จากการพิจารณาโครงสร้างงานในสำนักงานเลขานุการ และยุทธวิธีทุกวิถีทางที่ทำได้ (มาหมดเลยค่ะ ไม้มะยม ไม้หางนกยูง ไม้อ่อน ไม้แข็ง) เกิดผลเป็นตัวกระตุ้นหัวหน้างานให้ดำเนินกิจกรรมภายในงาน เริ่มต้นที่งานคลังและพัสดุร่วมกับงานนโยบายและแผน จัดการประชุมพูดคุยร่วมกันภายในงาน และกำหนดแผนการจัดการความรู้ ทั้งการแลกเปลี่ยนเรียนรู้ภายในงาน การเติมเต็มความรู้ให้แก่ผู้เกี่ยวข้อง เรื่อง งบประมาณโครงการต่าง ๆ
ขณะเดียวกันดิฉันพยายามเชิญชวนบุคลากรหน่วยสารบรรณ งานบริหารและธุรการ ซึ่งมีการประชุมพูดคุยกันเป็นประจำ(เริ่มเมื่อมกราคม 2551) สองกลุ่มย่อยอย่างที่เคยเล่าให้อ่าน มีการบันทึกเรื่องจากที่ประชุม ด้วย ใช้เวลาการประชุม ทุกวันพุธ และวันพฤหัสบดี เวลา 8.30 - 9.30 น. โดยมีเป้าหมายให้เรียนรู้งานร่วมกัน สามารถปฏิบัติงานแทนกันได้ และกระตุ้นให้เกิดการเรียนรู้เพิ่มเติมด้วยตนเอง อย่างต่อเนื่อง เหตุผลหนึ่งที่ใช้ได้ในบริบทสำนักงานเลขานุการ เพราะเหตุการณ์ต่างๆ กำลังเกิดขึ้นจริง ๆ คือ การเกลี่ยงาน ซึ่งเกิดแน่ แม้ไม่บ่อยในระบบการบริหารจัดการ โดยเฉพาะเมื่อมหาวิทยาลัยเป็นมหาวิทยาลัยในกำกับของรัฐ เพราะฉะนั้น หลักการทำงานคือทุกคนจะต้องทำงานแทนกันได้
ย้อนกลับไปดูพันธมิตรร่วมงานคลังและพัสดุ กับงานนโยบายและแผน ที่ในเวลาต่อมา (4 กุมภาพันธ์ 2551) ได้จัดกิจกรรมเติมเต็มความรู้เรื่อง "การเบิกจ่ายเงินโครงการห้องสมุดที่มีชีวิต (Living Library) เพื่อพัฒนาสังคมการเรียนรู้" ให้แก่หัวหน้างานที่เกี่ยวข้องโดยตรง 3 งาน คือ งานพัฒนาทรัพยากร งานวารสารและเอกสาร และงานศูนย์สนเทศภาคเหนือ หัวหน้างานคลังฯ รับปากดิฉันว่าจะสรุปเนื้อหาสาระที่ได้จัดกิจกรรม นำเผยแพร่ในเว็บไซต์ของชุมชนแนวปฏิบัติกลุ่มจุดเริ่มต้นของหัวใจ
และแล้วอีกไม่ถึงสองสัปดาห์ สองคนกับพี่สาวแสนดี (เธอไม่ใช่เจ้าแม่ประจำสำนักงานฯ นะคะ) สามารถคัดท้ายให้เกิดการประชุมบุคลากรเพิ่มขึ้นในกลุ่มนักการภารโรง หน่วยอาคารสถานที่ (1 เมษายน 2551) กลุ่มนี้ ดิฉันคิดว่ามีเรื่องราวน่าสนใจที่จะทดลองงาน Facilitator... พร้อมกับสร้างคนหลายๆ คน เพื่อเกิดเป็นเครือข่ายการทำงาน (ไม่ใช่การซ่องสุมกำลังใดๆ นะคะ)
และแล้ว (อีกทีค่ะ) ในเวลาถัดมาอีกไม่นานนัก พี่สาวแสนดีของชาวสำนักงานฯ แจ้งให้ดิฉันทราบว่า Refresh และแลกเปลี่ยนความรู้และสิ่งที่รู้- คิด-เห็น-ไม่ชอบมาพากล ภายในกลุ่มบุคลากรต่างๆ ตั้งหลายกลุ่ม จึงสมควรแก่เวลาที่จะเริ่มต้นเสียที การประชุมเพื่อสนับสนุนการติดต่อสื่อสารและจัดการความรู้ภายในหน่วยพัสดุและยานพาหนะ เพื่อไม่เกิดข้อครหา "แหมๆ ปัดกวาดบ้านเล็กบ้านน้อย แล้วบ้านใหญ่ ครัวใหญ่ของเราเองล่ะ ไม่เห็นไม้กวาด ไม้ถูบ้านสักอัน..." ในที่สุดกิจกรรมในหน่วยพัสดุและยานพาหนะเริ่มต้นขึ้น (16 พฤษภาคม 2551) โอ้แม่เจ้า! ปัญหาอัดอั้นตันอกของพี่น้องในหน่วยนี้ นักแท้ (แต๊)นักว่า นึกว่าจะเรียบๆ สบายๆ แต่ก็แปลก ... เอ๊ะ! หรือไม่แปลก เพราะฟังมาแต่ละกลุ่ม เป็นเรื่องเดียวกัน เพียงแค่ว่า ปัญหาของแต่ละกลุ่ม มองคนละมุมค่ะ...
โอ้วะ...อีกทีซิคะ ทำไมไปมุมไหนก็ฟังแต่ปัญหาคับข้อง (ไม่ถึงกับแค้น) คาหัวใจของผู้คน ดิฉันงง งงค่ะ จนไม่รู้จะเริ่มต้นตรงไหน คิดถึงเชือกที่เป็นปม ปม แกะปมนี้ ไปแน่นปมโน้น ถ้าโมโห สติขาดผึง สงสัย... เข้าหน้าใครไม่ได้แน่เลยค่ะ
แม่น้ำทั้งห้า อยู่ที่ไหน ดิฉันทำสมาธิ ส่งจิตไปชักไปลากไปยกมาให้พี่น้องเขา ก็พอจะลากไปได้เรื่อยๆ เรื่องการจัดการความรู้ทั้งภาคทฤษฎีที่ทุกคนผ่านมาแล้ว แต่ลืมหมดแล้ว และเชื้อเชิญให้ลองปฏิบัติใหม่ 1-2 คนก็ทำได้
อย่างพนักงานขับรถ ห้องสมุดกลางเรามีกันสามคน เรื่องที่อยากให้ผู้ใช้บริการเข้าใจในงานและบริการ คุยกันเลยค่ะ เรื่องไหนอยากให้มีหูที่สี่ ห้าหกได้ยิน คุณพี่จัดสุมหัวคุยกลางห้องพักผ่อน ห้องสาธารณะได้เลย เรื่องไหนยังต้องถกเถียงให้ได้ข้อสรุปก่อน คุณพี่สามคนเลือกสถานที่เหมาะๆ ลับหูผู้คนได้ แต่ไม่ต้องลับตาลับใจค่ะ...อ้าว ทำไมหรือคะ แหมสมัยนี้ทำอะไรไม่ควรลับล่อสิคะ ..บอกเขาให้รู้ บอกเขาว่าเรากำลังทำตามนโยบายหน่วยงานอยู่ กลุ่มพนักงานขับรถโชคดีมากค่ะ ดิฉันฟังพี่เขาเล่ามานะคะ เขาพบเพื่อนพนักงานขับรถคณะ สถาบัน ในมหาวิทยาลัย และมีวงสนทนากันสม่ำเสมอ (วงปรับทุกข์ วงบ่นเม้าท์ผู้ใช้บริการ) เพียงแต่ไม่มีใครบอกเขาค่ะ ว่าคุณพี่ๆ กำลังทำกระบวนการจัดการความรู้กันอยู่นะคะ ทำเพิ่มอีกสักนิดให้ครบเรื่องช่วยเหลือคิดวิธีดีที่สุด ที่ปรากฏเป็นข้อมูลอ่านออก เขียนได้
ทั้งนี้คงต้องอาศัยเวลา...
สิ่งที่เกิดขึ้นภายหลังการพบปะคุยกันแต่ละครั้ง ความรู้สึกที่แสดงออกโดยผู้แสดงไม่รู้ตัว ไม่ได้พูดอะไร ดิฉันและพี่สาวแสนดีเข้าใจค่ะ จึงยังมีแรงใจที่จะกระตุ้น ผูกพัน คัดท้ายให้เรือแล่นออกจากท่า
ดิฉันได้เรียนรู้ผู้คนเพิ่มขึ้นมาในระยะปี สองปีมานี้ มีทั้งผู้ที่เราอาจเปลี่ยนแปลงเขาได้ ไม่ได้ บางคนต้องเพิกเฉยไปเลยค่ะ ซึ่งก็มีหลายคนไม่น้อย...ซึ่งผลเสีย รับไปเต็มๆ คือ บุคลากรและหน่วยงานค่ะ
ดิฉัน...อยากจะบอกความรู้สึกข้างในใจตรงนี้ (AAR) ค่ะว่า ดิฉันเกิดคำถามขึ้นมาบ่อยมากในระยะนี้ว่าดิฉันมาทำไม ทำอะไรที่นี่...ทำบ้าอะไร (บางทีก็ก่นด่าตัวเองแบบนี้เลยค่ะ) คือ ไม่เห็นคนอื่น ฝ่าย งานอื่นเขาสนเรื่องตัวเอง และเรื่องคนอื่นสักหน่อย
แต่แล้วความรู้สึกสีขาวก็ปรากฏ ทำ เพื่อตัวเอง สิคะ คิดแบบเห็นแก่ตัวเหมือนผู้คนส่วนใหญ่บนโลกนี้ แต่ความเห็นแก่ตนเองหมายถึงการทำให้คนอื่นสุขใจ ได้เมื่อไร นั่นค่ะ เกิดความปิติยินดีเพื่อตนเอง มาเห็นแก่ตัวเองในแบบดิฉันไหมคะ
แม้แรกๆ จะไม่ได้ใจใครมา แต่หวังเล่นๆ ว่า สักวัน...
อยู่....ให้เขาไว้ใจ ไป....ให้เขาคิดถึง! ค่ะ
ในไม่ช้าเป็ดจะบินเป็นนก...ไก่ก็จะบินได้อย่างนก
เก็บตก เก็บตก ฮ่าๆ หัวใจแทบระเบิดเมื่อทุกคนอยากพูด หาช่องแทรก บ่ ได้เลย
(บังคับตัวเอง เรื่องหน้า CoP ^-^ Refresh คนละคนคนละเรื่อง...เดียวกัน)
ขออ่านและฟังของคนอื่นเขาก่อนค่ะ ขอเก็บเกี่ยวก่อน
คุณ วิชชุเวช ค่ะ
ให้ใจ...แล้วได้ใจ
หากเราต้องการที่จะให้ใครมาช่วยเรา เราต้องมีใจช่วยเพื่อนก่อน แล้วจะได้รับการตอบแทนน้ำใจภายหลัง
สวัสดีครับ
มาตามเก็บ เอ๊ย มาตามอ่าน
คิดถึงเชือกที่ผูกเป็นปม และเชือกที่ยุ่งๆ แกะลำบาก
ผมชอบแกะเชือก ท้าทายความสามารถดี แถมยังใช้สมาธิด้วย
ใจร้อนเป็นแกะไม่ออก
เอ ไม่ค่อยเกี่ยวกับข้างบน อิๆๆ
คุณ วัชรา ทองหยอด คะ
อาจารย์ ธ.วั ช ชั ย ค่ะ
ตัวหนังสือ บอกใจคนเขียน ;)
คุณ ธ.วั ช ชั ย
ให้ใจ จึ่งได้ใจ ^^ เนอะ
น้องจ๊ะ
เมื่อวานนั่งดูว่าจะชำระหนี้สิน อย่างไร tag คิด(ไม่)ถึง มืดสิบด้านเลย...มือยังใหม่ มั้ย ใหม่ อยู่...^^
มานับถอยหลังต่อกันค่ะ เหลือกี่วัน จะครบหนึ่งปี....
สวัสดีค่ะน้อง คนไม่มีราก ค่ะ
สวัสดีครับ
วันนี้แหละครับ ;)
ว้า เจอ อาจารย์ฯ ด้วย มีขนมอีกต่างหาก
เช่นนั้นเดี๋ยวไปประชุมก่อน แล้วจะมาติดตามนะคะ
ขอบคุณค่ะ
ดีจังค่ะ
วันนี้เน็ตแถวหลังเขาเกเรจัง นายไม่อยู่..ก็เกเร พอรถนายเลี้ยวเข้าประตูรั้วบ้านทรายทองมาจอดหน้าออฟฟิศปุ๊บ..สัญญาน ADSL วิ่งฉิวเลย ให้ตายสิ ทำไมถึงเป็นแบบนี้
ปวดหัว เครียดกับงาน เครียดกับคน จนปวดฟัน (อั้นแน่ะ เกี่ยวกันไหม?) แถวนี้ใช้สโลแกน "ให้ใจ..แล้วได้ใจ" ของพี่จ๊ะไม่ได้เลย
อุ๊บ..ชักจะยาว ไปต่อหลังไมค์ดีกว่า อิอิ ^^ ตอนนี้งานเสร็จแล้ว ยิ้มค่อยโผล่ผลุบมาหน่อย
ป.ล. 1 ทวงการบ้าน tag คิด(ไม่)ถึง ด้วยๆๆๆ พี่ยาหยีเธอปั่นจนใกล้จะเสร็จแล้วนา พี่จ๊ะสู้ๆ
ป.ล. 2 คิดถึงมากๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ
น้องจ๊ะ
อืม tag ย้อนรอยหรือ? จริงด้วย เหมือนนักเรียนเกเรเลย แต่น่าจะลองดูนะ เพราะอะไรๆ ก็ต้องมีครั้งแรกเสมอ อิอิ ชักเห็นความสนุกแล้วสิ พี่จ๊ะก็ลองสร้างประวัติหน้านี้เองด้วยปลายนิ้วของตัวเองแล้วล่ะ อั้นแน่ะ..ดูเข้าทีแฮะ
กติกา tad คิดถึง ต้อง tag คิดถึงไม่เกินห้าบันทึกหรือห้าคน แต่ tag คิด(ไม่)ถึง นี่ไม่รู้นา บางท่านก็หนึ่ง บางท่านก็สาม คงแล้วแต่ใจกระมัง เพราะเป็นเหมือนข้อสอบอัตนัยกระมัง ที่ผู้สอบต้องเขียนบรรยาย ชักแม่น้ำกี่สายต่อกี่สายมาเขียนให้ได้ใจความตรงใจคนตรวจข้อสอบ
น้องจ๊ะ
เพลงนี้เพราะมั้ย...
^^
^-^
^_^
^><^
พี่มีคนที่อยาก Tag ในใจแล้วนะ...แต่คงต้องรอเวลา...
มาขอฟังเพลงเพราะจัง มาจำวิธีได้ใจ
+ สวัสดีค่ะ..
+ ท่านคือผู้มีน้ำยาตัวจริง
+ อ่านแล้วแจ๋วมากค่ะ
+ เป็นกิจกรรมที่ทำให้ผู้นได้ระบาย ระบายแล้วมีความสุข
+ ส่วนท่านพี่ เป็นผู้ฟัง และรอมชอม และหาทางออกที่ดี
+ ท่านพี่ผู้เสียสละ
+ บุญรักษาค่ะ
ดีนะครับ...ที่นี่ g2k มีประโยชน์หลายอย่าง... เพื่อน..น้ำใจ...ความรู้..ความภูมิใจ ....และรอยยิ้ม
ขอบคุณค่ะ
ท่านผอ. นายประจักษ์ ค่ะ
คุณแม่น้อง แอมแปร์ ค่ะ
คุณ คนโรงงาน ค่ะ
คุณ naree suwan คะ
มาน้อมคาราวะ ทักทายคนดี
เป็น "พี่จ๊ะ" ไง ^^
คุณพี่สิทธิรักษ์ ค่ะ
น้องจ๊ะ...จ๊ะ
เจ้าชายน้อยบอกว่า.. "สิ่งสำคัญไม่อาจมองเห็นได้ด้วยตา" เพราะฉะนั้นจะเป็นโน่น-เป็นนี่ก็ไม่สำคัญเท่าที่เป็น "พี่จ๊ะ" ไง
น้องจ๊ะ...
บันทึกไหนดี? บันทึก book-repair ไง อั้นแน่ะ ทำปากขมุบขมิบบ่นอะไร หาเท่าไหร่ก็หาไม่เจอ ก็เพราะอยู่ใน word ไงจ๊ะ
พี่จ๊ะ.. นั่งนานตั้งแต่ เก้าโมงเป๊ะๆ จนถึงป่านนี้ แต่ยังไปไม่ถึงไหนเลย เพราะมัวแต่แชท อุ๊บ ง่วง