หมู่นี้มักได้มีโอกาสกินขนมกระยาสารทอยู่เรื่อย กลับบ้าน ผู้เฒ่าผู้แก่และญาติพี่น้อง ก็จะมีกระยาสารทต้อนรับขับสู้ คนรู้จักมักคุ้นไปไหนมาไหน ก็มักหนีบกระยาสารทติดมือมาฝาก เมื่อคืนที่ผ่านมาทำให้ผมถึงกับนอนนึกถึงบรรยากาศของการทำกระยาสารท ถึงเช้าวันนี้ พอถึงที่ทำงาน ก็เห็นน้องๆที่ทำงานหอบหิ้วกระยาสารทมาฝากกัน และพวกเขาพื้นเพเป็นคนต่างจังหวัด
โดยปรกติแล้ว กระยาสารท เป็นอาหารตามฤดูกาล ที่สะท้อนเทศกาลเดือนสิบ ซึ่งเป็นฤดูน้ำทรงและปล่อยให้ข้าวเจริญเติบโต กระเริ่มถึงช่วงลมล่องข้าวเบา ซึ่งข้าวที่ออกรวงและแก่เร็วจะเริ่มให้ดอกออกผล ชาวนาจะสามารถนำเอาข้าวมาทำขนมที่สะท้อนฤดูกาลสองอย่างคือ กวนข้าวทิพย์ด้วยน้ำนมข้าว และทำข้าวเม่าด้วยข้าวที่กำลังเปลี่ยนผ่านสู่เมล็ดข้าวแก่
ในฤดูกาลดังกล่าวนี้ จะเป็นเทศกาลแห่งการสร้างชุมชนเข้มแข็งและสร้างสรรค์กิจกรรมทางสังคมในชุมชน ซึ่งกระยาสารทจะเป็นหนึ่งในพลังขับเคลื่อนที่มากับวิถีชีวิตชุมชนและฤดูกาล
ในละแวกบ้านและชุมชน เกษตรกรและชาวบ้านที่อยู่กลุ่มเดียวกัน หรือมีความผูกพันซึ่งกันและกัน ต่างคนต่างจะนำวัตถุดิบไปสมทบกัน ประกอบด้วยข้าวเก่าสำหรับทำข้าวตอก และข้าวใหม่ที่กำลังเป็นหนุ่มเป็นสาว สำหรับทำข้าวเม่า ถั่ว งา มะพร้าว น้ำตาลปีบ แบะแซ รวมไปจนถึงฟืนและวัสดุอุปกรณ์ต่างๆที่ต้องใช้ ทั้งครก สาก กระทะ เป็นอาทิ
สัดส่วนและองค์ประกอบของกระยาสาทจึงไม่ตายตัว เพราะขึ้นอยู่กับการนำเอาข้าวของมารวมกันและทำกระยาสารทด้วยกัน ตำข้าวเม่า คั่วข้าวตอก กวนกระยาสารท ที่สุดก็แบ่งสรรปันส่วนกันไป ได้กินเหมือนๆกัน
กระยาสารทของกลุ่มบ้านหนึ่งๆ จึงสะท้อนความอยู่ดีมีสุขและความอุดมสมบูรณ์ของกลุ่มบ้านนั้นๆ รวมทั้งสะท้อนถึงภูมิปัญญาของกลุ่มก้อนของการทำกระยาสารท
เมื่อถึงงานวัดและเทศกาลงานบุญต่างๆของชุมชนในช่วงฤดูกาลสารทเดือนสิบ ก็เป็นลักษณะเดียวกัน ชาวบ้านจะนำข้าวของและไปทำกระยาสารทถวายวัด ทั้งเพื่อบำรุงพระภิกษุสามเณรในการศึกษาและปฏิบัติ และไว้สำหรับเป็นของกลางต้อนรับกลุ่มศรัทธาจากที่อื่นที่จะมาทอดกระฐินผ้าป่ายังวัดในเดือนหลังออกพรรษาที่กำลังจะมาถึง เสร็จแล้วก็แบ่งกันกินทั้งชุมชน
โดยความเป็นมาแล้ว กระยาสารท จึงเป็นอาหารชุมชน ขับเคลื่อนกระบวนการทางสังคม และมีชีวิตไปกับฤดูกาลของชุมชนเกษตรกรรมโดยแท้
หลังเทศกาลทำกระยาสารท อากาศจะหนาวเย็น แห้งแล้ง น้ำลด กระทั่งถึงฤดูกาลเก็บเกี่ยวข้าว การทำงานนาจะเป็นทั้งความเหน็ดเหนื่อยและนำมาซึ่งความชื่นใจในผลพวงจากหยาดเหงื่อตนเอง พอเอาข้าวขึ้นยุ้งฉาง หรือขายข้าวเสร็จ ก็จะมีการทำข้าวหลาม เหมือนกับเป็นเทศกาลเฉลิมฉลองการเก็บเกี่ยว การนำเอาข้าวใหม่มารวมกัน การหาไม้ไผ่อ่อนช่วนกัน การหาฟืน ใบตอง
รวมทั้งการห้อมล้อมช่วยกันทำข้าวหลาม นั่งคุย และหยอกเอินกันสนุกสนานทั้งเด็กและผู้ใหญ่ กระทั่งเสร็จสิ้นแล้วก็แบ่งปันกันไปกิน ก็ทำเป็นกลุ่มเป็นก้อนอีกเช่นกัน มิติทางสังคม การเรียนรู้ทางสังคม สำนึกสาธารณะและความเป็นส่วนรวมที่เชื่อมโยงแนบแน่นกับชุมชน ก็ก่อเกดและหล่อหลอมผ่านกิจกรรมการทำอาหารชุมชนนี้ไปด้วย
ผ่านไปถึงหน้าร้อนแล้ง เริ่มย่างเข้าสู่วงรอบการเพาะปลูกอีกครั้ง ข้าวเก่า เมล็ดแตก หักร่อน และพอจะเริ่มประมาณได้ว่า เมื่อถึงช่วงของการได้ข้าวใหม่ ข้าวเก่าที่เหลือของปีที่ผ่านมา ก็จะหมดพอดี
ขณะเดียวกัน ก็จำเป็นจะต้องรวบรวมกำลังใจ พลังชีวิต พบปะปรึกษาหารือกัน แลกเปลี่ยนเครื่องไม้เครื่องมือหรือพันธุ์ข้าว กระทั่งสารทุกข์สุกดิบของชุมชน ก็จะมีเทศกาลการทำขนมจีนมารองรับอีก วิธีการและกระบวนการก็จะเหมือนกันคือเป็นการทำอาหารแบบชุมชน
เด็กๆ และผู้หญิงจำนวนหนึ่งจะออกเก็บฟืนและเศษไม้แห้งจากสภาพที่มีโดยธรรมชาติ กลุ่มผู้ใหญ่และคนเริ่มเติบโต ออกไปทอดแหจับปลา เก็บมะพร้าว ผู้หญิงแช่ข้าว หมักข้าว โม่แป้ง เสร็จแล้วก็ระดมพลังกันทำเป็นกลุ่มเป็นก้อนทั้งหมู่บ้านหรือละแวกบ้าน จากนั้น ก็แบ่งปันกันไปกินทั้งชุมชนอีกเช่นกัน
ลักษณะของอาหารและสำรับการกินแบบเป็นชุมชน จึงมิได้มีมิติของอาหารและการกินอย่างเดียว ทว่า เป็นกระบวนการเรียนรู้ทางสังคม หล่อหลอมปัจเจกภาพที่มีคุณลักษณะสะท้อนความเป็นชุมชน มีจิตสาธารณะ รู้กาละเทศะ
ขับเคลื่อนกลุ่มก้อนและชุมชนเข้มแข็ง สร้างเสริมความสงบสุขและสุขภาวะของสังคมที่ฐานราก
เป็นวิถีประชาสังคม ที่ลึกซึ้งและแยบคายอย่างยิ่ง สังคมและวัฒนธรรมไทย โดยเฉพาะในชนบทมีสิ่งเหล่านี้เป็นทุนทางสังคมอยู่อย่างมากมาย.
มาตามหาของกินแบบไทยๆค่ะ