Travel on foot....เกาะเกร็ด (ภาคสอง)


 

 

ในที่สุดก็มาถึงวัดปรมัยยิกาวาส ซึ่งวัดนี้เองที่มีเจดีย์มุเตา ซึ่งถือเป็นเสมือนสัญลักษณ์ของเกาะเกร็ด เพราะไม่ว่าใครนั่งเรือผ่านไปมาก็ต้องสะดุดตากับเจดีย์สีขาวเด่น ตั้งเอียงกะเท่เร่อยู่ริมน้ำราวกับหอเอนเมืองปิซ่าก็ไม่ปาน

 

วัดปรมัยยิกาวาส เดิมชื่อวัดปากอ่าว เป็นวัดรามัญที่มีอายุเก่าแก่กว่า 200 ปี แต่ก่อนทรุดโทรมมาก จน ร.5 ท่านเสด็จฯมาพระราชทานผ้าพระกฐิน ทรงโปรดให้บูรณปฏิสังขรณ์ใหม่ พร้อมพระราชทานชื่อวัดว่า ปรมัยยิกาวาส ซึ่งก็มาจาก บรม + อัยยิกา + อาวาส ตามชื่อของพระเจ้าบรมอัยยิกาเธอกรมสมเด็จพระสุดารัตนราชประยูร ซึ่งเป็นผู้ดูแลพระองค์มาตั้งแต่ยังทรงพระเยาว์

 

ที่วัดปรมัยยิกาวาส มีหอไทยนิทัศน์พิพิธภัณฑ์เครื่องปั้นดินเผาและพิพิธภัณฑ์ ร.5 พวกเราเดินชมรอบๆ ชั้นล่างซึ่งเป็นพิพิธภัณฑ์เครื่องปั้นดินเผาก่อน...คงไม่ต้องบรรยายความงดงาม และลวดลายอันอ่อนช้อยวิจิตรบรรจงบนเครื่องปั้นดินเผาบนเกาะเกร็ดแห่งนี้

 

   

 

 

ชั้นบนเป็นพิพิธภัณพ์แสดงของโบราณ มีหลายอย่างที่หาดูได้ยาก น่าเสียดายที่ห้องจัดแสดงไม่กว้างขวาง ทำให้การจัดวางของดูแน่น ถ้ามีบริเวณมากกว่านี้ ของที่รวมกันอยู่ในห้องๆ เดียว คงสามารถจัดแสดงได้หลายห้อง เป็นพิพิธภัณฑ์ที่เก็บรวมรวมเรื่องราวอดีตได้ดีทีเดียว เดินไปพลางจินตนาการถึงพื้นที่กว้างๆ ที่สามารถจัดแสดงสิ่งของต่างๆ รวมทั้งอยากให้มีคำอธิบายที่มาที่ไป และเรื่องราวอันสัมพันธ์กับสิ่งที่วางอยู่ตรงหน้า อยากรู้ว่าถ้าให้สิ่งของโบราณพูดได้ เค้าอยากจะบอกอะไรกับเราบ้าง

 

 

     

 

เค้าว่ากันว่าวัสดุที่ใช้ตกแต่งพระอุโบสถของวัดปรมัยยิกาวาสนำเข้าจากอิตาลีกันเลยทีเดียว เป็นศิลปะยุโรปที่นิยมในสมัยรัชกาลที่ 5 เดินรอบๆ บริเวณวัด เหมือนเดินเที่ยวในยุโรปเลย อิอิ

 

 

 

 

ถึงแม้ว่าศิลปะของวัดจะเป็นแบบยุโรป แต่ที่นี่ก็ยังรักษาธรรมเนียมเดิม มีการสวดมนต์เป็นภาษามอญ และปัจจุบันที่นี่เป็นวัดเดียวที่ยังเก็บรักษาพระไตรปิฏกภาษามอญไว้

 

 

 

 

พระประธานในพระอุโบสถเป็นพระปางมารวิชัยซึ่งพระพักตร์ดูงดงามแปลกตา จะว่าไปพระพักตร์ท่านก็ช่างคล้ายมนุษย์ที่มีชีวิตจริงๆ เวลาที่ก้มลงกราบ รู้สึกราวกับท่านมองดูเราอยู่ พระประธานนี้เป็นฝีพระหัตถ์ของพระองค์เจ้าประดิษฐานวรการ ผู้ที่สร้างพระสยามเทวาธิราช ด้านหลังพระอุโบสถ มีพระมหารามัญเจดีย์สีขาวโดดเด่น จำลองแบบมาจากเจดีย์ชเวดากอง ของพม่า

 

เดินถัดจากพระมหารามัญเจดีย์ ผ่านกุฎิของวัด ข้าพเจ้าสะดุดตากับสีสันของผ้าที่ตากไว้...ดูเหมือนงานศิลปะที่มีการไล่โทนสีอ่อนแก่ ตัดกับท้องสดใสซึ่งเป็นฉากหลังแถมมีกิ่งไม้แห้งประดับ ข้าพเจ้าอดใจไม่ไหว ขอกดชัตเตอร์เก็บเป็นที่ระลึกเสียหน่อย

 

 

 

 

เดินเถลไถลได้ไม่นาน ก็มาถึงวิหารพระพุทธไสยาสน์ ด้านหน้าวิหาร เป็นที่ประดิษฐานพระพุทธรูปหินอ่อนสีขาวแบบรามัญ ปางมารวิชัย ซึ่งพระปฏิมากรซานซิวซูน ทูลเกล้าฯ ถวายพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว

 

 

 

พระพุทธรูปหน้าพระวิหารดูแปลกตาต่างจากที่เคยพบ

 

 

 

 

โดยรอบระเบียงยังมีพระพุทธรูปปางสมาธิรายล้อม เค้าว่ากันว่ามีจำนวน 46 องค์ (ข้าพเจ้าก็ไม่ทันได้นับเสียด้วย ว่า 46 องค์จริงๆ หรือเปล่า)
 

 

 

ด้านในประดิษฐานพระพุทธไสยาสน์ ดูไปดูมาเหมือนท่านนอนมองลวดลายบนเพดานวิหาร ดูเพลิดเพลิน...แต่ก็นะลวดลายบนเพดานก็แสนจะสวยงาม ดูแล้วเพลินตาทีเดียว ข้าพเจ้าเองยังนั่งมองดูอยู่นานกว่าจะละสายตามาได้ 555

 

 

 

 

เดินมาตามทางเดินเรื่อยก็พบกับ "วัดฉิมพลีสุทธาวาส" ซึ่งเป็นวัดเก่าแก่ตั้งแต่สมัยอยุธยา ตอนที่ไปวัดกำลังบูรณะซ่อมแซม ทางเข้ามีการเตือนภัยล่วงหน้าว่าศีรษะอาจจะคนกับคานก็เป็นได้ มีป้ายเตือนให้เห็นชัดเจน ประตูทางเข้าสีแดงสดใส ชักชวนให้เข้าไปชมภายใน หน้าโบสถ์มีตุ๊กตาจีนสองตัวยืนเฝ้าอยู่ เค้าว่ากันว่าครั้งหนึ่งเคยถูกขโมยใส่ลังไป แต่เกิดปาฏิหาริย์ให้ลังแตก จนสามารถจับขโมยได้ ไม่รู้จริงเท็จแค่ไหน แต่ที่แน่ๆ ข้าพเจ้ารู้สึกว่า ตุ๊กตาจีนอารมณ์ดียิ้มแย้ม แต่หน้าตาดูเจ้าเล่ห์ทันคนดีทีเดียว

 

 

          

 

 เสาเตือนสติ....น่าจะอ่านได้ว่า สติ ความ ระลึก

  

 

 

 

พระอุโบสถวัดฉิมพลีนี้สวยงามมาก ลวดลายบนประตูทางเข้าพระอุโบสถอ่อนช้อยมีชีวิตชีวา ด้านในโบสถ์มีขันน้ำมนต์ตั้งเอาไว้แต่ไม่ยักกะมีพระ...ข้าพเจ้าเลยขอประพรมน้ำมนต์ให้ตัวเองเพื่อเป็นสิริมงคล ไม่รู้เดี๋ยวนี้เค้ามี self-service หรือเปล่า...

 

 

 

 

ใบเซียมซีติดไว้ที่ผนังโบสถ์ (ประหยัดกระดาษดี)และสลักไว้ปิดหน้าต่าง ถือเป็นของใหม่สำหรับข้าพเจ้า เพราะไม่เคยเห็นมาก่อน จะว่าไปก็เหมือนกลอนหน้าต่างสมัยโบราณ

 

 

 

กล่องทำบุญ รู้สึกว่ามีมากมายเกินไป...ทำไมต้องแยกมากมายขนาดนี้ด้วยนะ

 

มองไปด้านข้างของพระอุโบสถ มีเรือพร้อมพระเจดีย์ ๓ องค์ ที่ตามคติมอญเชื่อว่าสร้างเพื่อรำลึกถึงครั้งพระโสณะและพระอุตตระนำพุทธศาสนาเข้ามาเผยแพร่ เจดีย์บนเรือมีความหมายถึงพระพุทธ พระธรรม และพระสงฆ์ วัดมอญโดยทั่วไปมักมีเรือพร้อมพระเจดีย์อยู่ แต่พังลงตามกาลเวลา เหลือให้ชมแต่ที่วัดฉิมพลีสุทธาวาสแห่งนี้เท่านั้น น่าเสียดายที่รอบบริเวณวัดมีน้ำท่วม ข้าพเจ้าจึงไม่สามารถเก็บบันทึกภาพความงดงามมาแบ่งปันได้ 

 

 

 

 

ระหว่างทางเป็นหมู่บ้าน มีสินค้าเล็กๆ น้อยๆ ขาย เดินผ่านร้านที่เหมือนเจาะกำแพงเข้าไป เป็นเพียงช่องเล็กๆ แต่ก็สามารถวางขายสินค้าได้ สินค้าที่วางขายชวนให้นึกถึงสมัยเมื่อยังเด็กที่ชอบเดินไปซื้อขนมยังร้านขนมหน้าปากซอย มีขนมห่อละบาทสองบาท หรือแพงสุดก็ห้าบาท แต่เดี๋ยวนี้หาไม่ค่อยจะมีแล้ว...เดินผ่านตุ๊กตาเก่าๆ ดูหลอนๆ จนต้องเหลียวหลังกลับไปดูอีกครั้ง ก็พบกับคำว่า "มุมขี้เมา"...ข้าพเจ้าชอบมุมขี้เมามากๆ วางตุ๊กตาไว้ดูรกๆ หากแต่ดูแนวๆ มีศิลปะดี...นี่ขนาดไม่ใช่คนขี้เมายังชอบ ไม่รู้ว่าขี้เมาตัวจริงจะชอบมุมนี้หรือเปล่า อิอิ

 

 

 

 

 

แมวอ้วนนอนขี้เซา ไม่แคร์สายตาใคร...^O^

 

 

เดินถัดมานิดเดียวก็เจออีกวัดคือ วัดป่าเลไลย์ แต่ตอนนี้เป็นแหล่งเลี้ยงไก่ชนไปซะแล้ว วัดชำรุดทรุดโทรมมาก บริเวณรอบๆ วัดถูกปล่อยให้รกร้างอย่างน่าเสียดายและน่าเศร้าใจ หน้าพระอุโบสถมีพระพุทธรูปปางเลไลย์ มีช้างกับลิงหมอบเฝ้าถวายอ้อยและน้ำผึ้งอยู่ พระพุทธรูปปางนี้ข้าพเจ้าเพิ่งจะเคยเห็นครั้งแรก ดูน่าสนใจดี กลับมาเลยขอค้นที่มาเสียหน่อย ได้ความว่า..

 

"พระพุทธรูปปางมาจากพุทธประวัติตอนที่พระพุทธเจ้าเสด็จปลีกออกไปอยู่ป่าเพียงพระองค์เดียว เพราะคงจะทรงรำคาญสงฆ์สาวก ที่มีเรื่องระหองระแหงกันด้วยเหตุเล็ก ๆ น้อย ๆ แล้วทรงปรามอย่างไรก็ไม่ฟัง ระหว่างที่อยู่ในป่ามีช้างและลิงมาคอยอุปัฏฐากพระพุทธองค์ นำน้ำนำอาหารมาถวาย ก็เลยเป็นที่มาของพระพุทธรูปปางนี้"

 

 

 

 

ขนาดท่านหนีมาปลีกวิเวก ยังมีคนมาเลี้ยงไก่รอบๆ สร้างความรำคาญ (พระพุทธรูปท่านคงไม่รำคาญหรอก คงจะมีแต่ข้าพเจ้าเท่านั้นล่ะมั้งที่รู้สึกรำคาญ 555)...แต่ถึงกระนั้น พระพักตร์ก็ยังเปี่ยมด้วยรอยยิ้มแห่งความเมตตา ^v^
To be continue...

 

 

หมายเลขบันทึก: 408420เขียนเมื่อ 14 พฤศจิกายน 2010 23:01 น. ()แก้ไขเมื่อ 23 มิถุนายน 2012 17:45 น. ()สัญญาอนุญาต: ครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-อนุญาตแบบเดียวกันจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (25)

สวัสดีครับ

แวะมาเยี่ยมคุณหมอศิลปินครับ

ผมอยู่ใกล้แค่นี้ ผ่านไปผ่านมาแถวนั้นต้ังหลายรอบแล้ว ยังไปไม่ถึงซะที

อ่านบันทึกหมอดาวแล้วคิดว่าต้องพาเฌวาไปเร็ว ๆ นี้

อยากไปแวะเยี่ยม "มุมขี้เมา" ด้วยครับ ฮิ ฮิ....

Ico32 สวัสดีค่ะพี่หนานเกียรติ

แหม ยกย่องให้เป็นคุณหมอศิลปินเชียวเหรอคะ

ดาวเป็นแค่พวกชีพจรลงเท้า ชอบเที่ยวค่ะ 555

เกาะเกร็ดน่าไปค่ะ...มีสถานที่น่าสนใจหลายแห่ง

เรียกว่า... ไปที่เดียว เที่ยวได้ทั้งวัน...แถมมีของกินเยอะแยะ อิอิ

แล่นรถผ่าน แล่นเรือผ่าน เห็นเจดีย์หอเอนปิซ่ามาโดยตลอด ไม่เคยมีวาสนาได้ไปเยือนสักครา คงต้องไปให้ได้แล้วครับ งามจริง

สวัสดีค่ะ

มาชมความงดงาม

มาขอที่อยู่ทางไปรษณีย์ด้วยค่ะ

ขอบคุณล่วงหน้านะคะ

  • น้องดาวครับ
  • ชอบบริการนี้
  • ด้านในโบสถ์มีขันน้ำมนต์ตั้งเอาไว้แต่ไม่ยักกะมีพระ...ข้าพเจ้าเลยขอประพรมน้ำมนต์ให้ตัวเองเพื่อเป็นสิริมงคล ไม่รู้เดี๋ยวนี้เค้ามี self-service หรือเปล่า...
  • ทีแรกพี่ก็งง งงเหมือนกัน
  • ฮ่าๆๆ
  • เสียดายวัดป่าเลไลย์เหมือนกัน
  • ถ้าได้เข้าไปดูในโบสถ์ก็ดีนะซิเพราะเขาบอกว่าภาพเขียนสีในโบสถ์สวยมากๆๆ
  • เอหรือว่าเราจะไปเที่ยวกันใหม่ ฮา
  • คงได้อ่านอีกหลายตอน
  • เย้ๆๆๆ

เพิ่งสังเกตจากรูปถ่ายว่า มีรูปปั้นวัว ตัวเล็กๆๆ อยู่ทางขาซ้ายของช้างด้วย สงสัยมีคนมาถวาย...

*ตามมาอ่านต่อค่ะ...คุณหนุ่มคนที่เที่ยวด้วยกันยังไม่หมดข้อข้องใจ..ในการไปจนอยากกลับไปใหม่อีกนะคะ..cheer !!

*พี่มีงานกฐินบุญของธนาคารที่วัดอโปสถาราม จังหวัดอุทัยธานีมาฝากค่ะ..

Ico32 สวัสดีค่ะครูหยุย

สงสัยภาระกิจรัดตัวจนไม่ค่อยได้มีเวลาไปเที่ยวล่ะมั้งคะ อิอิ

สำหรับดาวน่ะ เรื่องเที่ยวเรื่องใหญ่ค่ะ ต่อให้ยุ่งแค่ไหนก็หาเวลาไปเที่ยวให้จงได้ 555

ถ้าครูหยุยไปยลโฉมเกาะเกร็ด ต้องชอบแน่ๆ เลยล่ะค่ะ

Ico32 สวัสดีค่ะพี่ตุ๊กตา

พี่ตุ๊กตาสบายดีนะคะ...คิดถึงเสมอค่ะ

เดี๋ยวส่งที่อยู่ให้นะคะ ^v^

Ico32 พี่แอ๊ด

น่าเสียดายวัดป่าเลไลย์เหมือนกันค่ะ...แต่ก็ไม่กล้าเดินเข้าไป

ดูรกร้างมากๆ ไม่รู้ข้างในจะมีงูหรือเปล่า

บันทึกตอนต่อไปขอค้างไว้ก่อนนะคะ...ใกล้จะจบการเดินทางแล้ว อิอิ

 

Ico32 ขอบคุณที่เข้ามาอ่านต่อนะคะพี่ใหญ่...

ตอนแรกนึกไม่ออกจะเขียนอะไรในบันทึกดี แต่เขียนไปเขียนมาได้สองตอนแล้ว555

คาดว่าจะจบการเดินทางรอบเกาะในตอนที่สามเนี่ยแหล่ะค่ะ

แต่ต้องขอเวลาหน่อย ช่วงนี้ยุ่งๆ อยู่กับหนังสือหนังหาน่ะค่ะ หนังสือเรียนกองท่วมหัวแล้ว...อ่านไม่ทัน ^^!

ไว้มีเวลาว่างจะรีบมาเขียนบันทึกต่อนะคะ

ปล. วัดอุโปสถาราม บรรยากาศดีจัง อนุโมทนาบุญด้วยค่ะ

แอบตามท่านอาจารย์ขจิตมาเงียบ ๆ

คุณหมอ blue_star อย่าไปหลงคารมนะครับ อิ อิ

ตาม อ.Wasawat Deemarn เข้ามา

ขำก๊ากจนแทบตกเก้าอี้... ฮิ ฮิ...

  • น้องดาว
  • ดูอาจารย์ was กับพี่หนานเกียรติ แซวๆ

Ico32สวัสดีค่ะอาจารย์

ขนาดแอบตามเข้ามาเงียบๆ.... ท่านอาจารย์ขจิตยังอุตส่าห์รู้จนได้นะคะ 555

Ico32 พี่หนานเกียรติ

อ่านคอมเม้นท์ของอาจารย์ Wasawat กับพี่หนานเกียรติแล้ว ขำก๊ากเลยค่ะ

ขอบคุณนะคะที่ช่วยเตือน 5555

Ico32 โอ้โห...ขนาดเค้าพากันแอบตามมาเงียบๆ ยังอุตส่าห์รู้นะคะ

สมเป็นคนหูตากว้างไกลจริงๆ อิอิ

สวัสดีค่ะหมอดาว

อยู่ใกล้แค่นี้แต่บุญยังไม่ถึงสักครั้งเลยค่ะ...ต้องขอชมคุณหมอแล้วล่ะว่าบรรยายยอดเยี่ยมมากจนทำให้คนอ่านอยากไปชมสักครั้ง..และที่สำคัญฝีมือถ่ายภาพพัฒนาได้สุดยอดมากๆค่ะ

Ico32 สวัสดีค่ะพี่กระแต

ขอบคุณมากนะคะสำหรับคำชม ^_^

เผอิญว่าดาวเป็นคนชอบท่องเที่ยว แล้วก็อยากให้คนอื่นๆ ไปเที่ยวด้วยกันค่ะ

ทุกครั้งที่ก้าวเท้าออกเดินทาง มีสิ่งใหม่ๆ ให้เรียนรู้อยู่เสมอ... 

  • มาบันทึกนี้ได้เตือนสติ

 

  • ขอบคุณหมอดาวที่แบ่งปัน

Ico32 ด้วยความยินดีค่ะ

ดาวเองก็ชอบเสาเตือนสติต้นนี้เหมือนกันค่ะ ^V^

น้องดาวจ๋า ชอบมากมาย โดยเฉพาะมุมผ้าจีวรปลิวไสว ไกลๆ ฉากหลังกิ่งไม้แห้ง จ๊าบสุดๆ ค่ะ ชอบๆ ฉายานี้ใช่เลย คุณหมอศิลปิน :)

Ico32 พี่ปูขา

ภาพผ้าหลากโทนสี ตัดกับสีของกุฏิดาวเห็นแล้วแบบว่าต้องกดชัตเตอร์เลยค่ะ....เป็นภาพที่ดาวชอบมากๆ ^v^

เดินผ่านไปจนต้องเหลียวกลับมามองพร้อมบันทึกภาพ แบบว่า มุมนี้ อารมณ์นี้แหล่ะ ใช่เลย!!! 

มาชมภาพ ใช่เลย ๆ จริงๆ ค่ะน้องหมอศิลปิน ใช่เลย ชอบตรงกัน

มุมนี้ก็แดงได้ใจแบบงานจีนค่ะ เอาดอกไม้มาเป็นระแนงตรงหน้าบันเอ้ย จั่ว แจ่มค่ะ :)

.. งานเยอะไหม เรียนหนักบ่ ขอส่งกำลังใจ จ้า

Ico32 งานเยอะเป็นปกติค่ะพี่ปู

ช่วงนี้เลยไม่ค่อยได้เที่ยว 555

ภาพประตูแดงนี้สีสดใสได้ใจจริงๆ ค่ะ เข้ากับดอกไม้น่ารักๆ ที่หน้าจั่ว ^v^

นี่ขนาดว่ายังบูรณะซ่อมแซมไม่เสร็จนะคะ ถ้าเสร็จแล้วคงจะแจ่มกว่านี้อีก

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท