ตายแล้วไปไหน (ประสบการณ์ผู้เขียน) เสียดายถ้าคนเป็นไม่ได้อ่าน


อย่าลืมทำความดี เวลาที่มีชีวิต

                    (ภาพประกอบจาก Internet)

      หลายท่านคงเคยได้ยินคนเฒ่าคนแก่บอกว่าอย่าทำความชั่ว เดี๋ยวตายไปตกนรก ให้ทำความดีมาก ๆ ตายแล้วจะได้ไปสวรรค์ นรก สวรรค์เป็นอย่างไร ก็ไม่มีใครรู้เพราะคนที่ตายไปก็ไม่ได้กลับมาบอกเรา เห็นแต่ภาพวาดหรือเห็นในภาพยนตร์ที่ผู้สร้าง สรรค์สร้างตามจินตนาการของตน แต่ในทางพุทธศาสนาบอกว่าเรื่องนี้สามารถพิสูจน์ได้ แต่ต้องปฏิบัติเอง รู้เอง เห็นเอง แต่ส่วนใหญ่เราก็ยังไม่สามารถปฏิบัติไปถึงขั้นนั้นอยู่ดี กล่าวถึงตรงนี้วิธีการที่จะทราบได้คือต้องปฏิบัติธรรมจนถึงขั้นที่มีความสามารถพิสูจน์ได้ หรือไม่ก็ถึงเวลาไปจริง ๆ แต่เมื่อถึงเวลานั้นเราก็ไม่สามารถกลับมาบอกคนอื่นได้ หรืออีกกรณีบางคนอาจหลงเข้าไปด้วยความผิดพลาดบางประการ ผมเองไม่แน่ใจว่าจัดในกลุ่มสุดท้ายหรือไม่แต่ก็อยากนำประสบการณ์ตรงนี้มาบอกกล่าวแก่ผู้สนใจเพื่อจะได้ไม่ประมาทในการใช้ชีวิตจนเกินไป

     เมื่อประมาณ 4 ปีก่อน ช่วงนั้นผมต้องเลี้ยงลูกที่กำลังเล็กคนโตอายุประมาณ 3 ขวบ คนเล็กอายุได้ 7-8 เดือน จากความคิดที่ว่าลูกเรา ๆ ต้องเลี้ยงเอง จะได้รู้ว่าพ่อแม่เลี้ยงเราลำบากแค่ไหน ซึ่งก็ลำบากมากจริง ๆ เพราะผมกับภรรยาต้องทำงานทั้งคู่และต้องเลี้ยงลูกเอง แต่ก็ยังดีที่ได้น้องสาวมาช่วยดู และลูกคนเล็กเป็นเด็กที่ร้องให้นานมาก ๆ ก็ว่าได้ เวลาร้องให้จะปลอบโยน หลอกล่อก็ไม่เป็นผล ร้องแต่ละครั้งจะร้องเสียงดังนานประมาณครึ่งชั่วโมงขึ้นไป เรียกว่าร้องจนตนเองพอใจจึงจะหยุดร้องหรือไม่ก็เหนื่อยเพราะหมดแรงร้องแล้วก็หลับต่ออย่างไม่สนใจใยดีคนเลี้ยง บางครั้งก็ทำให้ผมหงุดหงิดโมโหบ่อย ๆ แต่ก็แปลกดีพอโตมาอารมณ์ดีมากร้องเพลงตลอดเป็นเด็กน่ารักผิดกับตอนเล็ก ๆ

      กลับมาเรื่องของผมตอนนั้นรู้สึกเหนื่อยมากเพราะต้องทำงานประจำด้วย ต้องไปสอนหนังสือ และดูแลลูกซึ่งนอกจากร้องให้นานแล้ว ก็ยังปัสสาวะบ่อยมากเรียกว่าเปลี่ยนผ้าอ้อมทุก 10-20 นาที บางครั้งเหนื่อยจนบางทีไกวเปลให้ลูกแต่ตนเองหลับไปก่อนก็มี และเนื่องจากที่เราเหนื่อยมาก ๆ นี่เอง ทำให้ผมมีประสบการณ์แปลก ๆ มาเล่าให้ท่านฟัง คือในช่วงที่ผมเหนื่อยมาก ๆ และไกวเปลให้ลูกนอนผมก็หลับไปตอนไหนไม่รู้แล้วก็ฝันแปลก ๆ อย่างไม่เคยฝันอย่างนี้มาก่อน

      ผมฝันว่าได้พบและคุยกับพ่อที่ข้างทางเหนือหมู่บ้าน ตอนนั้นพ่อก็ยังไม่เสียชีวิตครับ พ่อก็ถามว่าจะมาปลูกบ้านอยู่เมื่อไหร่ ช่วงนั้นผมกับภรรยาซื้อที่เปล่าไว้แปลงหนึ่ง  ผมก็ตอบว่ายังไม่ปลูกหรอกเพราะถนนไปถึงแล้วแต่น้ำกับไฟฟ้ายังเข้าไม่ถึงรอให้น้ำไฟเข้าถึงก่อนจะมาปลูกอยู่ แต่ก็น่าแปลกเพราะเส้นทางที่เข้าที่ ๆ ซื้อไว้ติดกับป่าช้าบ้านเกิดผมเอง จากนั้นเราก็คุยกันมาเรื่อย ๆ จนมาถึงทางแยกจะเข้าบ้านก็พบว่ามีทางลูกรังที่ทำใหม่ ๆ ผมก็เลยชวนพ่อว่าเส้นทางนี้ใครมาทำไปที่ไหนเราลองขี่รถไปดู จากนั้นผมกับพ่อก็ขี่จักรยานคนละคัน ขี่ตามทางขึ้นไปเรื่อย ๆ ทางเส้นนั้นดูเหมืนมันสูงขึ้นไปเรื่อย ๆ  เมื่อมองลงมาข้างทางก็เห็นภูเขาสลับซับซ้อนอยู่ข้างล่างเป็นภูเขาเล็ก ๆ ในใจผมก็เริ่มกลัวว่าเรามาสูงขนาดนี้แล้วจะกลับลงไปยังไงเนื่องจากทางชันมาก เบรกรถก็คงเบรกไม่อยู่ต้องเกิดอันตรายอย่างแน่นอนเพราะทางทั้งสูงทั้งชัน

      พ่อเริ่มถีบรถขึ้นไปก่อนผม ทางเริ่มชันมากความลาดประมาณเกือบเก้าสิบองศา ผมไม่สามารถที่จะปั่นจักยานขึ้นไปได้ ต้องจับต้นไม้ข้างทางแล้วกระโดดเกาะต้นไม้ขึ้นไป ต่อ ๆ กันทีละต้นอย่างลำบากมองลงไปข้างทางเห็นยอดภูเขาเล็ก ๆ อยู่ข้างล่าง คิดว่าเรามาสูงเกินไปแล้ว ส่วนพ่อก็ล่วงหน้าไปก่อนแล้ว  ทำให้ผมคิดว่าตอนนี้เรามาอยู่ที่ไหนทำไมสูงขนาดนี้หรือว่าเป็นสวรรค์ หรือว่าเราตายแล้ว แต่ทำไมถึงมากับพ่อ เพราะเห็นพ่อก็ไม่ได้ทำบุญอะไรมากมายนี่นาแล้วทำไมขึ้นมาได้  ผมขึ้นมาเรื่อย ๆ จนถึงเนินข้างบนเห็นรถตู้สีขาวจอดอยู่ไกล ๆ 1 คัน พอไปถึงที่นั่น เห็นคนยืนอยู่ก่อน 2-3 คน คนเหล่านั้นยืนยิ้มให้คล้ายว่ายินดีที่เจอเพื่อนใหม่แต่ผมก็ไม่ได้พูดทักทายอะไร

      พอไปถึงที่เนินนั้น ก็พบบรรยากาศแปลก ๆ บริเวณนั้นทั้งหมดสงบไม่มีลมพัด ไม่ร้อน ไม่มีแสงแดด แต่มีความสว่าง  พื้นดินพื้นก็อ่อนๆ นุ่มๆ ต้นไม้บรรยากาศทั้งหมดสีขาวออกเทาเหมือนสีขี้เถ้า ไม่เห็นมีปราสาทงดงามอะไร ไม่รู้สึกหิว ไม่รู้สึกห่วงใคร ๆ ในใจก็คิดว่าหรือเราตายแล้ว แต่ถ้าตายแล้วเป็นอย่างนี้ก็ดีนะสิ  ผมเดินมาสักระยะจากนั้นเห็นสะพานโค้งเล็ก ๆ สีขาวเทา ผมก็เดินข้ามไปผ่านเพิงเล็ก ๆ ข้างนอกเพิงเหมือนมีผ้าพาดอยู่เรียงราย แต่ไม่เห็นคนอยู่ ได้ยินเสียงบอกว่าเดี๋ยวจะมีพระมาเทศน์ที่ลานเล็ก ๆ ในช่วงที่รอพระมาเทศน์ ก็เห็นน้องสาวเรียกผมว่าเป็นอะไรนอนหลับไม่รู้เนื้อรู้ตัวสามวันสามคืนปัสสาวะราดใส่กางเกงหมดแล้ว

      จากนั้นผมก็สะดุ้งตื่นเนื่องจากลูกคนเล็กที่หลับอยู่ในเปลร้องเสียงดัง ผมตื่นมาแล้วก็เล่าความฝันแปลก ๆ ให้น้องสาวฟังแต่ก็ไม่ได้สนใจอะไรมากนัก แต่สิ่งที่น่าแปลกและน่าขนลุกคือ ช่วงค่ำที่ดูข่าวตอนเย็นก็มีข่าวไม่สงบทางภาคไต้ มีคนถูกยิงและเสียชีวิต ชื่อนายชำนาญ หนูชูแก้ว (ต้องขออภัยผู้เสียชีวิตมาณ.ที่นี้ผมนำชื่อมาอ้าง) ซึ่งก็ไปพ้องกับชื่อของผม อายุก็ไล่เลี่ยกัน หรือว่าเกิดการผิดพลาดอะไรบางอย่างทำให้ผมต้องฝันไปในดินแดนที่แปลกประหลาดอย่างไม่เคยฝันมาก่อน  แต่อย่างน้อยก็เป็นสิ่งเตือนใจใช่ไหมครับว่า ให้รีบทำคุณงามความดี เพราะไม่ใช่แต่ให้เราสุขในปัจจุบันเท่านั้น แต่อาจจะติดตัวเราไปเมื่อถึงเวลากำหนดของเราจริง ๆ ซึ่งตอนนั้นก็คงไม่สามารถมาเล่าให้ท่านฟังได้อย่างแน่นอน

 

หมายเลขบันทึก: 367331เขียนเมื่อ 18 มิถุนายน 2010 05:57 น. ()แก้ไขเมื่อ 6 กันยายน 2013 23:04 น. ()สัญญาอนุญาต: ครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-อนุญาตแบบเดียวกันจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (23)

ขอบคุณที่เล่าประสบการณ์ที่น้อยคนนักจะได้เจอแบบนี้

ไม่ว่าตายแล้วจะไปไหน ทำดีไว้ดีกว่า

ถือว่ามีต้นทุนความดี...ชีวีมีสุขนะคะ

ยังไม่อยากจากโลกนี้ไปค่ะ แบบว่า ๆๆ ... ยังมีอะไรให้น่าค้นหาอีกมากมาย โลกนี้ช่างน่ารื่นรมย์ และมหัศจรรย์ ;) ไว้จะไปชวนเพื่อนที่ชอบอ่านมาด้วย นะคะ

สวัสดีครับคุณมณีวรรณ

ยินดีที่แวะเข้ามาเยี่ยมครับ ทำดีดีครับ เพราะตอนนี้หลายคนจะมองว่า ทำดีได้ดี มีที่ไหนทำชั่วได้ดีมีถมไป เพราะเราเห็นภาพข้างนอกไงครับ ช่วยกันทำความดีเพื่อโลกนี้น่าอยู่ขึ้นครับ

สวัสดีครับคุณ poo

     ขอให้มีความสุขในการดำเนินชีวิตนะครับ โชคดีที่เราเกิดมาบนโลกที่มหัศจรรย์บนโลกใบนี้ การมีสติไม่ประมาทก็จะทำให้เรามีชีวิตบนโลกใบนี้ไปอีกนานครับ คนที่ เพราะคนที่ประมาทและขาดสติคือคนที่ตายแล้ว ยินดีครับถ้าจะชวนเพื่อน ๆ เข้ามาอ่าน หวังว่าการเขียนบันทึกครั้งนี้คงได้ประโยชน์บ้างไม่มากก็น้อยครับ

หากเรามั่นใจในความดี....

ตายแล้วไปใหน.....หาได้เป็นสิ่งที่น่ากลัว

ร่วมรับรู้เรื่องราวครับ....

เป็นประสบการณ์ที่แปลกมากเลยค่ะ

ส่วนตัวนั้นคิดว่าความดีติดตัวเราตลอด

มีความคงทน

ไม่ว่าตอนที่ยังมีชีวิตอยู่

หรือตายจากโลกนี้ไปแล้ว

จึงต้องพยายามทำความดีสะสมให้มากที่สุดค่ะ

สาธุ.........

เข้ามาร่วมอ่านบันทึกความฝันแปลกๆที่บางคนบอกว่า....ไม่เชื่ออย่าลบหลู่

บางสิ่งบางอย่างอาจมาเตือนเราว่า....ชีวิตเราเวลาเหลือน้อยแล้วนะ

ให้ใช้เวลาที่เหลืออยู่ให้คุ้มค่าและมีประโยชน์ทั้งต่อตนเองและสังคมให้มากเข้าไว้

พอเราตายไปจะได้ไม่ต้องมาเสียใจและเสียดายวันเวลาที่ผ่านไป

เพราะเราทำดีที่สุดเท่าที่เราจะทำได้แล้ว....

สวัสดีครับคุณเส้าหลง

      บนโลกนี้มีอะไรมากมายที่ยากแก่การพิสูจน์ บางอย่างก็ยากที่จะอธิบายด้วยหลักวิทยาศาสตร์ในปัจจุบัน แน่นอนครับถ้าหมั่นทำความดีแล้ว จะโลกนี้โลกไหนความดีย่อมคุ้มครอง ยินดีที่เข้ามาร่วมรับรู้เรื่องราวครับ

ชื่อสกุลเหมือนกันเลย

ผมอยู่น่าน

สวัสดีครับคุณ Bonnie

       มาทักทายตอนค่ำ ๆ ครับ ขอบคุณที่แวะเข้ามาอ่านครับ บางครั้งคนเราก็ทำงานมากอย่างจริงจังเกินไป คิดแต่หาเงินสร้างความมั่นคงให้ครอบครัว จนลืมสะสมความดีแก่ตัวเอง แต่ท้ายที่สุดทรัพย์สินต่าง ๆ ที่เราเพียรหามาก็ไม่สามารถติดตามเราไปได้เลย

สวัสดีครับคุณ krugui Chutima

       ยินดีครับที่จะแบ่งบันเรื่องราวของตัวเองเผื่อจะมีประโยชน์แก่ผู้ที่เข้ามาอ่านบ้างครับ เหมือนคำท่านว่า เรามาตัวเปล่าจะเอาอะไร เราก็ไปตัวเปล่าเหมือนเรามา นั่นหมายถึงทรัพย์สมบัติ แต่สิ่งที่ติดตัวเราไปคือผลของการกระทำที่เราทำไว้ ใช่ครับ บางเรื่องไม่เชื่อ ก็อย่าลบหลู่ โลกใบนี้ยังมีอะไรที่แปลกๆอยู่เยอะ

สวัสดีครับคนที่ชื่อ-สกุลเหมือนกันเลย

    ดีใจครับที่รู้จักคนบ้านเดียวกัน ผมกะเป๋นคนเหนืออู้กำเมืองเหมือนกั๋น แต่ต๋อนนี้มาอยู่ตางอิสานก่ะเว้าอิสานแทนเด้อ ผมเคยไปติดต่อที่อำเภอ เจ้าหน้าที่บอกว่า มีคนชื่อ- นามสกุล เดียวกันกับผมในประเทศไทย 30 กว่าคนครับ ไม่อยากเชื่อก็ต้องเชื่อครับ ว่าง ๆ ก็แวะมาเขียนประสบการณ์แลกเปลี่ยนบ้างนะครับ

สวัสดีค่ะน้องชำนาญ

พี่อุ้มอ่านเพลินค่ะ เล่าได้น่าติดตาม เป็นประสบการณ์ที่แปลก ขอบคุณที่นำมาถ่ายทอดค่ะ

สวัสดียามดึกครับพี่อุ้ม

      เวลาที่ฝันเราฝันแปลกๆได้มากมาย บางครั้งก็พิสดาร พิลึกพิลั่น ในทางทฤษฎีความฝันเป็นการลดความเครียด ลดความกดดันของจิตใจ เช่น ฝันเห็นงูรัดก็แสดงถึงการคลายความต้องการในเรื่องทางเพศ แต่ฝันเห็นเลขเด็ด แล้วไปซื้อแล้วถูกจริง ๆ นี่ถือว่าเป็นฝันดีที่คลายความกดดันด้านเศรษกิจครับ

ทุกอย่างที่เกิดขึ้น ... มันไม่ใช่ความบังเอิญ...ดังนั้นทุกคนจงทำแต่ความดีเท่านั้น...

  • สวัสดีครับคุณหมูหวาน
  • ผมก็ชักไม่แน่ใจ บนโลกใบน้อยมีอะไรมากมายที่ต้องค้นหา
  • มีความสุขกับการทำความดีครับ

แปลกมากๆค่ะ ไม่น่าเชื่อ แต่ห้ามลบหลู่ ... ขอทำความดี แค่พอใจ กะสุขใจ ในวันนี้ ขอบคุณค่ะ

  • คุณ Poo ครับ จากนั้นผมก็ไม่เคยฝันอะไรทำนองนี้อีกเลยครับ 
  • แต่ทำให้เราระมัดระวังการใช้ชีวิตมากขึ้นครับ อะไรที่ดีก็รีบทำ ควรทำ

พระพุทธเจ้าไม่ให้สงสัยในธรรมะ..เพราะฉนั้นเราจึงไม่ต้องสงสัยธรรมชาติ..เพราะธรรมชาติก็คือธรรมะ..และเราจึงไม่ต้องไปค้นหาอะไรในโลกใบนี้...คิดว่าการมีความสุขจากการทำความดีนั้นแหล่ะน่าจะเป็นคำตอบที่ถูกต้องที่สุดนะครับ..คุณชำนาญ

  • สวัสดีครับคุณหมูหวาน
  • ขอบคุณสำหรับความคิดเห็นครับ "ธรรมชาติก็คือธรรมะ" เป็นคำสั้นๆ แต่ครอบคลุมความหมายได้หมด
  • เรามักจะพูดกันเรื่องชีวิตมากมาย แต่ทุกอย่างมีทางเดินของมันอยู่แล้ว ขอให้อยู่กับธรรมชาติ เข้าใจในธรรมชาติ ไม่ต้องไปดิ้นรนหาอะไรที่ไหน มีความสุขสงบในใจก็พอครับ ผมว่างั้นนะ 
  1. ดีครีบ อาจจะแตกต่างบ้างเล็กน้อย แต่ทั้งหมดนั้นมีอยู่จริง ผมก็เป็นอีกหนึ่งคนที่ใด้เห็นแล้วกลับมา ไม่รู้ด้วยกุศลอันใด้ แต่ กุศลกรรรมต่างๆที่เราสร้างนั้น ถูกเก็บใว้อย่างดี ทั้งพลึกของสิงดีงาม แสงแห่งบุญ จะทำให้ตัวเบาสบายสุขล้นหมดกงวล ภาพภพที่สวยงาม กวางไกลสุดลูกหูลูกตา น่าปิติยิ่งนัก หากแต่ว่าใด้กลับมาอีกครั้ง ก็พอที่จะรู้เงื่อนไขครับ ดังนั้นผมก็ขอเป็นอีกเสียงหนึ่ง เพื่อที่จะเป็นประโยชและแรงใจ ตอผู้ที่เร่งประฎิบัติต่อกันต่อไป เพราะถึงวันนั้นแล้วผมก็คงคิดว่าทุกท่าน และตัวผมนั้น ช่างโชคดีจริงๆ^_^
จักรกฤช อ่วมศรีภิรมย์

สวัสดีครับ

ผมเคยฝันแบบนี้เหมือนกันครับ แต่ของผม ฝันว่า

ผมได้ขี่รถยนต์ ไปตามถนนปกติครับ แต่ขับมาได้เรื่อยๆสักระยะนึง ผมรู้สึกว่าบรรยากาศมันเปลี่ยนไปจากที่รถเยอะๆ วิ่งสวนกันไปมา แต่กับเปลี่ยนเป็น 2 ข้างทางมีแต่ต้นไม้ ป่าทึบ มีถนนเส้นเดียวมุ่งหน้าขึ้นเขาครับ แต่ที่แปลกกว่านั่น ผมจำได้ว่าตอนแรกผมขับมาคนเดียว แต่พอผมขับไปเรื่อยๆ ก็มีคนมานั่งด้วย ตอนนั้นผมก็ตกใจ แต่ก็ไม่ได้คิดอะไร และผมก็ขับไปเรื่ยยๆ แต่พวกผมก็ไม่ได้คุยอะไรกันนะครับ พอขับมาได้สักพักถนนเริ่มชันขึ้นประมาณ45องศาครับ ผมก็ถามคนในรถว่าเส้นนี้เคยมาไหม

เงียบ ไม่ตอบผมแล้วยังไม่ได้มองหน้าผมแต่อย่างใด ผมก็ขับไปต่อ จนเห็นถนนเส้นนี้ชันขึ้นประมาณ90องศา ผมก็บอกคนในรถว่า รถไปต่อไม่ไหวแล้ว ผมก็จอดรถแล้วลงมาจากรถ พวกเขาก็ลงมาแต่ก็ยังไม่พูดกับผมนะ ผมก็ถามอีกที่ว่าจะไปไหนกัน คราวนี้เขาตอบผมว่า จะไปข้างบนมีคนรออยู่ แล้วเขาก็เดินขึ้นไป แต่ผมแปลกใจคือเขาเดินขึ้นไปได้ ทั้งที่ถนนชัน90องศา ตัวผมก็ได้ตามไป แต่ผมลำบากกว่า ที่ต้องปีนเหมือนปีนหน้าผาครับ พอปีนมาได้สักพักผมก็ไม่ไหวครับ เหนื่อย แต่ผมก็ยังเห็นคนพวกนั้นเดินอยู่ ผมก็ตะโกนไปว่าผมไปต่อไม่ไหวแล้ว ผมก็ไม่ได้รับคำตอบแต่อย่างใด ตัวผมก็มองลงไปข้างล่าง ผมเห็นมันสูงมากผมก็คิดว่าผมคงลงไปไม่ได้แล้ว ตอนนั้นผมทำอะไรไม่ถูก อยู่ดีๆผมก็คิดถึงแม่ ผมคิดว่าผมคงติดอยู่ที่นี้แน่ๆ คงไม่ได้กลับไปหาแม่ และผมก็ร้องไห้ แปปเดียวครับ ผมสะดุ้งตื่น

ตื่นมาได้ ผมก็ลุกไปกอดแม่ที่นอนอยู่บนเตียง ตอนนั้นผมนอนพื้นด้านล่างข้างเตียงแม่นะครับ ผมทั้งกอดทั้งหอม แม่ก็สะดุ้งตื่น แม่ผมถามเป็นอะไร ผมบอกฝันแปลกๆ ขอนอนกอดแม่นะคืนนี้

ความฝันนี้ผมฝันมาได้เกือบ2ปีแล้วครับ แต่ไม่รู้เป็นอะไรผมกลับจำความฝันนี้ได้แม่นมาก มันฝั่งใจมาก

จนผมมาเห็นกระทู้นี้ ผมก็รู้สึกเหมือนความฝันของผม เลยนำประสบกาณ์ในความฝันมาแชร์ครับ

ก็ขอบคุณครับ ที่นั่งอ่านจนจบ

ป.ล. พรุ่งนี้ต้องใส่บาตร แล้วครับ พอได้อ่านบทความ ของคุณ

บุญเกิด ภู่พิพัฒน์

สิ่งที่พี่นำมาเล่าเป็นเรื่องจริงครับเพราะผมก็ฝันประหลาดประหลาดเหมือนกันหรือเขาต้องการสื่ออะไรให้คนอื่นรับรู้โดยผ่านเราครับพี่

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท