เมื่อสองสามวันก่อนดิฉันได้รับการร้องขอความช่วยเหลือ...
แต่เนื่องด้วยว่า..ขณะนั้นอยู่ยโสธร... จึงติดต่อไปที่ เพื่อน และรุ่นพี่ทางจิตวิทยาที่เป็นเครือข่ายการทำงาน... แต่ไม่สามารถติดต่อใครได้
ทันทีนั้นเอง นึกถึงพี่ติ๋ว... แม้ว่าพี่ติ๋วจะไม่ใช่นักจิตวิทยา ไม่ใช่พยาบาลจิตเวช แต่พี่ติ๋ว..เป็นบุคคลที่ผลุดขึ้นมาในห้วงความคิดว่า...พี่ติ๋วจะสามารถช่วยดิฉันได้ ทันทีที่นึกได้กดโทรศัพท์หาพี่ติ๋ว เพื่อให้ช่วยหาข้อมูลว่าจะทำอย่างไรดีที่จะแจ้ง...คนไปช่วยเหลือ “บุคคล” หนึ่งที่เขากำลังเผชิญความทุกข์อย่างแสนสาหัส และคิดทำร้ายตัวเองจนถึงขั้นฆ่าตัวตาย... ทันที “พี่ติ๋ว”ช่วยคิด ช่วยหาข้อมูล -------> จากนั้นดิฉันรีบแจ้งต่อน้องเพื่อประสานและรีบให้การช่วยเหลือ “บุคคล” ดังกล่าว...
ขอบคุณพี่ติ๋ว...และทีมวิสัญญี มข. ...ขอบคุณ GotoKnow… ขอบคุณเครือข่าย
................................................................................
รูปแบบการเผชิญปัญหาแต่ละบุคคลมีรูปแบบที่แตกต่างกัน
และโดยส่วนใหญ่นั้น มักเป็นรูปแบบหรือทางออกที่ไม่เหมาะสมแทบทั้งสิ้น และเป็นการแก้ปัญหาที่ไม่ตรงจุด ตรงปัญหา หากแต่เป็นเพียงความพยายามที่จะถ่ายโอนตัวเองออกจากปัญหา และนี่เป็นเพียงรูปแบบการออกจากปัญหาอย่างชั่วคราวเท่านั้น
สภาวะที่รู้สึก บีบคั้นในจิตใจ...
บางคนยึดผู้อื่นเป็นที่พึ่ง
บางคนยึดอารมณ์ โกรธ โมโห โวยวาย เป็นที่พึ่ง
บางคนยึดอารมณ์...เศร้า หดหู่เป็นพี่พึ่ง..
บางคนยึดวัตถุ สิ่งของ และการจับจ่ายเป็นที่พึ่ง...
จิปาถะ...แห่งการหาทางออก
สำหรับบุคล...ที่ใช้กระบวนการทางปัญญา..นั้นมี แต่อาจจะเป็นเพียงกลุ่มเล็ก..ๆ.. และหากพิจารณาแล้ว การเรียนรู้ต่อกระบวนการแก้ปัญหาที่เหมาะสมนั้น ปัญญาที่เกิดมาจากการเรียนรู้และการสั่งสม ... ต่อการแก้บททดสอบต่างๆ ที่ผ่านมาในชีวิต
แต่สำหรับเด็กและวัยรุ่น...ที่จะเติบโตเป็นผู้ใหญ่ในวันข้างหน้านั้น ...
เป็นเรื่องที่น่าเป็นห่วงเพราะเด็กและวัยรุ่นในปัจจุบันนั้น ปลูกฝังอยู่เรื่องเดียวเป็นส่วนใหญ่ คือ การเรียน และความสบาย... เด็กขาดการโอกาสการเรียนรู้ในมิติเชิงกระบวนการ ต่อการเผชิญความทุกข์ในรูปแบบที่เหมาะสม เด็กมักถูกป้อนข้อมูล และการปกป้อง รวมไปถึง...การเป็นผู้ถูกซึมซับ “ความทุกข์ในใจ”...จากผู้ใหญ่...
สำหรับ “ราย”ที่ร้องขอความช่วยเหลือนี้ เป็นเด็กที่จัดว่าอยู่ในกลุ่มวัยรุ่นตอนปลาย ...
แต่รูปแบบการเผชิญหน้าต่อปัญหา (ความทุกข์ในใจ) นั้นเด็กรายนี้ทำได้ไม่ดี และไม่มีตัวแบบ พร้อมผู้ชี้แนะที่ถูกต้อง --------> ซึ่งก็คือ กระบวนการทางปัญญา...ที่ใส่รหัสทางปัญญาเข้าไป ให้เด็กเรียนรู้ต่อการเผชิญต่อสิ่งที่ผ่านเข้ามาสัมผัสสัมพันธ์... แง่มุมของเด็กเรียนรู้แต่เพียงความสุขสบายทางกาย และรูปธรรมเสียเป็นส่วนใหญ่...
เมื่อเข้าสู่กระบวนการบำบัดรักษา...
ถ้าหากว่าเด็กได้พบกับผู้บำบัดที่เบ็ดเสร็จ...--------> เบ็ดเสร็จในที่นี่หมายถึงมองมนุษย์... ลึกไม่มากเท่าระดับในจิตใจที่ยากหยั่งถึง ก็ยากที่จะช่วยเหลือได้อย่างแท้จริง ได้ก็เพียงแต่การประคับประคอง เฉพาะหน้า และการใช้ยาบำบัดภายใต้ฐานความคิดความเชื่อในเรื่อง “สื่อประสาทที่ไม่สมดุล”....
แต่ความยั่งยืน...ต่อการช่วยเหลือเด็ก...
ให้สามารถคืนกับสู่สังคม และการดำรงอยู่ด้วยจิตทีเข้มแข็งนี้... เป็นโจทย์ที่ยากสำหรับบุคคลที่ทำงานให้การช่วยเหลือทางด้านจิตใจ เพราะส่วนใหญ่เราไปติดกับทางทฤษฎีมากเกินไป... แนวคิดทฤษฎี... เป็นเพียงกุญแจบอกทาง... หากแต่คำตอบ.. ที่ตรงจุดตรงเป้ามากที่สุด คือ “จิต”... สภาวะแห่งจิตที่เกิดและเป็นไป ... อันผลักดันให้บุคคลเรานี้คิด พูดและกระทำ...
หากเราเข้าสู่... “สภาวะจิต” ที่แท้.... เราจะเข้าใจเหตุ...แห่งการเกิด และหาแนวทางช่วยเหลือบุคคลได้ และวางได้เมื่อถึงเวลา...
...............................................................................................