เดือนกันยายน เป็นช่วงเวลาของการอำลาชีวิตราชการของหลายคน ผมเองก็ได้ไปร่วมงานแสดงกตเวฑิตาแด่ คุณครูศุภฤกษ์ ฟูเผ่า คุณครูของผมเมื่อครั้งเรียนมัธยมเมื่อกว่า 30 ปีก่อนที่โรงเรียนหนองบัว อำเภอหนองบัว นครสวรรค์
กลุ่มเพื่อนๆรุ่นผมซึ่งเป็นรุ่นที่ 14 ของโรงเรียนเป็นคนริเริ่มจัดให้คุณครู ทว่า พอเตรียมงานและมีคนรู้ข่าวคราวก็บอกกันปากต่อปาก เลยกลายเป็นงานใหญ่โต มีเพื่อนๆ พี่ๆน้องๆรวมทั้งครูบาอาจารย์ไปร่วมงานกันมากมาย การอำลาชีวิตการทำงานเป็นโอกาสหนึ่งของการรำลึกถึงคนที่เราได้สัมผัสในชีวิตด้วยการแสดงออกและปฏิบัติต่อกันให้เป็นกำลังใจในชีวิต หากมีโอกาสก็ต้องรีบทำให้กัน
ผมเองนั้น พอเพื่อนบอกข่าวคราวก็ไปเลยทันทีเพราะไม่เพียงเป็นหนึ่งในลูกศิษย์ลูกหาของคุณครูเหมือนกับคนอื่นๆเท่านั้น ทว่า ผมมีหลายอย่างที่เป็นความผูกพันอย่างยิ่งกับ คุณครูศุภฤกษ์ ฟูเผ่า ซึ่งคุณครูจะทราบและพูดถึงอย่างเป็นกันเองเสมอเมื่อได้เจอคุณครู
ประมาณปี 2515-2516 ในขณะผมเรียนอยู่ชั้นมัธยมศึกษา 2 คุณครูศุภฤกษ์ ฟูเผ่า หลังจบการศึกษาก็ลงไปเป็นครูที่โรงเรียนหนองบัวซึ่งพวกผมและชาวบ้านท้องถิ่นจะเรียกว่า โรงเรียนหนองคอก สภาพโรงเรียนตอนนั้นกันดารเป็นที่สุด ถนนหนทางเป็นดินแดงปนทรายร่วน
สนามหน้าโรงเรียนเป็นสนามหญ้าเชื่อมต่อกับป่าโปร่งผืนใหญ่ สัตว์ป่าพวกแย้ กระรอก กระต่าย เสือปลา หมาป่า นกเหยี่ยว อีแร้ง เหล่านี้ เป็นสัตว์ป่าที่เห็นได้ทั่วไปตามปรกติ มีลานหน้าเสาธงให้ยืนเพียงเล็กน้อย นอกนั้นก็เป็นทุ่งหญ้าสำหรับชาวบ้านใช้เลี้ยงวัวควาย อยู่ห่างจากตัวอำเภอเกือบ 3 กิโลเมตร
ทั้งอำเภอหนองบัวในเวลานั้นยังไม่มีไฟฟ้าและน้ำประปา มีเครื่องปั่นไฟฟ้าซึ่งก็จะปิดให้ทั้งอำเภอสงบนิ่งอยู่ในความมืดเมื่อสามทุ่ม ด้วยสภาพดังกล่าว คุณครูศุภฤกษ์ ฟูเผ่า คุณครูคนใหม่ ได้เลือกที่จะลงไปเป็นครูของพวกเรา คนทั้งตลาดและทั่วทั้งอำเภอ ร่ำลือบอกกล่าวถึงกัน การมีคุณครูใหม่ๆมาอยู่อำเภอนั้นเป็นสิ่งดีมาสู่อำเภอต่อการรับรู้ของชาวบ้านไปด้วย
คุณครูดูเป็นคนเมือง สะอาดสะอ้าน รูปลักษณ์เป็นปัญญาชน ผู้ดี แต่งกายล้ำยุค ดูดี ชนิดที่พวกเราไม่เคยเห็นเลยในอำเภอ นุ่งกางเกงฮาโต้ ตัวละ 700 บาท ซักสะอาดและรีดเรียบร้อย คุณครูอยู่บ้านพักครูร่วมกับคุณครูรุ่นใหม่อีกหลายคน ซึ่งด้วยสภาพอันแสนกันดารของโรงเรียนและอำเภอหนองบัวเมื่อกว่า 30 ปีที่ผ่านมานั้น พวกเราก็คิดว่าคุณครูคงจะอยู่โรงเรียนหนองคอกกับพวกเราได้ไม่เกิน 3 ปี
ผมเองนั้น มีเหตุให้ต้องประทับใจคุณครูศุภฤกษ์มากมาย
ช่วงหนึ่ง ผมได้รับความเมตตาจากคุณครู ให้ได้ไปพักอาศัยกับเพื่อนอีก 2-3 คน ที่บ้านพักครู เพราะบ้านผมไกลไปจากโรงเรียนกว่า 7 กิโลเมตร หน้าฝนต้องเดินเท้าและปั่นจักรยานไปเรียนด้วยความทุลักทุเล
พวกผมตั้งใจกันเองที่จะตอบแทนพระคุณคุณครู โดยหมุนเวียนกันช่วยกันดูแล รับใช้วิ่งซื้อข้าวของ กวาดถูบ้านพักครู ตักและเข็นน้ำให้คุณครูได้อาบ ซึ่งเป็นน้ำจากบ่อดินโคลนเล็กๆ ขุ่นคลั่กจนสีเหมือนน้ำนมข้น ต้องแกว่งสารส้มอย่างหนักและจะกลายเป็นตะกอนเสียครึ่งหนึ่ง เหลือน้ำใสๆเพียงครึ่งหนึ่ง ทว่า เป็นน้ำกระด้าง เวลาอาบฟอกสบู่หรือสระผมก็แทบจะไม่มีฟอง อาบอย่างไรก็เหมือนเนื้อตัวไม่สะอาด
คุณครูศุฤกษ์และคุณครูอีกหลายคน เกิดความเมตตาพวกผมเลยหาเรื่องเป็นอุบายในการให้ตังค์แก่พวกผมไว้กินขนมโดยให้พวกผมช่วยกันซักและรีดเสื้อผ้า ซึ่งตรงนี้แหละ ที่วันหนึ่งพวกผมก็ทำเอาคุณครูต้องจุกอกแบบพูดไม่ออก
วันนั้น พวกผมซักเสื้อผ้าคุณครู 3-4 ท่านเสร็จและตากจนแห้งเพื่อรอรีดด้วยเตาถ่านในวันรุ่งขึ้น พอเสื้อผ้าแห้ง ฝนก็ตกอย่างหนัก พวกผมก็เลยเอาเสื้อผ้าของคุณครูทั้งหมด แขวนไปตามเชือกซึ่งผูกเป็นสายกางมุ้งนอน เหมือนกับเป็นราวตากผ้าไปในตัว
ตกกลางคืนซึ่งไม่มีไฟฟ้าใช้ พวกผมก็จุดเทียนดูหนังสือตามปรกติ ช่วงหนึ่ง ลมก็ตีวูบเข้ามาในห้อง ตีนมุ้งที่กางนอนดูหนังสือด้วยแสงเทียนก็ตลบไปโดนเปลวไฟกลายเป็นเชื้อเพลงอย่างดี ลุกพรึ่บและลามไปอย่างรวดเร็ว
โกลาหลกันอยู่พักหนึ่งก็ต้องหน้าซีดและจ๋อยแบบสุดๆครับ เพราะเสื้อผ้าของคุณครูที่แขวนตากบนเชือกที่ผูกเป็นสายกางมุ้งนั้นพลอยไหม้ไปด้วยหลายตัวครับ ที่สำคัญคือ กางเกงฮาโต้สองตัวของคุณครูศุภฤกษ์ก็ไหม้ยับย่นจนหมดสภาพที่จะนำมาใส่ได้อีก
วันรุ่งขึ้น จำได้ว่าคุณครูรับทราบเรื่องราวด้วยใบหน้าและแววตาเรียบเฉย นุ่งผ้าขาวม้าเดินวนไปมาแถวบ้านพักครูแบบคิดและทำอะไรไม่ถูก แล้วก็หยิบยืมกางเกงกันเองในหมู่คุณครูใส่ไปสอนหนังสือขัดตาทัพชั่วคราว
กระทั่งเดี๋ยวนี้ ผ่านไปกว่า 30 ปีแล้ว ทั้งภรรยาคุณครูและคุณครูศุภฤกษ์ไม่เพียงไม่ลืมเท่านั้น ทว่า คุณครูจะพูดถึงและบอกลูกของคุณครูด้วยว่า ผมนี่ละ ที่ตักและเข็นน้ำให้คุณครูอาบเมื่อตอนมาอยู่หนองคอก แล้วก็พูดถึงเรื่องที่ผมทำให้คุณครูไม่มีกางเกงนุ่งไปด้วยความขบขันทุกทีไป
หลังโรงเรียนเลิก คุณครูศุภฤกษ์ชอบเล่นกีตาร์และร้องเพลงสากลแนวคันทรี่ เสียงเพลงของคุณครูไปกันได้อย่างดีกับบรรยากาศบ้านนอกและความกันดารเงียบเหงาของหนองคอกยามนั้น
เพลง 2-3 เพลงที่ผมและเพื่อนๆ จำได้เป็นอย่างดีว่าคุณครูเคยร้องให้พวกเราฟังก็คือ เพลง Kaw Lika เพลง Jumbalaya เพลง Your Cheating Heart ของ Hank William และเพลง Take Me Home Country Road กับเพลง Rhinestone Cowboy ของ John Denver
เวลาผมคิดถึงบ้าน คิดถึงเพื่อนเก่าก่อน คิดถึงโรงเรียน หรืออยากเตือนสติตนเองให้นึกถึงที่ซึ่งเราก่อเกิดและจากมา ผมก็มักจะร้องเพลงพวกนี้ มันไม่เกี่ยวกับเนื้อหาของเพลงเท่าใดนัก ทว่า อยู่ในบรรยากาศ บริบท ผู้คนอันประทับความทรงจำและร่วมเหตุการณ์ของการได้ฟังเพลงนี้
คุณครูศุภฤกษ์อยู่หนองคอกไม่ใช่ไม่เกิน 3 ปี ทว่า เกือบตลอดอายุราชการ กระทั่งกลายเป็นครูบ้านนอกทั้งกายและจิตวิญญาณ เพิ่งจะย้ายไปอยู่อำเภอตากฟ้าจังหวัดนครสวรรค์ก่อนอำลาชีวิตราชการเพียง 2-3 ปีเท่านั้น
สองสามปีก่อน โรงเรียนจัดงานเกษียณและแสดงกตัญญูกตเวฑิตาให้กับคุณครูเก่าแก่ที่พวกเรารักและเคารพเป็นที่สุดเช่นกัน ก่อนแยกย้ายกันกลับ พวกเราหมุนเวียนกันขึ้นไปพูดบนเวที กระทั่งถึงผม ผมก็ออกไปร้องเพลง Rhinestone Cowboy และ Take Me Home, Country Road
แน่นอน เพื่อนๆและคุณครูต่างรับรู้ว่าผมเป็นนักดนตรีเก่าของโรงเรียน แต่ไม่เคยมีใครรู้ว่านอกจากเล่นดนตรีให้ผู้อื่นร้องแล้วผมก็ร้องเพลงเป็นด้วย โดยเฉพาะคุณครูศุภฤกษ์
พลันที่ได้ยินเพลงที่คุณครูเคยร้องให้พวกเราฟังในวัยเด็ก คุณครูศุภฤกษ์ก็ชงักและโดดขึ้นไปบนเวที ร้องเพลงนี้กับผม พลางก็กอดคอผมอย่างแรง แรงและสัมผัสได้ถึงความเป็นผู้คุ้นเคยเก่าก่อน กระทั่งดึงผมกลับไปสู่เมื่อครั้งคุณครูเดินออกจากชีวิตที่สุขสบายไปอยู่กับความกันดารที่หนองคอกเมื่อกว่า 30 ปีก่อน กับพวกเรา
ขอคารวะและกราบรำลึกถึงคุณครูตลอดไป.
เก่งมากครับ ที่เคยเห็นพวกหนูกับคุณครูออกทีวีด้วย ใช่ไหม
สวัสดีค่ะอาจารย์