิติเชิงปริมาณและมิติเชิงคุณภาพเข้าด้วยกัน

เศรษฐกิจพอเพียง เป็นปรัชญาและเป็นแนวทางปฏิบัติด้วย ในการที่จะให้ชุมชนนั้นแม้ว่ายังต้องเผชิญหรือยังมีปฏิสัมพันธ์กับโลกภายนอกได้ แต่จุดหนึ่งของเศรษฐกิจพอเพียงนั้นมีพลังเกินกว่าการตอบรับกับโลกภายนอกเพียงอย่างเดียว แต่ทำให้เราคิดถึงการพัฒนาอย่างยั่งยืน จุดสำคัญก็เหมือนกับเวลาเราป้อนข้าว ถ้าต้องป้อนอย่างนี้ทุกวัน ก็เท่ากับว่าเขาต้องพึ่งพาเรา แต่ถ้าเราฝึกให้เขา หาเครื่องมือในการหากินให้เขา ตรงนั้นจะยั่งยืนกว่า

ในทำนองเดียวกัน ปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงสามารถนำมาประยุกต์ใช้ในระดับชุมชน คือทำยังไงที่เราจะ Empower (มีอำนาจ) ภาคประชาชน ทำอย่างไรที่จะเริ่มให้ชุมชนนั้นแข็งแรง ยืนอยู่บนขาของตัวเองแทนที่เราจะป้อนข้าวป้อนน้ำอยู่ตลอดเวลา เรื่องของการ Empowerment เป็นเรื่องสำคัญ แต่ต้องยึดอยู่บนพื้นฐานของปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง เพราะฉะนั้น ณ จุดนี้ การที่เราจะทำให้เขายืนอยู่บนขาตัวเองจริงๆ มันมีขั้นมีตอน อย่างเศรษฐกิจพอเพียงเขาบอกว่า มันต้องเริ่มจากง่ายไปสู่ยาก จากเรื่องไม่ซับซ้อนไปสู่เรื่องที่ซับซ้อนกว่า

การนำพาชุมชนไปสู่ชุมชนที่ยั่งยืน เริ่มต้นจากการพึ่งพาตนเอง อาวุธสำคัญคือ องค์ความรู้ที่จะเข้าไปสู่ชุมชน ไปสู่ระดับการสร้างพัฒนาทุนมนุษย์และทุนสังคม

หลังจากพึ่งพาตนเองได้ ขั้นที่ 2 คือพึ่งพากันเอง จากระดับครัวเรือนไปสู่ระดับหมู่บ้าน จากระดับหมู่บ้านสู่เครือข่ายของหมู่บ้านต่างๆ จุดหนึ่งก็คือรวมกันเป็นกลุ่ม เป็นพลัง ณ จุดนั้นคือจุดที่เป็นภูมิคุ้มกันอย่างแท้จริงที่จะทำให้ชุมชนนั้นเข้มแข็ง และสามารถอยู่ได้แม้ต้องเผชิญกระแสอันเชี่ยวกรากของโลกาภิวัตน์

ทำนองเดียวกัน ปรัชญานี้ไม่ได้ถูกนำมาใช้แค่ระดับชุมชน ผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้องไม่ใช่แค่ชุมชน แต่ยังมีภาคเอกชน ทำอย่างไรจึงจะได้พลังเอกชนเข้ามาช่วยชุมชนด้วย แต่ช่วยให้ถูกต้อง ไม่ใช่ช่วยแล้วทำให้เขาผิดเพี้ยนไปจากเดิม ต้องไม่ทำให้วิถีชีวิตเดิมที่เขาอยู่อย่างมีความสุขเปลี่ยนแปลงไป

ในอีกด้านหนึ่ง ปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงก็สามารถนำมาใช้กับภาคเอกชน ตั้งแต่เรื่องการทำอย่างไรให้ยืนด้วยขาของตัวเอง ไม่กู้หนี้ยืมสินจนเกิดวิกฤติเศรษฐกิจแบบที่เคยประสบ ทำอย่างไรให้เกิดการผนึกกำลังตั้งแต่ต้นน้ำถึงปลายน้ำ จนกระทั่งเกาะกลุ่มกันเป็นเครือข่าย เพราะฉะนั้นแนวคิดตะวันตกอย่างของ Professor Michael Porter ว่าด้วย Industry Cluster นั้น จริงๆ แล้วเป็นแนวคิดที่ไม่ได้ต่างไปจากสิ่งที่สังคมตะวันออกเราคิด เผลอๆ ความลึกซึ้งเขาน้อยกว่าด้วยซ้ำ

พวกเราอยู่ตรงกลางที่จะนำพาชุมชนไปสู่ความยั่งยืนอย่างแท้จริง แต่การรับเอาจากภายนอก โดยเฉพาะภาคเอกชนนั้น เราต้องทำตัวเป็นเครื่องกรองที่ดี ไม่ใช่รับมาเต็มๆ รับมาแล้วอาจจะเป็น Short Term Gain แต่ Long Term Loss คือ ดูแล้วเหมือนสร้างอาชีพให้ชุมชนระยะสั้น แต่ระยะยาวแล้วเป็นการทำลายชุมชนอย่างสิ้นเชิง หากเป็นเช่นนั้นจะอันตราย ไม่ยั่งยืน เราจะต้องทำตัวเป็นเครื่องกรองที่ฉลาดและรู้จักเลือกหยิบยืมสิ่งที่ดีที่สุดจากที่ต่างๆ ไม่ว่าจากภายในหรือภายนอกประเทศมาสู่ชุมชน

เนื่องจากเศรษฐกิจพอเพียงเป็นเรื่องของ "ความรู้" ในส่วนของความสามารถ มีรู้อยู่ 4 ตัวที่สำคัญ คือ

• รู้ทัน คือ รู้ว่ากระแสโลกาภิวัตน์มันเป็นอย่างไร เป็นโอกาสหรือเป็นภยันตรายต่อชุมชน ชุมชนจะรับมือกับสิ่งเหล่านี้อย่างไร นี่คือรู้ทัน

• รู้กาล คือ รู้เวลาที่ควรจะทำ หลายเรื่องไม่ต้องใจร้อน การพัฒนาบางเรื่องมีเงื่อนเวลาผูกอยู่ บางเรื่องไม่มีเงื่อนเวลา ในวิชาฟิสิกส์ เขาพูดถึงว่าแม้ในระดับอะตอม บางเรื่องมันเป็น Time Dependence แต่บางเรื่องเป็น Time Independence คือไม่สัมพันธ์เวลา มันมี "เวลาตามนาฬิกา" กับ "เวลาของชีวิต" ชุมชนก็มีชีวิต มีเวลาของมัน บางชุมชนอาจใช้เวลาสุกงอมนิดเดียวก็ไปแล้ว แต่บางชุมชนค่อยเป็นค่อยไป

• รู้งาน คือ เราต้องรู้ว่างานของชุมชนแบบนี้ จะจัดการอย่างไร จะเล่นเศรษฐกิจคู่กับทางสังคมแค่ไหน จะเน้นวัตถุคู่กับจิตใจเพียงใด จุดเน้นของแต่ละชุมชนไม่จำเป็นต้องเหมือนกัน ไม่ใช่ว่าเราต้องตัดเสื้อตัวเดียวแล้วใส่กันทั้ง 70,000 ชุมชน แต่ต้องรู้จักว่าส่วนไหนที่เป็นส่วนเหมือน และส่วนไหนที่เป็นส่วนต่างของแต่ละชุมชน

• รู้คน รู้คนของเราไม่พอ เราต้องรู้คนของหน่วยงานที่เราต้องทำงานด้วย ให้เขาลึกซึ้งและเข้าใจเรื่องนี้อย่างไร จะหยิบยืมพลังเขามาใช้ มาลงทุนในชุมชนเป็น Community Investment ได้อย่างไร

เพราะฉะนั้นการยึดหลักส่งเสริมความเจริญให้ค่อยเป็นค่อยไปตามลำดับ ด้วยความรอบคอบ ระมัดระวัง และประหยัดนั้นก็เพื่อป้องกันความผิดพลาดล้มเหลว และเพื่อให้บรรลุผลสำเร็จได้แน่นอนสมบูรณ์ บริบูรณ์ ตรงนี้เป็นหลักคิดที่ดี ถ้าเราทำขั้นตอนนี้ได้ นี่คือขั้นที่ 1 เราจะเปลี่ยนปัญหาของภูเขาน้ำแข็งที่ซ่อนเป็นเสาหลักของชุมชน เปลี่ยนวิกฤตเป็นโอกาส ถ้าลำดับแรกเราสามารถทำให้เขามีปฏิสัมพันธ์กับโลกภายนอกได้ แล้วเราเติมเต็มพลังเขาผ่าน Empowerment ให้เขายืนด้วยขาของตนเองได้ โดยยึดหลักเศรษฐกิจพอเพียง

นางสาวอักษร จุลวรรณ

การพัฒนาทรัพยากรมนุษย์อย่างไร เพื่อการอยู่รอดในโลกาภิวัฒน์

วัฒนธรรม คือ วิถีชีวิต ถือเป็นทุนทางสังคม และศักยภาพที่สำคัญยิ่งของชุมชนท้องถิ่น และสังคมไทย ที่ได้แสดงออกในรูปแบบต่างๆ ทั้งในรูปแบบของขนบธรรมเนียมประเพณีภูมิปัญญา เครื่องมือเครื่องใช้ในการทำมาหากิน ความเชื่อ แหล่งวัฒนธรรม ศิลปวัตถุ โบราณสถานย ดังที่กล่าวมา โดยการมีส่วนร่วมของชุมชนและเสริมสร้างความเข็มแข็งของครอบครัวและชุมชน โดยมีการเชื่อมโยงเป็นระบบเครือข่าย ระดมทรัพยากร การบริหารจัดการทุคภาคส่วนของสังคม ทั้งภาครัฐ เอกชน และภาคประชาชน ในลักษณะของการเป็นหุ้นส่วนสำคัญทางยุทธศาสตร์ โดยการสนับสนุนให้ชุมชนและประชาชนในท้องถิ่นจัดตั้งองค์กรส่งเสริมความรู้ และเผยแพร่วัฒนธรรมและวิถีชีวิตในชุมชน ตามแนวคิวและหลักการเศรษฐกิจพอเพียง โดยประชาชนในพื้นที่พึ่งพาภูมิปัญญาท้องถิ่นของตน และนำองค์ความรู้ในชุมชนซึ่งได้มาจากปราชญ์ชาวบ้าน การแลกเปลี่ยนเรียนรู้ในชุมชน และระหว่างชุมชน และสังคมวิเคราะห์ สังเคราะห์ และบูรณาการกับภูมิปัญญาภายนอก ทำให้เกิดการพัฒนาตนเองและชุมชนได้อย่างเหมาะสมและยั่งยืน

     ในการส่งเสริมการดำเนินงาน "โครงการวัฒนธรรมไทยสายใยชุมชม" โดยมุ่งการบูรณาการโครงการ/กิจกรรมหน่วยงานในสังกัดกระทรวงวัฒนธรรมที่สอดคล้องกับ 6 องค์ประกอบหลัก

     1. คลังสมองภูมิปัญญา

     2. การส่งเสริมอาชีพด้านศิลปะวัฒนธรรม

     3. การส่งเสริมคุณธรรม จริยธรรม

     4. ลานวัฒนธรรม

     5. พิพิธภัณฑ์พื้นบ้าน

     6. สารสนเทศและห้องมสุดชุมชน

รวมทั้งประสานงานบูรณาการโครงการกิจกรรมร่วมกับหน่วยงานภาครัฐ เอกชน และภาคประชาชน เพื่อส่งเสริมการมีส่วนร่วมของประชาชนจากทุกส่วนภาคของสังคม ในการส่งเสริมสนับสนุนการทำกิจกรรมให้เกิดขึ้นในพื้นที่ทางวัฒนธรรมของชุมชนท่องถิ่นให้เกิดความเข็มแข็ง และยั่งยืน

     เพื่อเป็นการขยายผลการดำเนินงาน สนง.คณะกรรมการวัฒนธรรมแห่งชาติจึงดำเนินการจัดตั้งโครงการวัฒนธรรมสายใยชุมชนเพิ่มขึ้นจากเดิมที่มีอยู่ ให้ครบทุกอำเภอ ทั่วประเทศ รวมทั้งการเสริมสร้างความเข้มแข็งให้แก่โครงการฯ ที่ได้จัดตั้งแล้ว และดำเนินการอยู่ในขณะนี้ ตลอดจนเสริมสร้างศักยภาพของแกนนำชุมชน ให้กิดการแลกเปลี่ยน เรียนรู้แนวทางการดำเนินงานเพื่อสร้างความเข้มแข็ง ยั่งยืน ให้แก่ชุมชนท้องถิ่นอย่างเป็นรูปธรรม

 

 

การพัฒนาทรัพยากรมนุษย์อย่างไรต่อการอยู่รอดในโลกาภิวัฒน์

1.   หน่วยงานภาครัฐ

       ต้องปรับบทบาทจากผู้สั่งการมาเป็นผู้ประสานงานและอำนวยความสะดวกเพื่อสร้างความเข้มแข็งของกลไกลการมีส่วนร่วม และมีบทบาทสำคัญในการเชื่อมโยงภาคชุมชน เศรษฐกิจ และสังคมเข้าด้วยกัน

       1.1   กลไกการบริหารจัดการหน่วยงานหลักในส่วนกลาง

               ระดับกระทรวง : กระทรวงวัฒนธรรม

               -  ประสานงานหน่วยงานภาครัฐ ภาคเอกชน ภาคประชาสังคม องค์กรพัฒนาเอกชน และ ภาคีการพัฒนาที่เกี่ยวข้อง รวมทั้งเครือข่ายองค์กรชุมชน เพื่อสร้างความร่วมมือในการสนับสนุนการบูรณาการโครงการวัฒนธรรมไทยสายใยชุมชนสู่สังคมอยู่เย็นเป็นสุข

               -  บริหารจัดการงบประมาณสำหรับการจัดกระบวนการบูรณาการโครงการวัฒนธรรมไทยสายใยชุมชนสู่สังคมอยู่เย็นเป็นสุขสู่พื้นที่จังหวัดที่ได้รับมอบหมายให้รับผิดชอบ

              -  กำกับและติดตามประเมินผลการดำเนินงานบูรณาการโครงการวัฒนธรรมไทยสายใยชุมชนสู่สังคมอยู่เย็นเป็นสุขให้เป็นไปตามวัตถุประสงค์และเป้าหมาย

              -  อำนวยความสะดวกให้กับภาคีการพัฒนาต่างๆ เพื่อให้การดำเนินการบูรณาการโครงการวัฒนธรรมไทยสายใยชุมชนสู่สังคมอยู่เย็นเป็นสุขเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ

              -  เสนอแนะเชิงนโยบายต่อรัฐบาล เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการนำโครงการวัฒนธรรมไทยสายใยชุมชนไปสู่สังคมอยู่เย็นเป็นสุข

2.  ภาคเอกชน

                สนับสนุนการดำเนินการโครงการวัฒนธรรมไทยสายใยชุมชน โดยการศึกษาวิจัยและพัฒนาสร้างองค์ความรู้และยกระดับงานด้านศาสนา ศิลปะ และวัฒนธรรม โดยทำวิจัยร่วมกับชุมชนเป็นหุ้นส่วนการต่อยอดองค์ความรู้ทางด้านศาสนา ศิลปะ และวัฒนธรรม ภูมิปัญญาท้องถิ่น ประสานและสร้างความสมดุลระหว่างภาคเศรษฐกิจกับภาคประชาชน สนับสนุนทรัพยากร วิทยากรส่งเสริมอาชีพในชุมชน ตลอดจนสนับสนุนการผลิตสินค้าและบริการบนความหลากหลายทางวัฒนธรรมและภูมิปัญญาท้องถิ่นที่มีคุณภาพและอัตลักษณ์ทางวัฒนธรรมไทย

3.  ภาคชุมชน

              มีบทบาทหลักในการดำเนินโครงการวัฒนธรรมไทยสายใยชุมชน โดยคนในชุมชน ท้องถิ่นต้องดำเนินงานโครงการ กิจกรรมให้สอดคล้องกับบริบทของชุมชนและท้องถิ่น ต้องมีการรวมกลุ่ม ร่วมคิด ร่วมทำ ร่วมพัฒนาฐานข้อมูล องค์ความรู้ ทุนทางวัฒนธรรม ( งานด้านศาสนา ศิลปะ และวัฒนธรรม ) ของชุมชน ร่วมกำหนดแนวทางและกิจกรรมการอนุรักษ์ สืบทอด พัฒนาและใช้ประโยชน์จากองค์ความรู้ ภูมิปัญญาท้องถิ่น ดังกล่าว รวมทั้งร่วมกำหนดและใช้มาตรการทางสังคมในการติดตาม เฝ้าระวังทางวัฒนธรรมของชุมชนท้องถิ่นของตน

4.  สถาบันทางสังคมอื่นๆ

            1.  องค์การพัฒนาเอกชน มีบทบาทในการจัดการและถ่ายทอดองค์ความรู้ ทุนทางวัฒนธรรม ( งานด้านศาสนา ศิลปะ และวัฒนธรรม ) ให้แก่ชุมชน เป็นพี่เลี้ยงช่วยสร้างความเข้มแข็งของชุมชนในการเข้าไปมีส่วนร่วมในโครงการ กิจกรรมวัฒนธรรมไทยสายใยชุมชนทั้งทางด้านการอนุรักษ์ สืบทอดพัฒนา และใช้ประโยชน์จากองค์ความรู้ภูมิปัญญาท้องถิ่นดังกล่าว

            2.  สถาบันการศึกษาและนักวิชาการ  มีบทบาทในการส่งเสริมโครงการวัฒนธรรมไทยสายใยชุมชน ด้วยการร่วมทำวิจัยร่วมกับชุมชนโดยให้ชุมชนเป็นนักวิจัยหลัก ถอดรหัสความรู้ที่อยู่ในตัวคนให้เป็นผู้รู้ที่เปิดเผย พัฒนาต่อยอดภูมิปัญญาท้องถิ่น ด้วยเทคโนโลยีสมัยใหม่ที่ชุมชนสามารถนำไปสร้างมูลค่าเพิ่มทางเศรษฐกิจ เกิดรายได้แก่ครอบครัว และชุมชน รวมทั้งเป็นแหล่งข้อมูล เป็นที่ปรึกษา สร้างกระบวนการเรียนรู้และพัฒนาศักยภาพของชุมชนให้สามารถบริหารจัดการความรู้ในชุมชนของตน

             3.  สถาบันศาสนา  มีบทบาทในการนำหลักธรรมคำสอนทางศาสนามาบูรณาการปลูกฝังทัศนคติ แนะแนวธรรมะปฏิบัติเพื่อใช้ในการดำเนินชีวิตที่ถูกต้อง สร้างภูมิคุ้มกันประชาชน และให้บุคลากรทางศาสนาเป็นตัวอย่างที่ดีในการดำรงชีวิตอย่างพอเพียงร่วมมือกับสถาบันการศึกษาชุมชน และสถาบันครอบครัวในการทำกิจกรรมสาธารณประโยชน์ รวมทั้งปลุกฝังค่านิยม จิตสำนึกและสืบสานจารีตประเพณีอันดี

             4.  สถาบันครอบครัว  มีบทบาทหลักในการอบรม บ่มนิสัยและปลูกฝังระบบคุณค่า จารีตประเพณีและทัศนคติที่ดีงาม รวมทั้งบ่มเพาะ เสริมสร้างค่านิยมและพฤติกรรมที่พึงประสงค์ให้แก่สามาชิกในครอบครัวร่วมกับสถาบันการศึกษา สถาบันศาสนา

            5.  สถาบันสื่อ  เป็นแกนกลางในการเผยแพร่ข้อมูลข่าวสารสารสนเทศที่ถูกต้องและเป็นประโยชน์ในการปรับตัวของชุมชน การคุ้มครองทรัพย์สินทางปัญญา การคุ้มครองผู้บริโภค การจดทะเบียนสิทธิบัตร การปลูกจิตสำนึกด้านคุณธรรม จริยธรรม สร้างค่านิยมและพฤติกรรมการดำรงชีวิตแบบพออยู่พอกินบนพื้นฐานวัฒนธรรมที่ดีงามแก่เด็ก เยาวชน และประชาชนทั่วไป

ปัจจุบันในยุคโลกาภิวัฒน์ หรือเรียกว่าโลกไร้พรมแดน เทคโนโลยีสารสนเทศได้เป็นตัวสื่อสารข้อมูลความรู้และข่าวสารอย่างรวดเร็ว ทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงเกิดขึ้นตลอดเวลา เพราะทุกการขับเคลื่อน เกิดขึ้นด้วยความคิดความรู้ จึงเกิดสงครามข่าวสารในการรับรู้ข้อมูลวิทยาการสำหรับคนรุ่นใหม่ ที่รู้เท่าทันโลกที่ไร้พรมแดน เทคโนโลยีจึงเข้ามามีบทบาทต่อการดำรงค์ชีวิตเป็นอย่างยิ่งในทุกวินาทีที่มีการเปลี่ยนแปลงนำไปสู่การพัฒนาบุคคลที่ก้าวทันโลก ใครไม่มีโทรศัพท์มือถือในปัจจุบันกลายเป็นบุคคลหลงยุค ตกยุคตกสมัย ปิดโอกาสการรับรู้ข้อมูลข่าวสารเบื่องต้นเป็นคนไม่ทันสมัย โทรศัพท์มือถือไม่ใช่ค่านิยมเป็นสิ่งจำเป็นอย่างยิ่งประจำตัว วันใดรีบร้อนออกจากบ้านโดยลืมโทรศัพท์มือถือจะมีจิตใจทีไม่สงบสุข หรือไม่มีเสียงเรียกโทรเข้าจากญาติมิตร กลายเป็นเรื่องผิดปกติเป็นอย่างยิ่ง ในวันนั้นๆ จึงเกิดการแข่งขันกันในหมู่วัยรุ่น ต่อการใช้โทรศัพท์มือถือรุ่นใหม่ๆที่มีเทคโนโลยีใหม่ที่มีนวัตกรรมล้ำยุค นับเป็นเครื่องมือในการสื่อสารที่นำไปสู่การเคลื่อนไหวเปลี่ยนแปลงที่รวดเร็วและได้ผลยิ่งต่การได้รับรู้ข้อมูลข่าวสารในเครือข่าย

"เทคโนโลยีเป็นตัวกำหนดการสื่อสาร" เช่นการดำเนินกิจการสถานีโทรทัศน์ ต้องอาศัยเทคโนโลยีจากต่างประเทศ และรายการที่เผยแพร่ส่งออกอากาศจากสัญญาณดาวเทียมจะได้ข้อมูลข่าวสารทั่วโลกในทันทีทันควัน สื่อสารโทรคมนาคม คอมพิวเตอร์ สารสนเทศ ทำให้ปัจจุบันมีการนำระบบดิจิตอลเข้ามาใช้ในการดำเนินกิจการเกิดการตอบสนองต่อความต้องการของมนุษอย่างมากที่สุด อย่างมีประสิทธิภาพ คล่องตัวสดวกรวดเร็วชวนให้สนใจติดตามชมเป็นการพัฒนาเปลี่ยนแปลงจากระบบอนาลล๊อกที่มีความคมชัดทางสัญญาณมากกว่าสามารถสรุปว่าเทคโนโลยีสื่อสมัยใหม่สื่อสารกับสังคมได้ 2 แนวทางสำคัญคือ

1. เทคโนโลยีสื่อสารได้เปลี่ยนแปลง และสร้างผลกระทบให้เกิดขึ้นในสังคม ทั้งสถาบันและปัจเจกบุคคล เชื่อว่าเทคโนโลยีเป็นสาเหตุในการขับเคลื่อนความเปลี่ยนแปลง

2. เงื่อนไขทางสังคมเป็นสาเหตุหลัก ส่วนการพัฒนาเทคโนโลยีเป็นผลลัพธ์

เดนิส แมคเควล ได้ประมวลคุณลักษณะเด่นของแนวคิดกลุ่มทฤษฎีเทคโนโลยีเป็นตัวกำหนดไว้ว่า

1.เทคโนโลยีการสื่อสารเป็นพื้นฐานของสังคม

2.เทคโนโลยีแต่ละชนิดจะเหมาะสมกับรูปแบบโครงสร้างของสังคมแต่ละอย่าง

3. ขั้นตอนของการผลิตและการใช้เทคโนโลยีการสื่อสารจะเป็นตัวนำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงสังคม

4.

การปฏิวัติการเปลี่ยนแปลงเทคโนโลยีการสื่อสารในแต่ละครั้ง จะทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงทางสังคมตามมาเสมอ

ลูกศิษย์ ปริญญาเอก

          ผู้ใหญ่เรียนปริญญาเอก ได้ความรู้ ได้การจุดประกายในการเรียน ผมก็โชคดีที่มีส่วนร่วมเล็กๆน้อยๆ และเรื่องสื่อหรือนิเทศน์ ถ้าพวกเรา Ph.D ได้ช่วยกัน ทำให้เกิดพลัง สื่อทางเลือกก็จะดีมาก

อย่างผมมี

  • วิทยุ รายการ Human Talk ทุกวันอาทิตย์ เวลา 6.00 – 7.00 น . ทาง FM.96.5 MHz.
  • หนังสือพิมพ์ 2 ฉบับ คือ หนังสือพิมพ์แนวหน้า ทุกวันเสาร์ หน้า 5, หนังสือพิมพ์สยามกีฬา ทุกวันพุธ หน้า 5
  •  รายการโทรทัศน์ รายการคิดเป็น….ก้าวเป็น กับดร.จีระ ทาง True Visions 08 (TNN2)  ทุกวันเสาร์ เวลา 23.00 - 23.30 น. • Re-run •ทุกวันพุธ เวลา 09.00 - 09.30 น. •ทุกวันพุธ เวลา 22.00 - 22.30 น. •ทุกวันจันทร์ เวลา 19.00 - 19.30 น.
  • และรายการสู่ศตวรรษใหม่ ทุกวันเสาร์สัปดาห์ที่ 4 ของเดือน เวลา 1.30 – 2.20 น.

          ก็ช่วยได้ระดับหนึ่งแน่นอนแต่พอมาเห็นพวกคุณอีก 16 คนก็มีพลังมากขึ้น ถ้าลูกศิษย์ช่วยอีกแรงหนึ่ง เราก็จะมีสื่อทางเลือก ต้องเชื่อมโยงกับ สื่อหลัก

          Ph.D ของเราน่าจะเชิญ สื่ออาชีพ มาคุยให้ความรู้เขาบ้าง เพราะงานเขาเยอะมาก ก็ไม่มีเวลาได้คิดถึงส่วนรวม ขาดจิตสาธารณะ อย่างมาก

                           จีระ  หงส์ลดารมภ์

นาย จิตรการ กาญจนเลขา

ห้า ห้า ห้า...ห้า 5 พบกันในเชิง +++.....

โลกาภิวัตน์ ส่งผลกระทบ ! เกี่ยวอะไรกับการสื่อสารข้อมูล ทั้งภายใน และ ภายนอกประเทศ ?

เทค โน โลยีสารสนเทศ และอื่นๆ ( infromation technology) มีการเชื่อมโยงกัน ละหว่างภายใน และ ภาย

นอกประเทศ

การเสื่อสารไร้พรมแดน มีทั่งข้อดี และ ข้อเสีย ในแนวความคิดของผู้เขียน อธิบายได้ดังนี้

ข้อดีคือ... กลุ่มชนทั่วไปที่มีสติปัญญาในโลกนี้ จะสามารถกลั่นกลองข้อมูล แล้วนำมาชึ่งประโยชน์

เป็นฐานข้อมูลแห่งความรู้ เพื่อความก้าวหน้าทางความคิด และต่อยอดด้านความเจริญก้าวไกล ในทุกๆด้าน

อย่าไม่มีขีดจำกัด ตัวอย่าความเจิรญ ของประเทศต่างๆในเอเซีย อาธิเช่น ยี่ปุ่น เกาหลี สิงคโปร์

และท้ายสุดก็คือจีน

ข้อเสียคือ... กลุ่มชนที่มัวเมาขาดสติยั้งคิดทั้งเยาวชน- ผู้นำระดับประเทศ โดยเฉพาะประเทศไทย

การสือสารไร้พรมแดน ผลกระทบทางลบของประชากรที่น่าเป็นหว่งคือ เยาวชนไทย ! เนื่องจากสังคม

ไทย เป็นสังคมที่สบายๆไล้ละเบียบแบบแผล มีนิสัยใจกว้าง และฟุ่มเฟือยฟุ้งเฟื้อ ขาดสติยั้งคิด

เพระเยาวชน จะต้องมารับหน้าเป็นเป็นผู้ดูแลประเทศชาติต่อไป และ ยิ่งกว่านั้น สิ่งที่น่าเป็นหว่งที่สุดก็คือ

คนที่เป็นผู้หลักผู้ใหญ่ในบ้านในเมืองนั่นเอง สติปัญญาของมนุษย์ มีอยู่เพียงน้อยนิด เวลาแห่งการ

ที่เหลือ ไว้กระทำความดี ก็มีน้อยลง หากสังคมไทยยังขาดความสามัคคี และไม่ปรับเปลี่ยนพฤติกรรม

โดยการ เริ่มต้นจากผู้หลักผู้ใหญ่ ตามทฤษฏีและความน่าจะเป็นไปได้ ประเทศไทยน่าจะเป็นศูณย์กลาง

ความเจริญแห่ภูมิภาค ปัจจุบรรความเจริญล้าหลังของประเทศไทย เปลียบเทียบกับประเทศในเอเซีย อดีตประ

เทศเห่ลานี้ ความเจิรญยังใก้ลเคียงกับประเทศไทย ในบางประเทศยังล้าหลังประเทศไทยเป็นอันมาก

ปัจจุบรรนำมาเปลียบเทียบ แค่เพียงประเทศสิงคโปร์ ประเทศไทยเรา ยังถูกทิ้งห่างไปกว่า10 เท่าตัว.....

แล้วอนาคตประเทศไทยจะเหลืออะไร... ไว้พบกันใหม่... 'อาจจะเหลือเชื่อก็ได้'...ห้าๆๆๆ5...

คำถาม ศึกษาโลกาภิวัฒน์ และผลกระทบเกี่ยวกับนวัตกรรมในการสื่อสาร

โลกาภิวัฒน์ Globalization อาจแทนด้วยคำว่า Internationalization เช่นเดียวกับการเกิดของสังคมสารสนเทศ โลกาภิวัฒน์ก็เกิดจากเทคโนโลยีการสื่อสารเช่นกัน โดยเฉพาะอย่างยิ่งเทคโนโลยีดังกล่าวได้ทำลายข้อจำกัดเรื่องพรมแดนในการสื่อสารไป ในขณะที่สังคมสารสนเทศกำลังเติบโต โลกาภิวัฒน์ จึงเป็นเสมือนแฝดผู้น้องของสังคมสารสนเทศ แฝดคู่นี้มีสิ่งที่เหมือนกันคือ เป็นกิจการที่ทำให้เกิดผลกระทบต่อสังคม ทั้งเชิงบวกและเชิงลบ

โลกาภิวัฒน์ถูกมองได้สองนัย คือ

๑. นัยด้านธุรกิจ/ธุรกรรมไร้พรมแดน โลกาภิวัฒน์ จะสะท้อนสถานะเครือข่ายความเป็นเจ้าของ ( Network of Interconnected Ownership) และเครือข่ายการบริหารจัดการของธุรกิจการสื่อสารข้ามชาติ อันเป็นผลมาจากโครงสร้างการสื่อสารพื้นฐานครอบโลก (Global Communication Infrastructure) เช่น อินเตอร์เนต เทคโนโลยีสื่อสาร เช่น ดาวเทียม และการแพร่กระจายของสื่อมวลชน ตะวันตก ไปยังนานาประเทศทั่วโลก (Trans Nationalization of Massmedia) การเกิดขึ้นของธุรกิจข้ามชาติ (Global Business) เป็นทั้งผลและเหตุ ที่นำไปสู่การเกิดตลาดโลก ที่จะองับผลผลิตในรูปสื่อ (Media Products) เป็นต้น

๒. นัยด้านวัฒนธรรม ก็เป็นผลมาจากนัยด้านธุรกิจอีกทอดหนึ่ง กล่าวคือ ผลิตภัณฑ์ที่เป็นภาพ และเสียง ที่ถูกจัดจำหน่ายถ่ายทอดอย่างกว้างขวางเหล่านั้นมีลักษณะเป็นผลิตภัณฑ์ทางวัฒนธรรม

นวัตกรรม (Innovation) มาจากรากศัพท์ในภาษาละตินว่า Nova ซึ่งแปลว่าใหม่ นวัตกรรมหมายถึงการรวบรวม การผสมผสาน หรือการสรรสร้างความรู้ที่ไม่เคยมีมาก่อน ที่มีความเกี่ยวข้อง และเพิ่มคุณค่าให้กับผลิตภัณฑ์ กระบวนการ หรือการบริการใหม่

การสื่อสาร คือกระบวนการสำหรับแลกเปลี่ยนสาร รูปแบบอย่างง่ายของสาร คือ จะต้องส่งจากผู้นำสาร หรืออุปกรณ์ เข้าระหัส ไปยังผู้รับสาร หรืออุปกรณ์ถอดระหัส

จากที่ได้กล่าวมาแล้วจึงสรุปได้ว่า โลกาภิวัฒน์ เป็นปรากฎการณ์ ส่วนนวัตกรรมการสื่อสาร เป็นผลที่เกิดจากพฤติกรรม ทางความคิด เพื่อพัฒนาการสื่อสาร ดังนั้นผลกระทบที่ตามมาจากปรากฎการณ์ โลกาภิวัฒน์ ส่งผลดี และผลเสีย ต่อผู้ส่งสาร และผู้รับสาร ดังนี้

ผลดี ๑) ท่ามกลางกระแสโลกาภิวัฒน์ สื่อมวลชนสามารถแสดงบทบาท เป็นผู้กระตุ้นและขับเคลื่อน กระบวนการประชาธิปไตย และวิถีอันทันสมัย เช่นการเกิดตลาดเสรีทางการค้าผ่านเครือข่ายอินเตอร์เนต เป็นต้น

๒) การสื่อสารไร้พรมแดนก่อให้เกิดการขยายพื้นที่ทางความคิด และการแสดงออก กำจัดเงื่อนไขด้านเวลา และสถานที่ บุคคลมีเสรีภาพและโอกาสมากขึ้น เช่น มีสื่อให้เลือกเปิดรับโดยเสรีหลากหลายมากขึ้น และไม่จำกัดเวลา

๓) เกิดการขยายอำนาจทางความหมาย (Semiotic Power) ที่บุคคลหรือกลุ่มบุคคล สามารถสร้างความหมายใหม่ให้กับตนเอง หรือกลุ่มของตนเองได้ ไม่ต้องถูกครอบงำจากความหมายกระแสหลักเหมือนในอดีต

๔) ทำให้เกิดความงอกงามทางวัฒนธรรม ลดการหลงเชื้อชาติและชาตินิยม ลดความเกลียดกลัวคนต่างด้าว ลดการแยกแยะ จนนำไปสู่การหลอมรวมทางวัฒนธรรม

๕) นำไปสู่การจัดระเบียบโลกใหม่ ก่อให้เกิดความเข้าใจและสันติภาพระหว่างประเทศในที่สุด

ผลเสีย ๑) อาจเกิดการรุกรานและกดขี่ทางวัฒนธรรมจากจักรวรรดิ์นิยมของชาติมหาอำนาจ ที่ครอบงำระบบตลาดโลกอยู่ในปัจจุบัน

๒) ลดคุณค่าความเป็นวัฒนธรรมเฉพาะดั้งเดิมของกลุ่มชน ทำให้เกิดการถอยร่น และเสื่อมสลายของวัฒนธรรมต้นแบบ

อย่างไรก็ตามผลกระทบ บวกหรือลบ ดีหรือเสีย ขึ้นอยู่กับภูมิต้านทานและการปรับตัวของมนุษย์ในสังคม ซึ่งจะกล่าวต่อไปในคำตอบข้อสอง

คำถาม การพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ สำคัญอย่างไรกับการอยู่รอตในโลก โลกาภิวัฒน์

โลกาภิวัฒน์เป็นปรากฏการณ์ของการเป็นไปของโลก ทฤษฎีโลกาภิวัฒน์ถือกำเนิดขื้นในบทความเรื่อง Globalization ที่ ศาสตราจารย์ Theordor Levitt เสนอในวรสาร Harvard Business Review เมื่อปีค.ศ.๑๙๘๓ แม้ว่าก่อนหน้านั้นในช่วงหลังสงครามโลกครั้งที่ ๒ มีการใช้คำนี้กันแล้วในด้านการเงิน มีความหมายถึง การค้าข้ามพรมแดนในระบบการเงินระหว่างประเทศ มีนักวิชาการและผู้คนมากมายในสังคมกล่าวถึงปรากฎการณ์โลกาภิวัฒน์ และผลกระทบในหลากหลายแง่มุมต่อสังคมโลก ตั้งแต่ยุคหลังสงครามโลกเป็นต้นมา เป็นผลที่ตามมาของนัดเศรษฐศาสตร์ และผลประโยชน์ทางธุรกิจ รวมทั้งนักการเมืองได้ตระหนักถึงค่าใช้จ่ายที่สัมพันธ์กับลัทธิคุ้มครอง การถดถอยและการรวมตัวใรระดับเศรษฐกิจในระดับนานาชาติ ผลงานของพวกเขาได้นำไปสู่การประชุม เบรตันวู๊ด ที่ทำให้เกิดสถาบันนานาชาติหลายแห่ง ที่มีวัตถุประสงค์คอยเฝ้ามองกระบวนการโลกาภิวัฒน ทีฟื้นตัวใหม่ คอยส่งเสริมการเจริญเติบโตและจัดการกับปัญหาที่อาจเกิดขึ้นตามมา สถาบันดังกล่าวได้แก่ ธนาคารโลก และกองทุนการเงินระหว่างประเทศ เป็นต้น

โลกาภิวัฒน์ มีผลกระทบต่อโลกในหลายแง่มุม เช่น อุตสาหกรรม การเงิน เศรษฐกิจ การเมือง การข้อมูลข่าวสาร วัฒนธรรม นิเวศวิทยา สังคม การขนส่ง ฯลฯ มีแนวคิดในการที่จะให้สังคมอยู่ได้ หรือเป็นผู้นำในยุคโลกาภิวัฒน์ และมีกระบวนการปฏิโลกาภิวัฒน์ ก่อตัวขึ้น เพื่อต่อต้านแง่ลบของโลกาภิวัฒน์ โทมัส แอล ฟรีดแมน เขียนไว้ใน The Lexus and the Olive tree (พ.ศ.๒๕๔๒) มีสาระสำคัญคือ สิ่งที่จะมีพลังทำลายระบบโลกาภิวัฒน์ได้ก็คือตัวโลกาภิวัฒน์เอง เนื่องจาก ระบบกดดันให้คน ชุมชน และองค์กร สังคมปรับตัวอย่างรวดเร็วมาก ความวุนวายจะเกิดจาก แรงต้านอย่างรุนแรงของผู้ที่ปรับตัวไม่ทัน

ทรัพยากรมนุษย์ที่อยู่ในสังคมโลก คงไม่สามารถหลีกเลี่ยงปรากฎการณ์โลกาภิวัฒน์ได้ เมื่อโลกไร้พรมแดน มนุษย์จากหลากหลายวัฒนธรรม มีการติดต่อสื่อสารกันอย่างรวดเร็ว ผลกระทบที่ตามมามีทั้งบวกและลบ ตั้งแต่อดีตถึงปัจจุบัน มนุษย์ดำรงอยู่ พัฒนา และแสวงหา การเป็นผู้นำ ผู้ชนะ หากผู้ใดไม่พัฒนาก็จะเป็นผู้แพ้ และสามารถอญุ่รอดในโลกได้ การพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ในทุกสังคม จึงมีความสำคัญ มนุษยืในสังคใใดมีการพัฒนาก็จะเกิดความได้เปรียบและดำรงอยู่ได้ หากไม่พัฒนาก็จะถูกกลืนและทำลายจากมนุษย์ที่พัฒนากว่า การพัฒนาจึงสำคัญเท่า ๆ กับการมีชีวิตอยู่ของมนุษย์

นาย วิรัช จินดากวี น ศ ป เอก ม เกริก

สวัสดีตอนเช้าครับ ท่านอาจารย์และเพื่อนนักศึกษาทุกท่าน พรุ่งนิ้เช้า8นาฬิกาพบกันที่ห้องเรียนครับ เริ่มหนาวแล้วขอให้ทุกท่านตื่นเช้าหน่อยและรักษาสุขภาพด้วยจะได้เตรียมรับความรู้เพื่มจากท่านอาจารย์ ดร จีระ หงส์ลดารมภ์ อย่างเต็มสมองเพื่อจะได้จุดประกายในชีวิตยามแก่ของคนบางคนครับ ขอบคุณครับ จาก นาย วิรัช จินดากวี

สวัสดี เพื่อน ๆ นักศึกษา พรุ่งนี้ 08.00 น. เจอกันด้วยเรื่อง - ทฤษฎี 8K และ 5K เพื่อการพัฒนาทุนมนุษย์ - ทฤษฎี 3 วงกลม เพื่อการพัฒนาและบริหารทรัพยากรมนุษย์ - ทฤษฎี HRDS กับการบริหารทรัพยากรมนุษย์เพื่อประสิทธิภาพและประสิทธิผล

สวัสดี เพื่อนๆ ร่วมรุ่น 1 ทุกคน มีของดีมาแบ่งปัน เป็นยาอายุวัดฒนะ ทำให้อายุยืนสดชื่นแจ่มใสมีอายุยืนยาวต่อไปได้อีกหลายปี คนมี่ที่ไม่อยากอายุสั่นฟังทางนี้

1. มองสิ่งรอบข้างให้เป็นธรรมชาติที่สุด เพราะธรรมชาติเพราะเป็นที่ธรรมชาติต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นพื้นสัตว์หรือมนุษย์ ล้วดต่างก็เกิดมาจะธรรมชาติทั้งนั้น รวมทั้งการเปลี่ยนแปลง ของธรรมชาติทั้งสามอย่างนี้ เป็นความถูกต้องตามธรรมชาติ ที่ต้องมีการเปลี่ยนแปลง พฤติกรรมของสัตว์มนุษย์ ไม่ว่าจะปฎิบัติถูกหรืผิด หากเป็นไปตามการกระที่เป็นปกติ ที่มนุษย์หรือสัตว์เท่านั้น ให้ถือว่าเป็นตามธรรมชาติทั้งสิ้น

การมองสัตว์โลก ในแง่ มุม ที่ดี เป็นสิ่งที่ถูกต้องตามธรรมชาติ ในโลกใบนี้ทั้งสิ้น แล้วเราก็จะสบายใจ ห้าๆๆๆๆ

ราตรีสวัสด์ (good night) See you Tomorrow morning.

นายประจักษ์ เพ็งจางค์

หนึ่งครั้งเหมือนเสียสาว ก็ถึงคราวทั้งที่สอง

นานครั้งอยากทอลอง อยากครอบครองตลอดกาล

ยิ่งเรียนก็ยิ่งได้ ยิ่งอยากใฝ่ให้รู้จริง

รู้จริงรู้กว้างจนรู้ใจ รู้ไว้กระจายเพื่อนเหมือนเป็นครู

เพื่อนๆครับ อาจารย์จีระ ท่านมาเปิดหูเปิดตาเหมือนผู้นำพาจุดประกายให้เราเข้าถึงการเรียนการศึกษาทำอย่างไรเราจะครอบครองท่านได้รวมใจให้เป็นหนึ่ง ขอให้อาจารย์เป็นที่พึ่งตลอดเวลา อาจารย์คือสุภาพบุรุษมือทองสมองเพชร จะเจียรไนก้อนกรวดอย่างเราให้เป็นเพชรเม็ดงามได้ในอนาคต เราเองก็คือทรัพยากรบุคคลของมหาวิทยาลัยเกริก และของประเทศ และของโลก เพื่อนครับไปให้ถึงน่ะครับ จุดหมายแห่งศาสตร์ของปัญญา

พี่ประจักษ์เด้อ

วันนิ้อาจารย์สอนผมได้รับความรู้ว่าการพัฒนาคนให้มีจิตสาธารณะจะนำองค์กรสู่ความสำเร็จและการทำธุรกิจไม่จำเป็นเพื่อเงินเพียงอย่างเดียวแต่ต้องทำเพื่อประโยชน์ของสาธารณะและประเทศชาติเป็นที่ตั้ง สำหรับผู้ใต้บังคับบัญชาต้องเลี้ยงดูแลให้ดีกว่าลูกของตนเองเพราะเขาเป็นผู้สร้างประโยชน์ให้กับผู้บังคับบัญชา

จิรายุ อัครวิบูลย์กิจ

เรียน ท่าน ศาสตราจารย์ ดร.จิระ หงส์ลดารมภ์ และนักศึกษาปรัชญาดุษฎีบัณฑิต สาขานิเทศษสตร์ นวัตกรรม ทุกท่าน

ในกระแสความเป็นแปลงของโลกมุษย์ ความเปลี่ยนแปลงทางสังคม และสิ่งแวดล้อม ทุกอย่าง ขึ้นอญู่กับ Input ที่บุคคลแต่ละคนได้รับมา แล้วมีการตีความตามประสบการณ์ ตามบริบทแวดล้อม ของแต่ละปัจเจกบุคคล ซึ่งบางครั้งอาจจะเหมือน หรือ แตกต่างกัน ก็เป็นไปตามเหตุ ปัจจัยทั้งหลายเหล่านั้น ครั้งที่แล้ว แลกเปลี่ยน กับทุกท่าน เรื่อง การสื่อสาร ภายในบุคคล ตามแนวทาง ของกระบวนการ การสื่อสาร ซึ่งเป็น ปัจจัยหลัก ของเนื้อหา และวัตถุประสงค์ของหลักสูตรฯ เพื่อ เป็นการกระตุ้น ให้เรา แต่ละคนตระรู้ ในบทบาท และภาระกิจ หรือ สำนึก แห่งตน ว่า กำลังทำอะไร ท่านมาที่นี่ ( ที่มหาวิทยาลัยเกริก .. ) ท่านต้องการอะไร ที่นี่ สามารถตอบสนอง หรือ ให้อะไรกับท่านได้บ้าง แล้วท่านจะนำสิ่งที่ท่านได้ ไปใช้ให้เกิด ประโยชน์ ต่อตน เอง ต่อบุคคลอื่น หรือสังคมและประเทศชาติอย่างไร ถัดมา เป็นเรื่องของการสื่อสาร ระหว่างบุคคล ( Inter Personnal Communication ) เป็น การสื่อสาร สองทาง หมายถึงการสื่อสารของท่าน กับอีกบุคคลหนึ่ง หรือ บุคคล คนหนึ่ง สื่อสารกับท่าน โดยไม่มีผู้อื่น ร่วมรับรู้ รับทราบด้วย หาก มีความลับรั่วไหล ไม่ท่าน ก็เป็นบุคคลคนนั้น ที่ท่านสื่อสารด้วย เป็นคนกระจาย หรือ เผยแพร่ข่าวสาร ดังนั้น การสื่อสารระหว่างบุคคล เป็น ความลับระหว่าง ท่าน เพียงสองคนเท่านั้น ในการที่จะเข้าใจซึ่งกันและกัน ถูกใจ หรือ ผิดใจกัน การนำความลับมาไขในที่แจ้ง เป็นการเสียสัตยาบรรณ ระหว่างคนสองคน เป็นที่มาของความขัดแย้ง ทะเลาะ เบาะแว้งกัน ในกาลต่อมา แต่ละคน จึงพยายาม ที่จะหา พรรคพวก หรือ ผู้ เห็นด้วยกับตน ก่อให้เกิดความไม่เข้าใจกัน นำไปสู่ความขัดแย้งที่หลากหลาย ในกาลเวลาต่อมา ดังนั้น การนำนวัตกรรมทางด้านการบริหาร การสื่อสาร นำมาใช้ให้เกิดประโยชน์ จึงต้องพึงระมัดระวังการสื่อสารระหว่างบุคคล ดังกล่าว อย่างยิ่งยวด เพื่อป้องกันการขัดแย้งที่จะลุกลาม ออกไปใหญ่โต

ดังนั้นในประเด็นที่จะเชื่อมโยงให้เห็น และสอดคล้อง กับ ประเด็น การบริหาร การสื่อสาร หรือ การบริหารจัดการทรัพยากรมนุษย์ ในประเด็น ที่ท่าน แชร์ กัน ดังกล้าว เรื่อง การสื่อสารระหว่างบุคคล อาทิ การตกลงจ้างงาน อัตรา ค่าจ้าง เป็นความลับระหว่างท่าน กับผู้ว่าจ้าง ( ในกรณี บุคคล สู่บุคคล ) ดังนั้น จึงพึงระมัดระวังไม่ควรให้ บุคคลที่สามรับทราบ เพื่อเป็นการป้องกัน ไม่ให้เกิดความลับรั่วไหล และไม่ก่อให้เกิดความขัดแย้ง อื่นใดติดตามมา เพราะเป็นเรื่อง เฉพาะตน กว่าที่ท่านจะได้ ทรัพยากรบุ๕๕ลที่ดีมาทำงานให้ท่าน ท่านจะต้องทำประการใดบ้างเพื่อจะโน้วน้าวเขา ให้ทำงานให้ท่าน เรียกว่า How to Recruit คือจะแสวงหา บุคคลที่เหมาะกับงานนั้นๆ อย่างไร ต่อจากนั้น ท่านจะทำประการใดในการที่จะใช้ประโยชน์ จาก บุคคลดังกล่าว ที่ท่านอุตส่าห์แสวงหา หรือ คัดเลือก มาด้วยความยาก ลำบาก เราเรียกว่า How to Utilize คือการใช้คน ให้เป็น ให้เหมาะสมกับงาน เหมาะสมกับขีดความสามารถของเขา ในภาระกิจการงานนั้นๆ สุดท้าย หากท่านได้คนที่ดี คนที่เหมาะสม กับงาน และ มีขีดความสามารถ ตามที่ท่านต้องการแล้ว ทำอย่างไร ท่านจึงจะ รักษาเขาไว้ ให้อยู่กับท่าน นานๆ ควรค่าต่อการเก็บรักษาไว้ เรียกว่า How to Retain ในครั้งนี้ ขออนุญาตุ ร่วแสดงความคิดเห็น และแบ่งบันวิสัยทัศน์ ร่วมกับท่าน อาจารย์ และ ศิษยานุศิษย์ของท่าน ในหลักสูตร ปรัชญาดุษฎีบัณฑิต สาขานิเทศศาสตร์ นวัตกรรม มหาวิทยาลัยเกริกทุกท่าน ถ้อยคำใด ที่อาจจะพาดพิง หรือ กล่าวถึง ในประเด็นต่างๆที่กล่าวมาแล้ว มิได้มีเจตนาล่วงเกินผู้ใด หากผิดพลาดประการใด ต้องขออภัยมาณ.ที่นี้ด้วย จุดประสงค์ เพียงเพื่อ ร่วมแชร์ และแบ่งบัน ความรู้สึก และความคิดเห็น ในแวดวงสนทนาเท่านั้น

ด้วยจิตคารวะและขอแสดงความนับถือ

จิรายุ อัครวิบูลย์กิจ

ใจ จิตรการกาญจนเลขา

ขอชื่นชม อาจารย์ จีระ หงส์ลดารมภ์ ที่ท่านตั้งใจสอน นักศึกษา มีเนื้อหาการสอนที่น่าสนใจมาก และ

นักศึกษาทุกคนน่ารักเพราะ หลงเส่นอาจาร มีความตั้งใจดี ในการเรียนรู้

เนื่องจากอาจารมีเนื้อหาที่น่าสนใจ หลายประเด็น ตัวอย่างเช่น "

การเรียนที่ดีคือการต่อยอด ,

การให้ความสำคัญและมองเห็นคุณค่าของมนุษย์ ทั้งภายใน และ ภายนอกองค์กร ,

เก่งทุกอย่าไม่พอ ต้องประพฤติดีด้วย ,

และ เป็นผู้นำต้อง เอาชณะอุปสักได้

เอ วัง ก็มีด้วยประการะชะนี้

ห้าๆๆๆๆ

ราตรีสวัสดิ์

จับประเด็นรายการ human talk

ว่าด้วยหนี้นอกระบบ การค้าขายการทำธุรกิจต้องมีการลงทุน เมื่อหมุนเงินไม่ลงตัวก็เจอสภาพขาดเงินหรือธรรมชาติไม่อำนวยเช่นฝนตก ขาดรายได้ทำให้เป็นหนี้เงินกู้ต้องชดใช้ดอกเบี้ย รัฐบาลมีนโยบายให้ประชาชนกู้เงินมาช่วยเหลือแต่ผู้กู้ต้องหาคนค้ำประกัน ดร.จีระ พูดต่อไปว่าหนี้นั้นต้องไม่มาจากการพนัน และถ้าเป็นกลุ่มเกษตรกรอาจต้องมีคนค้ำประกันเป้นกลุ่ม รัฐบาลปัจจุบันถือว่ามีนโยบายการเมืองช่วยคนจน ถึงจะเป็นประชานิยม ก็ถือว่าประชาชนได้ประโยชน์

เมื่อพูดคุยกับคุณชายน้อย หัวข้อคนกับสิ่งแวดล้อม(มาบตาพุต) พูดถึงการลดมลพิษ เพราะมาบตาพุตเป็นพื้นที่ที่มีโรงงานเยอะ ต้องหาทางแก้ไข เช่น จะสร้างหม่ต้องไปลดของเก่า ลดของเก่าได 180 ใช้ของใหม่ได้ 80 มลพิษจะน้อยลง โดยประเด็นหลักนำเสนอหนี้นอกระบบ กฎเกณฑ์ธรรมชาติอันสวยงาม มลพิษและเรื่องสิ่งแวดล้อมก็คือภัยพิบัติให้เกิดทุกข์ มีผลกระทบได้ทั้งคนและธรรมชาติสิ่งแวดล้อมบนโลกใบนี้

(ฝากหนึ่งเหรียญหนึ่งอธิฐานด้วยครบ)

นายประจักษ์ เพ็งจางค์

News Letter

บทวิจารณ์บทความกรณีคุณยรรยงที่ ครม.

กรณีขอนุมัติ ครม.ประมูลข้าวโพดของกระทวงพาณิชย์ คุณพรทิวาขอให้คุณยรรยงเป็นผู้ชี้แจงจากนั้นก็มีการถกเถียงกันอย่างหนักหน่วงระหว่างนายกอภิสิทธิ์และครม. ท่านอื่นๆพรรคภูมิใจไทย เราต้องยอมรับว่าคุณเนวินมีลูกน้องดี ฉลาดอย่างคุณพรทิวา ที่สมองเธอโลดแล่นตลอดเวลา ว่าถ้าฉันทำอะไรถูกใจอภิสิทธิ์ก็ดีไป ถ้าไม่ถูกใจพรทิวายังโยนให้คุณยรรยง ซึ่งเป็นข้าราชการประจำได้ เข้าข่ายหาผลงานให้พรรคแต่ยืมตัวตนคนอื่นเป็นตัวแทนหรือเหมือนโยนหินถามทางไหม คุยรรยงถูกใช้เป็นเครื่องมือหรือไม่ หรือต้องการอะไรจากคุณพรทิวา มีอำนาจแฝงทางการเมืองหรือไม่ ถ้าคุณยรรยงที่เป็นคนดีไม่ควรตกเป็นเครื่องมือของนักการเมืองโดยไม่จำเป็น ข้าราชการต้องไม่อ่อนแอและยอมศิโรราบต่อนักการเมือง ท่านนายกอภิสิทธิ์คงมองเกมส์ออก และแยกผิดแยกถูกได้ การบริหารประเทศให้ดี อย่าเล่นพรรคเล่นพวกถือเอมีความสัมพันธ์ส่วนตัว อย่าถามหาผลประโยชน์ของใครกันแน่ ชาติหรือส่วนตัว และเราจะไม่ตกอยู่ในกับดัก ต้องยืนเคียงข้างความถูกต้องเสมอ

สรุป  Workshop

จากการดูเทป คุณพารณ และศ.ดร.จีระ หงส์ลดารมภ์ ได้ประโยชน์อะไร 2 เรื่องทั้ง กับตัวเองและองค์กร

  • บุคคลมีความสำคัญ ถ้าฝึกให้บุคคลมีความรู้ความสามารถ แม้จะมีเทคโนโลยีอื่นๆ แต่ก็มีคนเป็นหลัก สรุป เห็นคุณค่าของคน คนจะต้องเก่งและดี
  • สามารถทำให้องค์กรขยายได้ ทำให้เกิดความสัมพันธ์ ความสามัคคีกับคนในองค์กรทุกคน
  • เน้น Micro ธุรกิจปูนซิเมนต์เป็นผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม มีการเดินไปทางการสื่อสาร เน้นให้มีปัจจัยสำคัญต่อมนุษย์ ดูแลจิตใจ ดูแลกาย ให้ความคิด เพื่อประสบความสำเร็จ

สรุป พิสูจน์เห็นว่า คุณพารณ – ดร.จีระ มีส่วนคล้ายกันที่ มองเห็นเรื่องทรัพยากรมนุษย์ เป็นสิ่งสำคัญ  สมัยก่อนทรัพยากรในประเทศมีทั้ง คน เงิน ป่าไม้ โรงงาน แต่ประเทศไทยไม่ได้ปลูกฝังเรื่องคน ไม่เหมือนกับสิงคโปร์ที่ดูแลเรื่องคนเป็นหลัก ประเทศไทยต้องเน้นเรื่องคน จึงจะสำเร็จ ถึงจะไม่สำเร็จ แต่เราต้องพยายามสร้างขึ้นม

วันนี้ได้อะไร จากการเรียน

  • เรียนรู้ว่าผู้นำต้องการ คนใฝ่รู้ มียุทธศาสตร์ และเน้นความมีประสิทธิภาพ
  • ต้องแก้เรื่องการบริหารคน เพราะมีปัญหาเรื่องคน การแก้เรื่องคน ต้องแก้โดยการบริหารเรื่องคน
  • มีการบูรณาการ ระบบการจัดการ การสร้างแรงจูงใจในการทำงาน สร้างสมรรถนะ แล้วถึงจะเก็บเกี่ยว
  • การใช้การสื่อสารเพื่อความสัมพันธ์ในองค์กร (มีความสัมพันธ์ที่ดีต่อกัน)
  • ทุกคนเป็นทรัพยากรที่สำคัญขององค์กร มีจุดมุ่งหมายเดียวกัน พัฒนาคนแบบ 360 องศา
  • ได้ทำเพื่อคน พัฒนาทรัพยากรมนุษย์ มีการใฝ่รู้ ไม่ทำเพื่อเงินอย่างเดียว
  • การสร้างธุรกิจ เพื่อสร้างงากับผู้ด้อยโอกาส และสร้างอาชีพ การเสียสละเพื่อสังคม โดยการทำเพื่อความภาคภูมิใจ
  • เห็นว่าการพัฒนาองค์กร หลักใหญ่ต้องพัฒนาคนด้วยคุณภาพและคุณธรรมเป็นหลักใหญ่
  • ได้รู้จักคุณค่าองค์กร ความรัก ความสามัคคีในองค์กร
  • ได้ทราบถึงเรื่องพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ควบคู่กับเทคโนโลยีที่ทันสมัย โดยคนต้องปรับตัวได้ตลอดเวลา
  • หลักการบริหารองค์กรและบริหารมนุษย์เป็นการจุดประกายในการเรียนรู้
  • ต้องนำไปต่อยอด ใส่ใจในทรัพยากรมนุษย์ทั้งภายในและภายนอกองค์กร เรียนเก่งไม่พอ ต้องประพฤติดีด้วย
  • ต้องสร้างความเชื่อมั่น ความศรัทธา พัฒนาองค์กรไปในทิศทางเดียวกัน
  • จากมนุษย์ สู่ความเป็นคนที่สมรรถนะ มีวินัยมีโลกทัศน์เพื่อนำไปสู่โลกาภิวัตน์

ทฤษฎี 3 วงกลม

ยุทธศาสตร์การบริหารคนเพื่อไปสู่เป้าหมายขององค์กร

  1. องค์กรมีความคล่องตัวกับการทำงานหรือไม่? ต้องไม่อุ้ยอ้าย ส่วนหนึ่งมาจากการติดต่อสื่อสาร คนต้องอยู่ในองค์กรต้องมีความสะดวก สบายที่สุด
  2. คนที่อยู่ในองค์กรต้องมีประสิทธิภาพ ทุนมนุษย์ที่เกิดมาจากครอบครัว การได้รับโภชนาความรู้ต่างๆ แต่เมื่อเข้ามาในองค์กร ความสามารถต้องมีเขาที่มีเพิ่มคือ สมรรถนะ Competencies มีความคิดสร้างสรรค์ ตามความต้องการขององค์กร แบ่งปัน 5 เรื่องใหญ่ๆ
  • ความรู้ที่เราต้องเพิ่มเตอมเกี่ยวกับการทำงาน
  • ความรู้ที่มีประโยชน์ในองค์กร มีการศึกษาเพิ่ม
  • Leadership Competency ผู้นำกับผู้บริหารมีความแตกต่างกัน เช่น ทำงานตรงเวลาและต้องเป็นคนเก่งด้วย
  • Entrepreneurial Competency คือ แสวงหาโอกาส

3. เป็นผู้กระตุ้น สร้างแรงจูงใจ แรงบันดาลใจให้ลูกน้อง หรือคนในองค์กรต้องเป็นผู้จุดประกาย เช่น เงินก็เป็นสิ่งสำคัญ ให้ลุกน้องมีส่วนร่วม การทำงานเป็นทีมในการประเมินผลอย่างโปร่งใส ฯลฯ

รายการ Human Talk คลื่น Positive thinking FM.96.5 (6-7 am)

ดำเนินรายการโดย ศ.ดร. จิระ หงส์ลดารมภ์ และ คุณ จีรวัฒน์ ตั้งบวรพิเชษฐ์

ปัญหาช่วงที่ 1 การเมืองช่วยคนจนได้อย่างไร

จากบทสนทนา

ปัญหาค่าครองชีพ และ ราคาสินค้าที่สูง ประชาชนชั้นกรรมาชีพ รวมทั้ง พ่อค้า/แม่ค้า รายย่อยขาดเงินทุนหมุนเวียน (Cash Flow) รายได้ไม่พอใช้ ต้องกู้เงินเพื่อใช้จ่าย และซื้อสินค้ายังชีพ แต่เนื่องจากไม่มีหลักทรัพย์ค้ำประกัน จึงไม่สามารถกู้เงินจากธนาคารได้ จึงต้องมาพึ่งเงินกู้นอกระบบ ถูกเก็บดอกเบี้ยแพง ไม่สามารถชำระเงินได้ตามเวลา เกิดปัญหาการทวงหนี้ตามมา

ปัจจุบันรัฐบาลได้ดำเนินโครงการช่วยเหลือ โดยได้ทำโครงการล้างหนี้นอกระบบ โดยมีสถาบันการเงินของรัฐทั้ง 6 แห่ง ประกอบด้วย ธนาคารออมสิน ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร หรือ ธกส. ธนาคารอาคารสงเคราะห์ ธนาคารเพื่อพัฒนาวิสาหกิจชุมชนขนาดกลางและขนาดย่อม ธนาคารอิสลามแห่งประเทศไทย และธนาคารกรุงไทย ทำให้คนจนที่มีหนี้นอกระบบมีแหล่งเงินกู้ที่ดี แต่ยังมีปัญหาเจ้าหนี้นอกระบบดังกล่าว ไม่แสดงตัว

ข้อมูลเชิงวิเคราะห์

จากการสำรวจหนี้สินต่อครัวเรือนของประชาชนในปี 2550 ขยายตัวในระดับใกล้เคียงกับช่วงเกิดวิกฤติเศรษฐกิจปี 2540 โดยขยายตัวจากที่มีหนี้สินเฉลี่ยปี 2549 จำนวน 116,840 บาทต่อครัวเรือน เพิ่มเป็น 134,190 บาทต่อครัวเรือน ในปี 2550 ซึ่งสัดส่วนหนี้สินต่อครัวเรือนต่อผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศ (จีดีพี) ในปี 2550 ได้เพิ่มขึ้นมาอยู่ในระดับ 31.69% จากที่อยู่ในระดับ 29.09% ในปี 2549 เป็นสัญญาณว่าหนี้ภาคครัวเรือนได้เริ่มมีมากขึ้น แสดงให้เห็นว่าเศรษฐกิจมีปัญหาในเชิงลึก สภาพหนี้สินของครัวเรือนจึงได้เพิ่มขึ้น(นายธนวรรธน์ พลวิชัย ผู้อำนวยการศูนย์พยากรณ์เศรษฐกิจและธุรกิจ มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย)

ประชาชนที่มีรายได้ 10,000-20,000 บาทต่อเดือน จะมีการกู้เงินมาใช้จ่ายในชีวิตประจำวัน ไม่ใช่การซื้อสินค้าคงทน เนื่องจากรายได้กับค่าครองชีพไม่สมดุลกัน และหากพิจารณาจำนวนหนี้เฉลี่ยของครัวเรือนและการผ่อนชำระจะพบว่า ปี 2550 สัดส่วนการผ่อนชำระจะสูงกว่าปี 2549 และหนี้นอกระบบมีสัดส่วนสูงขึ้น โดยสัดส่วนหนี้สินปี 2549 คิดเป็น 73.9% เป็นหนี้ในระบบ ส่วนหนี้นอกระบบมี 26.1% แต่ในปี 2550 หนี้ในระบบลดลงเหลือสัดส่วน 63.01% และเป็นหนี้นอกระบบเพิ่มขึ้น 36.99% สอดรับกับที่ธนาคารพาณิชย์ระมัดระวังการปล่อยสินเชื่อ ประชาชนจึงหันไปกู้ยืมเงินญาติพี่น้องและนายทุนแทน ทำให้หนี้กลับไปอยู่นอกระบบมากขึ้น ภาระผ่อนชำระจึงสูงขึ้นกว่าเดิมจาก 4,917 บาทต่อเดือน ในปี 2549 เป็น 6,539 บาทต่อเดือน ในปี 2550

ข้ออภิปราย

การแก้ไขปัญหาความยากจนของรัฐบาล ด้วยการใส่เม็ดเงินลงไปไม่ใช่หนทางแก้ปัญหา ความยากจนในองค์รวม แต่หากต้องมีมาตรการดำเนินการในด้านต่างๆ ร่วมด้วยอีกนอกเหนือจากการให้ ขึ้นรถเมล์/รถไฟฟรี ได้แก่

1. การแก้ปัญหาระดับ ไมโครอีโคโนมิกส์ ด้วยการสร้างงาน เพื่อให้มีการกระจายรายได้ลงไปสู่ ชนชั้นกรรมาชีพ เพื่อให้สามารถพึ่งพาตนเองได้

2. เพิ่มมาตรการสร้างแรงจูงใจให้แก่ชุมชนที่นำทฤษฎีเศรษฐกิจพอเพียงมาใช้อย่างได้ผล ในทัศนคติที่ต้องการให้เกิดการแข่งขันกันในการนำทฤษฎีนี้มาขยายผลปฏิบัติกันในแต่ละ ชุมชนทั่วประเทศ

3. สร้างนโยบายชุมชนเข้มแข็ง จากการเรียนรู้ เพื่อให้ขยายผล นำความรู้ที่ได้ไปก่อให้เกิดการสร้างงาน สร้างรายได้ให้แก่ชุมชน

ปัญหาช่วงที่ 2 แนวคิด คนกับสิ่งแวดล้อม

มีแขกรับเชิญของรายการ คือ นาย ชายน้อย เผื่อนโกสุม ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ปตท.อะโรเมติกส์และการกลั่น จำกัด (มหาชน)

จากบทสนทนา

นาย ชายน้อย ฯ กล่าวถึงกรณีศาลปกครองสั่งระงับการลงทุน 76 โครงการ ในเขตมาบตาพุด ว่า

"ในส่วนของ ปตท.มี โครงการใหม่ในพื้นที่มาบตาพุด 25 แห่ง ที่ถูกคำสั่งถูกศาลปกครองกลางระงับชั่วคราว ปัญหาที่เกิดขึ้นมากความไม่ชัดเจนจากมาตรการต่างๆ โดยเฉพาะการดำเนินการภายใต้มาตรา 67 วรรคสองของรัฐธรรมนูญ 2550

ก่อนหน้านี้ ไม่ได้อยู่ในข้อเรียกร้อง และข้อกำหนดให้เอกชนต้องปฏิบัติมาก่อน เพราะในปี 2550 สมัยรัฐบาลพลเอกสุรยุทธ์ จุลานนท์ อดีตนายกรัฐมนตรี ได้มีการสั่งให้ทำแผนปฏิบัติการลดและขจัดมลพิษระยอง 2550-2554 ขึ้น พร้อมกับมาตรการลดอัตราการระบายมลพิษในโรงงานเก่า และโรงงานใหม่สัดส่วน 80 : 20 จนผลให้ ปตท.ต้อง ลงทุนเพิ่มเติมอีก 2 หมื่นล้านบาท เพื่อจัดซื้ออุปกรณ์รองรับในการลดปริมาณ ก๊าซซัลเฟอร์ไดออกไซด์ ก๊าซไนโตรเจนไดออกไซด์ และลดสารอินทรีย์ระเหยง่ายในบรรยากาศ (VOCs) ตามจุดรั่วซึมข้อต่อท่อต่างๆ และ ปตท.ก็ดำเนินการแก้ไขอย่างต่อเนื่องมาตลอด 2-3 ปี

ไม่เห็นด้วยที่ถูกสังคมกล่าวหาว่า ปตท.ละเลย ปัญหาสิ่งแวดล้อม และผลกระทบทางสุขภาพของชุมชนในพื้นที่มาบตาพุด เพราะที่ผ่านมา ได้ปฏิบัติตามเงื่อนไขอีไอเอมาโดยตลอด และทำอย่างเคร่งครัดตามที่รัฐบาลกำหนด แต่ได้มีการเพิ่มมาตรการ HIA ขึ้นมาเพื่อตรวจสอบอีก ไม่ได้เร่งรีบหรือทำอะไรท่ามกลางความอึมครึม เพราะตอนนั้นยังไม่มีอะไรชัดเจนเลย อย่างไรก็ตาม แต่ภาคเอกชนพร้อมปฏิบัติตามมาตรา 67 วรรคสองอยู่แล้ว แต่ขอความชัดเจน"

นอกจากนั้น ยังกล่าวถึงการควบรวม ระหว่าง บริษัท ปตท. กับ บริษัท อะโรเมติกส์ (บ.เชลล์) ด้วยว่า ไม่มีผลกระทบกับการจ้างแรงงานของทั้งสองบริษัท เพราะไม่มีการให้พนักงานออก แต่ได้ใช้การ หา/สร้างงานให้ทำ รวมทั้งได้มีการนำแนวทางการบริหารงานสมัยใหม่มาใช้ ซึ่งได้แก่

1. การสร้างบรรยากาศในการทำงานให้มีความสุข และรับฟังข้อเสนอแนะต่าง ๆ ของพนักงาน แล้วนำมาพิจารณาปรับใช้ร่วมกัน

2. การสร้างองค์กรความเรียนรู้ให้เกิดขึ้นในหน่วยงาน

3. การกระตุ้นให้เกิดความคิดสร้างสรร ก่อให้เกิดนวัตกรรมใหม่ในการทำงาน

ข้ออภิปราย

สิ่งแวดล้อม ตามความหมายในพจนานุกรม ฉบับราชบัณฑิตยสถาน พ.ศ. 2525 และในพระราชบัญญัติส่งเสริมและรักษาคุณภาพสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ พ.ศ. 2535 ได้ให้คำนิยามของสิ่งแวดล้อมตรงกันคือ หมายถึง สิ่งต่าง ๆ ที่มีลักษณะทางกายภาพและชีวภาพที่อยู่รอบตัวมนุษย์ ซึ่งเกิดขึ้นโดยธรรมชาติและสิ่งที่มนุษย์ได้ทำขึ้น

มนุษย์กับสิ่งแวดล้อมมีความสัมพันธ์กันเป็นวงจรไม่สามารถที่จะบอกได้ชัดเจนว่าสิ่งใดมีอิทธิพลต่อสิ่งใด มากกว่ากัน ความเป็นอยู่และกิจกรรมของมนุษย์เป็นตัวการสำคัญในการเปลี่ยนแปลงสิ่งแวดล้อม เมื่อสิ่งแวดล้อมเปลี่ยนแปลงย่อมส่งผลกระทบต่อมนุษย์ให้เปลี่ยนแปลงเช่นกัน

การสร้างสัมพันธ์ต่อกันระหว่างมนุษย์กับสิ่งแวดล้อม ด้วยการผลิตและบริโภคที่ยั่งยืนควบคู่ ไปกับการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมให้ ยั่งยืน เป็นปัจจัยในการขับเคลื่อนสังคมไปสู่ความอยู่เย็นเป็นสุขร่วมกัน

กรณีมาตพุด น่าเห็นใจทั้งสามฝ่าย เป็นผลจากการขาดจิตสาธารณะ ของใคร???? สังคมไทยคงต้องร่วมมือกันให้มากขึ้นในเรื่องนี้ เป็นกำลังใจให้ใครก็ตามที่ต้องมาแก้ปัญหา อยากแค่ขอฝากความหวัง ในฐานะพลเมืองไทย สังคมอยู่อยา่งเป็นสุขได้ ก็ด้วยคนในสังคมเอง(2012)

นายณัฎฐ์ธา พงษ์วิทยานุกฤต

ได้ทราบจากเพื่อนว่าอาจารย์ให้การบ้าน ให้ฟังรายการ Human talk จากคลื่นความคิด F M 96.5 เวลาเช้า 6.00 น วันอาทิตย์ที่ 22 พฤศจิกายน 2552 เพื่อต่อยอดความคิด เรื่อง หนี้นอกระบบ กับ ปัญหาที่มาบตาพุด อุตสาหกรรมที่ต้องหยุดตามคำสั่งศาลปกครอง ได้เปิดฟังรายการจาก เวปไซด์รายการย้อนหลัง ปัญหาหนี้นอกระบบและมาบตาพุดคือบทพิสูจน์ประชาชนต้องมาก่อน ในการที่จะตัองได้รับการพัฒนา ทางความคิดในการดำเนินชีวิต ภายไต้สถานการณ์ โลกาภิวัฒน์ การพัฒนาทรัพยากรณ์มนุษย์จำเป็นอย่างยิ่งและเป็นงานหนักมากที่จะต้องติดอาวุธทางความคิดที่จะเลือกที่อยู่อาศัยและการใช้บริการที่นอกระบบจนต้องพบกับสัญญาทาส จากโอกาสที่ถูกปิดกั้นจากการบริการของสถาบันการเงินต่างๆเหมือนกำหนดตาเดินให้ประชาชนผู้ด้อยโอกาสต้องเสี่ยงภัยตลอดเวลาของการดำเนินชีวิตที่ตัองหาจุดยืนที่ปลอดภัย จากมลภาวะที่จะเกิดขึ้นได้ในเวลาต่อมา ถ้าฝ่ายปกครองมองไม่เห็นผลร้ายต่อประชาชนปล่อยให้เกิดปัญหาและการเอาเปรียบ กดขึ่ขูดรีดดอกเบี้ยเกินกว่ากฏหมายกำหนดจากหนี้นอกระบบ เมื่อสถาบันการเงินไม่สามารถรองรับบริการต่อประชาชนผู้อยากไร้ภายไต้เงื่อนไขที่มีมาตราฐานสูงเกิน หนี้นอกระบบก็จะยังคงงอกงามตามดอกเบี้ยที่แสดโหดร้ายให้รอการนัดพบระหว่างเจ้าหนี้กับเจ้าหน้าที่รัฐเพื่อบำบัดหนี้ตลอดไป เหมือนเติมเชื้อไฟให้ลุกอย่างต่อเนื่อง เมื่อเหตุแห่งปัญหายังคงอยู่

รายการHuman Talk คลื่น Positive thinking FM.96.5 โดย ศ.ดร. จีระ หงส์ลดารมภ์ และ คุณ จีรวัฒน์ ตั้งบวรพิเชษฐ์

พูดถึงการเมืองจะช่วยคนจนอย่างไร ( How poor political will.) ปัญหาค่าครองชีพรวมทั้งประชาชนชั้นกรรมาชีพ และ พ่อค้า/แม่ค้า รายย่อยไม่มีเงินทุนหมุนเวียน (Cash Flow) รายได้ไม่พอใช้ ต้องกู้เงินนอกระบบเพื่อใช้จ่าย ยังชีพ ดอกเบี้ยแพง ไม่สามารถชำระเงินได้ตามเวลา ทำไห้เกิดปัญหาสังคมตามมา

รัฐบาลกำลังดำเนินการจัดทำโครงการล้างหนี้นอกระบบ (Clear out the project debt.)โดยมีสถาบันการเงินของรัฐทั้ง 6 แห่ง อธิเช็นธนาคารกรุงไทย ธนาคารออมสิน ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร ธนาคารอาคารสงเคราะห์ ธนาคารเพื่อพัฒนาวิสาหกิจชุมชนขนาดกลางและขนาดย่อม และ ธนาคารอิสลามแห่งประเทศไทย เป็นความหวังของคนจนที่มีหนี้นอกระบบ แต่ปัญหาเจ้าหนี้นอกระบบที่ยังไม่แสดงตัวยังต้องตามแก้กันต่อไป

ข้อมูลเชิงวิเคราะห์จากการสำรวจหนี้สินต่อครัวเรือนของประชาชน( Analytical survey of public debt per household.)ได้แสดงให้เห็นว่า ทั้งจีดีพี(GDP.) ตั้งแต่ในปี 2550 ทั้งหนี้ภาคครัวเรือนได้เริ่มมีมากขึ้น นายธนวรรธน์ พลวิชัย ผู้อำนวยการศูนย์พยากรณ์เศรษฐกิจและธุรกิจ มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย

ประชาชนที่มีรายได้ 10,000-20,000 บาทต่อเดือน จะมีการกู้เงินมาใช้จ่ายในชีวิตประจำวัน ไม่ใช่การซื้อสินค้าคงทน เนื่องจากรายได้กับค่าครองชีพไม่สมดุลกัน และหากพิจารณาจำนวนหนี้เฉลี่ยของครัวเรือนและการผ่อนชำระจะพบว่า ปี 2550 สัดส่วนการผ่อนชำระจะสูงกว่าปี 2549 และหนี้นอกระบบมีสัดส่วนสูงขึ้น ภาระผ่อนชำระจึงสูงขึ้นกว่าเดิมจาก 4,917 บาทต่อเดือน ในปี 2549 เป็น 6,539 บาทต่อเดือน ในปี 2550

การแก้ไขปัญหาความยากจนของรัฐบาล การใส่เม็ดเงินลงไป การให้ ขึ้นรถเมล์,รถไฟฟรี ไม่ใช่หนทางแก้ปัญหา ความยากจนในองค์รวม แต่หากต้องมีมาตรการดำเนินการในด้านต่างๆ เช่น

1. การแก้ปัญหาระดับ ไมโครอีโคโนมิกส์ (ECO Micro Hydro Telecommunications Systems.) ด้วยการสร้างงาน เพื่อให้มีการกระจายรายได้ลงไปสู่ ชนชั้นกรรมาชีพ เพื่อให้สามารถพึ่งพาตนเองได้

2. เพิ่มมาตรการสร้างแรงจูงใจให้แก่ชุมชน(Add measures to create incentives for communities.)ที่นำทฤษฎีเศรษฐกิจพอเพียงมาใช้อย่างได้ผล ในทัศนคติที่ต้องการให้เกิดการแข่งขันกันในการนำทฤษฎีนี้มาขยายผลปฏิบัติกันในแต่ละ ชุมชนทั่วประเทศ

3. สร้างนโยบายชุมชนเข้มแข็ง( Builds strong communities)จากการเรียนรู้ เพื่อให้ขยายผล นำความรู้ที่ได้ไปก่อให้เกิดการสร้างงาน สร้างรายได้ให้แก่ชุมชน

ช่วงที่ 2 ปัญหา แนวคิด คนกับสิ่งแวดล้อม(People thinking about the environment.)

มีแขกรับเชิญของรายการ คือ นาย ชายน้อย เผื่อนโกสุม ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัทปตทอะโรเมติกส์และการกลั่น จำกัด (มหาชน) จากบทสนทนา กล่าวถึงกรณีศาลปกครองสั่งระงับการลงทุน 76 โครงการ ในเขตมาบตาพุด มี โครงการใหม่ในพื้นที่มาบตาพุด 25 แห่ง ที่ถูกคำสั่งถูกศาลปกครองกลางระงับชั่วคราว ปัญหาที่เกิดขึ้นมากความไม่ชัดเจนจากมาตรการต่างๆ โดยเฉพาะการดำเนินการภายใต้มาตรา 67 วรรคสองของรัฐธรรมนูญ 2550 ก่อนหน้านี้ ไม่ได้อยู่ในข้อเรียกร้อง และ ข้อกำหนดให้เอกชนต้องปฏิบัติมาก่อน เพราะในปี 2550 สมัยรัฐบาลพลเอกสุรยุทธ์ จุลานนท์ อดีตนายกรัฐมนตรี ได้มีการสั่งให้ทำแผนปฏิบัติการลดและขจัดมลพิษระยอง 2550-2554 ขึ้น พร้อมกับมาตรการลดอัตราการระบายมลพิษ (Measures to reduce pollution drainage.)ในโรงงานเก่า และโรงงานใหม่สัดส่วน 80 : 20 จนผลให้ ปตท.ต้อง ลงทุนเพิ่มเติมอีก 2 หมื่นล้านบาท เพื่อจัดซื้ออุปกรณ์รองรับในการลดปริมาณ ก๊าซซัลเฟอร์ไดออกไซด์ ก๊าซไนโตรเจนไดออกไซด์ และลดสารอินทรีย์ระเหยง่ายในบรรยากาศ (VOCs) ตามจุดรั่วซึมข้อต่อท่อต่างๆ และ ปตท.ก็ดำเนินการแก้ไขอย่างต่อเนื่องมาตลอด 2-3 ปีไม่เห็นด้วยที่ถูกสังคมกล่าวหาว่า ปตท.ละเลย ปัญหาสิ่งแวดล้อม (Environmental problems.) และผลกระทบทางสุขภาพของชุมชนในพื้นที่มาบตาพุด เพราะที่ผ่านมา ได้ปฏิบัติตามเงื่อนไขอีไอเอมาโดยตลอด และทำอย่างเคร่งครัดตามที่รัฐบาลกำหนด แต่ได้มีการเพิ่มมาตรการ HIA ขึ้นมาเพื่อตรวจสอบอีก ไม่ได้เร่งรีบหรือทำอะไรท่ามกลางความอึมครึม เพราะตอนนั้นยังไม่มีอะไรชัดเจนเลย อย่างไรก็ตาม แต่ภาคเอกชนพร้อมปฏิบัติตามมาตรา 67 วรรคสองอยู่แล้ว แต่ขอความชัดเจน นอกจากนั้น ยังกล่าวถึงการควบรวม ระหว่าง บริษัท ปตท. กับ บริษัท อะโรเมติกส์ (บ.เชลล์) ด้วยว่า ไม่มีผลกระทบกับการจ้างแรงงานของทั้งสองบริษัท เพราะไม่มีการให้พนักงานออก แต่ได้ใช้การ หา/สร้างงานให้ทำ รวมทั้งได้มีการนำแนวทางการบริหารงานสมัยใหม่มาใช้ ซึ่งได้แก่

การสร้างบรรยากาศในการทำงานให้มีความสุข Creating the atmosphere in a good performance.และรับฟังข้อเสนอแนะต่าง ๆ ของพนักงาน แล้วนำมาพิจารณาปรับใช้ร่วมกัน

การสร้างองค์กรความเรียนรู้ให้เกิดขึ้นในหน่วยงาน The organization of learning occurs in organizations.

การกระตุ้นให้เกิดความคิดสร้างสรร Encouraging creative ideas. ก่อให้เกิดนวัตกรรมใหม่ในการทำงาน

แนวคิด คนกับสิ่งแวดล้อม(People thinking about the environment) ตามความหมายในพจนานุกรม ฉบับราชบัณฑิตยสถาน พ.ศ. 2525 และในพระราชบัญญัติส่งเสริมและรักษาคุณภาพสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ พ.ศ. 2535 ได้ให้คำนิยามของสิ่งแวดล้อมตรงกันคือ หมายถึง สิ่งต่าง ๆ ที่มีลักษณะทางกายภาพและชีวภาพที่อยู่รอบตัวมนุษย์ ซึ่งเกิดขึ้นโดยธรรมชาติและสิ่งที่มนุษย์ได้ทำขึ้นมนุษย์กับสิ่งแวดล้อมมีความสัมพันธ์กันเป็นวงจรไม่สามารถที่จะบอกได้ชัดเจนว่าสิ่งใดมีอิทธิพลต่อสิ่งใด มากกว่ากัน ความเป็นอยู่และกิจกรรมของมนุษย์เป็นตัวการสำคัญในการเปลี่ยนแปลงสิ่งแวดล้อม ด้วยการผลิตและบริโภคที่ยั่งยืนควบคู่ ไปกับการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมให้ ยั่งยืน เป็นปัจจัยในการขับเคลื่อนสังคมไปสู่ความอยู่เย็นเป็นสุขร่วมกัน (Into a Aioeeien Sukrewmkan.)กรณีมาตพุด น่าเห็นใจทั้งสามฝ่าย เป็นผลจากการขาดจิตสาธารณะของสังคม (Lack of public mental society.)ไทยคงต้องร่วมมือกันให้มากขึ้นในเรื่องนี้ เป็นกำลังใจให้ใครก็ตามที่ต้องมาแก้ปัญหา อยากแค่ขอฝากความหวัง ในฐานะพลเมืองไทย We hope deposits. As a Thai citizen.

jitrakan kanjanalekha

การเมืองช่วยคนจน

       ตามความคิดเห็นผมรัฐบาลทำเพื่อเอาใจประชาชน (บางส่วน) การปลดหนี้นอกระบบ..ข้อพิสูจน์ไม่ชัดเจน...อย่าเอาคำสาบานมาอ้าง

นายสุริยา ประดิษฐ์สถาพร

รายการ Human Talk คลื่น Positive thinking FM.96.5 ดำเนินรายการโดย ศ.ดร. จีระ หงส์ลดารมภ์ และ คุณ จีรวัฒน์ ตั้งบวรพิเชษฐ์

การเมืองช่วยคนจนได้อย่างไรและแนวคิด คนกับสิ่งแวดล้อม ฟังดูเหมือนคนละเรื่องแต่แท้ที่จริงเป็นเรื่องเดียวกันก็คือการอยู่ร่วมกันของคนและสิ่งแวดล้อม โดยทั้งสองสิ่งต้องตอบแทนซึ่งกันและกันอย่างสมดล หากไม่สามารถรักษาสมดุลเอาไว้ได้ก็อาจเกิดวิกฤติการณ์ร้ายแรงได้ เช่นมนุษย์สร้างโรงงานปล่อยสารพิษออกมาทำให้เกิดมลพิษ ธรรมชาติก็เอาคืนด้วยการเกิดภาวะโลกร้อน เป็นต้น ดังนั้นการสร้างสัมพันธ์ต่อกันระหว่างมนุษย์กับสิ่งแวดล้อม เป็นปัจจัยในการขับเคลื่อนสังคมไปสู่ความอยู่เย็นเป็นสุขร่วมกัน

นาย วิรัช จินดากวี น ศ ป เอก ม เกริก

รายการhuman talk จากคลื่นความคิดfm96.5 เวลา6โมงเช้า วันอาทิตย์ที่22พฤศจิกายน2552 เรื่อง หนิ้นอกระบบ กับปัญหามาตาพุด อุตสาหกรรมที่ต้องหยุดตามคำสั่งศาลปกครอง พูดถึงการเมืองจะช่วยคนจนได้อย่างไร เนื่องจากประชาชนระดับทำงาน พ่อค้า แม่ค้า กรรมกร ต้องกู้เงินนอกระบบ ดอกเบิ้ยแพง และก็ไม่สามารถชำระคืนได้รัฐบาลได้ให้ธนาคาร6แห่งเข้ามาปล่อยเงินกู้ให้กับประชาชนก็คงช่วยประชาชนได้ระดับหนึ่ง ส่วนปัญหามาตาพุดภายใต้ยุคโลกาภิวัฒน์การพัฒนาทรัพยากรมนุษย์จะต้องให้ประชาชนต้องไม่เสี่ยงภัยกับมลภาวะตลอดเวลาของการดำเนินชีวิตจะต้องหาความปลอดภัยให้กับประชาชน ตามนโยบายของรัฐบาล ประชาชนต้องมาก่อน นาย วิรัช จินดากวี นักศึกษาปริญญาเอก นิเทศศาสตรนวัตกรรม มหาวิทยาลัยเกริก5213119

นางสาว อักษร จุลวรรณ

เรื่องหนิ้นอกระบบกับปัญหานิคมอุตสาหกรรมมาตาพุดจากรายการhuman talk จากคลื่น96.5เวลา 6.00นวันที่22 พฤศจิกายน 2552 เรื่องหนิ้นอกระบบรัฐบาลจะแก้ไขให้กับประชนระดับกรรมกร พ่อค้า แม่ค้า คนทำงาน ที่ต้องเสียดอกเบิ้ยแพงและไม่สามารถชำระคืนได้โดยการให้ธนาคาร6แห่งเข้ามาปล่อยสินเชื่อให้กับประชาชน ปัญหานิคมอุตสาหกรรมมาตาพุดที่ต้องหยุดตามคำสั่งศาลปกครองเพราะได้สร้างมลพิษให้กับประชาชนต้องแก้ไขทำให้ประชาชนได้ดำเนินชีวิตอย่างปลอดภัยและมี่สิ่งแวดล้อมที่ดี

นายวุฒิวิทย์ ก่าแก้ว

เรียน...อาจารย์จิรายุ และเพื่อนนักศึกษาปริญญาเอก ทุดท่าน

ด้วยในวันศุกร์ที่ 27 พฤศจิกายน 2552 ทาง อาจารย์จีระ ได้จัดสัมมนา ที่สำนักงานข่าวกรองแห่งชาติ เพื่อความพร้อมเพียงขอให้นักศึกษาท่านที่สนใจจะเข้าร่วมงานดังกล่าวได้แจ้งชื่อที่ผมนายวุมิวิทย์ ก่าแก้ว จะได้ช่วยประสานไปทางคุณเอ๋ เพื่อแจ้งจำนวนผู้เข้าร่วมงานที่แน่นอน โทรแจ้งผมได้ที่ 081-582-6067 (ภายในวันพุธ ที่ 25 พฤศจิกายน 2552) ขอขอบพระคุณครับ

ขอแสดงความคิดเห็นส่วนตัวเกี่ยวกับโครงการประชานิยม เรื่องหนิ้นอกระบบของรัฐบาลนายกอภิสิทธิ์ การแก้ไขหนิ้นอกระบบผมว่าเป็นการแก้ไขไม่ถูถทางการปล่อยสินเชื่อส่วนบุคคลโดยธนาคาร6แห่งนั้นเท่ากับเป็นการไปเพิ่มหนิ้ให้กับประชาชนถึงจะให้สาบานตนว่าจะไม่กลับไปกู้อีก ท่านจะเชื่อได้อย่างไรกับนิสัยคนไทยที่กล้าสาบานทุกเรื่องเพื่อให้ตัวเองอยู่รอด ประสบการณ์ตัวเองสมัยที่ดำรงตำแหน่งนายกเทศมนตรีอยู่เคยตั้งกองทุนเงินกู้ดอกเบิ้ยต่ำให้กับพนักงานลูกจ้างเทศบาลเอาไปใช้หนิ้นอกระบบดอกเบิ้ยร้อยละ20แต่อีกระยะหนึ่งพนักงานเหล่านั้นก็ไปกู้นอกระบบมาอีกเท่ากับนโยบายเราไปเพิ่มหนิ้ให้กับเขาอีก วิธีการแก้ของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวเป็นวิธีการที่ถูถต้องที่สุดแล้วคือ เศรษฐกิจพอเพียง คือพออยู่พอใช้ไม่เป็นหนิ้ใคร รัฐบาลต้องสร้างค่านิยมเหล่านิ้ ด้วยความรู้อันน้อยนิดถ้าผิดไปก็ขออภัยด้วย จาก นาย วิรัช จินดากวี นักศึกษาปริญญาเอกมหาวิทยาลัยเกริก

!!!!!.....มาอีกแล้วครับ ! ของฟรี ? ที่คนไทยชอบ ?

---- 5 " คำที่เป็นมงคลต่อมนุษย์ " จำไม่ยาก.....

----..... คำ หวาน ?..... A sweet ?.....

----..... คำ คม ?..... Sharp words ?.....

----..... คำ ชม ?..... Praise ?.....

----..... คำ นวน ?..... Calculator ?.....

----..... คำ นึง ?..... A concern ?.....

(คำต่างๆเหล่านี้ จะเห็นได้ว่า เป็นคำพูดของใครก็ตาม ผู้พูดจะเป็นผู้ได้รับเสมอๆ Speakers will beoften.) ผู้เขียนขอมอบไห้ผูอ่านช่วยนำไป โปรดพิจารณาด้วย .....(Please consider.)

(jri) jitrakan kanjsnslekha

นายวุฒิวิทย์ ก่าแก้ว

ได้ฟังรายการ Human talk ทาง 96.5 ซึ่งดำเนินรายการโดย ศ.ดร.จีระ และคุณจีรวัฒน์ ซึ่งแขกรับเชิญอาทิตย์นี้ก็ได้รับเกียรติจากคุณชายน้อย ประะานเจ้าหน้าที่บริหารของ ปตท. ในช่วงแรกของรายการได้รับรุ้เรื่องการวิเคราะห์สถานการณืทางเศรษฐกิจ สังคม และการเมือง ก็คือ เรื่องของการปลดหนี้นอกระบบของรัฐบาล อ.จีระท่านก็ได้ให้ข้อคิดไว้

1. อาจจะเป็นเรื่องอยาก เพราะตัวเจ้าหนี้เองก็ไม่อยากปรากฎตัวเพราะอาจกลัวสรรพากรจ่องที่จะปรับเรื่องภาษี

2. ประเด็นคือต้องเป็นหนี้อันเนื่องมาจากการค้าขายมิใช้หนี้ที่เกิดจากการพนัน

ช่วงที่สอง คุณชายน้อยก็ได้พูดถึงมาบตาพุดในเรื่องของมลภาวะ ที่มีระดับมากขึ้น อันเนื่องจากดรงงานอุตสาหกรรมเกิดขึ้นมากขึ้น

มาบตาพุดเองในฐานะที่เป็นจุดศูนย์รวมของอีสเทิลซีบอร์ด ก็ได้มีแนวคิดเพื่อที่จะแก้ไขในเรื่องมลพิษ เมื่อมีผู้ฟ้องกับศาลปกครอง ศาลปกครองก็มีคำสั่งให้ทำ EIA รวมถึง Sia ด้วย เพื่อศึกษาผลกระทบต่อสุขภาพซึ่งท้ายฟ้องก็มคำสั่งให้คุ้มครองชั่วคราว ซึ่งต่อไปปัญหาในมาบตาพุดจะเป้นอย่างไรในฐานะประชาชนคนไทยก็ขอให้ติดตามต่อไปน่ัะครับ เพราะหาไม่มีอุตสาหกรรมประเทสก็แข่งขันกับอนานารยประเทศไม่ได้ แต่ถ้ามีระบบอุตสาหกรรมที่ทันสมัยก็ควรจะต้องควบคุมให้ดีเพื่อให้สภาพอากาศสิ่งแวดล้อมเพื่อไม่ให้กระทบต่อส่วนรวมก็จะดี

นางโสภิต พิสิษฐบรรณากร

ในช่วงแรกรายการได้กล่าวถึงการจัดการของหนี้นอกระบบ ก็เป็นการดีที่รัฐบาลได้เอาใจใส่ในความอยากจนของประชาชนในระดับรากหญ้า แต่วันนี้ถ้ามองไปในทางของปัยหาหนี้นอกระบบก็จะกลายเป็นว่านายทุนที่เป้นเจ้าหนี้ก็ไม่ยอมออกมารับเรื่องจริงๆก็อาจจะเป็นปัญหาให้กับลูกหนี้อีก แต่อย่างไรเสียลูกหนี้ก็ยังถือว่าได้มีโอกาสในการชำระหนี้ที่ถูกลงไม่ถูกเอาเปรียบ

ช่วงที่สองก็พูดถึงกรณีมาบตาพุด ที่เป็นปัญหามลพิษที่เกิดขึ้นเมื่อมีการร้องศาลปกครอง เพื่อให้คุ้มครอง ทางปตท.เองก็ได้เร่งทำตามเพื่อให้มลพิษนั้นลดลง และมีแนวทางที่จะช่วยกันแก้ไขปัญหาดังกล่าวอย่างดีที่สุด

กำหนดการสัมมนา

เรื่อง “ การสร้างผู้นำยุคใหม่ของสำนักข่าวกรองแห่งชาติ”

ในวันศุกร์ที่ 27 พฤศจิกายน 2552 เวลา 08.30 – 12.00 น.

ณ ห้องประชุมสำนักข่าวกรองแห่งชาติ

---------------------------------------

08.00 - 08.30 น. - ลงทะเบียน

08.30 - 09.00 น. - พิธีเปิด

09.00 - 09.45 น. - แนะนำโครงการฝึกอบรมหลักสูตรพัฒนาทุนทางความรู้ ทักษะและทัศนคติ (Talented Capital

Development Program) สำหรับบุคลากรของสำนักข่าวกรองแห่งชาติ

09.45 - 10.00 น. - อาหารว่างและเครื่องดื่ม

10.00 - 10.45 น. - การอภิปรายเรื่อง “ การสร้างผู้นำยุคใหม่ของสำนักข่าวกรองแห่งชาติ”

โดยตัวแทนผู้เข้าอบรม

1. คุณวีระศักดิ์ ทิพย์มณเฑียร

2. คุณนันทนา นุชนารถ

3. คุณสุวิมล มานะการ

4. คุณขวัญเรือน ศรีเชื้อ

10.45 - 11.15 น. ร่วมให้คำแนะนำและข้อคิดเห็นประเด็นการอภิปราย

โดย

1. ตัวแทนคณะกรรมการพัฒนาระบบราชการ

2. ตัวแทนคณะกรรมการข้าราชการพลเรือน

3. ตัวแทนหลักสูตรพัฒนาทุนทางความรู้ ทักษะ และทัศนคติ จากกระทรวงเกษตรและสหกรณ์

11.15 – 11.45 น. - ผู้เข้าร่วมการสัมมนาร่วมการถกแถลงและแสดงความคิดเห็น

11.45 - 12.00 น. - พิธีปิด

หมายเหตุ ขอให้ท่านที่เดินทางมา (กรุณาอย่านำรถส่วนตัวมา เพราะไม่มีที่จอดรถให้ค่ะ)

ขอบคุณค่ะ

นายอำนวย เพชรวิจิตรภักดี

สวัสดีครับท่าน อาจารย์จีระ และเพื่อนนักศึกษาปริญญาเอกทุกท่าน

วันนี้ได้ฟังรายการ Human talk ทาง 96.5 สามารถสรุปได้ว่าในรายการท่านผู้ดำเนินรายการทั้งสองท่านได้พูดถึงเรื่องการช่วยชำระหนี้นอกระบบของรัฐบาลในช่วงแรก และช่วงที่สองก็ได้รับเชิญจากคุณชายน้อย ประธานผู้บริหาร ปตท. ก็พูดเรื่องมาบตาพุด ที่มีผลกระทบต่อมวลภสภาวะและสิ่งแวดล้อม

ประเด็นในช่วงแรกก็จะสามารถแก้ไขปัญหาได้มากน้อยแค่ไหนคงต้องให้กำลังใจรัฐบาลบ้างเพราะปัญหาก้คือเจ้าหนี้บางส่วนก็ไม่อยากจะออกมายอมรับการเป็นเจ้าหนี้เพราะกลัวตำรวจ กลัวสรรพกร จะคิดย้อยหลัง นี้ถ้าคิดย้อนหลังก็คงแย่เหมือนกัน แต่ก็ต้องเอาใจช่วยรากหญ้าอย่างประชาชนตาดำๆที่ก้รอวันนี้มานาน เขาก็จะได้ปลดหนี้เสียที คือจ่ายดอกเบี้ยน้อยลง ก็พอลืมตาอ้าปากได้

ประเด็นที่สองคงต้องพูดถึงเรื่องประเด็นเรื่องมลพิษในมาบตาพุด วันนี้ศาลปกครองสั่งคุ้มครอง และทาง ปตท.ก้จะหาทางแก้ไขปัญหาต่อไป

ได้ฟังราการ Human Talk ของท่านอาจารย์จีระ และคุณจีรวัฒน์ ซึ่งดำเนินรายการทุกวันอาทิตย์ เวลา 06.00 - 07.00 น. วันนี้ก็ได้ประโยชน์มามายและประเด็นในวันนี้ก็เป็นเรื่องของภาคสังคม เศรษฐกิจ ประเด็นแรกในช่วงแรกนี้ก็จะพูดถึงหนี้นอกระบบซึ่งก็ถือได้ว่าเป็นข่าวดีอีกครั้งสำหรับประชาชนรากหญ้าในประเทสไทยที่ได้ผลประโยชน์บ้างในทางการเมือง ผู้ดำเนินรายการก็ได้พูดถึงประเด็นของการแก้ไขปัยหาหนี้นอกระบบของประชาชน แต่ปัยหามันมีอยู่ว่ากลุ่มทุนหรือเจ้าหนี้ที่ไหนจะออกมารับบ้าง

เพราะเจ้าหนี้เหล่านี้กลัวสรรพากร กลัวตำรวจ ที่จะดำเนินคดีหรือดำเนินการอย่างเด้จขาด นี้ก็เป็นอีกปัยหาแต่สำหรับประชาชนล่ะจะทำอย่างไรต่อไปถ้าเจ้าหนี้ไม่ยอยออกมารับ ส่วนในช่วงที่สองก็เป็นเรื่องของปัญหาที่มาบตาพุดในเรื่องของมลพิษที่ประชาชนกลุ่มหนึ่งร้องไปยังศาลปกครอง ซึ่งก็ได้รับเกียรติจากคุณชายน้อยที่เป็นแขกรับเชิญและได้พูดถึงเรื่องดังกล่าว ว่าขณะนี้ศาลปครองได้มีคำสั่งคุ้มครองชั่วคราว แล้ว และทางปตท.ก็จะได้หาวิธีแก้ไข ต่อไป

นายประจักษ์ เพ็งจางค์

จากการดูรายการ คิดเป็นก้าวเป็นกับ ดร. จีระ หงส์ลดารมภ์ พูดคุยกับ Robert Tucker Guru Innovation

โดยภาพรวมของรายการแล้วดีมาก ได้ประโยชน์ทุกๆด้านแต่ระยะเวลา 30 นาทีสั้นมากการจับใจความกับเนื้อหาการพูดคุยต้องยอมรับว่ายากมากเพราะเป็นภาษาอังกฤษถึงแม้จะมีบรรยายภาษาไทยด้วยก็ตามเพราะอ่านไม่ทัน เนื้อหาของรายการที่จับใจความได้มีดังนี้ ปัจจุบันมีการแข่งขันสูงมากในตัวสินค้าหรือองค์กรต่างๆ นวัตกรรมใหม่ๆ มีรูปแบบและการติดตามเปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดเวลา

สินค้าต้องดี ต้องมีการสร้างความแตกต่าง อยากให้องค์กรต่างๆ สนใจนวัตกรรมใหม่ๆ อย่างเช่น TOYOTA ในประเทศเกาหลี

แม้แต่ HYUNDAI ก็เจอวิกฤติ ทุกบริษัทต้องคิดแล้วว่าจะขายรถได้อย่างไร จะปรับเปลี่ยนหรือลดราคาอย่างไร

ที่สำคัญผู้นำทุกองค์กรต้องปรับตัวให้เหมาะกับการเปลี่ยนแปลงภายในองค์กร General Motor ก็เป็นอีกองค์กรที่ต้องพัฒนาตัวเองผู้นำต้องเข้าใจและสร้างความจูงใจ ต้องกล้าเสี่ยง ดร. จีระ หงส์ลดารมภ์ บอกว่าให้มององค์กรอย่างเป็นกลาง

รูปแบบผู้นำว่าคิดอย่างไร 15% ชอบเปลี่ยนแปลงนวัตกรรม 85% ยังคิดแบบเก่ายังใช้อำนาจของกฏหมายอยู่

ดร. จีระ หงส์ลดารมภ์ กล่าวว่าถ้าป็นผู้นำอยู่ในกรอบเดิมมักจะอยู่กับที่ถ้าจะให้ดีต้องมี

1.มองการใหญ่

2.มองไกลและสมำ่เสมอในการทำทุกอย่าง

3.ดูองค์กรแล้วฉกฉวยโอกาสว่าจะไปทางไหน

ดร. จีระ หงส์ลดารมภ์ บอกว่าผู้นำเป็นเรื่องสำคัญ จะทำการสำเร็จต้องมีความคิดสร้างสรรค์ไฝ่รู้ เอาชนะ อุปสรรค

อุปสรรคคือความไม่เปลี่ยน

นายประจักษ์ เพ็งจางค์

นาย วิรัช จินดากวี โทร0818517943

good morning วันนิ้ตื่นนอนตอนเช้าก็เปิดสมองรับความรู้จากเพื่อนๆและอาจารย์ก็ยังเห็นความเปลี่ยนแปลงของเพื่อนคนแก่ๆที่ท่านอาจารย์ได้จุดประกายไว้ได้ผลครับดึกแค่ไหนก็ไม่นอนยังติดตามผลงานของอาจารย์อยู่ถือว่าสุดยอดจริงๆ อาจารย์จุดประกายจริงๆขอขอบคุณครับสำหรับความรู้ที่ท่านให้ นาย วิรัช จินดากวี นักศึกษาปริญญาเอก มหาวิทยาลัยเกริก

เกศสุพิชญ์ (ก้อย) ธนนันท์โสภณ

เรียนท่าน ศ.ดร จีระ หงส์ลดารมถ์

ก่อนอื่นต้องขออภัยท่านอาจารย์เป็นอย่างสูง ค่ะ ที่ดิฉันเข้าบล็อกมาล่าช้าเนื่องจากคอมพิวเตอร์ติดไวรัสค่ะ เพิ่งแ้ก้ไขเรียบร้อยและติดภาระกิจของการทำงานด้วยค่ะ แต่ไม่เคยลืมที่จะเข้ามาบล็อกของท่านอาจารย์นะค่ะ แต่ฟังจากพี่พี่หลายท่านสรุปแล้วนับว่ารายการของท่านอาจารย์เป็นรายการที่ทันสมัยมากค่ะ เหมือนรู้ล่วงหน้า หรือทันเกมส์รัฐบาล แต่ในความคิดเห็นของดิฉัน การเปลี่ยนแปลง หรือใช้นโยบายโอบอุ้มประชาชนคนเดือดร้อนก็ดีค่ะ แต่ว่าหากมองไปข้างหน้าการสร้างวินัยของคนไทยต่างหากค่ะที่จะสามารถแก้ไขปัญหาไปในทุกด้าน ไม่ว่าจะเป็นวินัยการใช้จ่าย วินัยการทำงาน วินัยในการใช้ชัวิต วินัยในการศึกษา วินัยการครอบครัว วินัยในสังคม ก็จะสามารถวางแผนการดำเนินชีวิตได้อย่างสมบูรณ์แบบค่ะ หรือหากมองในภาพรวมก็จะสามารถแก้ไขปัญหาต่างๆได้ดีกว่าการที่ประชาชนไม่มีวินัย หากทุกคนร่วมมือกันสร้างวินัยโดยเริ่มจากตนเองก็จะไม่ผลกระทบต่อสังคม ไม่ต้องมีการใช้งบประมาณของทางการมาช่วยแก้ไขเรื่องหนี้สิน ไม่ต้องมาแก้ไขการปัญหามลภาวะเป็นพิษ ในพื้นที่เขตอุตสาหกรรม ตลอดจนมลภาวะเป็นพิษทางเสียงของพื้นที่บริเวณสุวรรณภูมิ เ้ป็นต้น การแก้ไขปัญหา่ระยะสั้นอาจให้นโยบายรัฐบาลในปัจจุบัน แต่การแ้กไขปัญหาระยะยาวควรวางแผนการสร้างวินัย ของบุคคล ชุมชน สังคม หรือทุำกสถาบัน ทุกหน่วยงาน กรม กระทรวง รัฐบาล ประเทศ จึงจะสามารถแก้ไขปัญหาอย่างหยั่งยืน และยาวนาน ไม่ว่ารัฐบาลจะเปลี่ยนกี่สมัย แต่วินัยของคนที่ฝังในจิตสำนักจะคงอยู่ตลอดไป

     เรียน อาจารย์จีระ หงส์ลดารมภ์ ที่เคารพ

     เรื่อง  ขอลาหยุดเข้าเรียนในวันเสาร์ที่28 พฤศจิกายน 2552

             เนื่องจากบริษัทฯ ขอความร่วมมือให้พนักงานทุกท่านเข้าร่วมกิจกรรม จัดอบรมธรรมมะ เรื่อง"บริหารงาน บริหารชีวิตด้วยพลังปัญญา" เวลา 6.30 น.-20.00 น. ทำให้ตัวข้าพเจ้ามิสามารถไปร่วมเรียนในคราบเรียนต่อไปได้ เพราะข้าพเจ้าได้สิทธิในการขอหยุดการทำงานทุกวันเสาร์ แต่ถ้าทางบริษัทฯ มีเหตุที่ต้องขอความร่วมมือก็ควรจะร่วมทำกิจกรรมในครั้งนั้นๆ ค่ะ

             จึงเรียนอาจารย์เพื่อทราบ

นายวุฒิวิทย์ ก่าแก้ว

สวัสดีครับท่านอาจารย์จีระ และเพื่อนๆนักศึกษาปริญญาเอก นิเทศศาสตร์นวัตกรรมทุกท่าน

วันนี้เราก็ได้ส่งผู้แทนนักศึกษา 3 ท่าน ได้ไปเข้าร่วมสัมมนาที่สำนักวานข่าวกรองแห่งชาติ เนื้อหาจะเป็นอย่างไรก็คงต้องรอสรุปจากเพื่อนทั้งสามท่าน คือ คุณศศิสุภา คุณณัฐธา และคุณจิตรการ ครับ

และในวัยเสาร์นี้อาจารย์ได้แจ้งกับคณะที่ได้ไปเข้าร่วมสัมมนา ว่าขอให้นักศึกษาเข้าเรียนเร็วๆเหมือนอาทิตย์ที่แล้วน่ะครับ

ก็คือเช้าที่ห้องอาหาร 08.00 น. คับ ขอให้ทุกท่านเข้าอย่างพร้อมเพียงกันน่ะครับ ขอบคุณครับ

สรุป Workshop เรื่อง 8 K’s

  1. 8 k มีประโยชน์อย่างไร และคิดว่าทุนไหนสำคัญที่สุด
  • ทุกทุนมีประโยชน์ แต่ที่เด่นที่สุดเป็นทุนทางปัญญา ( Wisdom) เพราะจะเปิดจิตสำนึกไปสู่ความสุข การมีจิตสำนึกที่ดีทำให้เรามีความสุขได้  เพราะไปสู่ทุนอื่นๆด้วยเพราะทกเรื่องเกี่ยวกับมนุษย์ความสำคัญในด้าน เพราะเป็นการพัฒนาในองค์รวมจะต้องพัฒนาที่เด็กเพื่อให้ครบถ้วนเพื่อการสร้างประโยชน์ต่อประเทศ
  • มีความสำคัญต่อคุณภาพของสังคมโลก ทุนทางจริยธรรมต้องมาก่อนเพื่อสร้างทุนแห่งความสุขในสังคม และสุดท้ายก็จะมาสร้างทุนทางปัญญา เมื่อมีปัญญาแล้วเรื่องทุนอื่นๆอย่างเช่นทุนทางความรู้และทุนทาง IT ก็จะตามมา เน้นที่ความคิดเป็นระบบ เราต้องรู้ว่าเราต้องการอะไร ไม่พยายามไปทำสิ่งที่เราไม่ชอบ จุดที่สำคัญสุดคือเรื่อง Happiness
  • สิ่งแรกที่จะทำก็คือทุนทางความสุข เมื่อสุขที่จะทำ มีความสำคัญที่สร้างคนจากภายในเพื่อการสร้างผลภายนอก เพื่อให้ได้คนที่ดี
  1. 8 K’s เกิดขึ้นได้อย่างไร
  • 8 K’s ต้องเกิดมาต้องมาตั้งแต่เกิด เพื่อเตรียมคนที่มีความพร้อมมาอยู่ในสังคม
  • การจุดประกายที่ทำให้เราอยากรู้แจ้ง และอยากทำอย่างต่อเนื่องไปเลื่อน
  • วิธีการเรียนรู้ที่มาจากประสบการณ์ และเรียนรู้จากสิ่งที่ล้มเหลว

สรุป การสร้าง 8 K’s การสร้างคุณภาพของคน ถ้าข้างในเราดีทุนมนุษย์จะต้องดี

  • การปลูกฝัง
  • การตั้งคำถาม
  • การกระตุ้น
  • การสร้าง Value คือสามารถคิดวิเคราะห์ได้  

8 k มีประโยชน์อย่างไร

ทุนที่เห็นว่าสำคัญที่สุดคือ " ทุนทางปัญญา " เหตุผล

มนุย์ที่มีสติปัญญา และใช้สติปัญญาไปในทางที่ถูกที่ควร การใช้ชีวิตย่อมเดินทางถูกเสมอ

ไม่ว่าท่านจะใช้ทุนทางใดๆก็ตาม โดยเฉพาะทัศนคติที่ดี และ มีจริยธรรม มีจิตเป็นสาธารณะ

ทุนแห่งความสุข และความเจริญ มนุษย์ทั้งโลกก็จะ"ได้รับทั่วกัน.................................

(ใจ) jitrakan kanjsnslekha

(jri) jitrakan kanjsnslekha [IP: 203.153.166.174]

เมื่อ อา. 29 พ.ย. 2552 @ 12:21

#1704058 [ ลบ ]

8 k มีประโยชน์อย่างไร

ทุนที่เห็นว่าสำคัญที่สุดคือ " ทุนทางปัญญา " เหตุผล"Intellectual capital".

มนุย์ที่มีสติปัญญา Manu Valley with understanding. และใช้สติปัญญาไปในทางที่ถูกที่ควร

การใช้ชีวิตย่อมเดินทางถูกเสมอ The trip is always the soul.

ไม่ว่าท่านจะใช้ทุนทางใดๆก็ตาม โดยเฉพาะทัศนคติที่ดี ood attitude. และ มีจริยธรรม Ethical behavior

.มีจิตเป็นสาธารณะ Have a shared mental.

ทุนแห่งความสุข Capital of happiness.และความเจริญ มนุษย์ทั้งโลกก็จะ

"ได้รับทั่วกันBe around each other..................................

(ใจ)

ขอแสดงความคิดเห็น ว่า ความหมายของ Ph.d. candidate. คือ

นศ.ที่อยู่ในระหว่างการศึกษาปริญญาเอก.....ชัว!

Phd. Ns. That is in education degree ..... Assurance!

กิจบ้านเมือง เรื่องใหญ่ ใครรับผิด

โปรดพินิจ บรรจง ชงให้สวย

ผู้นั่งแท่น มิจฉา อย่างงงวย

โอกาสฉวย สง่างาม เร่งความสม

ลาภโลกา มาไป ไลท์ชื่อศักดิ์

ผู้ตระหนัก สร้างสิ่ง ภิรมสรร

ประชาชื่อ ฝากชื่อ จารึกาล

State bank on one big liability.

Please consider the beautiful elaborate Chong.

The passenger platform มิจฉา not puzzled.

Opportunity to take accelerated the elegant equations.

Good luck to earth to light honorable name.

Governance programs that create awareness of seeding.

Public Name Name Jacobsen รึ time deposits.

(ใจ) jitrakan kanjanalekha

“จากที่เป็นตัวแทนของพี่ ๆ น้อง ๆ ชาว PHD ปรัชญานวัตกรรมสื่อสาร มหาวิทยาลัยเกริก พอสรุปได้ดังนี้นะคะ”

การสัมมนาเรื่อง “การสร้างผู้นำยุคใหม่ของสำนักข่าวกรองแห่งชาติ”

ศุกร์ที่ 27 พฤศจิกายน 2552 เวลา 09.00 – 12.00 น.

ความเป็นมา Public Seminar เรื่อง “การสร้างผู้นำยุคใหม่ (Talents Management)” ของ สขช.

สืบเนื่องจาก หลักสูตร “พัฒนาทุนทางความรู้ ทักษะ และทัศนคติ สำหรับบุคลากรของ

สำนักข่าวกรองแห่งชาติ ระดับ 6-7” ครั้งที่ 3 หลังจากที่ได้เข้าไปทำหลักสูตร HR for

New HR ให้แก่ผู้บริหารจำนวน 2 รุ่น โดยท่าน ศ.ดร.จีระ หงส์ลดารมภ์

สขช. หรือสำนักข่าวกรองแห่งชาติ National Intelligence Agency ความเป็นมา บทบาท

และหน้าที่ พี่ ๆ น้อง ๆ เข้าไปเยี่ยมชมได้ใน Web นี้นะคะ

http://www.lawamendment.go.th/nia/

ผู้เข้าร่วมสัมมนา : ผู้ดำเนินรายการ -ศ.ดร.จีระ หงส์ลดารมภ์ แขกรับเชิญ คุณวนิดา กำเนิดเพ็ชร

นักวิชาการสัตวบาล กระทรวงเกษตรและสหกรณ์

ผู้ร่วมสัมมนา -ผู้แทน 4 ท่าน จากผู้อบรมหลักสูตรฯ รวม 44 ท่าน

ผู้ฟังสัมมนา -เจ้าหน้าที่บริหารภายในองค์กรสำนักข่าวกรองแห่งชาติ

-เจ้าหน้าที่บริหารภาครัฐและรัฐวิสาหกิจจากหน่วยงาน

ภายนอก อาทิ กองทัพเรือ, กองทัพอากาศ การบินไทย ฯลฯ

-พวกเราชาวเกริก

เนื้อหา : คำกล่าวของท่านผู้อำนวยการสำนักข่าวกรองแห่งชาติ

“การพัฒนาคนในองค์กรอย่างต่อเนื่อง ต้องการให้เกิดการมีส่วนร่วมไปในทิศทางเดียวกันโดยเรียกว่า Triple T Excellent ในองค์กร อันประกอบด้วย Trust ความเชื่อใจ ศรัทธาและมุ่งมั่น เกิดค่านิยม วัฒนธรรมและสัมพันธภาพที่ดี อันจะนำไปสู่การทำงานอย่างเป็น Team เพื่อฝ่าฟันปัญหาอุปสรรคให้บรรลุตามวิสัยทัศน์พันธกิจขององค์กร ที่ปัจเจกบุคคลไม่สามารถทำให้เกิดผลสำเร็จได้เพียงคนเดียว เพื่อให้เกิด Tomorrow วันข้างหน้า อนาคตที่สดใสและการดำรงอยู่ขององค์กรอย่างยั่งยืน

ความกล้าหาญของผู้นำ เป็นสิ่งจำเป็น แต่การใช้ความกล้าจะเกิดอุปสรรคสำคัญที่ไม่อยากให้เกิด คือ ผลกระทบจากการตัดสินใจนำไปสู่ความล้มเหลวขององค์กร ส่วนใหญ่อยากได้ Win Win Model ในการจัดการกับปัญหาที่มีอยู่ซึ่งไม่ใช่เรื่องง่าย ดังนั้น อย่าตั้งความหวังไว้ที่ผู้นำสูงสุดขององค์กรแต่เพียงคนเดียว เพราะไม่มีวันที่จะประสบความสำเร็จ ในการสร้างความเข้มแข็งขององค์กรต้องเกิดจากการนำของผู้นำทุกระดับในองค์กร ตั้งแต่สูงสุดจนถึงผู้นำระดับต้น การสร้างความผู้นำรุ่นใหม่จะนำพาองค์กรไปสู่ความเป็นเลิศ”

นายสุวพันธุ์ ตันยุวรรธนะ

“คน” ซึ่งเป็นทรัพยากรที่สำคัญ ที่จะนำพาองค์กรไปสู่ความสำเร็จ ต้องได้รับการพัฒนาโดยมีทิศทางการดูแลเอาใจใส่อย่างเข้มงวด เพื่อให้เกิดการพัฒนาอย่างจริงจัง วัฒนธรรมองค์กรเก่ากับการเปลี่ยนแปลงใหม่ ๆ เป็นเรื่องที่ต้องศึกษาให้เกิดการพัฒนา เพื่อนำองค์กรสู่ความเป็นเลิศ

ผู้นำ 1. มีวิสัยทัศน์กว้างไกล มีภาวะผู้นำ มีความรู้ และทักษะ ที่สำคัญ (มองกว้าง, มองลึก)

2. มีความใฝ่รู้ ตื่นตัวต่อการเรียนรู้ และมีวัฒนธรรมการเรียนรู้

3. มีการสร้างเครือข่าย แนวร่วม การทำงานเป็นทีม คำนึงถึงประสิทธิภาพสูงสุดของงาน ร้างโอกาส ฉกฉวยโอกาส สร้างมูลค่าเพิ่ม

แนวคิดการพัฒนาผู้นำ

เปรียบเทียบ ผู้นำแบบเก่า ผู้นำแบบใหม่

ผู้นำแบบเก่า ผู้นำแบบใหม่

-เน้นสิ่งที่ส่งเข้าไป -เน้นผลลัพธ์ คือ เราได้ผู้นำที่เราต้องการหรือไม่หรือ

ทั้งปริมาณและคุณภาพ

-ใช้เงินส่วนใหญ่ -เน้นความสนใจ เอาใจใส่และความรู้สึก

-ใช้ทรัพยากรแบบกระจายในทุกกลุ่ม -ใช้ทรัพยากรอย่างมีเป้าหมาย

-เป็นหน้าที่ของฝ่ายบุคคลที่จะดูแลทรัพยากร -เป็นหน้าที่ของผู้บริหารระดับสูงขององค์กร โดยมี

บุคคลในองค์กร ฝ่ายทรัพยากรบุคคล (HR) เป็นผู้ช่วย

-กำหนดคุณลักษณะ สมรรถนะของผู้นำ -มีการกำหนดลักษณะ สมรรถนะของผู้นำ

แบบกว้าง ๆ ลักษณะเป็นขั้นเป็นชั้น เน้นฝึกอบรม เป็นรายบุคคล ดูทักษะสมรรถนะและพรสวรรค์

แนวคิดการพัฒนาเพื่อเป้าหมาย

-สำรวจตัวเอง มองข้อดี รักษาไว้ / ข้อบกพร่อง แก้ไข

-การปรับเปลี่ยนระบบความคิด -คิดอย่างมีคุณภาพ

-คิดเชิงบวก

-คิดวิเคราะห์

-คิดริเริ่ม

-มีความสนใจใฝ่รู้ -มีความสุขกับการเรียนรู้

-สร้างบรรยากาศแห่งการเรียนรู้

-เรียนรู้อย่างต่อเนื่อง

-เรียนรู้จากการปะทะทางปัญญา แลกเปลี่ยนองค์ความรู้

-มีทักษะทำงานเป็นทีม -ลูกน้อง = ลูก + น้อง (ดูแลรักษา)

-พัฒนาอบรม

-เพิ่มสมรรถนะ

-แรงจูงใจร่วมกัน

แนวคิดที่น่าสนใจ

“ผู้นำ นำ ผู้ตามตามให้ทัน ผู้นำต้องยึดการพัฒนาตนเอง”

“leader ไม่ได้หมายถึง ตำแหน่งของผู้บริหารเท่านั้น”

“เรียนเพื่อรับปัญญา ไม่ใช่เพียงได้ปริญญา”

“Rick เพิ่มทุกวัน การปรับตัวจึงต้องเกิดขึ้นทุกวัน”

“การพัฒนาวันนี้ เพื่อความยั่งยืนในอนาคต”

“จากหิ้ง สู่ห้าง”

“ถ้าคิดจะทำ ข้อจำกัดคงแก้ไขได้”

“กล้าถูก รู้ทำ ได้รับการสนับสนุน สำเร็จได้ทั้งบุคคลและองค์กร”

“หวังว่าข้อคิดทั้งหมดคงทำให้พี่ ๆ น้อง ๆ มีความสุขกับการอ่านและได้รับอาหารสมองเพิ่มเติมตามเจตนารมย์ของท่าน อาจารย์ จีระ ที่ให้พวกเราใช้สมองตลอดเวลา

กราบขอบพระคุณอาจารย์ เป็นอย่างมาก ที่ให้โอกาสดี ๆ กับพวกเราทุกวินาที

ด้วยความศรัทธาและเคารพอย่างสูงจากพวกเราชาวเกริกทุกคน

ขอชื่อชม และยืนยันในความสามารถของ(น้องอ๋อ) คุณศศิสุภา ที่เขียนเรียบเลียงสรุบ ได้ดีเยี่ยม Was excellent.

จากที่ได้รับมอบหมายให้เรา 3 คน นำโดย คุณศศิสุภา คุณณัฐธา และคุณจิตรการ

ในวัน ศุกร์ที่ 27 พฤศจิกายน 2552 เวลา 09.00 – 12.00 น.

การสัมมนาเรื่อง “การสร้างผู้นำยุคใหม่ของสำนักข่าวกรองแห่งชาติ”

ผู้ดำเนินรายการ -ศ.ดร.จีระ หงส์ลดารมภ์ ยอมรับว่าบรรยากาสรูปแบบดีชัว

Accept that fuel the drug check a good resume Assurance.

นางวัชรี ปรัชญานุสรณ์

ข้อคิดเห็น ในรายการ Human Talk ดำเนินรายโดย ศ.ดร.จีระ หงส์ลดารมถ์ และ จีรวัฒน์ ตั้งบวรพิเชษฐ์

จากความห่วงใยประชาชนของรัฐบาล นำมาซึ่งนโยบายในการแก้ไขปัญหาความยากจนของผู้ที่เป็นหนี้นอกระบบ ด้วยการตั้งงบประมาณไว้สำหรับแก้ไขปัญหาในเรื่องนี้ ถ้าหากฟังผิวเผินไม่คิดอะไรลึก ไม่คิดมาก ก็เป็นสิ่งที่ดีมาก เพราะเป็นการช่วยเหลือผู้ที่มีความลำบาก หรือผู้ด้อยโอกาสในการที่จะกู้เงินในระบบมาใช้ในการลงทุนหรือใช้จ่ายได้ เนื่องจากความยากจนที่ไม่สามารถมีหลักทรัพย์ค้ำประกัน หรือบุคคลค้ำประก้นได้ จึงต้องอาศัยช่องทางในการหาเงินนอกระบบแทน ประชาชนเหล่านี้ย่อมดีใจทุกคนที่มีโครงการดีๆ เช่นนี้ เพราะทุกคนไม่อยากเป็นหนี้นอกระบบ เสียดอกเบี้ยแพงๆ หาเงินได้เท่าไหร่ต้องเอาไปจ่ายเป็นค่าดอกเบี้ยหมด วันไหนหาเงินไม่ได้ เจ้าหนี้ก็ส่งคนมาทวง ข่มขู่ ต่างๆ นาๆ ทุกคนเริ่มมองเห็นทางสว่างขึ้น แต่ด้วยเงื่อนไขและกฎเกณฑ์ต่างๆ อาจจะทำให้เกิดอุปสรรคกับบุคคลเหล่านี้ต่อไปที่ไม่สามารถจะมาใช้เงินในระบบได้ เช่น หาผู้ค้ำประกันไม่ได้ (แต่ถ้าเป็นคนดีมีคนให้ความเมตตาก็พอจะมีหนทางอยู่บ้าง) แต่อยากจะให้ผู้เกี่ยวข้องในการพัฒนาคน พัฒนาสังคม หันมาพัฒนาคนในชาติให้มีจิตสำนึก มีความรับผิดชอบ และที่สำคัญต้องมีวินัยอย่างจริงจัง ต้องรู้จักพอประมาณ รู้จักพอเพียง โดยการให้ความรู้ สอนตั้งแต่เป็นเด็ก ส่วนผู้ใหญ่ที่โตแล้วก็ขอให้นึกถึง "พระเจ้าอยู่หัว" ของปวงชนชาวไทยเรา อยู่อย่างพอเพียง

ส่วนเรื่องของสิ่งแวดล้อมมาบตาพุดนั้น เป็นสิ่งที่ทุกฝ่ายจะต้องร่วมมือกันรับผิดชอบ อย่าคิดแปลกแยก เพราะธรรมชาติ สิ่งแวดล้อม และมนุษย์ จะต้องมีความเกี่ยวพันธ์กันเสมอ

นาย วิรัช จินดากวี

สวัสดีท่านอาจารย์และเพื่อนทุกคนครับ วันนิ้อารมย์แจ่มใสอ่านเวปต์แล้วสนุกดีมีความรู้ซึ่งเพื่อนๆเก่งทุกคนให้ข้อคิดและความรู้มากๆได้เรียนการเขียนกลอนสดกัน สนุกดี อย่าลืมส่งการบ้านให้อาจารย์ด้วย นาย วิรัช จินดากวี นักศึกษาปริญญาเอก ม เกริก

นายวุฒิวิทย์ ก่าแก้ว

เรียน...คุณเอราวัณ

ขอรบกวนคุณเอช่วยส่งกำหนดการ,แผนที่การเดินทางทั้งธรรมศาสตร์ และบ้านท่านอาจารย์จีระ เพราะผมจะส่งให้เพื่อๆนักศึกษาที่จะเดินทางด้วยตนเอง รบกวนคุณเอ ส่งให้ผมที่ [email protected] ครับ ขอขอบพระคุณครับ

ณัฎฐ์ธา พงษ์วิทยานุกฤต

ช่วงนี้ต้องขออภัยต่อท่านอาจารย์ ผมมีกิจกรรมนอกหลักสูตร์มากไปหน่อย กว่าจะได้รายงานการสรัางผู้นำยุคใหม่ของสำนักข่าวกรองก็ดูจะช้าไปสักหน่อย แต่คงไม่ถึงกับตกยุค อาจเข้าตำราช้าๆได้พร้าเล่มงาม ตามที่พยายามจับประเด็นที่ตัวแทน 4 ท่านที่คัดเลือกจาก 44 ท่าน ได้ให้ความคิดเห็นประเด็นเด็จ จากการสัมนาในครั้งนี้ เห็นความสำคัญที่ กฏระบียบ ระบบ และวัฒนธรรมในองค์กรสำนักข่าวกรองแห่งชาติ อาจถูกท้าทายจากผู้นำของเจ้ากรมข่าวลือหรือพวกยายเม้าปากตลาดที่มีความเป็นอิสระตามแบบของการสื่อสาร ที่ว่า อิสระภาพของสื่อ คือ อิสระภาพของประชาชน ปัญว่ามีอยู่ว่าการสร้างผู้นำ เป็นหน้าที่ของใคร คนในองค์กรทั้งหมดหรือตัวใครตัวมันสร้างฝันสู่ดวงดาวกันเอาเอง ถ้ายังต้องขึ้ยอยู่กับผู้นำขององค์กร ก็อาจหนีไม่พ้นระบบอุปถัมภ์ ที่คงไม่สามารถสร้างผู้นำยุคใหม่ได้ โขคดีที่ท่านผู้อำนวยการสำนักข่าวกรองเป็นผู้มีวิสันทีศน์กว้างเปิดโอกาสให้องค์กรสามารถคัดผู้นำยุคใหม่ได้อย่างกว้างขว้าง สามารถนำบุคคลภายนอกที่มีความทันสมัยได้ ตามยุคของโลกาภิวัฒน์ ผู้นำยุคใหม่ต้องกล้าแสดงออกกล้าคิดใหม่ ทำใหม่ หรือคิดนอกกรอบ ออกจากครอบที่ปิดกั้นความก้าวหน้า อย่างพัฒนาทันต่อสถานการณ์ จึงไม่พ้นอาจารย์จิระ หงส์ลดารมภ์ต้องทำหน้าที่ พัฒนาบุคคลากร ให้มีทรัพยากรณ์มนุษย์ที่มีคุณภาพและ ศักยภาพอย่างมากในองค์กรณ์ ที่ได้มีโอกาสจัดการสัมนาทางวิชาการพัฒนาการทรัพยากรณ์มนุษย์ หลายครั้งเนื่องด้วยความมีวิสัยทัศน์ไกลของผู้นำองค์กรจากสำนักข่าวกรองแห่งชาติ ยายเม้าปากตลาดและเจ้ากรมข่าวลือคงต้องเหนื่อยหน่อย ข่าวปล่อย ข่าวลวงคงจะไม่มีประสิทธิภาพทำลายล้าง สังคมให้เกิดความไม่สงบสุขอีกต่อไป

จึงมีความหวังว่า สำนักข่าวกรองคงจะติดตามสถานการณ์ต่างๆได้รวดเร็ว ทันต่อเหตุการณ์และได้ผู้นำยุคใหม่ ไม่ติดอยู่ในกรอบแห่งกฎระเบียบ ระบบ จนเกินไปตามที่ท่านผู้อำนวยการคาดหวังไว้ว่าความสำเร็จขององค์กรต้องเกิดจากผู้นำทุกระดับในองค์กรตั้งแต่ผู้นำสูงสุดจนถึงระดับต้น การสร้างผู้นำรุ่นใหม่จะนำองค์กรไปสู่ความเป็นเลิศ

กิรณา เนื่องจำนงค์

ดิฉันต้องขออภัยท่านอาจารย์จีระ หงส์ลดารมภ์เป็นอย่างสูง ที่ดิฉันเข้าบล็อกมาช้า เนื่องจากดิฉันได้แจ้งหยุดพักการศึกษาชั่วคราวไปแล้ว แต่พอเห็นชื่อศ.ดร.จีระ หงส์ลดารมภ์มาสอนวิชานวัตกรรมการสื่อสารเพื่อการบริหาร ประกับสามีชมว่าศ.ดร.จีระท่านเก่ง HR Architecture มาก ดิฉันจึงตัดสินใจกลับมาศึกษาต่อ

ครั้งที่ 1

HR Architecture มีความเกี่ยวข้องกับนิเทศศาสตร์อย่างไร

ในทางนิเทศศาสตร์ ดิฉันมองเรื่องของการสื่อสารระหว่างบุคคล การสื่อสารภายในองค์กร และภายนอกองค์กร เพราะสารเป็นส่วนที่สำคัญที่สุดของกระบวนการสื่อสารทั้งหมด

สาร คือ ข้อมูลที่เป็นทั้งข้อมูลที่ถูกต้อง หรือข้อมูลที่ไม่ถูกต้องที่ผู้ส่งสารได้เลือกที่จะส่งออกไปให้แก่ผู้รับสารโดยผ่านช่องทางการสื่อสารทางใดทางหนี่ง

มนุษย์ทุกคนเมื่อเกิดมาแล้วจะต้องได้รับสารทันที โดยเริ่มแรกได้จากสถาบันครอบครัวมีพ่อแม่ พี่น้อง ปู่ย่า ตายาย เป็นต้น ต่อมาเมื่อโตขึ้นก็จะได้รับสารจากสถาบันการศึกษา จนถึงช่วงแห่งการทำงานไม่ว่าจะเป็นภาคธุรกิจเอกชน เช่น บริษัทห้างร้าน หรือภาครัฐ โดยองค์กรใดองค์กรหนึ่ง

HR คือ การบริหารทรัพยากรเชิงกลยุทธ์ ดิฉันเห็นว่า HR จะต้องใช้การสื่อสารเป็นเครื่องมือทั้งแบบการสื่อสารระหว่างบุคคล และการสื่อสารภายในองค์กร เพราะ HR จะต้องทำให้สถานที่ทำงานเป็นที่ที่มีความสุข โดยบุคคลากรของบริษัท หรือองค์กรจะทำงานอยู่อย่างมีความสุข HR จะช่วยแก้ไขปัญหาได้เสมอ ถ้าขาด HR องค์กรก็อยู่ไม่ได้

ครั้งที่ 2

จากการฟังรายการ Human Talk จากคลื่นวิทยุความคิด FM 96.5 เวลาเช้า 6.00 น. เมื่อวันอาทิตย์ที่ 22 พ.ย. 2552 เรื่องหนี้นอกระบบ กับปัญหาที่มาบตาพุดที่โรงงานอุตสาหกรรมต้องหยุดตามคำสั่งศาลปกครอง

ดิฉันขอแบ่งเป็น 2 เรื่อง คือ

เรื่องแรก หนี้นอกระบบ ดิฉันมีความเห็นแบ่งเป็นข้อดี และข้อเสีย ดังนี้

ข้อดี

1. นำหนี้นอกระบบมาอยู่ในระบบตลาดเงิน

2. อัตราดอกเบี้ยที่เหมาะสม และไม่ขัดต่อกฎหมาย

3. ลูกหนี้สามารถนำเงินที่ชำระดอกเบี้ยที่เกินในอัตราที่สูงไปจับจ่ายใช้สอยในด้านอื่นๆ

4. เจ้าหนี้ได้รับชำระหนี้คืนทั้งหมดทันที

5. ธนาคารที่ปล่อยกู้ได้รับประโยชน์จากดอกเบี้ยเงินกู้ อาทิ ธนาคารออมสิน

6. การป้องกันการทวงหนี้อย่างไม่เป็นธรรม อาทิ การส่งเอกสารทวงหนี้ไปยังสำนักงานของลูกหนี้

ข้อเสีย

1. การรับรองการปล่อยกู้โดยไม่มีการพิจารณาวัตถุประสงค์การกู้ยืมเงิน

2. ลูกหนี้อาจกลับไปกู้เงินนอกระบบอีก

3. ทำให้เจ้าหนี้ และลูกหนี้ขาดวินัยทางการเงิน และอาจนำไปสู่บรรทัดฐานของสังคม

4. ธนาคารแห่งประเทศไทยได้ออกประกาศแนวทางการทวงหนี้ที่เป็นธรรม จึงไม่ใช่เรื่องกฎหมาย หรือระเบียบ หากแต่เป็นเรื่องการบังคับใช้กฎหมาย และสร้างวินัยให้กับสังคม

สรุป

เห็นด้วยกับแนวนโยบายดังกล่าว เนื่องจากข้อดีของการนำหนี้เงินกู้นอกระบบมาสู่ในระบบตลาดเงินมีมากกว่าข้อเสีย แต่อย่างไรก็ดีแนวนโยบายดังกล่าวอาจไม่เหมาะสมกับสังคมไทย และวิธีการ ขั้นตอน การพิจารณาหนี้นอกระบบ

เรื่องที่สอง ปัญหาที่มาบตาพุดที่โรงงานอุตสาหกรรมต้องหยุดตามคำสั่งศาลปกครอง

ปัญหาเรื่องโรงงานอุตสาหกรรมที่มาบตาพุดเป็นปัญหาเรื้อรังมานานในหลายรัฐบาล แต่ก่อนไม่รุนแรงเท่าปัจจุบันนี้ เพราะโรงงานมีการขยายตัวมาขึ้นจนน่ากลัว ส่วนด้านการป้องกันทั้งน้ำเสีย สิ่งแวดล้อมทั้งหลายไม่เข้มงวดเท่าที่ควร เพราะยังไม่เห็นผลกระทบที่เสียหายมากๆ หรือมีการเสียชีวิตมากๆ จึงจะคิด และเพิ่มความเข้มงวดต่อการป้องกันภัย หรือให้การช่วยเหลือคนชาวระยองอย่างจริงจัง

ดิฉันเห็นด้วยที่ศาลปกครองได้มีคำสั่งปิดโรงงานอุตสาหกรรมชั่วคราวก็ยังดี เพื่อรัฐบาลจะได้มีโอกาสทบทวน และหาทางแก้ไขปัญหานี้ให้มากทั้งในด้านสิ่งแวดล้อม และคุณภาพชีวิตของชาวระยอง ดิฉันเชื่อว่ารัฐบาลจะต้องคิดหาทางแก้ปัญหานี้ได้อย่างเหมาะสมเพื่อประชาชนคนไทยชาวระยองเพื่อนร่วมชาติของเรา

สรุปเมื่อวันที่ 2 ธ.ค. 2552 ตอนบ่าย ศาลปกครองสูงสุดได้ออกคำสั่งให้ระงับ 65 โครงการที่มีผลกระทบต่อชุมชนอย่างรุนแรง และอนุญาตให้ดำเนินการได้เพียง 11 โครงการที่ไม่มีผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม ทรัพยากรธรรมชาติ และคุณภาพชีวิต ตามรัฐธรรมนูญปี 2550 มาตรา 67 วรรค 2 ที่ประชุมเห็นชอบโครงการเร่งด่วน เพื่อแก้ไขปัญหามาบตาพุดที่จะดำเนินการในปี 2553-2555 จำนวน 5 โครงการ ทั้งการแก้ไข

1. ปัญหาขยะที่เรื้อรังมานานกว่า 10 ปี

2. ปัญหาขาดแคลนน้ำประปา

3. การขยายโรงพยาบาลเป็น 200 เตียง

4. จัดตั้งหน่วนงานเฝ้าระวังสุขภาพ

ครั้งที่ 3

หลังจากได้ดูเทปการสัมภาษณ์ของ ศ.ดร.จีระ หงส์ลดารมภ์ ระหว่างคุณพจนาถ ซีบังเกิด และคุณศิริลักษณ์ เมฆสังข์ ในรายการคิดเป็นก้าวเป็นกับดร.จีระ ตอน “HR พันธุ์แท้รุ่นใหม่แล้ว” ดิฉันคิดว่าในด้านส่วนตัวดิฉัน ทำให้ดิฉันได้รับความรู้เกี่ยวกับ HR แบบกลมียุทธ์ ความสำคัญต่อสังคมไทย เพราะเวลาเจอปัญหา อุปสรรค เราไม่ควรท้อแท้ เบื่อหน่าย แต่เราควรแก้ไขปัญหาด้วยทุนทางปัญญา ทุนทางจริยธรรม และลุกขึ้นดำเนินชีวิตต่อไปด้วยทุนทางความรู้ ทักษะ และทัศนคติ พร้อมกับทุนแห่งความสุข เพื่อชีวิตจะได้ไปสู่ทุนแห่งความยั่งยืน ทุกวันนี้ผู้หญิงไทยเก่งกว่าผู้หญิงยุครุ่นคุณพ่อคุณแม่อยู่มาก แต่สิ่งที่ผู้หญิงไทยเราขาด คือ ความกล้าฉนั้นผู้หญิงไทยเราควรได้รับแรงกระตุ้นให้แสดงความสามารถ และกล้าในสิ่งที่ควรกล้า โดยใช้ทุนทางความรู้ และทุนแห่งการสร้างสรรค์เพื่อนำไปสู่ทุนแห่งความยั่งยืน

ด้านองค์กร การบริหารทรัพยากรมนุษย์ HRM คือ การบริหารคนในองค์กร หรือเรียกว่า People Management จึงมีความสำคัญต่อการพัฒนาองค์การบริหารทรัพยากรมนุษย์ เพราะมีการจัดสถานที่ทำงานให้มีบรรยากาศที่ดี บุคคลากรจึงทำงานได้อย่างมีความสุข รักงาน และรักองค์กร องค์กรเป็นสถานที่เรียนรู้แห่งหนึ่งการทำงานต้องทำงานเป็นทีม และมีวัฒนธรรมองค์กร

ผู้หญิงสมัยนี้ทำงานนอกบ้านมากขึ้น ทำให้ผู้หญิงเก่งขึ้นมากกว่าสมัยก่อน เพราะระดับการศึกษาที่เปลี่ยนไป ผู้หญิงได้เรียนมากขึ้น ได้แสดงความสามารถในด้านการทำงานมากขึ้น ไม่ต้องอยู่แต่ในบ้าน หรือทำงานบ้านอย่างเหมือนก่อนผู้หญิงมีสิทธิมี่เสียงมากขึ้น แต่สิ่งที่ผู้หญิงขาด คือ ความกล้า แต่อย่างไรก็ตามในองค์กรที่มีผู้หญิงเป็นส่วนใหญ่จะพบว่าผู้หญิงมีความกล้าที่จะแสดงความคิดเห็น และความสามารถออกมามากกว่าในองค์กรที่มีผู้ชายอยู่เป็นส่วนมาก ซึ่งทุกวันนี้ระดับบริหารในบริษัทใหญ่ๆมีผู้หญิงเป็นนักธุรกิจระดับสูง และเป็นนักธุรกิจชั้นแนวหน้า ถ้าผู้หญิงไทยกล้าแสดงออกมากขึ้นเรื่อยๆเชื่อว่าในอนาคตผู้หญิงไทยคงไม่ต้องหวังพึ่งผู้ชายเลยก็ได้

ด้านประเทศ เมื่อองค์กรมีบุคคลากรที่ดีก็จะทำให้องค์กรนั้นๆเจริญเติบโตขึ้น ทำให้มีรายได้ที่ดี ทำให้เศรษฐกิจประเทศดี มีการกระจายรายได้ ประชากรก็มีอาชีพ ทำให้สังคมน่าอยู่ ประเทศไทยก็จะได้เดินหน้าต่อไป ฉนั้นการพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ ทำให้รากฐานของประเทศเข้มแข็ง และรอดพ้นจากการเอารัดเอาเปรียบของต่างชาติได้

มูลนิธิพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ระหว่างประเทศ

ขอเชิญเข้าร่วมสัมมนา“ปัจจัยท้าทายประเทศไทยปี 2553 อยู่รอดหรือยั่งยืน?”

วันที่ 8 ธันวาคม 2552

ณ มหาวิทยาลัยนานาชาติแสตมฟอร์ด แคมปัสพระรามเก้า 

มีรายละเอียดในลิ้งค์นี้

http://gotoknow.org/blog/chiraacademy/317427

นายไพบูลย์ ปรัชญานุสรณ์

เรียนท่านอาจารย์จีระ หงส์ลดารมถ์

ผมมีความคิดเห็นเรื่องการปลดหนี้นอกระบบของรัฐบาล คือ รัฐบาลควรดำเนินการในลักษณะประนอมหนี้ระหว่างเจ้าหนี้กับลูกหนี้มากกว่า การพยายามที่จะเอาผิดเจ้าหนี้ไม่ว่าจะด้วยคดีอาญาหรือมาตรการภาษี เพราะจะทำให้ลูกหนี้มีปัญหากับเจ้าหนี้มากขึ้น

การประนอมนี้ควรใช้การเจรจา ถ้าเจ้าหนี้รายใดได้เงินต้นและดอกเบี้ยไปคุ้มกับการให้กู้ตามกฎหมายแล้วก็ควรจะยกเลิกหนี้กันไป ถ้ารายใดยังไม่คุ้มก็ให้รัฐเป็นคนค้ำประกันมูลหนี้ที่ยังติดค้างอยู่โดยใช้ดอกเบี้ยตามกฎหมาย จนลูกหนี้ใช้เงินหมด โดยวิธีนี้รัฐบาลอาจใช้เงินที่น้อยกว่าการให้ลูกหนี้กู้เงินไปชำระหนี้

ดอกเบี้ยหนี้นอกระบบที่สูงนั้นเพราะเจ้าหนี้มีความเสี่ยงสูงมาก เนื่องจากไม่มีหลักทรัพย์ค้ำประกันใดๆเลย ดังนั้นเมื่อรัฐมาค้ำประกันให้ เจ้าหนี้ย่อมพอใจและปฏิบัติตามกฎหมายได้ จะเป็นการจัดระเบียบหนี้นอกระบบที่ไม่กระทบกับลูกหนี้และมีความเป็นธรรม

จากเทปสัมภาษณ์ คุณพจนารถ และคุณศิริลักษณ์

         สิ่งที่ผมได้รับ 3 ประการ คือ

1. เจอปัญหาต้องหาทางแก้โดยใช้ทุนทางปัญญา

2. องค์กรต้องพัฒนาสถานที่ สร้างบรรยากาศให้พนักงานเกิดความรู้สึกที่ดีในการทำงาน

3. บุคคลากรดี  องค์กรดี  ประเทศชาติ และเศรษฐกิจจะเจริญตาม

        ตามความคิดเห็นการจับประเด็น นายพูนศักดิ์  ศิริชัย โทรฬ 08 - 9200 - 7788

.....กวีการสื่อสารนวัตกรรมของโลก

การสื่อสาร นิเทศศาสตร์ ใช้เรื่องย่อย

ใหญ่ไม่น้อย เทียบได้ ในเวหา

ไครรบหลู่ ดูแครน เศ้ราอุลา

เป็นวิชา เลี้ยงชีพ จากมวลชล

การเล่นลิ้น ลวงโลก สักวันรู้

จิตหดหู่ รู้สึก เมื่อยามสาย

อยากแก้ต่าง ให้ตน ชีบไกล้วาย

ก่อนจะสาย เร่งพินิจ จิตใจงาม

เสื่อใสสวย สมสักดิ์ รักจรรญา

ชลทั่วล่า ชื่อมือ ฝากชื่อ world

..... Poets of the world's communications innovations.

Communication Arts on the sub.

Not large compared to the less firmament.

Christ Church battle insult View Capital Grant Esg La Bora industry.

Department of Retirement from a water mass.

To quibble a spoof on the world to know.

Mental feel depressed when the guard line.

Want to defend their cotton tab trigger ล้ attack.

Line before accelerating hearted examination.

Undercoat suitable for a beautiful love wandering Dis associated property.

Water deposits around the hand-Cola name name world.

t 086-300-4409

นายสุริยา ประดิษฐ์สถาพร

สิ่งที่ได้จากการชมเทปการสัมภาษณ์ของ ศ.ดร.จีระ หงส์ลดารมภ์ ระหว่างคุณพจนาถ ซีบังเกิด และคุณศิริลักษณ์ เมฆสังข์ ในรายการคิดเป็นก้าวเป็นกับดร.จีระ ตอน HR พันธุ์แท้รุ่นใหม่

1สร้างบรรยากาศเพื่อให้เกิดความสุขในการทำงานและรักองค์กร

2สร้างและส่งเสริมองค์กรให้เป็นแหล่งเรียนรู้ที่เรียกว่าชุมชนแห่งการเรียนรู้

3สร้างและส่งเสริมการทำงานเป็นทีม

อย่างไรก็ตามมนุษย์ต้องมีการพัฒนาตนเองอยู่เสมอ

นาย วิรัช จินดากวี

จากเทปการสัมภาษณืของ ท่านศ ดร จีระ หงส์ลดารมภ์ กับ คุณ ศิริลักษณ์ เมฆสังข์ และ คุณ พจนาถ ซีบังเกิดในรายการคิดเป็นก้าวเป็นกับ ดร จีระ สรุป 3 ประเด็น 1 มีทุนทางปัญญาก็สามารถแก้ไขปัญหาได้ทุกปัญหา 2ประเทศชาติจะเจริญได้ เศรษฐกิจจะดี ต้องมีองค์กรที่ดี บุคคลากรต้องดี และต้องทำงานเป็นทีมเวิลก์ 3ผู้หญิงในสมัยใหม่ ทำงานนอกบ้านมากขึ้น มีระดับการศึกษาสูงขึ้น มีความกล้าแสดงออกมากขึ้น และในอนาคตผู้หญิงสามารถเป็นผู้นำหน้าได้ รายงานโดย นาย วิรัช จินดากวี นักศึกษาปริญญาเอก มหาวิทยาลัยเกริก โทร 081 8517943

นายอธิกิต นัยพินิจ

เรียนมาถึงระดับนี้แล้ว ทำไมท่านไม่เลิกเห่าหอนแบบไร้สาระ

อยากเป็นหมาฝรั่งมาก ทำไมไม่ไปเรียนอินเตอร์

หมาต่างประเทศมันก็เห่าภาษาเดียวกัน

ไม่เข้าใจทำไมอยากเห่าเป็นภาษาอังกฤษ

อธิกิต 081 6287822

My Blog.

ขอบคุณท่าน ผู้ชม ให้ความสน

เสียดายท่าน บางดน ใช้ชื่ออื่น

แต่ก็มี ข้อดี ที่เพื่อนๆ !!!!!

เข้ามาเยืน ตื่นเต้น เล้าส์ใจจัง.....

ห้าๆๆๆๆ.....

My Blog.

Thank your audience interest.

You miss some of the same name as another.

But there are advantages to friends !!!!!

เยื as excited to be stable's nice .....

The other five other new .....

Jitrakan Kanjanalekha.

รายการ Human Talk ประจำวันอาทิตย์ที่ 29 พฤศจิกายน 2552

โดย ศ.ดร.จีระ หงส์ลดารมภ์ และ จีรวัฒน์ ตั้งบวรพิเชฐ

FM 96.5 MHz เวลา 06.00 - 07.00 น

ชื่อชมจากแนวคิคของ"อาจารย์"ที่ได้นำมาปฎิบัติได้จริงเรื่อง"การสร้างผู้นำรุ่นใหม่. Creating new leaders.

และน่าสนใจงานสัมนาหัวข้อการมองปัจจัยท้าทายของประเทศไทยในวันอังคารที่ 8 ธันวาคม เพื่อนๆสนใจ

สำรองที่นั่งล่วงหน้าได้ที่คุณปุ้ย โทรศัพท์ 02-619-0512-3 ทั้งนี้ไม่เสียค่าใช้จ่ายในการเข้าร่วมงานแต่อย่าใด.

พูดถึงคุณสมัคร สุนทรเวช อดีตนายกรัฐมนตรีคนที่ 25 ของประเทศไทย

นอกจากท่านจะเป็นคนที่จงรักภักดีต่อสถาบันพระมหากษัตริย์

ท่านยังรักชาติและประชาชนโดยการสร้างผลงานไว้มากมาย

ทางด่วนทางวงแหวนล่าสุดสฐานที่ตั้งรัฐสภา.

โครงการหนึ่งเหรียญหนึ่งคำอธิษฐานว่าขณะนี้ซองได้กระจายออกไปแล้วกว่า 13 ล้านซอง

ลูกศิตลูกหาพากันนำส่งด้วยเด้อ.

กิจการสหกรณ์ออมทรัพย์ (การออมเป็นเรื่อดี)เป็นตัวอย่างที่ดีได้

แต่อีกด้าหนึ่ง ชาวบ้านบ่นรัฐให้เอาเงินกองทุนหมู่บ้านมาคืน85%ก่อนจึงจะได้เงินจำนวนนี้ไปใช้หนี้เงินกู้นายทุน

ความเห็นของผู้เขียน(อาจกลายเป็นหนี้ซับซ้อนมากขึ้น) Debt may become more complex.

สวัสดีครับ.

Hello afternoon.

นายอธิกิต นัยพินิจ

buffalo ซึ่งมีความหมายว่า ควาย

Water monitor เป็นสัตว์เลื้อยคลานขนาดใหญ่ชนิดหนึ่ง ตัวอ้วนใหญ่สีดำ มีลายดอกสีเหลืองพาดขวาง หางยาว อาศัยบริเวณใกล้น้ำ ภาคอีสานเรียก แลน

Dog เป็นสัตว์เลี้ยงลูกด้วยน้ำนมหลายชนิดหลายสกุลในวงศ์ Canidae ออกลูกเป็นตัว ลำตัวมีขนปกคลุม มีเขี้ยว 2 คู่ เท้าหน้ามี 5 นิ้ว เท้าหลังมี 4 นิ้ว ซ่อนเล็บไม่ได้ อวัยวะเพศของตัวผู้มีกระดูกอยู่ภายใน 1 ชิ้น

สัคว์ 3 ประเภท รู้เวลา รู้หน้าที่ ไม่อวดรู้ ไม่เอาหน้า ทำหน้าที่ของมันเอง ไม่เห่าภาษาอื่น แม้จะมีลิ้น 2 แฉก

อธิกิต 081 6287822

นาย วิรัช จินดากวี

คุณ อธิกิต ฝากเรียนท่านอาจารย์และเพื่อนๆว่าต้องขอโทษอาจารย์และเพื่อนๆผู้อ่านในblogนิ้ว่าคุณ อธิกิตไม่ใช่คนหยาบคายมาพิมพ์เรื่องสัตว์ต่างๆเป็นเรื่องไร้สาระและหยาบคายไม่มีประโยชน์กับผู้อ่าน คุณ อธิกิตเป็นบุคคลที่มีวุฒิภาวะพอ ในฐานะประธานรุ่น เรียนผู้ที่ไม่หวังดีต่อคุณอธิกิตที่มาแอบอ้างชื่อไม่มีประโยชน์เพราะไม่มีใครเชื่อคุณอีกแล้ว ปล ช่วยพิมพ์แต่สิ่งที่มีความรู้ในฐานะที่เรียนปริญญาเอกกันดีกว่า และต้องเกรงใจท่านอาจารย์ด้วยเพราะเป็นเรื่องวิชาการ

นายวุฒิวิทย์ ก่าแก้ว

เรียน...อาจารยืจีระ

จากที่ได้ฟังรายการ Human Talk ประจำวันอาทิตย์ที่ 29 พฤศจิกายน 2552 นั้น ซึ่งในครั้งนี้ผู้ดำเนินรายการได้พูดถึงอดีตนายกสมัคร สุนทรเวช ซึ่งก็มีทั้งข้อดีข้อเสีย ซึ่งท่านก็ถือได้ว่าเป็นบุคคลสำคัญคนหนึ่งในประเทศ ที่มีบทบาททางการเมืองอย่างสุง เพราะท่านก็ประสบความสำเร้จในการดำรงคืตำแหน่งนายกรับมนตรีของบ้านเมือง นำพาบ้านเมืองไปสุ่การพัมนาประเทสอย่างมีแนวทาง ดดยยึดหลักแห่งปรัชญาพอเพียงขององค์พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว

ในรายการได้พูดถึงข้อดีของท่านก็คือท่านเป้นนักการเมืองที่ไม่มุ่งแต่ผลประโยชน์ เห็นแผ่นดินเป็นที่ตั้ง ไม่จาบจ้วงสถาบันอันเป็นที่เคารพของประชาราษฎร

ส่วนข้อเสีก้คือ ท่านอาจเป้นคนอารมณ์ร้อนเมือมีอะไรที่ไม่ถูกต้อง หรือบางครั้งอาจมีภาพที่ดุสื่อมวลชนบ้าง ก็เพียงเพราะท่านเองก็ผ่านการเป้นสื่อมวลชนมาบ้างเหมือนกัน

นายประจักษ์ เพ็งจางค์

ครับรายการ Human Talk สัปดาห์นี้ วันอาทิตย์ที่ 29 พฤศจิกายน 2552 อาจารย์จีระ และคุณจีรวัฒน์ ได้พูดถึงอดีนายกรับมนตรีสมัคร สุนทรเวช ซึ่งก็ได้ถึงอนิจกรรม ด้วยโรคมะเร็ง ที่โรงพยาบาลบำรุงราษฎร์ ก็เป็นที่น่าเสียใจที่พวกเราชาวไทยสูญเสียบุคลากรดีๆระดับชาติอีกท่านหนึ่ง ท่านเป้นนายกที่มีทั้งข้อดีและข้อเสีย ข้อดีก็คือ ท่านมุ่งมั่นปฎิบัติหน้าที่อย่างเต็มกำลัง ไม่ดึงหรือจาบจ้วงสถาบันพระมหากาัตริย์แต่อย่างใด ส่วนข้อเสีย ก็ท่านเป็นคนใจร้อน บางครั้งจะเห้นท่านทะเลาะกับนักข่าวบ้าง ก็เพราะท่านโมโหง่าย อันนี้ก็เป็นข้อเสียของท่าน แต่อย่างไรก้ตามเราก็ขอแสดงความเสียใจอย่างสุดซึ่งกับครอบครัวสุนทรเวช ด้วยครับ

นางโสภิต พิสิษฐบรรณากร

ในอาทิตย์ที่ 29 พฤศจิกายน 2552 นี้ รายการ Human Talk ซึ่งดำเนินรายการโดย ท่านอาจารย์จีระ หงษ์ลดารมณ์ และคุณจีรวัฒน์ ซึ่งในอาทิตย์นี้ก็เป็นอาทิตย์สุดท้ายของเดือนพฤษจิกายน และเป็นอาทิตย์ที่โศกเศร้าเสียเหลือเกินเพราะไม่กี่วันที่ผ่านมาประเทศของเราก็ได้เสียบุคคลสำคัญท่านหนึ่งก็คืออดีตนายกรัฐมนตรีสมัคร สุนทรเวช ซึ่งท่านเสียชีวิตด้วยโรคมะเร้ง ที่โรงพยาบาลบำรุงราฎร์ ก็ขอแสดงความเสียใจต่อครอบครับสุนทรเวช ณ ที่นี้ด้วย ท่านผู้ดำเนินรายการได้กล่าวถึงท่านอดีตนายกว่าท่านเป้นนายกหรือเป้นนักการเมืองที่ดีท่านหนึ่ง ซึ่งเป้นนักการเมืองที่ไม่ได้พูดจาจาบจ้วงสถาบันเลยแม้แต่ครั้งเดี่ยวก็เพราะท่านมีความจงรักภักดีต่อสถาบันเป้นอย่างมาก

นายอธิกิต นัยพินิจ

จากได้ฟังรายการ Human Talk ในวันอาทิตย์ที่ 29 พฤศจิกายน 2552 ที่ผ่านมาก็สามารถสรุปได้ว่าในอาทิตย์นี้ท่านผู้ดำเนินรายการได้กล่าวถึงท่านอดีตนายกรัฐมนตรีสมัคร สุนทรเวช ที่ได้สิ้นชีวิต ด้วยโรคมะเร็ง ที่โรงพยาบาลบำรุงราษฎร์ ผู้ดำเนินรายการได้กล่าวว่าท่านอดีตนายกสมัครนั้นเป้นคนดีมุ่งพัฒนาบ้านเมือง แต่ท่านก้มีทั้งข้อดีและข้อเสีย

ข้อดี ก็คือ ท่านมุ่งทำงานอย่างจริงจัง เพื่อการพัฒนาบ้านเมืองอย่างเต็มที่ เป็นนักการเมืองที่รักในสถาบันพระมหากษัตริย์อย่างล้นพ้น

ในด้านข้อเสีย ท่านก็เป็นคนที่อารมณ์ร้าย โมโหง่ายจนเกินไป บ้างครั้งอาจจะเห็นได้จากการที่ท่านดุสื่อมวลชนบ้างเป็นครั้งเป็นคราว

นายอำนวย เพชรวิจิตรภักดี

รายการ Human Talk ในอาทิตย์นี้ ทางรายการได้พูดถึงอดีตนายกสมัคร สุนทรเวช อดีตนายกรัฐมนตรีของประเทศไทยที่สิ้นชีวิตด้วยโรคมะเร็ง อย่างสงบที่ดรงพยาบาลบำรุงราษฎร์ ในรายการได้พูถึงท่านว่าตัวท่านเองเป็นนักการเมืองที่ดี เป้นนักการเมืองที่เคารพในสถาบันพระมหากษัตริย์ ไม่วิพากษ์วิจารณ์สถาบัน เป็นนายกที่มุ่งแต่ทำงาน ส่วนข้อเสียนั้นเป็นคนที่ดมโหง่ายไปหน่อย ซึ่งถ้าระงับได้ก็จะเป้นการดี อย่างเช่นการดุ หรือว่า นักข่าว ซึ่งก็จะเป้นที่รู้กันว่าท่านกับนักข่าวไม่ค่อยจะพูดกันดีนักสักเท่าไหร่

นายรมณ์ธีรา คล้ายขยาย

ในรายการ Human Talk อาทิตย์นี้ ได้พูดถึงอดีตนายกรัฐมนตรีสมัคร สุนทรเวช ซึ่งท่านผู้ดำเนินรายการเองก็ได้ให้ข้อคิดอย่างหนึ่งว่าท่านอดีนายกท่านเป้นคนดีเป้นนักการเมืองที่เคารพในสถาบันพระมหากาตริย์ ไม่มุ่งใส่ร้ายหรือพูดกระทบกระทั้ง รวมทั้งเป้นคนที่รักในแผ่นดีนมุ่งที่จะทำหน้าที่อย่างตรงไปตรงมา เพื่อพัมนาประเทสต่อไป และเป้นที่น่าเสียดาย เสียใจอย่างยิ่งที่ต้องเสียบุคคลดีๆอย่างท่ายนสมัคร สุนทรเวช

นางสาวอักษร จุลวรรณ

รายการ Human Talk อาทิตย์นี้ ได้ พูดถึงคุณสมัคร สุนทรเวช อดีตนายกรัฐมนตรีของประเทศไทย ที่สิ้นชีวิตด้วยโรคมะเร็ง

ท่านเป็นคนที่จงรักภักดีต่อสถาบันพระมหากษัตริย์ ท่านยังรักชาติและประชาชนโดยการสร้างผลงานไว้มากมาย มุ่งพัมนาประเทศ

ชาติอย่างตรงไปตรงมา

รายการ Human Talk ประจำวันอาทิตย์ที่ 29 พฤศจิกายน 2552 โดย ศ.ดร.จีระ หงส์ลดารมภ์ และ คุณจีรวัฒน์ ตั้งบวรพิเชษฐ์

 

            ได้กล่าวถึงอดีตนายกรัฐมนตรีท่านสมัคร  สุนทรเวชที่ได้ถึงแก่อนิจกรรม

ด้วยโรคร้าย  แต่ขณะท่านดำรงตำแหน่งก็ได้สร้างผลงานให้กับประชาชน และสร้าง

ผลประโยชน์หลายอย่างให้ประเทศชาติ

 

             ตามความคิดเห็นของกระผมท่านเป็นคนที่มีความรู้ มีจินตนาการ มีการสื่อสาร

และมีความสามารถรอบด้าน  ที่ใกล้เคียงกับทฤษฎี 8 K's ของท่าน ศ.ดร.จีระ หงส์ลดารมภ์

 

นายพูนศักดิ์  ศิริชัย โทร. 08 - 9200 7788

นาย วิรัช จินดากวี

รายการวิทยุ human talkประจำวันอาทิตย์ที่29 พฤศจิกายน2552ดำเนินรายการโดย ศ ดร จีระ หงส์ลดารมภ์และคุณ จีรวัฒน์ ตั้งบวรพิเชษฐ์ พูดถึงการเสียชีวิตด้วยโรคมะเร็งของท่าน สมัคร สุนทรเวช อดีตนายกรัฐมนตรีของประเทศไทยพูดถึงการกระทำความดีของท่านและผลงานของท่านที่ทำให้กับประชาชนและประเทศชาติ ท่านเป็นคนหนึ่งที่เทิดทูลพระมหากษัตริย์และเป็นคนที่พูดตรงไปตรงมาทั้งต่อหน้านักข่าว ซึ่งต้องแสดงความเสียใจต่อบุคคลที่สำคัญต่อประเทศไทยบุคคลหนึ่ง นาย วิรัช จินดากวี โทร0818517943

นายสุริยา ประดิษฐ์สถาพร

รายการ Human Talk วันอาทิตย์ที่ 29 พฤศจิกายน 2552 อาจารย์จีระ และคุณจีรวัฒน์ ได้พูดถึงอดีตนายกรัฐมนตรีสมัคร สุนทรเวช ซึ่งก็ได้ถึงอนิจกรรม ด้วยโรคมะเร็ง เป็นที่น่าเสียใจที่พวกเราชาวไทยสูญเสียบุคลากรดีๆระดับชาติอีกท่านหนึ่ง ซึ่งท่านเป็นนายกฯที่มีความจงรักภักดีต่อสถาบันเป็นอย่างมากและยังมุ่งมั่นในการพัฒนาบ้านเมือง แต่ท่านเป็นคนใจร้อน โมโหง่าย ทำให้เป็นอุปสรรคในการทำงานบ้าง มองให้ชัดปัญหาในการสื่อสารอย่างหนึ่งก็เกิดจากอารม์การตีความของผู้รับอาจแปลเจตนาผิดได้

นายอธิกิต นัยพินิจ

ขอบคุณพี่แก้ว

ที่ออกตัวแทนแต่ผมจะด่าหมา ด่าเห้..ผมก็ส่งงานก่อนพี่ผมมีมือปืน

พี่น่ะรอลอกการบ้านผม อยากได้ตำแหน่งประธานผมรู้พี่ไม่ต้องเอาใจ

พี่ซื้อตำแหน่งได้ แต่ประธานรุ่น เพื่อนๆเลือกผม พี่ซื้อไม่ขาดหรอก

อย่าหรอกกันดีกว่า ผมไม่มาเรียนส่งงานก่อนพี่มีปัญหาไหม

อธิกิต 081 6287822

นายอธิกิต นัยพินิจ

นายอธิกิต นัยพินิจ [IP: 125.25.27.240]

เมื่อ ส. 05 ธ.ค. 2552 @ 14:17

#1716258 [ ลบ ]

จากได้ฟังรายการ Human Talk ในวันอาทิตย์ที่ 29 พฤศจิกายน 2552 ที่ผ่านมาก็สามารถสรุปได้ว่าในอาทิตย์นี้ท่านผู้ดำเนินรายการได้กล่าวถึงท่านอดีตนายกรัฐมนตรีสมัคร สุนทรเวช ที่ได้สิ้นชีวิต ด้วยโรคมะเร็ง ที่โรงพยาบาลบำรุงราษฎร์ ผู้ดำเนินรายการได้กล่าวว่าท่านอดีตนายกสมัครนั้นเป้นคนดีมุ่งพัฒนาบ้านเมือง แต่ท่านก้มีทั้งข้อดีและข้อเสีย

ข้อดี ก็คือ ท่านมุ่งทำงานอย่างจริงจัง เพื่อการพัฒนาบ้านเมืองอย่างเต็มที่ เป็นนักการเมืองที่รักในสถาบันพระมหากษัตริย์อย่างล้นพ้น

ในด้านข้อเสีย ท่านก็เป็นคนที่อารมณ์ร้าย โมโหง่ายจนเกินไป บ้างครั้งอาจจะเห็นได้จากการที่ท่านดุสื่อมวลชนบ้างเป็นครั้งเป็นคราว

นางโสภิต พิสิษฐบรรณากร [IP: 125.25.27.240]

เมื่อ ส. 05 ธ.ค. 2552 @ 14:10

#1716254 [ ลบ ]

ในอาทิตย์ที่ 29 พฤศจิกายน 2552 นี้ รายการ Human Talk ซึ่งดำเนินรายการโดย ท่านอาจารย์จีระ หงษ์ลดารมณ์ และคุณจีรวัฒน์ ซึ่งในอาทิตย์นี้ก็เป็นอาทิตย์สุดท้ายของเดือนพฤษจิกายน และเป็นอาทิตย์ที่โศกเศร้าเสียเหลือเกินเพราะไม่กี่วันที่ผ่านมาประเทศของเราก็ได้เสียบุคคลสำคัญท่านหนึ่งก็คืออดีตนายกรัฐมนตรีสมัคร สุนทรเวช ซึ่งท่านเสียชีวิตด้วยโรคมะเร้ง ที่โรงพยาบาลบำรุงราฎร์ ก็ขอแสดงความเสียใจต่อครอบครับสุนทรเวช ณ ที่นี้ด้วย ท่านผู้ดำเนินรายการได้กล่าวถึงท่านอดีตนายกว่าท่านเป้นนายกหรือเป้นนักการเมืองที่ดีท่านหนึ่ง ซึ่งเป้นนักการเมืองที่ไม่ได้พูดจาจาบจ้วงสถาบันเลยแม้แต่ครั้งเดี่ยวก็เพราะท่านมีความจงรักภักดีต่อสถาบันเป้นอย่างมาก

นายรมณ์ธีรา คล้ายขยาย [IP: 125.25.27.240]

เมื่อ ส. 05 ธ.ค. 2552 @ 14:52

#1716306 [ ลบ ]

ในรายการ Human Talk อาทิตย์นี้ ได้พูดถึงอดีตนายกรัฐมนตรีสมัคร สุนทรเวช ซึ่งท่านผู้ดำเนินรายการเองก็ได้ให้ข้อคิดอย่างหนึ่งว่าท่านอดีนายกท่านเป้นคนดีเป้นนักการเมืองที่เคารพในสถาบันพระมหากาตริย์ ไม่มุ่งใส่ร้ายหรือพูดกระทบกระทั้ง รวมทั้งเป้นคนที่รักในแผ่นดีนมุ่งที่จะทำหน้าที่อย่างตรงไปตรงมา เพื่อพัมนาประเทสต่อไป และเป้นที่น่าเสียดาย เสียใจอย่างยิ่งที่ต้องเสียบุคคลดีๆอย่างท่ายนสมัคร สุนทรเวช

พี่แก้ว พี่ลอกงานพวกผมเห็นชัดไหม

นาย วิรัช จินดากวี

ขอบคุณไอ้หน้าสุภาพสตรี ขนาดลงชื่อยังไม่กล้าลงชื่อตนเองต้องแอบอ้างชื่อคุณ อธิกิต เรื่องประธานรุ่นเป็นประธานรุ่นสื่อสารการเมืองรุ่น4มาแล้วคงไม่จำเป็นต้องเป็นตลอดต้องรู้จักเสียสละให้เพื่อนเป็น มนุษย์โลกไม่รู้จักเสียสละคงจะอยู่ร่วมกับมนุษย์ไม่ได้ทางพระท่านบอกไว้ว่าละกิเลสจะพ้นทุกข์ การที่อยากเป็นประธานแล้วไม่ได้เป็นก็ฟาดหางคนโน้นทีคนนิ้ที ปลงบ้างนะโยมจะได้พ้นทุกข์ สิ่งต่างๆในโลกไม่จีรังยั่งยืนมีได้ก็หมดได้ หมดได้ก็มีใหม่ได้ สาธุๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆนาย วิรัช จินดากวี โทร0818517943 ตัวจริงพิมพ์จริง ขออภัยอาจารย์ด้วย

นาย วิรัช จินดากวี

การที่เลือกคุณ อธิกิตเป็นประธานรุ่นเพราะคุณ อธิกิตเป็นบุคคลที่เสียสละมีความเป็นผู้นำรับผิดชอบต่อเพื่อนๆทุกคนไม่เอาเปรียบไม่เอาความรู้เฉพาะตัว รู้อะไรมาก็บอกต่อเพื่อนไม่ปิดบัง ไปต่างประเทศก็จัดการนำพาเพื่อนไปไม่เหมือนคนบางคนที่เอาเปรียบเพื่อนแล้วยังอยากจะเป็นประธานรุ่นอีกทำแอบๆฃ่อนๆคิดว่าตัวเองเก่งกว่ามนุษย์เดินดินกินข้าวแกง โยมโปรดเมตตาเพื่อนมนุษย์บ้างเถิด ลดละบ้างเถิดจะได้กิดเป็นมนุษย์อีกไม่ต้องคิดแต่เรื่องสัตว์ต่างๆ

นายวุฒิวิทย์ ก่าแก้ว

กราบเรียนท่านอาจารย์จีระ ในฐานะเจ้าของบล๊อกมาสเตอร์ ,เรียนอาจารย์จิรายุ ในฐานะรองผู้อำนวยการโครงการหลักสูตรปรัชญาดุษฎีบัณฑิต นิเทศศาสตร์นวัตกรรม

วันนี้ผมรุ้สึกมีความเสียใจอย่างสุดซึ่งที่มีบุคคลซึ่งไม่ประสงค์ออกนามได้นำเครื่องมือนวัตกรรมแห่งการสื่อสารทางการศึกษาที่ท่านอาจารย์จีระ ได้ใช้เป็นเครื่องมือเพื่อที่จะสั่งสอนอบรมเพื่อสร้างดุษฎีบัณฑิตให้เป็นดุษฎีบัณฑิตที่มีคุณภาพในวันข้างหน้า แต่ผู้ไม่ประสงค์ออกนามผู้นี้กลับใช้สื่อแห่งการเรียนรุ้นี้สร้างความแตกแยก สร้างความร้าวฉาน เสมือนกับว่าเป็นพวกไร้ซึ่งวัฒนธรรมประเพณี และการศึกษา ซึงบ่งบอกให้รู้ว่า(วาจาส่อนิสัย กิริยาส่อสกุล) มิมีสมองเลยในการกระทำที่แย่หาที่เปรียบมิได้ หากท่านยังสำนึกในฐานะที่ท่านเป็นลูกศิลย์ที่ท่านเคารพ ท่านอาจารย์จีระ ขอจงหยุดเสียเถอะ เพราะสังคมภายนอกจะมองการกระทำของท่านเฉกเช่นผู้ที่ไง่เขลาไร้ปัญญา มิมีความกล้าหาญใดๆเลย

ผมในฐานะลูกศิษย์อาจารย์ขอกราบขอโทษอาจารย์ที่มีกลุ่มบุคคลที่ไม่ประสงค์ออกนามนำเครื่องมือแห่งการเรียนรู้ของอาจารย์มากระทำในสิ่งที่ไม่ควรกระทำ

!!!กวีผู้นำเป็นหนึ่ง!!!

ยิ่งขึ้นสูง ยิ่งหนาว ชาวผู้กล้า

อย่าเหนื่อล้า อ่อนใจ ให้ใครเห็น

ความเป็นหนึ่ง น้อยคน จะพึงเป็น

ทำให้เห็น ความดี เกียรติเกริกไกล

!!! Is one of the leading poets!!!

Even more high winter residents who dare.

Do not these นื่ the weary tired to see anyone.

Is one less person will be best.

Clearly good honor Krirk far.

[Big. Jai.] tel. 0863004409

ฝรั่งขี้นก

ความหมาย

น. ชื่อฝรั่งพันธุ์หนึ่ง ผลเล็ก ไส้แดง, โดยปริยายหมายถึงคนที่วางท่าเป็นฝรั่ง.

หมาฝรั่ง

ความหมาย

น. หมาที่มาอยู่ในประเทศไทย เห่าสำเนียงฝรั่ง (ดัดจริต)

เกศสุพิชญ์ ธนนันท์โสภณ

ประเ้ด็นการสัมภาษณ์ ระหว่าง ท่าน ศ.ดร.จีระ หงส์ลดารมภ์ กับคุณพจนาถ ซีบังเกิด และคุณศิริลักษณ์ เมฆสังข์ ได้รับความรู้เกี่ยวกับ ระบบ HR เชิงกลยุทธ์ นั้น นับว่ามีความสำคัญต่อระบบสังคมภายในประเทศไทย เพราะระบบงาน HR นั้นเป็นการพัฒนาบุคลากรให้มีความรู้ ความสามารถให้ตรงกับความต้องการในสังคมนั้นๆ เช่น หน่วยงาน หรือองค์กร ต่างๆ เพื่อจะช่วยในการลดช่องว่างระหว่างบุคคล ท้งภายในและภายนอกองค์กร ถือได้ว่าเป็นการพัฒนาคนควบคู่ไปกับนโยบายขององค์กรที่วางแผน หรือตั้งเป้าหมายไว้ให้สำเร็จลุล่วงได้ด้วยดี ในบางหน่วยงานจะมีการพัฒนาคนควบคู่ไปกับการสร้างชื่อเสียงขององค์กร ตลอดจนคุณธรรมภายในองค์กร สิ่งสำคัญของการพัฒนาคนอีกสิ่งหนึ่งและที่สำคัญจะขาดมิได้คือการปลูกจิตสำนึกให้รักองค์กร รักสิ่งแวดล้อม และมีคุณธรรม เพื่อการพัฒนาอย่างยั่งยืน เพราะทุกหน่วยงานจะมีวัฒนธรรมองค์กรแตกต่างกัน ขึ้นอยู่กับจิตสำนึกของคนในสังคมว่าตระหนักถึงสิ่งใดเป็นสำคัญ ไม่ว่าการพัฒนาระบบ HR มีการเรียนรู้ผ่านระบบใดๆก็ตาม จะต้องแทรกคุณธรรมเข้าไปอย่างต่อเนืื่่่อง ลดปัญหาในด้านต่างๆ หากทุกๆหน่วยงาน ทุกๆสังคม มีการพัฒนาคน พัฒนาระบบการเรียนรู้ พัฒนาระบบเศรษฐกิจ แต่ขาดคุณธรรม ก็จะทำให้สังคมเสื่อมลง เช่นเดียวกับดูไบ ที่สนใจแต่การพัฒนาระบบการบริหารจัดการ แต่ขาดการคำนึงถึงสิ่งแวดล้อมต่างๆ ก็ทำให้ประเทศประสบปัญหาในปัจจุบัน ดังนั้นการตัดสินใจของผู้บริหารระดับสูง หรือหัวหน้าทุกๆหน่วยงานไม่ว่าเล็ก หรือใหญ่ ก็ล้วนเป็นสิ่งสำคัญไม่แพ้กัน เพื่อทิศทางที่ดีของประเทศในยุควิกฤตเศรษฐกิจเช่นนี้

เกศสุพิชญ์ ธนนันท์โสภณ

รายการ Human Talk ประจำวันอาทิตย์ที่ 29 พฤศจิกายน 2552 โดย ศ.ดร.จีระ หงส์ลดารมภ์ และ คุณจีรวัฒน์ ตั้งบวรพิเชษฐ์

ประเด็นที่กล่าวถึง คือ อดีตนายกรัฐมนตรี ท่านสมัคร สุนทรเวช ถึงแก่อนิจกรรม ด้วยโรคมะเร็ง ท่านได้จากโลกนี้ไปแล้ว ท่านได้สร้างผลงานที่เป็นที่ประทับใจในหลายสิ่งหลายอย่าง และสิ่งที่ไม่มีก็มีบ้าง ขึ้นอยู่กับสถานการณ์บ้านเมือง และมุมมองของประชาชนที่มีวิจารณาณของตนเอง แม้ท่านจะจากโลกนี้ไปแล้ว แต่ความรู้สึกของคนไทยส่วนใหญ่จะจดจำสิ่งดีดีเท่านั้น ความดีจะไม่มีวันลบเลือนไปตามร่างกายของท่าน ชื่อของท่านสมัครก็จะยังมีคนพูดถึงในด้านดีดีต่อไป

สรุปรายการ TNN 2 : แขกรับเชิญ Robert B. Tucker

ประวัติโดยสังเขป Robert B. Tucker คือ ผู้แต่งสือขายดีระดับนานาชาติ ดำรงตำแหน่งประธาน The Innovation Resource และเป็นผู้นำที่ได้รับการยอมรับระดับนานาชาติในวงการนวัตกรรม

ตั้งแต่ปี ค.ศ. 1986 งานวิจัยรุ่นบุกเบิกของเขาในการสัมภาษณ์มากกว่า 50 บุกเบิกชั้นนำ ถูกตีพิมพ์ในหนังสือ Winning the innovation Game ตั้งแต่นั้นเขาได้นำอย่างการตีพิมพ์อย่างต่อเนื่อง และกว้างขวางในหัวข้อนี้ รวมทั้งหนังสือขายดีระดับนานาชาติของเขา Managing the Future : Driving Forces of Change for the new Century ที่ถูกแปลออกเป็นภาษาต่างๆถึง 13 ภาษา

หนังสือเล่มล่าสุด Driving Growth through Innovation อธิบายถึงแนวปฎิบัติที่ดีของ 23 บริษัทหัวกะทิชั้นนำทางนวัตกรรม เขาได้เปิดอบรมที่ประเทศไทยในวันศุกร์ที่ 13 พฤศจิกายน 2552 เปิดอบรมที่โรงแรม Landmark กทม. เรื่อง Innovation For Breakthrough Results & Sustainable Growth สาระสำคัญของอบรมคือ

การเรียนรู้ถึงองค์กรที่ทั่วโลกกำลังตามหา “ Innovation Adapt Leader ” บุคคลเหล่านี้มีทักษะ เครื่องมือ และความรู้ ความชำนาญที่ส่งผลลัพธ์แม้ในช่วงเวลาที่ยากเข็ญ : การนำนวัตกรรมไปใช้ในที่ทำงาน เรียนรู้แนวทางจากผู้ชนะเลิศทางนวัตกรรม เช่น Brew Gow. ผู้ปฎิบัติแผนกเงินเดือน / ค่าจ้างของ Starbuck : Jennifer Rock หัวหอก แผนกใหม่ของการสื่อสารภายในที่การค้าปลีกทั่วโลก Best Buy : Philippi Passenrintz หัวหน้าส่วน Global Business Services ของ Practor & Gamble ฯลฯ

(ความรู้เพิ่มเติมจาก http://www.sbde.co.th)

แนวคิดที่ได้จากการสนทนา

ผู้นำต้องคิดใหม่เสมอ ( think out of the box ) มองภาพใหญ่ มองไกล สด ทันเหตุการณ์ แล้วหันกลับมาดูองค์กร รู้จักฉกฉวยโอกาส หลีกเลี่ยงการคุกคาม มองความจริง ต้องมี I Skill (innovation Skill)

ทำอะไรจึงสำเร็จ สร้างสรรค์ ใฝ่รู้ เอาชนะอุปสรรค เจ้าของกิจการต้องรู้จักการโน้มน้าว

“อุปสรรค คือ ความไม่เปลี่ยน ”

“ ผู้นำต้องเข้าใจและสร้างแรงจูงใจในการเสี่ยง ”

สรุปเทปรายการ

แขกรับเชิญ คุณพจนารถ ซีบังเกิด – ประธานทุนมนุษย์แห่งประเทศไทย

ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่ฝ่ายพัฒนาองค์ ธนาคารสินเอเซียจำกัดมหาชน

คุณศิริลักษณ์ เมฆสังข์ – กรรมการสมาคมการจัดการงานบุคคลแห่งประเทศไทย

แนวคิดจากคุณพจนารถ ซีบังเกิด : การบริหารองค์กรทรัพยากรรุ่นใหม่ต้องจับทิศทาง (Direction) ก่อน มองเห็นประโยชน์และทำให้สำเร็จ อย่าเน้นเพียงแต่ทฤษฎีต้องเน้นการปฎิบัติให้ถึงจุดมุ่งหมายขององค์กร ผลประกอบการสุดท้ายต้องดี

การสร้างแรงบันดาลใจ ในการรักษ์องค์กรเป็นเรื่องสำคัญ พนักงานต้องได้รับการดูแล สุขภาพดี สภาพแวดล้อมในการทำงานดี

แนวคิดจากคุณศิริลักษณ์ เมฆสังข์ : นโยบายศาสตร์ – การทำงานกับคนต้องเข้าใจว่าคนต้องการอะไร เรียนรู้สิ่งใหม่ๆ และนำไปปฎิบัติ“ความสุขที่เกิดจาการทำงาน ทำให้คนสร้างผลงานได้ดี”

บริหารงานบุคคล หลักสำคัญ 3 ข้อ

1. ต้องนำไปให้สำเร็จผล(Execution) คือ ปฎิบัติ

2. ต้องเป็นคนฝึก (Coach)

3. ต้องทำให้เกิดบรรยากาศของความสุขในการทำงาน (Happy work place)

แนวคิดสำหรับคนรุ่นใหม่กับการเตรียมตัวในเรื่องงานบริหารบุคคลจากทั้ง๒ท่าน

1)รักและเข้าใจอาชีพ คลุกให้ถึงวงใน ทำงานร่วมกันอย่างมีความสุข บรรลุเป้าหมาย

“ the good the bad & the ugly ” พนักงานสำเร็จ – องค์กรสำเร็จ

2)ดูแลคนได้ รักงานที่ทำ หาตัวเองให้เจอ

3)ใฝ่รู้ เรียนรู้ทุกอย่างที่เข้ามาในชีวิต รู้ให้ลึก คบหากับผู้รู้ หาความรู้ ทั้งในเรื่องที่เกี่ยวกับตัวเองและในFieldอื่นๆ หาความรู้จาก การแลกเปลี่ยนองค์ความรู้กับผู้อื่นเพื่อต่อยอด ทันเหตุการณ์มีการจัดเรียงบันทึกองค์ความรู้อย่างเป็นระเบียบ (Data Base) จับประเด็น และสรุป

HR ไม่ใช่เทคนิค หรือ R2 แต่เป็นเรื่องของ Concept และความเข้าใจ สังเกตุ และสะท้อน

นางวัชรี ปรัชญานุสรณ์

สิ่งที่ได้รับจากพิธีการในรายการ จากการดูเทป เพื่อให้สอดคล้องกับงานหรือธุรกิจที่ทำอยู่ใคร่ขอยกเรื่องที่สามารถนำไปใช้ได้ ดังนี้

- การสร้างบรรยากาศให้ที่ทำงานเป็นสถานที่ทำงานที่มีความสุข โดยการสร้างบรรยากาศให้น่าอยู่ ให้คนอยากทำงานให้เราอย่างมีความสุข โดยไม่จำเป็นต้องเน้นเรื่องผลกำไร หรือเรื่องเงิน เป็นตัวตั้ง แต่เพียงอย่างเดียวต้องทำให้คนทำงานมีความสุข และที่สำคัญจะต้องให้ผู้ร่วมงานมีส่วนร่วมในการคิด การวางแผนงานไปจนถึงการปฏิบัติ โดยสร้างให้ทุกคนมีความรัก มีความจงรักภักดีต่อองค์กร โดยการสร้างแรงบันดาลใจ ด้วยการสร้างแรงจูงใจตามรูปแบบที่เหมาะสม

- จะต้องรู้จักดึงเอาความเป็นเลิศมาใช้ให้เป็นประโยชน์ และต้องเพิ่มเติมความรู้ ประสบการณ์อย่างต่อเนื่อง ต้องสร้างคนให้เป็นคนเก่ง(เพิ่มจากการเป็นคนดีอยู่แล้ว)ให้เพิ่มขึ้น เพิ่มจำนวนคนเก่งในองค์กรในประเทศให้เพิ่มขึ้น และจะต้องสร้างคนเก่งมาทำงานแทนเราให้ได้

- สุดท้ายก็คือ สิ่งที่สำคัญที่สุด องค์กรจะต้องมีโครงสร้างภายในที่ดี มีระบบที่เอื้อต่อการทำงาน การตรวจสอบ และผลสำเร็จของงาน

ณัฎฐ์ธา พงษ์วิทยานุกฤต

สวัสดีครับอาจารย์ ผมไดฟังรายการ Human talk ของว้นอาทิตย์ที่ 29 พย 2552 หลังจากที่ไปร่วมงานพิธีไว้อาลัย ต่ออดีตนักการเมืองไทยผู้ยิ่งใหญ่ จนได้เป็นนายกคนที่ 25 ของไทย ที่วัดเบ็ญจมบพิต ในฐานะผู้มีความรักและเคารพต่อท่านนายก สมัคร สุนทรเวช ถื่อเป็นนักการเมืองที่เป็นแบบอย่างได้ท่านหนี่ง อย่างรู้ซื้งถึงการต้องสูญเสีย ทรัพยากรบุคคลของประเทศที่มีคุณภาพ ตามที่รายการ human talk ได้กล่าวถึง และผมได้มีโอกาสให้สัมภาษณ์ เวป"ซด์ สนามหลวงดอทคอม ที่ออกทีวีทางเวปไปทั่วโลก ว่าท่านเป็นนายกที่จงรักษ์ภักดีต่อสถาบันพระมหากษัตริย์ ที่สุดจนถูกเลือกจากกลุ่มคนเสื้อแดงให้เป็นนายกไทยในฐานะตัวแทนของคนเสื้อแดงที่แสดงความจงรักษ์ภักดีด้วย แต่การเมืองก็ทำลายท่านอย่างอำมหิตเป็นเหตุแห่งการเจ็บป่วยเมื่อท่านถูกบั่นทอนทางจิตใจ ทิ้งผลงานทางการเมืองที่น่าชื่นชมไว้มากมาย ควรค่าแก่การสรรเสริญ สังคมไทยทำลายล้างกันได้อย่างโหดร้ายเสมอไม่ว่าระดับใด ทุกครั้งที่ใช้ถนนวงแหวนต้องคิดถึงท่านสมัคร สุนทรเวช ผู้ที่สร้างโครงการณ์ไว้เป็นอนุสรณ์ จำนวนผู้คนที่ไปร่วมไว้อาลัยต่อนายกคนที่ 25 ได้แสดงถึงความป็นทรัพยากรณ์บุคคลที่ยิ่งใหญ่มากผู้หนึ่ง

เมื่อกลับเข้ามาในเวปที่อาจารย์สู่อุตสาห์อบรมให้พวกเราพัฒนาตัวตนให้เป็นบุคคลที่มีคุณภาพ เป็นทรัพยากรที่ดีของมนุษยชาติ ก็รู้สึกอ่อนใจต่อพฤติกรรม ของคนที่ไม่สามารถพัฒนาให้สูงขึ้น ยังทำลายล้างกันด้วยวิชามาร ตามสัญชาติญาณของความเป็นคนด้อยพัฒนา ออกมาให้เห็น คุณค่าความเป็นมนุษย์ที่ต้องรอการพัฒนาให้มากยิ่งขึ้น หวังว่าคงจะหยุดทำร้าย ทำลายกันเสียที และอาจารย์คงจะไม่ทิ้งพวกเราไปอย่างผิดหวังเพราะหลายคนได้พัมนาขึ้นมาอย่างดียิ่งขึ้นจนน่าแปลกใจ

กิรณา เนื่องจำนงค์

งานครั้งที่ 4

จากการฟังรายการ Human Talk เมื่อวันอาทิตย์ที่ 29 พ.ย. 2552 โดย ศ.ดร. จีระ หงส์ลดารมภ์ และคุณจีรวัฒน์ ตั้งบวรพิเชษฐ์

ผู้ดำเนินรายการได้พูดถึงอดีตนายกรัฐมนตรีสมัคร สุนทรเวช ที่ได้จบชีวิตของท่านลงด้วยโรคมะเร็งตับ ท่านเป็นนายกรัฐมนตรีที่แสดงความเป็นเอกลักษณ์ของท่านออกมาอย่างชัดเจนเสมอ ซึ่งมีทั้งข้อดี และข้อเสีย ดังนี้

ข้อดี

1. ตระหนักและรักษาเพลงไทย การใช้ภาษาไทย วัฒนธรรมไทยสู่ชาวโลก

2. วางนโยบายห้องน้ำสาธารณะในปั๊มน้ำมันต้องถูกสุขลักษณะ

3. ได้นำวิชาความรู้ในสิ่งที่เรียนรู้จากมหาวิทยาลัย คณะนิติศาสตร์ มาใช้กับฝ่ายนิติบัญญัติ

4. ได้ชื่อว่าเป็นพ่อครัวหัวป่าที่มีฝีมือในการทำอาหารไทยได้อร่อยมากจนแทบไม่เชื่อเลยว่ามาจากฝีมือนักการเมือง

5. เป็นคนใช้ความคิดในขณะที่พับนกกระดาษ

6. เป็นคนรักษาคำพูด มีจุดยืน

7. เป็นผู้ริเริ่มการสร้างถนนวงแหวนรอบนอก เพื่อแก้ไขปัญหาจราจร

ข้อเสีย

1. เป็นนายกรัฐมนตรีที่มีระยะเวลาในการบริหารราชการแผ่นดินสั้นเพียง 7 เดือนเศษ

2. ถูกศาลรัฐธรรมนูญตัดสินว่าผิดจากการเป็นพิธีกรรายการ “ชิมไปบ่นไป” จึงต้องพ้นจากตำแหน่งนายกรัฐมนตรี ในเดือนกันยายน 2551

3. ไม่สามารถรักษาคะแนนนิยมพรรคประชากรไทยไว้ได้ ทั้งที่มีฐานเสียงหลักอยู่ที่เมืองหลวง

สรุป

ดิฉันเห็นว่าท่านเป็นนายกรัฐมนตรีที่ดีคนหนึ่งของประเทศไทย

สรุปโครงการเสวนาเรื่อง “ปัจจัยท้าทายประเทศไทย ปี 2553 อยู่รอดหรือยั่งยืน”

จัดโดย กลุ่มไทยยั่งยืน (CPI) โดย บริษัทเซ็นทรัลโปรเฟสชั่นแนล อินเทลลิเจนซ์ จำกัด

และมูลนิธิทรัพยากรมนุษย์ระหว่างประเทศ และมหาวิทยาลัยนานาชาติแสตมฟอร์ด

ณ ห้องประชุม 1402 ชั้น 4 มหาวิทยาลัยนานาชาติแสตมฟอร์ด วันอังคารที่ 8 ธันวาคม 2552

ผู้ดำเนินการอภิปราย ศาสตราจารย์ ดร. จีระ หงส์ลดารมภ์

ผู้ร่วมอภิปราย ดร. กอบศักดิ์ ภูตระกูล “เศรษฐกิจไทยในปี 2553”

ดร. สรจักร เกษมสุวรรณ “สังคมไทยและการศึกษาปี 2553”

คุณมนูญ ศิริวรรณ “ทิศทางพลังงานในปี 2553”

คุณประพัฒน์ โพธิวรคุณ “ทิศทางอุตสาหกรรมในปี 2553”

อ. สมชาย สาโรวาท “ทิศทางการค้าต่างประเทศในปี 2553”

อ. ประกาย ชลหาญ “แนวโน้มการบริหารคนในปี 2553”

จากที่ได้เข้าร่วมฟังเสวนาทำให้ได้รับองค์ความรู้อย่างมากมายจากผู้เชี่ยวชาญในแต่ละสาขา ซึ่งล้วนเป็นปัจจัยสำคัญในเรื่องของทิศทางเศรษฐกิจในอนาคตเป็นองค์ความรู้ ซึ่งจะสามารถนำมาเป็นข้อคิดในการดำเนินธุรกิจ เพื่อการเตรียมตัวที่จะรับต่อสภาวะการณ์ที่กำลังจะต้องเผชิญในอนาคต สำหรับรายละเอียดของ sheet ที่แจกในงานเสวนาจะทำสำเนาไว้ที่อาจารย์นก เพื่อพี่ ๆ และเพื่อน ๆ ท่านใดสนใจนำไปศึกษาต่อนะคะ

จะขอสรุปคร่าว ๆ จากบทสรุปของท่านผู้อภิปรายแต่ละท่านมาให้โดยสังเขปดังนี้นะคะ

ศาตราจารย์ ดร. จีระ ได้ให้แนวคิดในเรื่องของการเรียนรู้ “ใฝ่รู้อย่างฉลาด” ท่านกล่าวว่า ต้องเรียนรู้และแสวงหาความรู้ ตลอดเวลา ทุกครั้งที่คิดว่าไม่รู้ ก็จะฉลาดขึ้นเสมอ“ความเสี่ยงของประเทศไทยในระยะยาว คือ ต้องการให้สังคมไทยเป็นสังคมการเรียนรู้ เพื่อคิดและ วิเคราะหให้์เป็น ใช้สติและปัญญา จิต สาธารณะ เพื่อจัดการกับความไม่แน่นอนให้ได้ผล”

ดร. กอบศักดิ์ เศรษฐกิจฟื้นแต่จะไม่แรง เนื่องจากยังมีความผันผวนอีกมากจากปัจจัยสุ่มเสี่ยง การที่เศรษฐกิจจะฟื้น ก็จะมีปัจจัยหลัก ๆ อยู่ 4 อย่าง คือ การส่งออก, การบริโภค, การลงทุน และการใช้เงินของภาครัฐ ซึ่งยกตัวอย่าง การส่งออก ก็จะยังไม่ดีขึ้นเท่าที่ควร เพราะหากสหรัฐอเมริกาและยุโรปยังไม่ดีขึ้น เนื่องจากทั้ง สองประเทศรวมกันมีอัตราการนำเข้าถึง 40% ของมวลรวมของโลก เป็นต้น

ควรเตรียมการให้พร้อมที่จะรับกับสถานการณ์และเตรียมพร้อมที่จะแข่งขัน ประเทศไทย วางแผนมากแต่ทำน้อยหากมีแค่แผนแล้วไม่ทำ คงไม่สำเร็จ จึงต้องนำความคิดสู่การทำ”

ดร. สรจักร ไม่อยากให้สังคมไทยเป็น NATO คือ No Action Talk Only สังคมไทยควรเลิกเป็นสังคมข้อมูลแต่ ขาดความรู้ ควรเปลี่ยนแปลงคือ ต้องเป็นข้อมูลที่นำไปสู่ความรู้ อย่าสำลักข้อมูล

ควรบูรณาการ บูรณาการทำอย่างไร การบูรณาการต้องละ 4 อย่างดังนี้

ละ อัตตา

ละ อคติ

ละ อิจฉา

ละ อวิชา

“การศึกษา” ต้องสอนให้คนมีจิตสาธารณะ ต้องมีพื้นฐานความคิดที่ว่า การที่สังคมเสียหายก็เท่ากับ เราเสียหายด้วย ไม่เอาเปรียบ ไม่โกง เคารพสิทธิของผู้อื่น

“เศรษฐกิจเชิงสร้างสรรค์” เข้าใจง่าย ๆ ก็คือ คนคือผู้สร้างสรรค์ ดังนั้น ต้องพัฒนาคนให้มีสติ มีความคิด ที่จะนำมาเพื่อสร้างรายได้ให้กับประเทศนั่นเอง

การศึกษาคือการสร้างคน ผ่านกระบวนการ 1 ชั่วคน (20 ปี)

“คนหนึ่งคนทำคนเดียวไม่ได้”

ต้องเริ่มวันนี้ไม่ว่าจะอีกนานเท่าไหร่ ก็ต้องเริ่มวันนี้ เพราะถ้าไม่เริ่มก็ยังต้องรอ และจะรอถึงเมื่อไหร่??

คุณประพัฒน์ พัฒนาเศรษฐกิจ

1.เปลี่ยนโครงสร้างการนำเข้าให้ส่งออกมากกว่านำเข้า 40 – 60 ขยายตลาดภายในประเทศให้ใหญ่

2.สมดุลในการจัดการ ส่งออก – นำเข้า ต้องรุก

3.คนต้องพัฒนาคน คนไม่มีความสามารถ องค์กรไหนก็ไม่รอด

อาจารย์สมชาย การตลาดของประเทศไทยขาดมือที่ 4 คือคนทำตลาด ผลิตของดีหากแต่ขาดผู้เข้าใจและศึกษาตลาดก็ ไม่สามารถสัมฤทธิ์ผลได้

อาจารย์มนูญ เศรษฐกิจกับพลังงานเป็นของคู่กันเหมือนผีกับโลง

เรื่องของราคาน้ำมันกับความผันผวนป็นเรื่องธรรมดา รัฐบาลควรกำกับดูแล แต่ไม่ควรแทรกแซง

ประชาชนควรใช้พลังงานให้น้อยที่สุด ควรประหยัดพลังงานโดยเริ่มจากตัวตนของทุกคน

การเข้าใจปัญหาของชาติมี 2 ทางออกหากเปรียบเศรษฐกิจเป็นผู้ป่วย รัฐคือหมอ หมอจะเลือกใช้น้ำ เกลือกับผู้ป่วยหรือผ่าตัด

“การใช้น้ำเกลือเจ็บน้อยแต่ไม่หายขาด การผ่าตัดอาจเจ็บมากแต่มีโอกาสหายขาด”

อาจารย์ประกาย มีหลายอย่างในชีวิตที่ให้แล้วเพิ่ม ยิ่งให้ยิ่งเพิ่ม นั่นคือ ความรู้ ควรปรับองค์กรแห่งการเรียนรู้ เป็น องค์กรแห่งการให้ความรู้ ไม่เพียงเรียนรู้แต่ตนเอง ควรเรียนรู้คนอื่น เรียนรู้วัฒนธรรมของคนอื่น เพื่อ ให้สามารถเข้าใจและเข้าถึงก็จะประสบความสำเร็จ

*************************************************************************************

นางวัชรี ปรัชญานุสรณ์

เรียน ศ.ดร.จีระ หงส์ลดารมถ์

จากการฟังรายการ Human Talk วันอาทิตย์ที่ 29 พ.ย.52 มีข้อคิดเห็นดังนี้

- ขอแสดงความเสียใจ ในการจากไปของท่านสมัคร สุนทรเวช

- ข้อคิดเห็นเกี่ยวกับอดีตนายกรัฐมนตรี สมัคร สุนทรเวช นั้น มีความคิดเห็นอยู่ 2 ด้าน ด้านหนึ่ง จะเป็นสิ่งที่ท่านได้สร้างสิ่งที่ดีๆ ไว้ให้ชาวไทย โดยเฉพาะคนกรุงเทพฯ ได้เห็นและสนใจในการอภิปรายถ้อยคำ น้ำเสียง ภาษาไทยที่ชัดถ้อยชัดคำ ที่เป็นเอกลักษณ์ของท่าน ท่านมีดนตรีอยู่ในใจ ท่านเป็นพ่อครัวที่เห็นแล้วน่าสนุกกับการทำอาหารและลีลาการชิมที่อร่อย และอื่น ๆ อีกหลายๆอย่าง ส่วนด้านที่ 2 นั้นเป็นข้อเสียของท่าน เรื่องอารมณ์ท่านจะไม่ควบคุม จะปล่อยไปตามความรู้สึก ในความตรงไปตรงมา แสดงออกอย่างที่คิดซึ่งความเป็นผู้นำจะต้องมีในส่วนนี้มากกว่าที่เห็นและภาพของการเป็นนายกรัฐมนตรี นอมินีในช่วงปลายของชีวิตที่ดูจะไม่สดใสนัก

นายไพบูลย์ ปรัชญานุสรณ์

เรียน ท่านอาจารย์จีระ หงส์ลดารมถ์

ใคร่ขอแสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับท่านอดีตนายกสมัคร สุนทรเวช ได้ติดตามข่าวคราวด้านการเมืองของท่านมาตลอด อาจจะเป็นด้วยท่านมักจะมีวิธีการให้เป็นข่าวอยู่เสมอ ยกตัวอย่างตอนที่ท่านเป็นหัวหน้าพรรคประชากรไทย และได้รับเลือกตั้ง สส. จำนวนมากในกรุงเทพฯ ท่านก็ประกาศบันได 3 ขั้น เพื่อก้าวเข้าสู่การเป็นนายกรัฐมนตรี อันที่จริงท่านเป็นคนมีความคิด ความสามารถ โดยเฉพาะเรื่องการคมนาคม เช่นการสร้างแฟลตตำรวจใกล้โรงพักเพื่ออำนวยความสะดวกในการปฏิบัติหน้าที่ของเจ้าพนักงานตำรวจ การมีส่วนร่วมในแนวคิดและผลักดันให้เกิดถนนวงแหวนรอบกรุงเทพฯ

แต่สิ่งที่ท่านขาดอย่างมาก ทำให้ท่านไม่สามารถเป็นผู้นำที่ดีได้ ก็คือ การควบคุมอารมณ์ของตนเอง ซึ่งมักจะก่อให้เกิดปัญหากับผู้อื่นอยู่เสมอ เช่นกับผู้ที่อยู่ตรงกันข้ามทางการเมืองและผู้สื่อข่าวเป็นต้น บางครั้งก็พยายามแสดงความแตกต่างจากผู้อื่น แต่ด้วยความเชื่อมั่นในตัวเองจนเกินไป จึงทำให้เกิดภาพลักษณ์ที่ไม่ดี เช่น ในกรณีที่ยังเป็นผู้ว่า กทม. ได้ปฏิเสธการออกไปดูแลชาวกรุงเทพฯ ที่ถูกน้ำท่วม เช่นเดียวกับผู้ว่า กทม. คนอื่นๆ โดยถือว่าไม่ใช่หน้าที่ของผู้ว่า กทม. เพราะมีเจ้าหน้าที่รับผิดชอบอยู่แล้ว ทำให้การเลือกตั้งผู้ว่า กทม. ในสมัยที่สองไม่ประสบความสำเร็จ

จึงนับได้ว่า ท่านอดีตนายกสมัคร ไม่สามารถประสบความสำเร็จในชีวิตของการเมืองเท่าที่ควร ก็เนื่องมาจากการที่ถือดีในตัวเองมากเกินไป และการที่ไม่สามารถควบคุมอารมณ์ ของตนเอง จนทำให้ผู้อื่นไมสามารถยอมรับได้

ถึง ลูกศิษย์ปริญญาเอก ม.เกริก ทุกท่าน

ก่อนอื่นการขัดแย้งกันในกลุ่มปริญญาเอกเกิดขึ้นได้ แต่อย่าให้คนข้างนอกได้รับทราบ เพราะจะทำให้ภาพลักษณ์เสีย

วันที่ 19 ธันวาคมนี้ เป็นกิจกรรมที่สำคัญมาก

1. ไปเป็นแขกมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ทางมหาวิทยาลัยจะต้อนรับเราถึงเที่ยง แต่เราจะต้องออกเดินทางในเวลา 11.30 น. ธรรมศาสตร์เป็นศูนย์ที่เน้นนวัตกรรม ขอให้มีคำถามเยอะๆ ว่าจะเน้นด้านไหนบ้าง

2. เมื่อฟังแล้ว ความเห็นต่างๆ ที่ได้ฟังมีอะไร เขียนเป็นการบ้านลงใน blog

3. เดินทางไปทานข้าวที่ร้านก๋วยเตี๋ยวไก่แม่ศรีเรือน และหลังจากนั้นเดินทางไปบ้านอาจารย์ และผมจะพูดถึง KM ไม่ใช่ Lo ที่ยังไม่ได้พูดถึง และการสร้างผู้นำในการสื่อสารมวลชน โดยใช้เวลาประมาณ 2 -3 ชั่วโมงในการพูด

4. สำหรับผู้ที่ไม่ได้เดินทางไปร่วมด้วย ผมจะสอบทีหลัง คนละ 1 ชั่วโมง คือ ที่เรียนกับอาจารย์ ทั้ง 4 ครั้ง

a. ยกตัวอย่างว่า ได้ปรับพฤติกรรมตนเองหรือได้ปรับนวัตกรรมการทำงานตนเอง เช่น ทุนมนุษย์หรือภาพใหญ่ Micro หรือ ที่เรียนไปนำไปสร้างนวัตกรรมและได้นำกลับไปอยู่ในองค์กรอย่างไร?

b. ยกตัวอย่าง ที่ได้มีส่วนร่วมในการพัฒนาองค์กร ตามทฤษฎี 3 วงกลม, Execution (เอาชนะอุปสรรค) อย่างไร?

c. เมื่อผมแนะนำ ทำให้มีภาพใหญ่ต่อประเทศของเรา ต้องมีจิตสาธารณะ ใน 4 สัปดาห์ในชั้นเรียน ได้มีส่วนช่วยในสังคมอย่างไรบ้าง เช่น จากที่ได้ฟังจากรายการวิทยุ 96.5 MHz. ของผมหรือจากการที่รับฟังในงานสัมมนาที่ผมจัดและทำอะไรอย่างอื่นที่นอกเหนือจากที่ผมกล่าวมา แต่เป็นประโยชน์ต่อตัวเอง ต่อองค์กร และต่อประเทศชาติ ได้อะไร? ยกกรณีศึกษา ที่อาจารย์ได้กระตุ้นใน 3 มิติเดียวกัน (คะแนนดังกล่าวจะมีส่วนช่วย)

5. สำหรับคนที่ไม่ได้ไป ประสานงานกับคุณเอ้ในการสอบ และส่งมาให้อาจารย์อ่าน เพื่อวาระต่อไป

6. ขอขอบคุณที่ Blog มีคนเข้ามาดูกว่าพันคนแล้ว ขอให้มุ่งมั่นในการแสวงหาความรู้ต่อไป ควรมีการบริหารตนเอง (Self Management)

จีระ หงส์ลดารมภ์

รายงาน

การสัมภาษณ์ระหว่าง อาจารย์ จีระ หงส์ลดารมภ์ กับคุณพจนาถ ซีบังเกิด และคุณศิริลักษณ์ เมฆสังข์

บทสัมภาษณ์ โป่รงใส ไขปัญหา Interviews Expo Rg clear reply

ใครที่ชม เห็นแจ้ง ประจักษ์จิต See who see mental machine take notice.

ได้แนวคิด นำไป ใช้เกิดผล Concept was used to effect.

ยิ่งองค์กร น้อยใหญ่ ที่ผจญ Very few large organizations face.

เศรษฐกิจ สับสน ยุคโลกา Economic, confuse age earth.

สองอนงค์ เก่งจริง ดังที่กล่าว The very fact that the second woman said.

อาจารย์เรา เก่งน้อย แต่เก่งกว่า We are good teachers, but less than good.

เชิญสองท่าน ให้ได้ชม สมอุรา Invite you to watch two equations La industry.

ใครเก่งกว่า เชิญท่าน ชมเอาเอง.! Who invited you excel yourself watch out.!

สตรีเก่ง หลายองค์กร ดังท่านกล่าว Re seven organizations as you say good.

ไม่ต้องเล่า เชื่อแล้ว อย่าสงสัย Do not believe then tell, do not doubt.

ยิ่งสาวสวย ในองค์กร ยิ่งชื่นใจ The more beautiful the more buoyant organizations.

หรือว่าใคร ไม่เชื่อ ติดตามชม.! Or who does not believe that the track view.!

กลอนสอนศิษย์ นิเทศศาสตร์ ประกาศก้อง Verse teaching pupil Arts announced vibrate.

ว่าเรียกร้อง สามัคคี มีคนโจ๋ Harmony with people that call Joe.

เรื่องเก่าผ่าน นานเนิ่น หยิบมาโชว์ History through the hills take a long show.

เราไม่โอ่ แต่จริงใจ ให้สังคม We do not brag, but to be frank society.

เรียนหนักเบา เราสู้ ไม่ท้อถอย Study weight we fight undaunted.

ตะวันคล้อย เร่งวิชา อย่ามัวเฉย Accelerated courses do not Moore sun descend quietly.

อาจารย์สอน สังคมรอ อย่าละเลย Taught all the international society not wait.

เพื่อนๆเอ๋ย เรียนช่วยชาติ เจริญชัย... school friends helped win national prosperity ...

(JITRAKAN KANJANALEKHA)

นางสาวอักษร จุลวรรณ

เรียน อาจารย์จีระ  หงส์ลดารมภ์

ดิฉันขอสรุปจากการฟังเทปของคุณพจนาถ และคุณศิริลักษณ์ วันนั้นดิฉันไม่ได้มาเรียน เนื่องจากว่าดิฉันได้ขอลาหยุดไปร่วมกิจกรรมของบริษัทฯ แต่ได้คุยและสอบถามกับเพื่อนๆ ได้พอจับใจความและวิเคราะห์ได้ดังนี้

    คุณพจนาถ และคุณศิริลักษณ์ ได้ให้ความรู้เกี่ยวกับระบบ HR เชิงกลยุทธ์ นับว่าหัวข้อเรื่องนี้มีความสำคัญเป็นอย่างยิ่งต่อระบบสังคม และองค์กรที่เราทำงานอยู่ เป็นการพัฒนาบุคคลากรให้มีความรู้ เพื่อลดช่องว่างระหว่างบุคคลทั้งภายในและภายนอกองค์กร ปลูกจิตสำนึก พัฒนาคน  ให้ประสบผลสำเร็จไปถึงจุดมุ่งหมายขององค์กร การบริหารองค์กรทรัพยกรรุ่นใหม่ ต้องรู้จักการให้ทรัพยากรรักและเข้าใจในอาชีพของตน เข้าถึงบุคลากรทุกระดับชั้น ทำงานร่วมกันอย่างมีความสุข

     ดังนั้นการมีแนวคิดวิธีการที่ดีเพื่อนำองค์กรเราไปสู่ความสุข และความสำเร็จนั้น เน้นลงมือปฏิบัติ มากกว่าแนวทฎษฎีที่วางไว้ให้ปฏิบัติ แต่ไม่เคยลงมือกระทำเลย

วันเสาร์ที่ 19 ธันวาคม 2552

เพื่อนๆ P.hd. อย่าลืม ให้มาถึงมหาวิทยาลัย 6.00 น พยายาม มาก่อน เพราะอาจารย์จะมาแต่เช้า

อย่าลืมแต่งชุด P.hd.เสื้อด้านในไม่กำหนด แต่งตัวสวยๆ หล่อๆก็แล้วกัน....

ด้วยรักและห่วงใยจาก..น้องใจ

นาย วิรัช จินดากวี

งานสมาคมศิษย์เก่ามหาวิทยาลัยเกริกวันศุกร์เวลาเย็นจะมีใครไปงานบ้างบอกด้วยจะได้ไปด้วย

สวัสดีค่ะ หลังจากที่ได้กลับมาจากการเรียนนอกสถานที่ ถึงแม้ว่ามันอาจจะดูเหนื่อย ต้องตื่นกันแต่เช้ามากกว่าปกติ แต่สิ่งที่ได้รับกลับมา ทำให้พวกเราอยากให้มีการเรียนแบบนี้อีกค่ะ โดยทางคุณวิรัช และเพื่อนๆ ที่ได้นั่งรถกลับมาด้วยกัน ได้นำเสนอว่าถ้าโอกาสหน้ามีโอกาสได้ไปจึงขอแนะนำให้ไปที่โรงแรมปาล์มอินน์ที่ลำนารายณ์ ของคุณวิรัช บรรยากาศแบบภูเขาร่มรื่น อาหารอร่อย (ฟรี) ตลอดงาน อย่างไงฝากเพื่อนๆ เข้าแว๊ปไซด์ไปชมได้ค่ะ ถ้าเพื่อนๆ เห็นด้วยพร้อมใจกัน ทางคุณวิรัช เตรีนมต้อนรับเต็มที่ค่ะ
นายวุฒิวิทย์ ก่าแก้ว

วานนี้ 19-12-2009 อาจารย์จีระ ได้พาคณะนักศึกษาปริญญาเอก นิเทศศาสตร์นวัตกรรม มหาวิทยาลัยเกริก ไปศึกษานอกสถานที่ อันเป้นวันที่พวกเราสนุกกับการได้เรียนรุ้นอกสถานที่เป้นอย่างมาก ได้มีการแสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับการได้เรียนเรื่องทรัพยากรมนุษย์ ที่น่าประทับใจคือ ได้บรรยากาศแห่งการเรียนรุ้ ที่ส่งผมให้มีความเข้าใจในเนื้อหาได้ดีเป็นพิเศษ เพราะเรานักเรียนใกล้ทะเล เป้นธรรมชาติ ไม่มีเทคโนโลยีที่ต้องใช้ประกอบในการเรียน แต่การสอนของอาอจารย์ก็ทำให้พวกเราได้รู้ถึงแกร่นของเนื้อหาวิชา ได้เป็นอย่างดี

นาย วิรัช จินดากวี

เรียนท่านอาจารย์ ดร จีระ ขอบคุณท่านที่ได้ให้ความรู้และให้พวกนักศึกษาได้แสดงออกจากประสบการณ์ของผมที่เคยทำทัวร์มา

เวลาพาคนไปนำเที่ยวก็ให้หลายคนแสดงออกในการพูด การร้องเพลงบ้างแต่คนที่จะแสดงออกมามีน้อยมากแต่ท่านอาจารย์มี

เทคนิคการสอนยอดเยี่ยมมากจุดประกายได้สุดยอดทำให้เพื่อนบางคนที่ไม่กล้าจับไมค์ยื่นหน้ารถทัวร์กับกล้าที่จะพูดจากสมองและ

กลั่นมาจากหัวใจ การที่ได้รับฟังก็ได้ความรู้จากเพื่อนๆด้วย ขอบอกว่าอาจารย์สุดยอดๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆจริงๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆครับ

พวกเรานักศืกษาหวังว่าคงจะมีรายการเรียนแบบนิ้อีกครับ

นาย วิรัช จินดากวี นศ ปริญญาเอก

รายงานอาจารย์ ดร จีระ หงส์ลดารมภ์ วิเคราะห์นายกรัฐมนตรีประเทศไทย มาเลเฃีย กัมพูชา

นาย อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรีคนที่27ของประเทศไทย มหาบัณทิตเกียรตินิยมอับดับ1จากอ็อกฟอร์ด

เกิดเมื่อวันที่3สิงหาคม2507 ที่เมืองนิวคาสเฃิล ประเทศอังกฤษ

สมรสกับ ดร พิมพ์เพ็ญ ศกุนตาภัย มีบุตร2คน

สำเร็จการศืกษา ปริญญาตรีด้านปรัญชญาการเมืองและเศรษฐศาสตร์เกียรตินิยมอันดับ1

ปริญญาโทด้านเศรษฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยอ็อกฟอร์ด ประเทศอังกฤษ

ด้านการเมือง ปี2540 เป็นรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี

ปี2542 เป็นรองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์

ปี2548 เป็นหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์

ปี2551 เป็นนายกรัฐมนตรีคนที่27 ชองประเทศไทย

บทวิเคราะห์ ด้านดี นายกอภิสิทธิ์เป็นคนหนุ่มที่มีการศืกษาดีมีชาติตระกูล สุขุมเยือกเย็นไหวพริบปฎิฎานดีมีความมุ่งมั่นสูงดังตัว

อย่างที่ต้องการเป็นนายกรัฐมนตรีของประเทศไทยท่านก็ได้เป็นสมใจ ในการทำงานท่านมีความตั้งใจสูงที่จะทำให้

ประชาชนต้องมาก่อน ในนามพรรคประชาธิปัตย์ฃื่งมีภาพลักษณ์ของพรรคสะอาด ไม่โกงกินบ้านเมืองทำงานด้วย

ความฃื่อสัตย์สุจริต ระยเวลา1ปีท่านนายกก็แสดงให้เห็นแล้วว่าประชาชนต้องมาก่อน ท่านได้ทุ่มเทเวลาทำงานอย่าง

เต็มความสามารถทำให้ประเทศไทยอยู่รอดปลอดภัยและมีอยู่มีกินกันอย่างถ้วนหน้า

ด้านลบ นายกอภิสิทธิ์ เมื่อโดนยั่วยุมักจะเก็บอารมณ์ไม่อยู่ชอบตอบโต้ผ่ายค้านทำให้การเมืองไม่นิ่งมีความรุนแรง

การทำงานที่มีพรรคร่วมทำให้ภาพพจน์ของรัฐบาลนายกอภิสิทธิ์ดูเป็นสีเทา ไม่โปร่งใส และการที่ขึ้นมาดำรงตำแหน่ง

ได้นั้นมีผู้มีอำนาจเหนือกว่ากำกับดูแลทำให้ท่านนายกทำงานได้ไม่เต็มที่ต้องคอยรับฟังคำสั่งตลอดเวลาของการทำ

งานฃึ่งเป็นการยากที่จะแก้ไข

สรุป นายกอภิสิทธิ์เป็นนายกที่ดีขอให้กำลังใจต่อสู้และเลือกตั้งครั้งหน้าขอให้กลับมาเป็นนายกอีกแต่ต้องเป็นด้วยตนเอง

นาย ดาโต๊ะ ชรี มูฮัมหมัด นาจิบ บินตุน อับดุล ราฃัก นายกรัฐมนตรีมาเลเฃีย อายุ 55ปี

การศึกษา ปริญญาตรีทางด้านเศรษฐศาสตร์อุตสาหกรรม เกียรตินิยมจากประเทศอังกฤษ

การเมือง เป็น สส แทนบิดาด้วยวัยเพียง 23ปี หลังจากนั้นเพียง2ปีได้เป็นรัฐมนตรีช่วยพลังงานและเป็นผู้ว่าการรัฐอายุน้อยที่สุด

ด้วยวัย29ปี เป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง รองนายกรัฐมนตรี

ปี2552 ดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี ประเทศมาเลเฃีย

บทวิเคราะห์ ด้านดี ท่านเป็นนายกรัฐมนตรีมาเลเฃียคนแรกที่เดินทางลงพื้นที่3จังหวัดชายแดนภาคใต้ของประเทศไทยโดยให้คำมั่น

ที่จะให้ความร่วมมือกันอย่างใกล้ชิดในฐานะเพื่อนบ้านประเทศไทย โดยจะช่วยเหลือในด้านข้อมูลหรือข่าวกรอง และ

จับมือแก้ปัญหาบุคคล2สัญชาติ ฃึ่งปัญหาชายแดนภาคใต้ของเราจะได้ลดความรุนแรง

ด้านลบ ข่าวทางลบ ท่านเคยถูถกล่าวหาว่ามีความสัมพันธ์และพัวพันคดีฆาตกรรม นางสาว อ้สตันดูยา ชารีบู ล่ามชาว

มองโกเลียวัย28ปี ฃึ่งถูถยิงเสียชีวิต เมื่อปี2549 ก่อนศพจะถูถนำไประเบิดทิ้งที่ในป่าชานกรุงกัวลาลัมเปอร์ ฃึ่งในที่

สุดแล้ว ศาลยกฟัอง

สรุป นายกนาจิบเป็นคนหนุ่มมีประสบการณ์ในวัยเด็ก การศึกษาดี ชาติตระกูลดีมีอนาคตไกลอาจจะได้เป็นนายกต่อไปอีกถ้าไม่มี

เรื่องฉาวโชวอีก

สมเด็จอัครมหาเสนาบดีเดโช ฮุนเฃน นายกรัฐมนตรี ประเทศกัมพูชา

เกิดวันที่ 4 เมษายน2494

ประวัติ เป็นลูกชาวนายากจน เร่ร่อนออกจากบ้านเกิดด้วยวัยเพียง13ปี พออายุ19ปีได้เข้าร่วมในกองทัพปฎิวัติ เขมรแดง ทำการต่อ

สู้กับรัฐบาลของประธานาธิบดี ลอนนอล ฮุนเฃน ได้แต่งงานหมู่กับสาวเวียตนาม13คู่กับ นาง บุญ สมเอียงมีบุตร2คน

ฮุนเฃน ได้รับเลือกจากรัฐบาลเวียตนาม ให้เป็นผ้นำกองทัพปฎิวัติต่อต้านเขมรแดงยึดกรุงพนมเปญได้

ปี2522 ได้รับตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ

ปี2528 ได้เป็นนายกรัฐมนตรีของสาธารณรัฐประชาชนกัมพูชาด้วยวัยเพียง23ปี

การศึกษา จบปริญญาตรีด้านรัฐศาสตร์ในกัมพูชา และได้รับPh.dกิตติมศักดิ์อีกถึง10ใบ

บทวิเคราะห์ ด้านดี นายกฮุนเฃนถือว่าเป็นคนเก่งอีกคนหนึ่งของเอเฃีย ได้ดิบได้ดีเพราะมีเล่ห์เหลี่ยมแพรวพราว มีพี่ใหญ่เวียตนาม

ยกกะดกหางอยู่จึงครองตำแหน่งยาวนาน เป็นคนที่มองการไกลและมีวาทะศิลป์ที่แหลมคม

ด้านลบ เป็นเด็กบ้านแตกสาแหกขาด ร่อนเร่พเนจร ไม่มีชาติตระกูลที่ดีเลยยกตนเองเป็นสมเด็จ หาประโยชน์ใส่ตน

และพวกพ้องคบมิตรต่างชาติก็เพื่อผลประโยชน์ของตนเองเท่านั้น จากการที่ไม่มีจะกินก็เลยต้องทำทุกวิถีทางให้มีจะ

กิน นับเป็นอีกคนหนึ่งที่เป็นตัวอันตรายของมนุษย์โลก ฃ่งชาวไทยต้องจับตาดูอย่างสมำเสมอต่อไป

สรุป เปลี่ยนรัฐบาลกัมพูชาเมื่อไรเราประเทศไทยค่อยไปทำความสัมพันธ์ทางการทูตใหม่

นาย วิรัช จินดากวี อดีตนายกเทศมนตรีตำบลลำนารายณ์ นักศึกษาปริญญาเอกนิเทศศาสตร์นวัตกรรม มหาวิทยาลัยเกริก

ผมรู้สึกดีใจมากที่เห็นนักศึกษา ป.เอก มีความสุขและได้ความรู้ในการไป study tour ในครั้งนี้และผมยังได้นำบรรยากาศของการ study tour มาให้ทุกๆคนได้ชมกัน

 

Newsletter

[email protected]

วันเสาร์ที่ 19 ธันวาคม 2552   www.chiraacademy.com   ปีที่ 3 ฉบับที่ 51

 

            บทเรียนจาก คำรบ นาจิบและฮุนเซน 

                เดือนนี้เป็นเดือนมหามงคล เป็นเดือนแห่งความสุขของคนไทย แต่ที่พูดกันว่าปีใหม่ อาจจะมีอะไรรุนแรงน่ากลัวเกิดขึ้น

                คนที่พูดมักจะเป็นผู้นำเสื้อแดงสร้างข่าว อยู่เสมอไม่ว่าจะเป็นเสธแดงหรือหนึ่งในสามเกลอ คุณจตุพร อาจจะพูดได้ว่า โกหกจนกลายเป็น กิจวัตรประจำวันไปแล้ว เขาอาจจะไม่รู้ตัวก็ได้ จึงอยากให้คนไทยคิดอย่างรอบคอบ มีสติ ปัญญา อย่างเช่น พระราชดำรัสของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว

                สัปดาห์ที่แล้ว ผมพูดถึงปัจจัยความเสี่ยงของประเทศไทย ในการพัฒนาคุณภาพคนเพื่อความยั่งยืนผ่านการศึกษา สร้างองค์กรแห่งการเรียนรู้ อาจจะไม่กระทบความรู้สึกแทงใจคนไทยมากนัก แต่ก็จำเป็นที่จะปรับการศึกษาและคุณภาพของทรัพยากรมนุษย์ของคนไทย

                แม้กระทั้งที่แนวหน้าอย่างพี่วารินทร์ พูนศิริวงศ์ หรือคอลัมน์นิสต์ประจำอย่างอาจารย์ประพันธ์พงศ์ เวชชาชีวะ ก็เน้นเรื่อง คุณภาพคนและคุณภาพศึกษา งานของผมก็เริ่มง่ายขึ้น เพราะมีคนเห็นด้วยมากขึ้น แต่ก็ยังไม่มีการเร่งด่วน (Urgency) ที่ทำให้เราปฏิรูปได้ทันใจ ทันเหตุการณ์

                อย่าว่าแต่การศึกษาซึ่งเน้นระยะยาว แค่เรื่องการแก้ปัญหาภาวะโลกร้อนยังตกลงกันลำบากในการประชุมใหญ่ที่โคเปนเฮเกน  คนในโลกยังเฉยๆอยู่ เพราะอาจคิดว่ากว่าโลกจะแตก ฉันก็ไม่อยู่ในโลกนี้แล้ว ไม่ใช่ธุระของฉัน

                ดังนั้น การทำงานของผมก็คงจะต้องมี แรงบันดาลใจมากๆ มีแรงส่งและตัวเร่ง Urgency มีพลังสร้างความตื่นเต้นมากขึ้น

                ในสัปดาห์ที่ผ่านมามีข่าวเกี่ยวกับบุคคล 3 คนเป็นตัวละคร อาจจะนำมาวิเคราะห์ เพื่อเป็นแบบอย่างบทเรียนทั้งดีและไม่ดี ให้คนไทยหันมาสนใจ คุณภาพผู้นำ

                คนแรกก็คือ คุณคำรบ ปาลวัฒน์วิไชย เลขานุการเอกช่วงที่คุณคำรบเงียบ คนไทยก็อาจจะมองว่าคุณคำรบทำผิดหรือเปล่า

                แต่ผมคิดว่า ถ้าดูจริงๆ ต้องยกย่องบทบาทของคำรบ ปาลวัฒน์วิไชย

                ข้อแรกก็คือ การเป็นข้าราชการที่ดีมีตำแหน่งเป็นเจ้าหน้าที เลขานุการเอกประจำสถานเอกอัครราชทูตไทย ในกรุงพนมเปญ บทบาทที่ถูกต้องคืออะไร

ต้องอย่าให้ประเทศไทยเสียหายในด้านความมั่นคง ไม่ว่ากิจกรรมต่างๆ ที่คุณคำรบทำไป เพื่อหาข้อมูลของคุณทักษิณ ซึ่งเป็นนักโทษหนีคดีอาญาแผ่นดิน ถ้าเป็นข้าราชการที่ดี ควรจะหาข้อมูลศึกษาว่าคุณทักษิณมาเขมรเรื่องอะไร และมาอย่างไร จะสร้างผลกระทบต่อความมั่นคงของประเทศไทย

                ถ้าไม่รายงานมาที่กระทรวงต่างประเทศ คุณคำรบจะทำหน้าที่นักการทูตที่ดีได้อย่าไร

                นักการทูต ที่ทำงานตั้งรับไปเรื่อย ไม่หาข่าว ชอบแค่ไปงาน ดื่มค็อกเทล มีเกียรติ ล้าสมัยแล้วครับ

                ผมจึงขอให้คนไทยตั้งสติอีกครั้งหนึ่ง โปรดทราบว่าคุณคำรบทำหน้าที่นักการทูตที่ดี คือปกป้องและดูแล ความมั่นคงของประเทศไทย

                การเป็นข้าราชการที่ดี คือปกป้องแผ่นดินไทย ถ้าทำเพื่อวัตถุประสงค์ดังกล่าวคงไม่ต้องกลัวอะไร

                การถูกกระแสนำว่าเพราะคุณคำรบขอข้อมูลตารางบิน เป็นจุดเริ่มต้นของการเป็นสปาย แต่ทุกๆคนก็มีสิทธิขอข้อมูลทั่วไปได้ ไม่ใช่ความลับอะไร และถ้าคุณคำรบเป็นสปายรัฐบาลเขมรเองนั่นแหละเป็นสปายตัวจริง เพราะมีการติดตาม ดักฟังทางโทรศัพท์ว่าข้าราชการไทยสถานทูตไทยในเขมรทำอะไรอยู่

                และถ้าเป็นสปาย จริงทำไมไม่ลงโทษคุณศิวรักษ์ด้วย  คุณศิวรักษ์ก็รู้ตารางการบินว่าถือว่า มีความผิดด้วย เกมตื้นแบบนี้ใครก็อ่านออก

                ส่วนอีก 2 คนที่ผมกล่าวถึง คนแรก Tun Razak Najib เป็นนักการเมืองที่มีพื้นฐานดีมาก พ่อเขาเคยเป็นนักการเมืองอาวุโสระดับนายกรัฐมนตรี คนที่ 2 ของมาเลเซีย เริ่มเป็นผู้แทนตั้งแต่ อายุ 23 ไต่เต้ามาจนเป็นนายกฯคนปัจจุบัน

                ปัจจุบันถึงเขาจะรู้จัก บิ๊กจิ๋ว แต่ก็มีมารยาททางการทูตดี คือมาเยี่ยมคุณอภิสิทธิ์ก่อน อย่างเป็นทางการ

                เป็นภาพแบบให้เกียรติรัฐบาลไทยและให้เกียรติคุณอภิสิทธิ์มองไทย / มาเลเชีย แบบ Win / Win ไม่ให้ท้ายการแบ่งดินแดน 3 จังหวัด ถ้า 3 จังหวัดมีการปกครองอิสระโดยให้อยู่ภายใต้กฎหมายไทย ไม่ใช่แบ่งแยกดินแดน

                ขณะเดียวกันก็ยอมรับว่า รู้จักกับบิ๊กจิ๋วดี เป็นเพื่อนกันมาก่อนก็ไม่ทิ้งกัน ยินดีจะพบ แต่พบหลังจากพบนายกอภิสิทธิ์อย่างเป็นทางการแล้ว ท่านเล่นการเมืองเป็น

                ส่วนฮุนเซน คงไม่ต้องอธิบายมาก ชีวิตของท่านคือ อำนาจและทุนนิยม ซึ่งการดำรงตำแหน่งของฮุนเซนก็คงเป็นสิ่งที่คุณทักษิณเคยทำ แต่ฮุนเซนคุมสถาบันต่างๆ ได้หมดแล้ว แม้กระทั่งกษัตริย์ แต่ก็อยู่ได้นานกว่าคุณทักษิณ

ผมทายไว้เลยว่า อีกไม่นานคนเขมรก็จะรู้ทันฮุนเซน เพราะผมไปพัฒนาคนเขมรบ่อยๆ ชาวเขมรเป็นคนที่มีความภูมิใจในประวัติศาสตร์อันรุ่งเรืองของเขาในอดีต

                คนเขมร ใฝ่รู้ สนใจการหาความรู้ แม้กระทั้งภาษาอังกฤษก็ดีกว่าไทยแล้ว ไม่นับภาษาฝรั่งเศสที่เขารู้อยู่แล้ว เพราะอิทธิพลฝรั่งเศสสมัยอาณานิคม

                อีกไม่นานคนเขมรก็ รู้ทัน เพราะไม่มีประเทศไหนที่ ผู้นำ อยู่ได้โดยไม่ได้กระจายผลประโยชน์ให้แก่ประชาชนอย่างเป็นธรรม

                คุณฮุนเซนอาจจะอยู่นานหน่อยเพราะช่วง Killing Field ในเขมร คนชั้นกลางและผู้มีความรู้ ตายไปกว่า 1 ล้านคน อีกไม่นานคนเขมรก็จะมีความรู้ มีคนขั้นกลางเพิ่มขึ้น บทบาทและความเป็นผู้นำของฮุนเซนก็จะลำบากยิ่งขึ้น

ศ.ดร.จีระ หงส์ลดารมภ์

เลขาธิการมูลนิธิพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ระหว่างประเทศ

[email protected] 

นายประจักษ์ เพ็งจางค์

รายงานอาจารย์ ดร.จีระ หงส์ลดารมภ์ วิเคราะห์นายกรัฐมนตรี 3 ประเทศ ไทย มาเลเซียและกัมพูชา คือ นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรีคนที่ 27 ของประเทศไทย นายดาโต๊ะ ชรี มูฮัมหมัด นาจิบ มินตุน อับดุล ราซัก นายกรัฐมนตรีประเทศมาเลเซีย นายฮุนเซน หรือสมเด็จอัครมหาเสนาบดีเดโช ฮุนเซน นายกรัฐมนตรี ประเทศกัมพูชา ซึ่งนายกฯทั้ง 3 ประเทศมีความเป็นมาใกล้เคียงกันมาก คือการอดทนการต่อสู้เพื่อจะให้ตัวเองบรรลุเป้าหมายที่วางไว้ การฝักใฝ่ การไขว่คว้า เพื่อจะได้มาจนสำเร็จผล

นายกฯของประเทศไทย การศึกษาดี เกิดในชาติตระกูลที่มั่งคั่ง เชื่อว่าร่ำรวย โอกาสทุกอย่างเอื้ออำนวยมาก โดยเฉพาะการศึกษา เมื่อมาเป็นนายกรัฐมนตรี ทำให้นายกฯไทยมีความเจนจัด รอบคอบ ปกครองและบริหารประเทศด้วยความนุ่มนวลเป็นที่น่าอบอุ่นของประชาชนคนไทย ซึ่งนำการศึกษาและปากท้องประชาชนเป็นหลักถึงแม้จะมีส่วนเสียอยู่บ้างเป็นด้านอารมณ์ ซึ่งเป็นเรื่องธรรมดาที่ปุถุชนคนเดินดิน มักมีโลภ โกรธ หลง แต่ก็ถือว่านายกฯไทยมีน้อยมาก สายตาส่อแววถึงความมุ่งมั่น ขยันอดทน ไม่เอารัดเอาเปรียบคนอื่น แต่มาเสียดายกับประชาชนอีกกลุ่มหนึ่งที่หลงผิดคิดแต่อยากให้ท่าน เข้มแข็ง(ที่เกินขอบเขต) เข้าสู้เผด็จการ เช่น มีปัญหาชายแดน กับเขมร ฝ่ายค้านมองว่าโง่ ใจเย็น ต้องตอบกลับอย่างรุนแรง ขี้ขลาด ฝากถึงคนกลุ่มนี้ด้วยว่า ทะเลาะแล้วได้อะไร เราภูมิใจนักหรือกับการเป็นคนไทยสายเลือดไทย แต่ไปยกย่องชาติอื่น ว่าทำอะไรถูกต้องไปหมด ท่านนายกฯไทยไม่เคยเลียคอมแบตหรือรองเท้าทหารเหมือนทหารบางคนกล่าว หากแต่ว่าพรรคประชาธิปปัตย์ที่ท่านเป็นหัวหน้าเป็นผู้นำ รอบคอบฟังเสียงทุกฝ่าย ไม่อยากให้หยิกเล็บเจ็บเนื้อ เป็นนายกฯไทยมันน้ำท่วมปาก ฝากด้วย ครับขอเวลาให้อภิสิทธิ์บ้าง ทางเดินของผู้นำประเทศไทยมีแต่หินลูกรัง ใช่ว่าโปรยไว้ด้วยพรหมและกลีบกุหลาบ ท่านจำเป็นต้องฟังคนรอบข้างเพื่อนำไปวิเคราะห์และค่อยตัดสินใจ

นายกฯของประเทศมาเลเซีย ดำเนินการทางด้านการเมืองมาตั้งแต่อายุยังน้อย การศึกษาดี มีประสบการณ์ การเป็นอยู่หรือฐานะทางบ้าน มีการเติบโตในท่ามกลางความพร้อมเพรียง การปกครองไม่โลดโผนหรือโดดเด่น ไม่เป็นที่รู้จักของประเทศข้างเคียงได้ดีนัก ผลงานในประเทศที่น่าจับตามองน้อยมาก ประเทศมาเลเซียจึงไม่ถูกกล่าวขานมากนักไม่ว่าในด้านการลงทุนหรือท่องเที่ยว ผลดีต่อไทยก็คือจะแก้ไขปัญหาชายแดนภาคใต้ แต่ก็ต้องรอดูความจริงใจ และการกระทำหรือผลงาน

นายกฯของประเทศกัมพูชา นายฮุนเซน เป็นบุคคลที่น่ายกย่องในการตัดสินใจ เด็ดขาด สู้ชีวิตไม่คิดว่าอะไรจะเกิดขึ้น เมื่อวันข้างหน้า เพราะข้ามตัวจากการใช้ชีวิตของความดิ้นรนจากบันไดดาวติดลบ 0 ถึง บรรไดขั้นที่ 9 ทำให้ ฮุนเซนปากกัดตีนถีบมาโดยตลอด จากชีวิตดิ้นรนต่อสู้เอาตัวรอดจนมากเกินไปทำให้เขาต้องมีกลเกมส์ ของชีวิตเป็นวัวสันหลังหวะเลยต้องทำตัว ตัดไม้ข่มนาม แต่ข้อดีคือ มีเพื่อนบ้านคิดไม่เป็น ไม่มีสมองมากนักที่คอยให้กำลังใจ และโอบอุ้ม การเขียนเสือให้วัวกลัว ที่บริเวณเขตชายแดน เชื่อเถอะไทยไม่กลัว เลือดไทยพร้อมเสมอที่จะพลีชีพเพื่อชาติ ขอเป็นตัวแทนขอบคุณประเทศไทยแทนฮุนเซนด้วย ขอบคุณอดีตนายกฯ ขอบคุณนายทหาร(เสื้อแดง) ขอบคุณประชาชนกลุ่มหนึ่งที่คอยให้กำลังใจ ฮุนเซนขอคารวะดีใจมาก ๆ ที่คนไทยให้เกรียติฮุนเซน คนไทยเดินข้ามเขมรอย่างองอาจ มีชาวเขมรต้อนรับแบบมิตรไมตรี ดีกว่าเราเข้าประเทศอังกฤษหรืออเมริกา ขอบคุณที่คนไทยยกย่องเขมรและคิดได้และคิดเป็น

ประจักษ์ เพ็งจางค์

วิเคราะห์นายกรัฐมนตรี ประเทศไทย มาเลเซีย และกัมพูชา

          นายกรัฐมนตรีไทยได้เปรียบด้านการศึกษา ภาพลักษณ์ การวางตัว การควบคุมอารมณ์ การสังคมกับอารยะประเทศ มีความมุ่งมั่นสูง

          เมื่อร่วมมือกับนายกรัฐมนตรีมาเลเซียอย่างจริงจัง อาจมีผลทำให้ปัญหา 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้บรรเทาลงได้

          นายกรัฐมนตรีกัมพูชามุ่งหวังผลประโยชน์ส่วนตนมากเกินไป  ไม่คำนึงถึงผลประโยชน์ส่วนรวม และความเป็นอยู่ของประชาชน

นายพูนศักดิ์  ศิริชัย โทร. 089 - 200 7788

AOM-PHAENG WISH U

HAPPINESS HEALTHY AND SUCCESSFUL IN EVERYTHING

MERRY CHRISTMAS AND HAPPY NEW YEAR

นาย วิรัช จินดากวี นักศึกษาปริญญาเอก นิเทศศาสตร์นวัตกรรม มหาวิทยาลัยเกริก

กิรณา เนื่องจำนงค์

รายงานครั้งที่ 5

วิเคราะห์นายกรัฐมนตรี 3 ประเทศ คือ

1. นายกรัฐมนตรีประเทศมาเลเซีย: ท่านดาโต๊ะ ซรี มูฮัดหมัด นาจิบ บิน ตุน อับดุล ราซัก

2. นายกรัฐมนตรีประเทศกัมพูชา: สมเด็จอัครมหาเสนาบดี เดโช ฮุนเซน

3. นายกรัฐมนตรีประเทศไทย: ท่านอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ

นายกรัฐมนตรีประเทศมาเลเซีย ท่านดาโต๊ะ ซรี มูฮัดหมัด นาจิบ บิน ตุน อับดุล ราซัก

ข้อดี

1. ท่านมีสายเลือดนักการเมือง เพราะพ่อเคยเป็นนักการเมืองอาวุโสระดับนายกรัฐมนตรีคนที่ 2 ของประเทศมาเลเซีย

2. ท่านเป็นคนมีมารยาททางการฑูตดี เมื่อครั้งท่านได้เดินทางมาเยือนประเทศไทยอย่างเป็นทางการ ท่านได้มาเยี่ยมนายกอภิสิทธิ์อย่างเป็นทางการ ถึงท่านจะรู้จักบิ๊กจิ๋ว

3. แสดงจุดยืนที่ชัดเจนว่า การแก้ปัญหาใน 3 จัดหวัดชายแดนภาคใต้ควรจะอยู่ภายใต้บริบทของรัฐธรรมนูญไทย

4. ท่านไม่สนับสนุนเรื่องการแยกตัวเป็นรัฐอิสระของ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ของไทย

5. ท่านใส่ใจเรื่องการสื่อสารเป็นเรื่องสำคัญ

สรุป

นายกรัฐมนตรีนาจิบ ราซักเป็นผู้นำที่มีมารยาทที่ดีมาก และมีวาจาเป็นนักการฑูตที่ดีเช่นกัน

นายกรัฐมนตรีประเทศกัมพูชา สมเด็จอัครมหาเสนาบดี เดโช ฮุนเซน

ข้อดี

1. การรัฐประหารในกัมพูชา เมื่อ 2 กรกฎาคม 2537 ทำในฮุนเซนได้เป็นนายกรัฐมนตรีคนที่ 2 กลายเป็นฮีโร่ผู้ต่อต้านรัฐประหาร และทำให้เจ้านโรดม รณฤทธิ์ นายกรัฐมนตรีคนที่ 1 ผู้นำพรรคฟุนซินเปค ยอมรับความเป็นผู้นำในภาวะวิกฤติของฮุนเซน

2. จากสงครามกู้ชาติ ทำให้เขาเป็นผู้นำที่กล้าคิด กล้าทำ และไม่เคยเกรงกลัวใคร

3. เมื่อครั้งได้รับตำแหน่งรองนายกรัฐมนตรีควบรัฐมนตรีต่างประเทศ เขาได้แสดงความฉลาดเฉลียว และแพรวพราวทางการเมือง

4. เขาสามารถอยู่ในตำแหน่งได้นาน

ข้อเสีย

1. กัมพูชาได้กลับมีการปกครองระบบประชาธิปไตยที่มีพระมหากษัตริย์เป็นประมุขอีกครั้ง แต่ฮุนเซนได้ฝังรากลึกเป็น “ระบบศักดินาแดง”

2. สร้างเครือข่ายพันธมิตรในหมู่ชนชั้นนำด้วยกัน มีการแลกเปลี่ยนผลประโยชน์อย่างลงตัว และการแต่งงานระหว่างครอบครัวชนชั้นนำเป็น “วัฒนธรรมเชิงอำนาจ” ของผู้นำระบอบเผด็จการ นิยมใช้กลยุทธ์ นี้ในการวางฐานอำนาจระยะยาว

3. ฮุนเซนไร้มารยาททางการฑูตอย่างร้ายแรง

4. ท่านอ้างเรื่องศิวรักษ์ให้ข้อมูลกับคำรบ มาเล่นเกมรัฐบาลกัมพูชาเพื่อขอตัวทักษิณเป็นผู้ร้ายข้ามแดนกลับมาดำเนินคดีในประเทศไทยตามกฎหมายว่าด้วยการสั่งผู้ร้ายข้ามแดนถึง 2 ครั้ง แต่ถูกปฏิเสธจากกัมพูชา

สรุป

นายกรัฐมนตรีฮุนเซนเป็นผู้นำที่ไม่อยากเห็นประชาชนมีความรู้ความสามารถ เพราะเขากลัวประชาชนจะลุกขึ้นมาเรียกร้องสิทธิ และอำนาจของพวกประชาชนคืน

นายกรัฐมนตรีประเทศไทย ท่านอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ

ข้อดี

1. ท่านเป็นคนฉลาด รอบครอบ มีความเยือกเย็น สุขุม ไม่เคยด่านักข่าว

2. ท่านมีความพยายามอย่างยิ่งที่จะแก้ไขปัญหาความไม่สงบในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ ด้วยการเชื่อมโยงถึงการพัฒนา คือ เรื่องสะพานข้ามแม่น้ำโก-ลก แห่งที่ 2 ซึ่งได้เปลี่ยนชื่อเป็นสะพานมิตรภาพไทย-มาเลเซีย และเรื่องโรงเรียนสอนศาสนา

3. ท่านพูดภาษาอังกฤษได้คล่อง ดูดีเมื่อกล่าว speech พูดคุยกับต่างชาติ

4. ท่านเป็นคนให้เกียรติผู้อื่นเสมอ ถึงจะไม่พอใจก็ไม่แสดงออกทางสีหน้า ยังรักษาหน้าคู่สนทนา แต่พูดให้คู่สนทนาพอรู้สึก

5. กรณีที่ประเทศไทยมีปัญหากับทางประเทศกัมพูชา ท่านประกาศเรียกฑูตไทยประจำกัมพูชากลับ เพื่อตอบโต้การไว้มารยาททางการฑูตอย่างร้ายแรงของฮุนเซน ผู้นำเขมร

ข้อเสีย

1. บางเรื่องท่านน่าจะเผด็จการบ้าง เพื่อความสงบสุขของประเทศ

2. บางเรื่องท่านน่าจะตัดสินใจให้เร็วขึ้น อย่าปล่อยให้ประชาชนต้องเดือดร้อนก่อน เช่น กรณีอุตสาหกรรมมาบตาพุด

สรุป

นายกรัฐมนตรีอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะเป็นผู้นำที่ดิฉันชื่นชอบมากท่านหนึ่ง เพราะท่านมีข้อเสียน้อยมาก เมื่อเปรียบเทียบกับนายกรัฐมนตรีท่านอื่นๆ

Buy year old.

Welcome the new year tiger.

I ask teachers and friends.

. Happy New Year and good luck

Jai O863004409,O818200050

   รายงานวิเคราะห์นายกรัฐมนตรี มาเลเซีย กัมพูชา และ ประเทศไทย

 1. นายกรัฐมนตรี มาเลเซีย ‘เชื่อว่าเป็นคนมีวิสัยทัศน์กว้างไกล’ ตัวอย่าง! ในระหว่างวันที่ 7 - 9 ธ.ค. การเยือนไทยอย่างเป็นทางการครั้งแรก หลังจากที่เข้ารับตำแหน่งส่วนประเด็นหารือ ได้แก่ ปัญหาชายแดนภาคใต้ของไทย โดยทั้งสองประเทศจะนำความร่วมมือในกรอบ 3 อี ได้แก่ การศึกษา การจ้างงานและการส่งเสริมผู้ประกอบการเพื่อพัฒนาประชากรทั้งสองประเทศ

2.นายกรัฐมนตรี กัมพูชา ประชาธิปไตย Kampucheadémocratique เป็นผู้นำที่เป็นแม่แบบ นายกรัฐมนตรีกัมพูชาได้ในอนาคต

 

3.นายกรัฐมนตรี ประเทศไทย อภิสิทธิ์ เวชชา ภาพลักษณ์,

การวางตัว,บุคลิกภาพ,ดีมาตลอด (ข้อเสีย)การควบคุมอารมณ์

ระดับผู้นำร่วม70ล้านคน หากฉลาดคิด

'เลือกใช้ถ้อยคำที่' ประชาชนชอบฟัง เชื่อว่าเลือกตั้งครั้งหน้า

คะแนนมาวินแน่นอน ( To win that one. )

Jai O863004409,O818200050

เกศสุพิชญ์ ธนนันท์โสภณ

สมเด็จฮุน เซน มีสัญชาติและเชื้อชาติเขมรญวน นับถือศาสนาพุทธ การศึกษาสูงสุด จบปริญญาเอกสาขารัฐศาสตร์ จากมหาวิทยาลัยรัฐสังคมนิยมเวียดนาม ด้วยเหตุนี้ จึงพูดภาษาเวียดนามได้เป็นอย่างดี แต่พูดภาษาไทยกับอังกฤษได้นิดหน่อย ที่พูดภาษาไทยได้นั้น เพราะสมเด็จฮุน เซน ชอบประเทศไทย และชอบดาราละครไทย โดยเฉพาะน้องกบ สุวนันท์ คงยิ่ง

ฮุน เซน เป็นคนที่มีความเชื่อมั่นในตัวเองสูงมาก(ใกล้เคียงกับดื้อรั้น) ฉลาด พูดเก่ง สูบบุหรี่วันละ ๒ ซอง(๔๐ มวน) ยี่ห้อ ๕๕๕ รักครอบครัวและเชื่อฟังภริยา(กลัวเมียนั่นเอง) แต่เจ้าชู้มากที่สุด ตีกอล์ฟเก่งมาก แฮนดิแค็บอยู่ที่ ๑๕ ซึ่งเป็น International Handicap ที่สากลให้การยอมรับ

นายนาจิบ มีอายุ 55 ปี เป็นบุตรชายคนโตของ อับดุล ราซัค นายกรัฐมนตรีคนที่ 2 และ เป็นหลานชายของ ฮุสเซน ออนน์ นายกรัฐมนตรีคนที่ 3 ของมาเลเซีย สำเร็จการศึกษาทางด้านเศรษฐศาสตร์อุตสาหกรรมจากมหาวิทยาลัยน็อตติ๊งแฮม ประเทศอังกฤษ ได้รับการยกย่องว่าเป็นนักบริหารที่มีความสามารถ ลงเล่นการเมืองเมื่อปี พ.ศ. 2519 และมีส่วนร่วมในรัฐบาลก่อนหน้านี้ในหลายตำแหน่งเป็นเวลากว่า 30 ปีนายกฯ นาจิบ เห็นว่ารัฐบาลมาเลเซีย คนมาเลเซียกับคนไทยเชื้อสายมุสลิม ในสามจังหวัดชายแดนภาคใต้ว่าจะไม่สนับสนุนการแบ่งแยกดินแดน และไม่เห็นด้วยกับการใช้ความรุนแรงใดๆ มีจิตใจเป็นธรรมะ รักความสงบ

นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ คนที่ 7 และนายกรัฐมนตรี คนที่ 27 เกิดวันที่ 3 ส.ค. 2507 จบปริญญาตรีสาขาปรัชญา การเมือง และเศรษฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยออกซ์ฟอร์ด ประเทศอังกฤษ ปริญญาตรีสาขานิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยรามคำแหง และปริญญาโทสาขาเศรษฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยออกซ์ฟอร์ด ประเทศอังกฤษ ปี 2530 เป็นอาจารย์ประจำ(ยศร้อยตรี) โรงเรียนนายร้อยพระจุลจอมเกล้า ก่อนลาไปศึกษาต่อ และเป็นอาจารย์พิเศษ มหาวิทยาลัยออกซ์ฟอร์ด อังกฤษ ในปี 2533 เป็นอาจารย์ประจำคณะเศรษฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ สนใจการเมืองตั้งแต่อายุ 9 ขวบ หลังจากดูทีวีพร้อมกับน.พ.อรรถสิทธิ์ เวชชาชีวะ บิดา ในเหตุการณ์ 14 ตุลาฯ จากนั้นติดตามข่าวสารการเมือง โดยเฉพาะการอภิปรายในสภา ซึ่งประทับใจลีลาการอภิปรายของอดีตหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ไม่ว่าจะเป็นม.ร.ว.เสนีย์ ปราโมช และนายชวน หลีกภัย

อุปนิสัยของ นายกไทย ได้เปิดเกมรุกในการนำเสนอนโยบายต่างๆอย่างชัดเจนในรูปของ "วาระประชาชน" มีการเปิดตัวนโยบายที่สร้างสรรค์อย่างต่อเนื่องจนกระทั่งเกิดรัฐประหารในวัน ที่19 กันยายน หลังจากไม่กี่วันก็มีการเปิดตัวเว็ปไซต์ใหม่ของอภิสิทธิ์ มีการแสดงความคิดเห็นและข้อเสนอแนะต่อรัฐบาลในเรื่องต่างๆอยู่เป็นประจำ นพ.ประเวศ วะสี ราษฎรอาวุโสได้แสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับอภิสิทธิ์ว่า เป็นนักการเมืองพันธุ์ใหม่และเป็นพันธุ์ที่สังคมไทยต้องการ นักการเมืองพันธุ์ใหม่ที่สังคมไทยต้องการจะต้องมีทั้ง I.Q., E.Q. และ M.Q. I.Q. (Intelligence Quotient) = มีพลังทางปัญญา E.Q. (Emotional Quotient) = มีพลัง หรือ วุฒิสภาวะทางอารมณ์ M.Q.(Moral Quotient) = มีพลังทางศีลธรรม สังคมปัจจุบันมีความเชื่อมโยง และสลับซับซ้อนมาก คนที่จะทำงานการเมืองจะต้องมีปัญญาเข้าใจความซับซ้อนเหล่านี้และต้องสามารถ เรียนรู้ตลอดเวลาจึงจะทำงานได้ผล ผู้ใดจะมีปัญญาเท่าใดๆ แต่ถ้าขาดวุฒิสภาวะทางอารมณ์ ก็จะไม่ประสบความสำเร็จในชีวิตและหน้าที่การงาน คนที่ปราศจากศีลธรรม (M.Q.) ย่อมนำไปสู่ความล้มละลายทั้งส่วนตัวและส่วนรวมที่ตนเกี่ยวข้อง นักการเมืองพันธุ์ใหม่ที่สังคมไทยต้องการจึงควรจะมีทั้ง I.Q., E.Q. และ M.Q.

กรณีไทยกับมาเลเซีย ไม่ควรจะเหมือนไทยกับกัมพูชา เพราะไม่ปรากฏว่ามีเรื่องของ "ผลประโยชน์ส่วนตน" ของนายกฯ คนปัจจุบัน กับผู้นำฝ่ายค้าน อีกทั้งนายกฯ นาจิบ ราซัค คนนี้ก็ดูเหมือนจะไม่เล่นเกมแบบที่ ฮุนเซน เล่น คือไม่ทำตัวเป็น "บ่างช่างยุ" เพื่อสร้างความร้าวฉานโดยการประกาศเข้าข้างอดีตนายกฯ ที่เป็นศัตรูของรัฐบาลปัจจุบันจึงเป็นจังหวะเหมาะเจาะที่ผู้นำไทยและมาเลย์ จะจูงมือกันตระเวนสามจังหวัดชายแดนภาคใต้ เพื่อยืนยันความมุ่งมั่นที่จะทำให้ชายแดนของสองประเทศ เป็นเขตแห่งความเข้าใจและสมานฉันท์อย่างถาวร

สุดท้้ายนี้ ขออวยพรให้ท่านอาจารย์จีระ ฯ และทีมงาน ตลอดจน พี่พี่ นิเทศศาสตร์นวัตกรรม รุ่นที่ 1 ทุกท่าน

มีความสุข ในวันคริสมาส และ ปีใหม่ที่จะมาถึงอีกไม่กี่วันด้วยนะค่ะ

Merry X 'Mas & Happy New Year 2010 ค่ะ

น้องก้อย 081-4246244

ร่วมกันวิเคราะห์นายกรัฐมนตรีประเทศไทย กัมพูชา และมาเลเซีย

    นายกรัฐมนตรีไทย นายอภิสิทธิ์  เวชชาชีวะ เป็นผู้นำที่โดดเด่นที่เห็นได้ชัดเจน คือภาพลักษณ์ที่นุ่มลึก พูดจาดีมีเหตุมีผล เก็บอารมณ์อยู่ทุกครั้งที่มีการสัมภาษณ์จากนักข่าว ถึงแม้ว่าคำถามอาจจะดูยั่วยุต้องให้ตอบ แต่ท่านก็สามารถนำพาวิธีการตอบเป็นไปในทางที่ดีโดยไม่เกิดอารมณ์โทษะ สุดท้ายคือนายกเป็นคนที่บุคคลิกภาพที่ดีโดยเฉพาะน่าตาที่ดูดีค่ะ

    นายกรัฐมนตรีกัมพูชา นายฮุนเซน มีความคิดเห็นเป็นการส่วนตัวสูง ไม่ค่อยสนใจอะไรกับสภาพรอบข้างมากนัก มั่นใจในความคิดของตัวเองถ้าตัดสินใจแล้วก็จะทำในสิ่งที่ตัวเองเลือก ข้อดีก็คือมีเหตุผลในการตัดสินใจที่จะเลือกคบกับเพื่อนต่างแดนเพราะในความเป็นเพื่อนก็คือเพื่อน ไม่ใช่เรื่องของการเมือง นั่นคือเหตุผลที่ได้ให้ไว้อย่างชัดเจน

    นายกรัฐมนตรีมาเลเซีย นายราจิบ ราซัก มีความคิดค่อนข้างเด็ดขาด โดดเด่นในเรืองการตัดสินใจ กล้าทำในสิ่งที่ถูกต้อง แต่มีธรรมมะในใจ มีความยุติธรรม จึงทำให้ผู้คนยอมรับในการตัดสินใจ ขจัดปัญหาเพื่อความสันติ

สุริยา ประดิษฐ์สถาพร

วิเคราะห์นายกรัฐมนตรี 3 ประเทศ

1. นายกรัฐมนตรีประเทศไทย นาย อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ

ข้อดีมี มีภาพลักษณ์ดีในเรื่องความซื่อสัตย์ มีความรู้

ข้อเสีย เป็นหุ่นเชิดของพรรค

2. นายกรัฐมนตรีประเทศกัมพูชา: สมเด็จอัครมหาเสนาบดี เดโช ฮุนเซน

ข้อดี เป็นผู้นำที่กล้าตัดสินใจ แก้ปัญหาได้รวดเร็ว

ข้อเสีย เป็นเผด็จการ หลงอำนาจ

3. นายกรัฐมนตรีประเทศมาเลเซีย: ท่านดาโต๊ะ ซรี มูฮัดหมัด นาจิบ บิน ตุน อับดุล ราซัก

ข้อดี สุขม รู้เรื่องการฑูตเป็นอย่างดี เป็นผู้รู้จังหวะทางการเมือง

ข้อเสีย เป็นนักฉวยโอกาสตีสองหน้า

ณัฏฐ์ธา พงษ์วิทยานุกฤต

วิเคราะนายก 3 ประเทศ ไทย กัมพูชาและมาเลเซีย

นายกไทยคนที่ 27 นาบยอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ดำรงค์ตำแหน่งครบ 1 ขวบปีฝากผลงานไว้ตลอดปี ด้วยการสร้างหนีสาธารณะให้กับชาติโดยยังมองไม่เห็นวิสัยทัศน์ที่จะคืนหนี้ที่กู้มาอย่างไร นอกจากเพิ่มภาษีน้ำมัน ที่คิดจะเก็บภาษีมรดก ก็ยังตกอยู่ในวังวนไม่อาจดำเนินการได้ดังที่กล่าว จนถูกตังฉายาว่าเป็นรัฐบาล NATO ถ้าไม่เร่งทำให้มากกว่าพูด และหยุดการทุจริตโกงกิน ที่กำลังเป็นข่าวรายวัน โดยเฉพาะโครงการไทยเข่มแข็ง นายกที่หนุ่มที่สุดจะสดุดคำพูดของตนเองที่เคยว่ากล่าวเขาไว้ จะกลายเป็นกับระเบิดที่ตนเองต้องพบเป็นจุดจบทางการเมืองที่น่าเสียดาย กฏเหล็กเก้าข้อ ที่ประกาไว้ ถ้าไม่ศักดิ์สิทธิ์ ก็คงต้องยุติบทบาทรัฐบาลทหารอุ้มในเร็ววัน เมื่อต้องปะทะกับนาย ฮุนเซ็น นายกรัฐมนตรี กัมพูชา ผู้ผ่านร้อนผ่านหนาวมายาวนาน ชั้นเชิงทางการเมืองระหว่างประเทศ จึงทำให้กลายเป็นลูกไล่ไป ประกอบกับการมีรัฐมนตรีต่างประเทศที่สร้างความสัมพันธ์อันเลวร้ายให้ต้องแก้ไข นับเป็นปัญหากับประเทศเพื่อนบ้านรอบตัว

นายฮุนเซ็น นายกรัฐมนตรี กัมพูชา ผู้เห็นความเป็นทรัพยากรณ์มนุษย์ที่มีคุณค่าของอดีตนายกไทยทักษิณ ชินวัตร ได้แต่งตั้งให้เป็นที่ปรึกษา จนสร้างความร้าวฉานให้ความสัมพันธ์ระหว่างประเทศไทย กัมพูชา เสมือนเป็นการยั่วยุนายกไทยให้ประกาศตนเป็นศัตรูต่อกันอย่างเด่นชัดในการขัดแย้งกันในข้อกฏหมายการส่งผู้ร้ายข้ามแดนที่ตีความกฏหมายต่างกัน นายฮุนเซ็นอาจมีเป้าหมายที่จะตัดสัมพันธ์กับประเทศไทยเพื่อการถือครองแผ่นดินที่เป็นที่ทับซ้อน และยังเป็นปัญหาต่อเนื่องมานาน ตามวิสัยของนายกที่ชอบระบบอำนาจนิยม ที่กว่าจะได้ครองตำแหน่งต้องผ่านการต่อสู้มาอย่างโชกโชน ถือโอกาสตอนที่ประเทศไทยมีนายกที่อ่อนวัย

นายนาจิบ นายกรัฐมนตรีมาเลเซีย ผู้เป็นทายาทของอดีตนายกคนที่ 2 ของมาเลเซีย ที่มีประสพการณ์จากความใก่ชิดกับบิดา ได้เรียนรู้ทางการเมืองมามากพอควร ได้ดำเนิน นโยบายต่างประเทศต่างจากนายฮุนเซ็นอย่างตรงข้าม เมื่อเริ่มเข้ารับตำแหน่งก็เลือกเดินทางมาสร้างสัมพันธไมตรีกับไทย ก่อนการนัดหมายพบกันกับ พลเอกชวลิตร ยงใจยุทธ์ นับเป็นการมีมารยาททางการเมืองให้เกียรติผู้นำด้วยกัน และเป็นการได้โอกาสที่จะแก้ปัญหาชายแดนร่วมกันกับไทย ซึ่งมาเลเซียก็มีปัญหาเดียวกันกับไทยในกรณีย์การแบ่งแยกชายแดน ซึ่งเกิดจากรัฐกัลตันมีแนวคิดรวมกับสามชายแดนใต้เพื่อเกิดประเทศใหม่ เป็นการได้ผลประโยชน์ร่วมกันในการแก้ปัญหาชายแดนและได้สร้างสัมพันธ์อันดีต่อประเทศเพื่อนบ้านเมื่อเริมเข้ารับตำแหน่งตามประเพณีนิยมทางการเมือง

นาย วิรัช จินดากวี

เรียนท่านศ ดร จีระ หงส์ลดารมภ์และคณาจารย์ เพื่อนนักศึกษาปริญญาเอก

สุขสวัสดี ดิถีชึ้นปีใหม่

ให้มีชัยปรีดิ์เปรมเกษมศานต์

คิดหวังสิ่งใดขอจงสมอุดมการ

พ้นภัยพาลพิบัติ

สวัสดีปีใหม่2553ครับ

ด้วยรัก ปราถนาดีทุกท่านเสมอ

จาก นาย วิรัช จินดากวี นักศึกษาปริญญาเอกนิเทศศาสตร์นวัตกรรม มหาวิทยาลัยเกริก

แม้ว่ากาล ผ่านไป ใจห่วงหา ขออัญเชิญ เทวา มาปกปัก เพื่อนร่วมทาง คนดี มีใจรัก สอน,เรียนหนัก ทุกคน ยังตั้งใจ (ขอให้ทุกคนและครอบครัวพบแต่สิ่งที่ดีๆตรอดไป) อาจารย์ สมควร กาวียะ อาจารย์ ดร จีระ หงส์ลดารมภ์ อาจารย์ จิรายุ อัครบูลย์กิจ และคณาจารย์ทุกๆท่านที่เคยประสิทธิ์ประสาทรวมทั้ง 1พี่โสภิต พิสิษฐบรรณากร 2ท่านประทานอธิกิต นัยพินิจ 3พี่ประจักษ์ เพ็งจางค์ 4พี่วิรัช กวีจินดา 5อาจารย์รมณ์ธีรา คล้ายขยายภักดี 76คุณไพบูลย์ ปรัชญานุสรณ์ 8พี่วัชรี ปรัชญานุสรณ์ 9พี่ณัฎฐ์ธา พงษ์วิทยานุกฤต 10พี่อำนวย เพชรวิจิตร 11คุณพูนศักดิ์ ศิริชัย 12อาจารย์สุริยา ประดิษฐ์ 13คุณกิรณา เนื่องจำนงค์ 14TEACHER SASISUPA SUNGVARIBUD 15น้องเกศสุพิชญ์ ธนนันท์โสภณ 16น้องอักษร จุลวรรณ 17น้องวุฒิวิทย์ ก่าแก้ว และผู้ทำงานในมูลนิธิต่างๆโดยเฉพาะ มูลนิธิพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ระหว่างประเทศ ด้วยความบริสุดใจ จาก...19(ใจ)JITRKAN KANJANALEKHA

อีเมลใหม่ของ(ใจ)คือ- [email protected]

เพื่อนๆ  พี่ๆ  น้องๆ  หากมีอะไรอยากพูดคุยทางด้านปิดผนึก

โปรดส่งข้อความทางอีเมล ยินดีรับฟังไม่ต้องเกรงใจ

โดยเฉพาะพี่ประจักษ์ เพ็งจางค์ หรือ พี่แก้ววิรัช กวีจินดา หรือ พี่ณัฎฐ์ธา พงษ์วิทยานุกฤตและหรือไครก็ได้ยินดีครับ...

นาย วิรัช จินดากวี

พวกเราชาวเกริกมีจิตสาธารณะเรามาร่วมกันช่วยมนุษย์โลกกันดีกว่าโดยการบริจาคเงินทางsmsพิมพ์ว่า

เฮติ ส่ง4567890 ราคา10บาทสมทบช่วยบริจาคให้ชาวเฮติ ได้บุญร่วมกัน สาธุ สาธุ สาธุ เจริญๆๆทุกท่าน

จาก นาย วิรัช จินดากวี นักศึกษาปริญญาเอก นิเทศศาสตร์นวัตกรรม มหาวิทยาลัยเกรืก

การสัมภาษณ์ ดร.ศุภชัย หล่อ โลหะการ

เรื่อง นวัตกรรมการสื่อสาร ( Inmovation Communication)

การวิเคราะห์ ... ผู้เขียนคิดว่า ...

<คำว่า ... กรรม คือ การกระทำ

<คำวา ...นวัต คือ การวิวัฒนาการสิ่งใหม่ๆ  

นวัฒกรรมการสื่อสารใดๆก็ตาม โดยเฉพาะทางด้านสังคม และการเมือง

ผู้สื่อสารและผู้รับสาร จะต้องเป็นผู้ใช้สติปัญญารับรู้ และเรียนรู้ถึง...

 (1)จุดมุงหมาย ความมีคุณธรรม จริยธรรม ความตั้งใจดี และ เจตนาของผู้สื่อสาร

(2)ผลประโยชน์ ความต้องการ ความหมาย ความสำคัญ และเจตนาของผู้รับสารเอง

jitrakan  kanjanarekha  tel 0863004409

รายงานสรุป เนื้อหาที่ศึกษาจากการชมรายการ “ไทยมุง” ผสมผสานกับแนวคิดของผู้รายงาน

จากใจผู้รายงาน กราบขอบพระคุณท่านอาจาร์ยจิระและเจ้าของรายการและสถานีโทรทัศน์

ที่ให้โอกาสในการบริโภคอาหารสมองชั้นดี

ปฏิรูปประเทศไทยเริ่มต้นดวยการปฏิรูปการศึกษาวิสัยทัศน์บูรณาการ การมีส่วนร่วมช่วยกันพัฒนา

คงถึงเวลาแล้วที่การศึกษาควรได้รับการปฏิรูปอีกครั้ง หลังจากการปฏิรูปครั้งแรก เมื่อ 9-10ปีที่ผ่านมา

การปฏิรูปครั้งนี้ควรต้องปฏิรูปทั้งระบบ เพื่อบรรลุเป้าหมายความสำเร็จในการพัฒนาคือ

1. ประชากรให้เป็นคนดีที่เก่ง มีประสิทธิภาพ และ เท่าทัน เพื่อดำรงและ การได้เปรียบในการแข่งขันของยุคโลกาภิวัฒน์

2. สังคมแห่งการเรียนรู้ตลอดชีวิต (Life Long Learning)

3. ทัศนคติ เชิงบูรณาการทุกภาคส่วน อนึ่งความสำเร็จในการปฏิรูปการศึกษาไม่ใช่หน้าที่ของกระทรวงศึกษาธิการ เท่านั้น หากแต่ เป็นของทุกองค์กรทั้งรัฐและภาคประชาชนร่วมกันเป็นหุ้นส่วนพัฒนา

วิเคราะห์ประเด็น ปัญหาระบบการศึกษา ซึ่งสรุปได้ 3ปัจจัยหลัก คือ

1. สาระเนื่อหา

2. บริหารจัดการ

3. พฤติกรรม

ดังรายละเอียดที่สรุปโดยสังเชปดังนี้ :

- หลักสูตรที่มุ่งเน้นที่ปริมาณของชั่วโมงเรียน มากกว่าวิเคราะห์คุณภาพจากผลรวม ยกตัวอย่างเปรียบเทียบ จากประเทศญี่ปุ่น และประเทศเกาหลีซึ่ง ใช้เวลาเรียนในห้องเรียนตามหลักสูตรแค่ 60% ของไทย หากแต่ปัจจุบันเป็นที่ยอมรับในเรื่องความรุดหน้าของการพัฒนาประเทศ ที่แซงหน้าประเทศไทย

- สังคมไทยมีค่านิยมมุ่งเน้นปริญญาบัตรมากกว่าสาระขององค์ความรู้ มีผลให้สถานศึกษา เน้นการทำหลักสูตรให้ซับซ้อน ยากๆ ทั้งการสอบเข้าเรียนในสถานศึกษา และการสอบปลายภาค เพื่อสร้างความรู้สึกในเชิงคุณค่า ที่สามารถสอบผ่านได้ ทำให้นักศึกษา และผู้ปกครองให้ความสนใจเพียงแค่สอบผ่าน ซึ่งสามารถสังเกตุได้จาก สถานกรวดวิชา หรือติวเพื่อเก็งข้อสอบเกิดขึ้นเป็นดอกเห็ด กลายเป็นทัศนคติ ในลักษณะ หากไม่เรียนพิเศษ จะไม่สามารถสอบผ่าน หรือเมื่อสอบผ่านแล้ว ได้รับปริญญาบัตรแล้วก็จะไม่ใส่ใจในเรื่องการเรียนรู้ใดๆอีก

ผลกระทบทางพฤติกรรมของผู้เข้ารับการศึกษา เกี่ยวพันธ์กระทบถึงผู้ปกครอง เพราะ เกี่ยวเนื่องจากนักศึกษามุ่งเพียงสอบผ่านจึงให้ความสำคัญในสาระของข้อสอบจึงสนใจ

เพียงประเด็นการแนะนำของครูผู้ออกข้อสอบ ซึ่งคือผู้ชี้ชะตาให้สอบได้หรือสอบตก กรณีนี้บางครั้งรุกรามถึงปัญหาสังคมกรณีครูผู้สอนบางคนมีพฤติกรรมหาผลประโยชน์จากนักศึกษาเพื่อแลกกับเกรดสอบ

การปฎิสัมพันธ์ระหว่างผู้ปกครองกับนักศึกษาเริ่มมีระยะห่างจากความเชื่อที่ว่าตนเอง คงไม่สามารถให้ข้อคิดใดๆกับลูกได้ประกอบกับภาวะทางเศรษฐกิจที่ต้องทำงาน

จึงปล่อยปะละเลย มอบความไว้วางใจให้เพียงสถานศึกษาหรือครู พฤติกรรมลักษณะนี้ มีผลต่อคุณภาพของเยาวชน ส่งผลเป็นปัญหาในสังคมตามมา

- การขาดสมดุลของปริมาณและคุณภาพของทั้งสถานศึกษาและครูผู้สอน ปัจจุบันมีครูที่สอนระดับมัธยม /ประถม ประมาณ 400,000 คน อีก 4-5 ปีข้างหน้าครูจะเกษียณอายุ 1 ใน 3 การที่จะรับครูใหม่ เข้าทำงานจำเป็น ต้องให้ครูเก่าไปก่อน ด้วยเหตุผลทางงบประมาณและหลักปฎิบัติในระบบราชการ

- ระบบราชการที่ขาดความต่อเนื่อง แผนการปฎิรูปบางแผนต้องใช้เวลานานที่จะสำฤทธิ์ผลเป็นรูปธรรม บางครั้งการเปลี่ยนผู้บริหาร เป็นอุปสรรค์ในทางปฎิบัติ อย่างต่อเนื่อง

- สังคมส่วนใหญ่ยกย่อง คนเก่งมากกว่าคนดี

- การเรียนการสอนขาดความน่าสนใจหรือบรรยากาศให้เกิดการเรียนรู้

- การปฏิบัติงานต่างคนต่างทำไม่บูรณาการให้เกิดประโยชน์ร่วม มีจุดยืนในการพัฒนาแต่ขาดจุดร่วมของการพัฒนา

- ปัจจุบันการพัฒนา มุ่งเน้นเรื่ององค์ความรู้ (Knowledge), ทักษะ(Skill )หรือพฤติกรรม (Behavior) มากกว่าพัฒนาเรื่องทัศนคติ (Attitude), แรงจูงใจ (Motivation) หรืออุปนิสัย (Trait)

แนวทางสู่ความสำเร็จในการปฎิรูปการศึกษา

1. ปฏิรูปในเนื้อหาให้สมดุลทั้งการศึกษาจากตำราวิชาการและการเรียนรู้จากการปฏิบัติจริง รวมถึงการกำหนดชั่วโมงเรียนให้สอดคล้องกับสภาพชีวิตในสังคมปัจจุบัน(Life Style)

2. ออกแบบนโยบายการศึกษาให้เกิดการปรับทัศนคติในเรื่องค่านิยมจากการเรียนเพื่อเป้าหมายของปริญญาบัตร เป็นการเรียนเพื่อให้เกิดองค์ความรู้และสามารถนำไปใช้ปฏิบัติได้จริง เพื่อพัฒนาตนเองและสังคม ประเทศ

3. บูรณาการให้เกิดความร่วมมือทั้งในส่วนของภาคราชการเองและภาคประชาชน มุ่งสู่การเป็นหุ้นส่วนการพัฒนา

4. ส่งเสริมให้เกิดทัศนะคติแห่งการเรียนรู้ตลอดชีวิต Life Long Learning

5. ส่งเสริมและกระตุ้นให้เกิดกระแสการพัฒนาแก่นแท้ของคน โดยเร่งการพัฒนา ทัศนคติ แรงจูงใจ และอุปนิสัย ควบคู่กับองค์ความรู้ ทักษะ และพฤติกรรมซึ่งมุ่งพํฒนาอยู่แล้วในปัจจุบัน

6. ยกสถานะวิชาชีพครู โดยการปลูกฝังโลกทรรศน์คนสอน เพื่อให้เกิดการยอมรับใช้แนวทางของ

แนวคิด HRDS (ศาสตราจารย์ ดร. จิระ หงส์ลดารมภ์)

- Happiness – ความสุข

- Respective – นับถือ

- Dignity – ศักดิ์ศรี

- Suspense – ยั่งยืน

7. ปฏิรูปพฤติกรรมประชาชนโดยรวมให้

รู้จริง รู้รักสามัคคี รักจริงในวิชาชีพและหน้าที่

8. ส่งเสริมให้มีการสร้างNetworkในและระหว่างภายในและภายนอก ระหว่างคน องค์กร สังคม โดยใช้เครื่องมือทางการสื่อสารและเทคโนโลยี่เพื่อเป้าหมายหุ้นส่วนพัฒนาประเทศร่วมกัน

9. มีองค์กร ส่งเสริมและ ทบทวน ติดตามประเมินผลที่ทำงานต่อเนื่อง

เพื่อให้เกิดการสอดคล้องระหว่างแนวทางปฎิรูปกับสภาพสังคมที่เปลี่ยนแปลง และเพื่อเป็นข้อมูลในการกำหนดนโยบายในครั้งต่อต่อไป เพราะตราบใดที่โลกยังหมุน การปฏิรูปเพื่อการศึกษาก็ยังคงต้องดำเนินต่อไป

ขอกราบอัญเชิญพระบรมราโชวาทของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ในพิธีพระราชทานปริญญาบัตรของมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์:๒๓ กุมภาพันธ์ ๒๕๐๔

ท่านทั้งหลายคงตระหนักอยู่แล้วว่า การศึกษาเล่าเรียน เป็นเรื่องที่ไม่สิ้นสุด ผู้ปรารถนาความเจริญในการประกอบกิจการงานจะต้องหมั่นเอาใจใส่แสวงหาความรู้ให้เพิ่มพูนอยู่เสมอ มิฉะนั้นจะกลายเป็นผู้ที่ล้าสมัยสมรรถภาพไป

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท