น้ำบ่อทรายและสระวัดหนองกลับหรือวัดหลวงพ่ออ๋อย
หนองบัวเป็นอำเภอที่กันดารมาแต่ไหนแต่ไร แหล่งน้ำอุปโภคบริโภคเท่าที่มีอยู่จึงมีบทบาทต่อสังคมท้องถิ่นมาก น้ำบ่อทรายและสระวัดหนองกลับ ซึ่งคนท้องถิ่นมักเรียกว่า วัดหลวงพ่ออ๋อย เป็นแหล่งน้ำที่คนในตัวอำเภอต่างใช้สอยร่วมกัน ทำให้เกิดรถเข็นน้ำ ซึ่งเรียกว่า 'รถลุน หรือรถสาลี่' และกลุ่มคนรับจ้างเข็นน้ำ แพร่หลายไปทั่วอำเภอหนองบัว
รถเข็นคันหนึ่งก็จะมีปี๊บใส่น้ำ 8-12 ใบ ทำให้ข้างๆ และโดยรอบสระ มีกิจกรรมเศรษฐกิจชุมชนต่อเนื่อง เช่น ร้านปะยางรถ ร้านปะและบัดกรีปี๊บ ซึ่งได้กลายเป็นร้านทำหน่อไม้อัดปี๊บไปด้วย และเป็นร้านที่ใหญ่ที่สุดในหนองบัว อยู่ตรงข้ามบ้านอัยการประเวศ รักษพล ข้างเกาะลอยและข้างต้นมะขามโบราณต้นใหญ่ที่สุดของหนองบัว
น้ำบ่อทรายวัดหนองกลับและรถสาลี่เข็นน้ำชุมชนอำเภอหนองบัว สระน้ำวัดหนองกลับมีสองสระกินพื้นที่ประมาณ ๒๐ ไร่ ด้านเหนือของสระบนซ้ายของภาพเป็นโรงเรียนอนุบาลหนองบัว(เทพวิทยาคม) ภาพประกอบวาดโดย ดร.วิรัตน์ คำศรีจันทร์ สิงหาคม ๒๕๕๒
ในหน้าแล้ง น้ำในสระวัดหนองกลับซึ่งจำนวน ๒ สระรวมกันแล้วกินเนื้อที่ถึง ๒๐ ไร่นั้น ก็จะแห้งจนเหลือแต่พื้นทราย ชาวบ้านในชุมชนโดยรอบสระก็จะขุดก้นสระให้เป็นน้ำบ่อทรายเต็มทั้งก้นสระ แล้วก็จะต้องนำปี๊บเปล่าๆลงไปตักน้ำจากบ่อทราย แล้วก็หาบขึ้นมาใส่รถสาลี่บนขอบสระ ซึ่งทั้งต้องเดินไกลและต้องเดินขึ้นขอบสระลาดชันสูงนับสองสามวา ผู้ที่ไม่แข็งแรงหรือครอบครัวที่ไม่มีแรงงานผู้ชาย จึงต้องอาศัยซื้อและจ้างคนเข็นน้ำ ทำให้เกิดรถสาลี่เข็นน้ำ รับเข็นน้ำทั่วตลาดหนองบัว
เจริญพรโยมอาจารย์วิรัตน์และผู้อ่านทุกท่าน
ขอเจริญพร
พระมหาแล ขำสุข(อาสโย)
เจริญพรโยมอาจารย์วิรัตน์และท่านผู้อ่านทุกท่าน
ขอเจริญพร
พระมหาแล ขำสุข(อาสโย)
สวัสดีค่ะอาจารย์
ตามมาอ่านค่ะ
ขอบพระคุณมากนะคะที่ลิ้งค์ข้อมูลไปให้ค่ะ
อ่านข้อเขียน บทความและข้อคิดเห็นต่าง ๆแล้วส่วนใหญ่จะเป็นเรื่องของวิถีชีวิตชองคนในชุมชนเมือง (หนองกลับ/หนองบัว) ทำให้ได้รับความรู้และเรื่องราวที่ไม่เคยรู้หรือไม่ค่อยได่รู้มาก่อน
ข้อเขียนของอาจารย์วิรัตน์ ได้ช่วยเปิดโลกทรรศน์ของผมต่อชุมชนรอบนอกได้ดีทีเดียว
หมู่บ้านที่ผมเกิด น่าจะอยู่ห่างจากบ้าน ดร.วิรัตน์ประมาณ 8 ก.ม. ผ่านบ่อยครับแต่ไม่เคยแวะลงไป แล้วก็ไม่รู้จักใครเลยที่บ้านตาลิน..............ชุมชนคนรอบตัวอำเภอ ผมคิดว่าน่าสนใจและน่าศึกษานะครับ มีทั้งไทพวน ยวน ไทยดำ(ลาวโซ่ง) ลาวแง้ว(ลาวหลวงพระบาง) ลาวเวียง ลาวที่อพยพไปจากภาคอีสานแถว ๆ ร้อยเอ็ด ขอนแก่น ลาวโคราชก็มีมาก ที่หมู่บ้านผมมีคนจีน ที่สำคัญมีแขกปะปนอยู่ด้วย พวกที่เดินชายมุ้งแล้วอยู่กิน-แต่งงานกับคนในพื้นที่ ...........หมู่บ้านนี้มีเรื่องราวซึ่งผมคิดว่าน่าจะเข้ากับหัวข้อของอาจารย์ได้ดี.....
ไม่น่าเชื่อครับว่า การที่ได้เกิดและเติบโตอยู่ในสังคมและชุมชนแบบนี้ ตอนที่ผมไปรับราชการที่กรุงเทพฯและปักษ์ใต้ มันไม่ได้มีผลอะไรต่อหน้าที่การงานหรือวิถัชีวิตของผมเลย.........เมื่อวันดีคืนดี ผมมีโอกาสมารับราชการที่จังหวัดหนองคาย ทั้ง ๆ ที่ไม่เคยสัมผัสกับภาคอีสานมาก่อนเลยในชีวิต งานที่ทำต้องติดต่อ พบปะ พูดคุยกับผู้คนเป็นจำนวนมาก โดยเฉพาะกับ
พี่น้องชาวลาว จากทุกสารทิศที่มาทำงานและดำรงชีวิตในนครหลวงเวียงจันทน์ ถ้อยคำ สำเนียง ศัพท์แสงต่าง ๆ ที่คนลาวใช้พูดกันนั้น มันช่างเหมือนและเป็นคำคำเดียวกับสิ่งที่ผมพูดและได้ยินมาตั้งแต่จำความได้
ครับหมู่บ้านของผมคือ ....ห้วยปลาเน่าเหนือ.....ขับรถไป 3 แยกเตาอิฐ เลี้ยวขวาผ่านรังย้อย ถึงหมู่บ้านอาจารย์วิรัตน์ ผ่าบ้านป่ารังไปไม่เท่าไหร่ก็ถึงหนองบัวแล้วครับ
เมื่อหัวข้อนี้พูดกันถึงเรื่องแหล่งน้ำ พ่อผมเล่าว่า ปู่คือผู้ใหญ่พลอย ฆ้อนทอง อพยพมาจากอำเภอบ้านหมี่มาเป็นผู้ใหญ่บ้านคนแรกของบ้านห้วยปลาเน่า.....ยังไม่เปลี่ยนชื่อเป็นห้วยวารีเหมือนปัจจุบัน สมัยนั้นกำนันผล กำนันมือปราบคนดังเรียกปู่ว่าพี่พลอย ปู่ได้บริจาคที่ดินเกือบ 20 ไร่เพื่อสร้างวัดและขุดสระน้ำถวายวัด รวมทั้งเพื่อให้ผู้คนได้อาได้กินในยามแล้ง
สมันนั้น ผู้คนจากห้วยน้อย ห้วยด้วน น้ำสาด ป่าเรไร รังย้อย โคกมะกอก กระโดนปม หนองกระจูม ไผ่แตกตื่น ฯลฯ ต่างเอาล้อ เอาเกวียน รวมถึงมาหาบน้ำ้ไปกิน ไปใช้กัน ช้างม้า วั ควาย ก็ได้อนิสงส์จากการนี้ด้วย
พ่อเล่าว่าสมัยนั้น เรื่องน้ำเนี่ย ลำบากกันจริง ๆ
ความไร้พรมแดนและการผสมผสานทางสังคมและวัฒนธรรม
ดีใจจังเลยครับ ยิ่งได้ทราบถึงประสบการณ์และผลงานที่ผ่านมาของคุณสมบัติ ฆ้อนทองแล้วก็ยิ่งประทับใจ โดยเฉพาะการที่คุณสมบัติได้ทำงานกับประเทศเพื่อนบ้านแล้วก็ถึงกับเป็นคนเขียนพจนานุกรม ลาว-ไทย-อังกฤษ อีกทั้งมีประสบการณ์ตรงจากบ้านเกิดเกี่ยวกับกลุ่มวัฒนธรรมย่อย
แถวบ้านผมก็พูดลาวกันทั้งหมู่บ้านครับ ลองเสาะหาความเป็นมาของญาติพี่น้องและโคตรเหง้าเหล่ากอก็จะมาจากทางบ้านหมี่ ลพบุรี สระบุรี เหมือนกันครับ พอมาหาข้อมูลดูก็พอจะปะติดปะต่อได้ว่า น่าจะเป็นกลุ่มที่เคลื่อนย้ายมาจากลาวในห้วงเวลาต่างๆในอดีต
เมื่อ ๒-๓ ปีก่อน ผมได้ไปเวียงจันท์แล้วก็เลยไปหลวงพระบาง ตอนที่ไปหลวงพระบางนั้น นอกจากได้สัมผัสสิ่งต่างๆอย่างที่คุณสมบัติบอกว่าทั้งวิถีชีวิต สำเนียง ภาษา มันช่างเหมือนกับที่คุณสมบัติได้พูด จำ และใช้ในชีวิตประจำวันมาตั้งแต่เกิดแล้ว วันหยุดวันหนึ่ง ศิษย์เก่าของที่ทำงานผมซึ่งเป็นหมออยู่ที่หลวงพระบาง ได้พาไปที่วัดเก่าแก่ในเมืองหลวงเก่าแก่ที่นั่น
เขาพาไปร่วมทำบุญบวชนาคกับชาวบ้านครับ ซึ่งเจ้าภาพมีภรรยาของรัฐมนตรีกระทรวงสาธารณสุขและญาติๆ จากนั้นก็พาไปร่วมงานกับชาวบ้านอีกที่หนึ่ง ได้ไปบวชลูกแแก้วหรือบวชเณร แล้วก็ทอดกฐิน ทั้งสองกิจกรรม ผมพูดคุยกับชาวบ้าน ฟังพระสวด ทำกิจกรรมต่างๆ รวมไปจนถึงนั่งกินข้าวด้วยกันเป็นสำรับ เหมือนกับอยู่บ้านเราไม่มีผิด
หลายคำศัพท์ที่พี่น้องลาวพูด ก็เป็นอย่างที่คุณสมบัติว่านั่นเลยครับคือ มันเป็นคำเดียวกันทั้งสำเนียงและความหมาย ผมร่วมกิจกรรมไปก็ปลื้มปีติและตื่นเต้นจนขนลุก พลางก็คิดว่าคงมีอยู่ประเทศเดียวในโลกที่คนไทยจะได้รับการปฏิบัติอย่างกลมกลืนจนเหมือนเป็นญาติพี่น้องอันแนบแน่นกันอย่างนี้
เมื่อตอนต้นๆที่ผมเรียนประถมกันที่โรงเรีบนวันครูนั้น เมื่อถึงตอนสอบไล่กัน พวกโรงเรียนบ้านป่ารังและโรงเรียนวันครู(๒๕๐๔) จะต้องไปสอบที่โรงเรียนโคกมะกอก เกือบถึงห้วยปลาเน่าบ้านของคุณสมบัตินั่นแหละครับ ต้องถีบรถไปสอบกันตัวโก่ง หรือไม่ก็เดินกัน ๗-๘ กิโล ไปจนถึงบ้านเตาอิฐ แล้วก็เลี้ยวตามทางเล็กๆไปวัดโคกมะกอก
ภาพข้างบนนี้เป็นห้วยน้อย หากไปจากบ้านห้วยปลาเน่าเหนือไปบ้านเตาอิฐ แล้วก็เลี้ยวขวาที่บ้านรังย้อยไปตามทางไปหนองบัวก็จะอยู่เลยบ้านป่ารังนิดหน่อย หากออกมาจากตัวอำเภอหนองบัว ก็จะเป็นสะพานแรก
ห้วยน้อยนี้ น้าที่บ่ามาจากทางพิจิตรจะไหลลงไปทางใต้ แล้วก็เชื่อมโยงกับคลองแยกย่อย ไปจนถึงห้วยวารี และห้วยปลาเน่า บ้านของคุณสมบัติน่ะครับ ผมวาดแสดงสภาพแวดล้อมในอดีตเมื่อตอนยังมีต้นมะม่วงป่าและต้นโพธิ์ใหญ่อยู่ข้างทาง มีป่ากกกับทุ่งนาข้าวต่อเนื่องกันเป็นผืนใหญ่ แล้วก็แสดงประเพณีลงแขกเกี่ยวข้าว ซึ่งท่านพระอาจารย์มหาแลและหลายท่านที่เป็นครหนองบัว ได้พูดถึงและค่อยๆถักทอข้มูลจากประสบการณ์ชีวิตกันขึ้นมา ผมเลยประมวลภาพแล้ววาดออกมาให้ครับ
บริเวณนี้เป็นแหล่งที่มีปลามากมาย ผมเคยไปทอดแทและลงอวนกับญาติๆแถวบ้านครับ พอน้ำงวดลงไป ชุมชนที่อยู่ทางใต้กว่าก็จะเป็นแหล่งที่น้ำงวดทีหลัง ปลาก็เลยจะไปรวมอยู่ด้วยกันกระมัง ทางใต้ๆถึงได้ชื่อว่าห้วยปลาเน่า
ขอบคุณและดีใจมากจริงๆครับที่คุณสมบัติซึ่งเป็นคนท้องถิ่นด้วย มาช่วยกันคุย สร้างความรู้ และสร้างการเรียนรู้เรื่องท้องถิ่น เพื่อทำให้คนตื่นตัวและเกิดโอกาสดีๆที่จะริเริ่มทำสิ่งต่างๆขึ้นมาจากชุมชนด้วยตนเองบ้างนะครับ
เจริญพร
เจริญพร
เชิญทุกท่านอย่างที่พระคุณเจ้าชวนเชิญเลยนะครับ
ขอกราบเรียนท่านพระมหาแลฯ ท่านอาจารย์วิรัตน์ รวมทั้งผู้ที่อาจจะเคยอ่านหนังสือที่ผมเขียนครับ
หนังสือที่ว่า (ถ้อยเสียงสำเนียงลาว : คำศัพท์ 3 ภาษา : ลาว - ไทย - อังกฤษ) เป็นหนังสือธรรมดา ๆ ที่เขียนจากประสบการณ์ตรงจากการทำงานร่วมกับข้ารัฐการฝ่ายลาวมานานนับสิบปี ภูมิความรู้ของผมยังไม่เข้าขั้น ......... ยังไม่ถึงระดับที่จะเขียนพจนากุกรมได้หรอกครับ แต่เป็นการเขียนขึ้นจาก...ความอยากที่จะเขียน และด้วยใจรัก ที่สำคัญคือ....คิดว่า ยังไม่เคยมีใครทำมาก่อน พอทำออกมาเผยแพร่แล้ว คนที่อ่านส่วนมากก็จะนั่งอมยิ้ม เหมือนจะเป็นหนังสือแปลก...หรือตลก อะไรทำนองนั้น....คุณคำรณ หว่างหวังศรี เคยมาสัมภาษณ์และออกอากาศทางช่อง 7 สองครั้ง ช่อง 3 ก็เคยนำไปออก มติชน คอลัมน์ของอาจารย์สุจิตต์ วงษ์เทศ ได้นำปกหน้าไปลงประชาสัมพันธ์ให้ รวมถึงบางกอกทูเดย์ ก็ได้กล่าวถึงบ้าง...............พจนานุกรมลาว - ไทย - อังกฤษ ที่เป็นไปตามหลักวิชาการแท้ ๆ มหาวิทยาลัยเกษตรศาตร์ เป็นเจ้าของลิขสิทธิ์ครับ และทำได้ดีมาก
ไม่ทราบว่าท่านอาจารย์ไปแขวงหลวงพระบาง ทางไหนครับ.......รถยนต์หรือเครื่องบิน เพราะการไปแต่ละเส้นทาง จะได้ความรู้สึกและประสบการณ์ที่แตกต่างกันเป็นอย่างมาก ไปทางน้ำก็เป็นประสบการณ์ที่ยอดเยี่ยม ฤดูการนี้นักท่องเที่ยวเริ่มจองที่พักกันแล้ว แหล่งท่องเที่ยวที่นิยมกันมากในลาวนอกจากหลวงพระบางแล้วยังมี วังเวียง ทุ่งไหหิน ซำเหนือ ผ้งสาลี อันนี้เป็นลาวเหนือครับ ส่วนลาวใต้ก็เป็นการท่องเที่ยวเชิงประวัติศาสตร์ / ธรรมชาติ แถว ๆ แขวงจำปาสัก
เห็นภาพต้นโพธิ์ใหญ่ ต้นมะม่วงป่าของอาจารย์แล้ว นึกถึงตอนเป็นเด็ก ๆ ได้ความรู้สึก.... ยังจำภาพต่าง ๆ ได้ดีครับ ว่ากันว่าแถวนั้น.....ผีดุ แต่ว่านาน ๆ จะผ่านทางนั้นสักที เพราะว่าถนนจากห้วยปลาเน่าเหนือ - เตาอิฐ สมัยนั้นไม่น่าจะเรียกว่าถนน บ้านผมอยู่ห่างจากถนนสายหนองบัว - ท่าตะโก เพียง 400 เมตร ชาวบ้านจึงนิยมเดินทางไปอำเภอ ทางป่าเรไร - น้ำสาดกลาง - บ้านน้อย - ห้วยด้วนกันมากกว่า.........................แต่ปัจจุบันตั้งแต่ลูกบ้านห้วยปลาเน่าเหนือได้เป็น ส.ส. ได้เป็นนายกอบต.ห้วยถั่วเหนือ ถนนก็ได้กลายสภาพมาเป็นลาดยาง ชาวบ้านรวมทั้งคนทั่วไปจึงนิยมใช้เส้นทางนี้ เพราะระยะทางใกล้และประหยัดน้ำมัน
สำหรับชื่อห้วยปลาเน่านั้น คนเก่าคนแก่เล่าสืบต่อกันมาว่า สมัยนั้นบริเวณดังกล่าวเป็นป่าหญ้า ดงแฝก ห้วยก็ลึกท่วมหลังช้าง พ่อใหญ่-แม่ใหญ่ผมอพยพมาจากบ้านหนองโน จังหวัดสระบุรี / ปู่ก็อพยพมาจากบ้านหินปัก อำเภอบ้านหมี่ มาหักร้างถางพง ทั้งสองฝั่งคลองมีตัวนากชุกชุม ปลาก็ชุมมาก พวกนากกินปลาไม่หมดก็ปล่อยทิ้ง ปล่อยขว้าง เป็นอย่างนี้ตลอดสองฝั่งคลอง ......กลิ่นปลาเน่าส่งกลิ่นเหม็นคลุ้งไปไกล.......เป็นประสบการณ์แรกในการอพยพมาของคนต่างถิ่น....รุ่นบุกเบิก .....นี่เป็นที่มาของชื่อ....ห้วยปลาเน่า....ปัจจุบันป่าก็หมด ตัวนากไม่มีให้เห็นแล้ว ปลาถึงแม้จะพอมีอยู่บ้างแต่ก็เลิกส่งกลิ่นเหม็นแล้ว ด้วยเหตุนี้กระมัง ทางการจึงเปลี่ยนชื่อเป็น...ห้วยวารีเหนือ...ในปัจจุบัน
เข้ามาแลกเปลี่ยนเรียนรู้ด้วยคะ เรื่องที่เข็นน้ำนี้ อยากทราบว่าเป็นอดีต หรือปัจจุบันคะ ที่สุอ่านมา สุอยากจะเดาว่าเป็นอดีต เพราะที่บ้านสุหนองโก เมื่อ 40 ปีที่แล้ว ยังมีการเข็นนำขาย รถละ 5 บาท ใส่ได้ 8 ปี๊บ และก็มีใบไม้ปิดหน้าปิ๊บกันไว้กันน้ำกระฉอกคะ แต่ปัจจุบันนี้ ไม่มีแล้วนะคะ เพราะตามที่ไปเยี่ยมแต่ละหมู่บ้าน ทุกคนมีน้ำปะปาใช้กันทุกครัวเรือนแล้วคะ ไม่มีหาบนำขาย หรือเข็นน้ำขายอีกแล้ว
-แต่ก็มีพัฒนาการในเรื่องน้ำคะ คือถ้าในบ้านนอกไกลอำเภอมาก น้ำปะปาไม่สะดวก เพราะ เปิดเป็นระยะ เวลาที่จัดงานต่างๆ งานแต่ง งานบวช จำเป็นต้องใช้น้ำมาก มีรถขายน้ำที่เหมือนรถขายน้ำมันมาบริการ ให้เบอร์โทรศัพท์ติดต่อได้เลยคะ จะเอากี่รถ สูบน้ำจากปะปาในอำเภอ แล้วนำไปส่งถึงงาน ไปใส่โอ่งใหญ่ไว้ให้ รถละ 300 บาท แต่ทุกวันนี้ก็ไม่ค่อยเห็นรถคันนี้แล้ว ชาวบ้านคงมีน้ำเพียงพอแล้ว งดใช้บรการคะ
แล้วจะกลับมาเยี่ยมอ่านอีกนะคะ ตาลายแล้วคะ
ภาพชุดนี้เป็นข้อมูลภาพและข้อมูลชุมชนหนองบัวในอดีตครับ เป็นช่วงที่ผู้เล่า คือพระมหาแลท่านยังเป็นนาคและบวชพระอยู่ที่วัดหนองกลับ อำเภอหนองบัว นครสวรรค์ หรือที่เรียกว่าวัดหลวงพ่ออ๋อยและวัดหลวงพ่อเดิม ผมและอีกหลายท่านเลยช่วยกันเสริมรายละเอียดของข้อมูล แล้วก็วาดภาพให้ดูเพื่อเก็บไว้เป็นเรื่องราวอีกแง่หนึ่งของท้องถิ่นครับที่ถ่ายทอดไว้โดยชาวบ้านทั่วไปที่เคยอยู่อาศัย รายละเอียดและภาพอย่างที่เห็นนี้ จึงเป็นภาพของชุมชนเมื่อ ๓๐-๔๐ ปีมาแล้วครับ
ปัจจุบันสระน้ำของวัดดังกล่าวยังคงมีอยู่ แต่คนในอำเภอมีน้ำประปาใช้แล้วครับ ทั้งจากการนำเอาน้ำดิบจากสระวัดนี้ไปทำและเดินท่อมาจากจังหวัดพิจิตร หนองบัวเป็นอำเภอที่กันดารน้ำมากครับ เรื่องแหล่งน้ำและวิถีชีวิตเพื่อการอยู่รอด จึงเป็นประวัติพัฒนาการของชุมชนและวิถีชีวิตของชาวบ้าน โดยเฉพาะสะท้อนการเรียนรู้เพื่อแก้ปัญหาเพื่อบุกเบิกความเป็นชุมชบชนในอดีต ที่คนในรุ่นหลังได้อยู่อย่างมีความสุขในปัจจุบันนี้