ฤา กรุงเทพฯ จะหายไปจากแผนที่โลก


ฤา กรุงเทพฯ จะหายไปจากแผนที่โลก

ฤา กรุงเทพฯ จะหายไปจากแผนที่โลก

without comments

กรุงเทพฯ เคยเผชิญกับน้ำท่วมใหญ่มาหลายครั้ง ผู้ใหญ่อาจจะนึกถึง เหตุการณ์เมื่อปี 2485 ที่น้ำท่วมนานกว่า 3 เดือนในสถานที่และถนนสายสำคัญๆในกรุงเทพฯ เช่น บริเวณลานพระบรมรูปทรงม้า ถนนราชดำเนิน อนุสาวรีย์ประชาธิปไตย
หรือถ้าเด็กลงมาหน่อย ถ้ายังพอจะจำได้ กับเหตุการณ์น้ำท่วมใหญ่ในปี 2526 และ 2538 และแม้กระทั่งเหตุการณ์หลังสุดเมื่อ 2549

ล่าสุดมาปี 2551 กับคนเจเนอเรชั่นนี้กับข่าวที่ ดร. สมิทธ ธรรมสโรช ประธานกรรมการอำนวยการเตือนภัยพิบัติแห่งชาติเตือน ชาวกรุงเทพฯและจังหวัดใกล้แนวอ่าวไทยเสี่ยงเจอพายุซัดฝั่ง Storm Surge แถมพื้นดินกำลังทรุดตัวทำให้มีความเป็นไปได้ที่จะจมอยู่ใต้น้ำ

การออกมาเตือนของนักเตือนระดับประเทศเช่นนี้ มันทำให้หลายคนนึกถึงคำทำนายของบรรดาโหราจารย์มากกว่า 1 คนที่ต่างระบุไว้ว่า ภายในระหว่างเดือนสิงหาคม ไปจนถึงเดือนพฤศจิกายน มีเกณฑ์ที่กรุงเทพฯจะเจอกับภัยอุทกภัยซึ่งถือว่าเป็นวิฤกตครั้งใหญ่ ของกรุงเทพฯ

ข้อมูลทั้งหลายนี้ทำให้เรื่องน้ำท่วมกรุงเทพฯ เป็นประเด็นที่ถูกขยาย และยกเป็นเรื่องราวในหัวข้อสนทนาพลันกระหึ่มดังขึ้น

ไม่มีใครล่วงรู้อนาคต !! แต่ถ้าเรื่องบังเอิญมาบรรจบเหมาะแบบนี้ คำถามมีอยู่ว่า

กรุงเทพฯ เรามีความพร้อมแค่ไหนกับการรับวิกฤตน้ำท่วมกรุงเทพฯ ใหญ่ที่ไม่ธรรมดาในปีนี้

********************************************************************

ดร.สมิทธ ธรรมสโรช
กรุงเทพฯ จะจมอยู่ใต้บาดาล

7 ปีก่อน ดร.สมิทธ ธรรมสโรช ออกมาเตือนเรื่องปีศาจร้าย “สึนามิ” มฤตยูคลื่นยักษ์ แต่แล้วก็ไม่มีใครเชื่อ ถัดจากนั้นไม่กี่ปี “สึนามิ” ก็มาตามนัด พร้อมซัดคนที่คุณรักไปมากมาย

และเมื่อไม่ถึง 1 เดือนดี ข่าวน่ากลัวคล้ายๆ แบบนี้ปรากฎหราอยู่บนหน้า นสพ. โดย Mr. Smith ก็ออกมาสร้างความครึกโครมกับข่าวที่คนเมืองต้องสะดุ้งโหยงอีกครั้ง วันนี้เราพาไปถามทุกประเด็นถึงความจริงของวิกฤตที่น่าสะพรึงกลัวที่ว่า ที่สุดแล้วนอกจากเราจะถามหาคำตอบว่ามันจะเป็นจริงได้มาก-น้อยแค่ไหน…? ในฐานะคนเมืองผู้ประสบเหตุโดยตรง ถ้าสมมติคนเมืองจะต้องจมอยู่ใต้น้ำจริงๆ เรามีวิธีรับมือกับมันเช่นไร..? ในสภาวะ “มิคสัญญี” จากธรรมชาติโหดๆ เช่นนี้

วันนี้ ภาพรวมสถานการณ์สิ่งแวดล้อมโลกเลวร้ายมาก-น้อยเท่าไหร่ เมื่อเทียบกับตอนที่ “อัลกอร์” นำข้อมูลมาปลุกคนผ่าน “An Inconvenient Truth…?”

ภาพรวมผมไม่ทราบ แต่ปัญหา Greenhouse Effect (ปรากฏการณ์เรือนกระจก) มันวิกฤตเรื่อยๆ ครับ

สห ประชาชาติเคยระบุว่าอีก 8-10 ปี เมื่อน้ำแข็งขั้วโลกละลายเพราะภาวะโลกร้อนแล้วจะมีเมืองหลวงใหญ่ๆ จมน้ำ 26 เมือง โดย กทม.คือหนึ่งในนั้น

ใช่ครับ…เพราะพอน้ำแข็งขั้วโลกเหนือละลายมากๆ แล้ว มันจะส่งผลให้เกิดน้ำท่วม เกิดพายุรุนแรง เกิดโรคภัยมากมาย ซึ่งแน่นอนว่าเวลานั้นไม่เพียงแต่ไทยประเทศส่วนใหญ่ก็หนีไปไหนไม่พ้น สิ่งที่พูดดูเหมือนจะไกลออกไป แต่ผมบอกได้เลยครับว่าอย่าเพิ่งวางใจมาก เพราะอีกไม่กี่เดือน จากข้อมูลทำให้น่าเชื่อได้ว่า น้ำจะท่วม “กรุงเทพฯ-ปริมณฑล” ท่วมหนักมากครับ เพราะในเดือน ส.ค.-ต.ค. จะมีมรสุม “พายุหมุนเขตร้อน” ผ่านเข้ามาบ้านเราหลายลูก ถึงเวลานั้นระดับน้ำก็จะเพิ่มขึ้นมหาศาลซัดเข้ามาในกรุงเทพฯ อันนี้เป็นผลกระทบมาจากภาวะโลกร้อนที่คุณพูดโดยตรง

พูดกันตามเปอร์เซ็นต์คิดว่ามีปัจจุบันอะไรบ้างที่จะทำให้กรุงเทพฯ ต้องจมอยู่ใต้บาดาลแบบที่ Doctor ออกมาให้ข่าวหน้า 1

จากการศึกษาผมพบว่าภัยพิบัติที่จะกระทบ กทม.-ปริมณฑลมีอยู่ 2 ประเภท โดยภัยที่ร้ายแรงก็คือภัยที่เกิดจากแผ่นดินไหว ซึ่งภัยชนิดนี้มีผลกระทบต่อมนุษย์จำนวนมาก ปัจจุบันเรามีรอยเลื่อนที่มีพลังอยู่ 13 รอย และหลังจากเกิด “สึนามิ” มันเพิ่มมากขึ้น ทั้งนี้การเกิดรอยร้าวดังกล่าวทำให้อาคารที่โครงสร้างไม่แข็งแรงอาจจะถล่มลง มาได้ และ กทม.อาจได้รับผลกระทบโดยตรงจากรอยเลื่อน 2 รอย คือ รอยเลื่อนศรีสวัสดิ์-รอยเลื่อนเจดีย์สามองค์ หากเกิดแผ่นดินไหวซ้ำขึ้นมาอีก เชื่อว่าจะส่งผลให้เขื่อนศรีนครินทร์และเขื่อนวชิราลงกรณแตก และทำให้น้ำปริมาณกว่า 17 ล้านลูกบาศก์เมตร ไหลทะลักเข้าสู่ จ.ราชบุรี จ.นครปฐม และ กทม. ทำให้อาคารที่สูงไม่เกิน 6 ชั้นพังทลายลงมา แต่ก็น่าเสียดายที่พอผมบอกข้อมูลไปหลายๆ คนไม่เพียงไม่เชื่อ ปัจจุบันผมไปบรรยายทุกๆ วันที่แทบไม่ได้ว่างเลย ผมก็บอกเขา ส่วนใหญ่ไม่เพียงไม่เชื่อ ยังด่า อย่างพวกผู้ประกอบการเขาบอกว่า ผมพูดแล้วให้ทำธุรกิจท่องเที่ยวธุรกิจเขาเจ๊ง…! ไม่เป็นไรครับ แต่อย่าลืมว่าผมเคยเตือนเรื่อง “สึนามิ” นั้น ก็ไม่มีคนเชื่อ แล้วเป็นยังไงคนตายเท่าไหร่

ตอน ที่ Doctor เตือนเรื่อง “สึนามิ” แล้วไม่มีคนเชื่อ ถ้าครั้งนี้ Doctor ถูกอีก มันน่าจะเป็นการซ้ำประวัติศาสตร์ที่น่าเศร้ามากอีกครั้งหนึ่ง…?

ไม่รู้ครับ…แต่ถามว่าเสียใจไหม จะไปเสียใจอย่างไรได้เขาด่ากันทุกคืน มันด้านซะแล้ว ผมก็ได้แต่เตือน คนไหนเชื่อก็เชื่อ ไม่เชื่อก็ไม่เป็นไร เราทำตามหน้าที่

ถ้าเราเชื่อตามข้อมูลนี้ ข้อมูลที่ว่า กรุงเทพฯ จะจมอยู่ใต้น้ำ คนกรุงฯ ควรจะเตรียมตัวยังไง

ก็ดูว่าคุณอยู่ตรงไหน เช่นถ้าอยู่ในกรุงเทพฯ-ปริมณฑล คุณก็หนีไปก่อนมันจะเกิดซิ อย่างเช่นไปอยู่กับญาติ-พี่-น้อง ไปอยู่ที่สูงๆ อย่าง โคราช เชียงใหม่ เชียงราย เป็นต้น หนีขึ้นไปก่อน ถ้าคุณไม่มีที่หนี คุณก็ทำคันกั้นน้ำก็พออยู่ได้…มั้ง…! โดยเฉพาะพวกอยู่ริมแม่น้ำเจ้า หรืออยู่ริมแม่น้ำต่างๆ นี่อันตรายมาก อย่างฝนตกที่ จ.น่าน น้ำทางภาคเหนือมันจะไหลมาเสริมให้แม่น้ำในกรุงเทพฯ ทำให้น้ำทะลักสูงขึ้นมากๆ โดยเฉพาะเดือน ส.ค.-ต.ค.จะหนักกว่านี้มาก ซึ่งผมเห็นแล้วน่ากลัวครับ

ถึงวันนั้นเราจะจมอยู่ใต้บาดาลแบบในภาพยนตร์ “Holly Wood” ไหม…?

ถ้าคุณไม่ทำเขื่อนกั้นที่แม่น้ำเจ้าพระยากรุงเทพฯ ก็ไม่น่าหนีไปไหนได้ ซึ่งถ้าเป็นแบบที่คิดกันจริงๆ ผมคิดว่าเราจะเสียหายการตายก็น่าจะเกิดขึ้นมากมาย อย่างมโหฬารไม่เพียงคนไม่พร้อม เมืองที่เราอยู่ก็ยังไม่พร้อม ซึ่งวันนี้ก็อาจจะเป็นแค่เราเมืองเดียว เพราะทั้ง “สิงคโปร์” “จากาตาร์” “ฮานอย” “ไซ่ง่อน” เมืองที่สหประชาชาติระบุเขาก็โดนเหมือนกัน แต่ตอนนี้เขาเตรียมตัวทำเขื่อนเอาไว้หมดแล้ว เหลือแต่เราที่ยังทำเฉยๆ

ขนาด “Doctor Smith” คนที่เคยเตือนเรื่องปีศาจร้ายชื่อ “สึนามิ”…? ออกเคาะปีบตั้งแต่เนิ่นๆ ภาครัฐสละหูมาฟังข้อมูลอันน่ากลัวจากปาก

ผมไม่เห็นมีใครเขาสนใจผมเลย ดีแล้วที่เขาไม่สนใจ กทม.ก็รู้แต่ก็ไม่มาทำเขื่อนอะไรเลย เอาปัญญาที่ไหนมาทำ เพราะมันต้องเป็นนโยบายระดับชาติ ไม่ใช่ของเล็ก-น้อยๆ เพราะเขื่อนมันจะต้องยาวกว่า 100 กม.มันต้องทำเขื่อนปิดปาก “แม่น้ำบางปะกง” “แม่น้ำเจ้าพระยา” “แม่น้ำท่าจีน” และ “แม่น้ำแม่กลอง” ทำกั้นทั้ง 4 ปากแม่น้ำ เพื่อปิดไม่ให้น้ำมันทะลักเข้ามา ต้องมีประตูระบายน้ำต้องมีอะไรเยอะแยะ ก็น่าจะใช้เวลาอย่างน้อย 5 ปี เพราะระยะทางมันก็เกือบร้อยกิโลฯ วันนั้นผมพูดออกทีวีแล้วก็ไม่มีใครเชื่อ บอกเขาก็หัวเราะยาะ กทม.ก็ทราบ คือสิ่งที่ผมอยากบอกคือ ผมเตือนไป ก็ไม่ต้องเชื่อหรอก ให้เขาใช้วิจารณญาณดูว่ามันจะเกิดหรือไม่ ไม่ใช่ผมเตือนไปมันจะเกิดทุกอย่าง แต่ก็อยากให้เตรียมตัวรองรับวิกฤตเอาไว้

ณ วันนี้ถ้าจะลุกขึ้นมาป้องกัน ทำเขื่อน ทำระบบระบายน้ำ ทำระบบป้องกันภัย ยังทันไหม

ทันครับ (ตอบเร็ว) แต่ขอให้เริ่มต้นเถอะ ยังทัน

*********************************************************

2 ช่วง กรุงเทพฯ ควรระวัง!!

17-20 สิงหาคม 2551
ดาวอาทิตย์ เสาร์ พุธ ศุกร์ เกตุ รวมตัวอยู่ในราศีสิงห์ ส่วนดาวอังคารซึ่งเป็นดาวตัวแทนดวงเมืองบางกอกเดินเข้ามุมอับ ต้องระวัง

17-20 กันยายน 2551
ดาวอาทิตย์ อังคาร พุธ ศุกร์ โคจรเข้ามุมอับ เกตุและราหู ทำมุมฉากกับดวงเมือง เสาร์กับพฤหัสฯ ทำมุมจตุโกณกับดวงเมืองบางกอก การโคจรของดาวลักษณะนี้บ่งบอกถึงภัยพิบัติครั้งใหญ่ ของไทย และหมู่เกาะแปซิฟิก

หมายเหตุ - ดวงบางกอก เป็นดวงของกรุงเทพมหานครเท่านั้น

เมื่อนักทำนายประสานเสียง”ทัก”

หมอโสรัจจะ นวลอยู่

สิงหาคม - ปลายเดือนตึกรามบ้านช่องที่อยู่อาศัยอาจถล่มทลาย จากแผ่นดินทรุดตัวหลายแห่งกันยายน – มีผู้เสียชีวิตหลายร้อยคน กรุงเทพฯ ต้องจมอยู่ใต้บาดาลเป็นเวลายาวนาน การจราจรเป็นอัมพาต ปลายเดือนพายุโซนร้อนผ่านภาคกลาง และตอนใต้ของประเทศอีก สร้างความเสียหายไปทั่ว ถนน สะพาน ทางรถไฟ เขื่อนกักเก็บน้ำขนาดใหญ่ และสาธารณูปโภคถูกทำลายสิ้น

ตุลาคม – น้ำก็ยังท่วมไปทั่วประเทศ ระดับน้ำสูงขึ้นเรื่อยๆ กรุงเทพฯล่ม เป็นที่น่าทุกขเวทนายิ่ง

พฤศจิกายน – กรุงเทพฯจะเกิดน้ำท่วมใหญ่ สถานที่สำคัญเสียหายหนัก , น้ำแข็งขั้วโลกละลายทำให้เกิดน้ำสูงขึ้น ทำให้เกาะบางเกาะอาจจมหายไป รวมถึงเกาะเล็กเกาะน้อยในเมืองไทยด้วย เป็นภัยพิบัติครั้งใหญ่ของโลก

อ. พัฒนา พัฒนศิริ
ปี 2551 ประเทศไทยอาจจะมีฝน ไม่น้อยกว่าปีที่ผ่านมา โดยเฉพาะหน้าฝนจะมาเร็วกว่าปกติ และตกยาวนานจนถึงในฤดูหนาว ไม่ต้องกลัวว่า น้ำจะพร่องเขื่อน เพราะมีโอกาสที่น้ำจะล้นเขื่อน ต้องผันน้ำกันจ้าละหวั่นมากกว่าปีก่อน

ดร. กัญจีรา กาญจนเกตุ
ภายใน 3 -6 เดือนข้างหน้า ไทยจะพบกับภัยพิบัติธรรมชาติอย่างรุนแรง จะเกิดน้ำท่วม น้ำป่าไหลหลาก แผ่นดินทรุด กรุงเทพฯน้ำจะท่วม แผ่นดินไหว ภาคใต้จะเกิดคลื่นพายุหนัก โดยภัยธรรมชาติจะเกิดขึ้น 3 ช่วงคือ 1. วันที่ 26-27 ก.ค., 2. วันที่ 17-18 ส.ค., 3. ช่วงรอยต่อของวันที่ 23 ต.ค. – 7 พ.ย. ซึ่งจะเหมือนกับเหตุการณ์ที่เคยเกิดที่กระทูน อ. พิปูน จ. นครศรีธรรมราช แต่ครั้งนี้จะเกิดขึ้นที่ภาคเหนือ จะมีน้ำป่าไหลหลากรุนแรง ภูเขาเกิดแตกโดยเฉพาพะที่ น่าน แพร่ และที่อ. เถิน เพราะมีการขุดการเจาะภูเขาทำเหมืองกันมาก

**********************************************

กรุงเทพฯ หายไปจากแผนที่โลก
อ.โสรัจจะ นวลอยู่
พูดถึงเรื่อง “ปี 51 กรุงเทพฯ จะจมอยู่ใต้น้ำ” แล้วหลายคนคิดถึงคำทำนายของ อ.โสรัจจะ นวลอยู่ หมอดูการเมืองชื่อดัง ที่เคยทำนายดวงชะตาบ้านเมืองไว้ถูกต้องมากมาย (และไม่ถูกก็มีบ้าง เช่น บอกว่า นายประชัย เลี่ยวไพรัตน์จะเป็นนายกรัฐมนตรี)

ไม่ว่าจะเป็นเรื่องราวของ พ.ต.ท. ทักษิณ ชินวัตรจะโดนคดีความต่างๆ ล่าสุดกับคำทำนายของเขาในหมวดภัยพิบัติ หากไม่นับที่เขาทายว่าเมืองไทยจะมีหิมะตกในเมืองไทยที่ทายแม่นเหมือนจับวาง (ข่าวจาก นสพ.ประชาชาติธุรกิจ ฉบับวันที่ 28-30เม.ย. 51) กับคำทำนายอันน่าประหวั่นพรั่นพรึงที่น่าสนใจ จากหนังสือศาสตร์แห่งโหร สำนักพิมพ์มติชน ระบุว่า

“ปี 51 กรุงเทพฯ บางส่วนเริ่มถูกน้ำทะเลท่วมเข้ามาถึง อาจจะจมน้ำหายไปและจะเป็นเช่นนี้ต่อเนื่องไปอีกหลายปี และอาจจะจมหายไปจากแผนที่โลก” วันนี้เราพาไปถอดรหัสคำทำนายของ อ.โสรัจจะ นวลอยู่ว่าแท้จริงทายเอามัน หรือ ทายเอาแม่น กันแน่

คำทำนายว่าน้ำจะท่วมกรุงเทพฯ จะท่วมเดือนไหน และจะหนักหนาแค่ไหน

น้ำจะท่วมประมาณเดือนตุลาคม-พฤศจิกายน ในปีนี้ค่อนข้างหนัก เกิดจากพายุกลายเป็นอุทกภัย ซึ่งอาจจะคล้ายๆ กับเหตุการณ์นาร์กีสของพม่าเลยทีเดียว แต่จะท่วมอยู่ไม่นาน สิ่งที่น่าเป็นห่วงคือกรุงเทพฯ อีก 5 ปีข้างหน้า จะเกิดปัญหาจากน้ำอย่างหนัก ทั้งพายุ โลกร้อนส่งผลให้น้ำทะเลหนุนเอ่อท่วมกรุงเทพฯ

มีพื้นที่ในกรุงเทพฯ ไหนบ้างที่ได้รับผลกระทบ
พื้นที่บริเวณริมแม่น้ำเจ้าพระยาได้รับความเดือดร้อน รวมไปถึงพื้นที่บริเวณกรุงเทพฯ ด้านในด้วย

และในพื้นที่อื่นๆ นอกจากกรุงเทพฯ ล่ะ
ปีนี้ถ้าน้ำท่วมก็มีหลายแห่งตั้งแต่ทางเหนือไล่ลงมาจะเกิดน้ำป่าไหล หลากหนักกว่าทุกปีแล้วจะเข้ามาท่วมกรุงเทพฯ บวกกับพายุที่เข้ามาด้วยซึ่งอาจจะเข้ามาทั้งสองทางทั้งฝั่งอันดามันและอ่าวไทยและมีความรุนแรง

แปลว่าปีนี้น้ำจะมาก
ใช่ ปีนี้เรื่องน้ำมาแรงมาก เรื่องสึนามิก็มีสิทธิ์เกิดขึ้นได้อีก จากนี้ไป 5 ปีข้างหน้าประเทศไทยมีโอกาสเกิดสึนามิบ่อยขึ้น ส่วนปีหน้านั้นต้นปีน้ำจะแล้ง แล้งมากจนส่งผลต่อการเพาะปลูกเสียหาย อากาศแปรปรวนเกิดโรคระบาด แต่ปลายปีหน้าน้ำจะมากกว่าปีนี้ ปีนี้ถือว่ามาเตือนให้เราระวัง ปีหน้าน้ำมากและน่ากลัวกว่าปีนี้แน่

ชื่อที่ขึ้นต้นด้วยอักษรตัวใดควรระวังเรื่องภัยทางน้ำในปีนี้บ้าง
ชื่อที่มีตัวอักษร ก, ท, อ ขึ้นต้นควระวังเรื่องอุบัติภัยทางน้ำ

ตามคำทำนายว่าน้ำจะท่วมโลก อาจารย์ว่าจะเกิดขึ้นจริงหรือไม่
ก็มีสิทธิ์เกิดขึ้นได้เพราะดวงชะตาในภายภาคหน้าทั้งโลกและกรุงเทพฯ ต้องเผชิญกับอุบัติภัยทางน้ำครั้งยิ่งใหญ่

ถึงขนาดเรียกว่าวันสิ้นโลกได้เลยหรือเปล่า
ตามธรรมชาติทุกสิ่งมีเกิดและมีดับเป็นเรื่องธรรมดา โลกมีเกิดก็ต้องมีวันสูญสลายแต่ก็ไม่ใช่ปีสองปีนี้แน่นอน มันอาจจะไม่แตกสลายเป็นจุณแต่จะเกิดภัยพิบัติต่างๆ เกิดน้ำท่วม เกิดภัยสงคราม เกิดการขาดแคลนอาหาร ทำให้คนล้มตายจำนวนมาก แต่เราก็อย่าเพิ่งไปกลัวจนเกินเหตุ ถึงขนาดไม่ทำอะไรแล้ว คำทำนายเหล่านี้เตือนให้เราระวัง ตระหนัก และให้เราทำความดีเพราะความดีจะเป็นสิ่งที่คุ้มตัวเราเอง

************************************
สัญญา ชีนิมิต
เชื่อเรื่องน้ำท่วม 0.005%

หลังจากได้มีนักวิชาการและนักเตือนภัยระดับประเทศ อย่าง สมิทธ ธรรมสโรช และหมอดูออกมาประสานเสียงทักว่าปีนี้กรุงเทพฯ ของเรา จะเกิดวิกฤตน้ำท่วมใหญ่ ซึ่งจะสร้างความเสียหายแต่การคาดการณ์เหล่านี้ก็ต้องมาหาข้อเท็จจริงหรือ ความเป็นไปได้ว่า กรุงเทพฯ จะอยู่ใต้บาดาลจริงหรือไม่นั้น…? เรานำความหนักใจไปสอบถามผู้มีหน้าที่รับผิดชอบ โดยมีนายสัญญา ชีนิมิต รองผู้อำนวยการสำนักระบายน้ำจะเป็นคนชี้แจงเรื่องทั้งหมด

หลังจากที่ได้ประชุมกับหน่วยงานต่างๆ ที่มีส่วนเกี่ยวข้องในการแก้ปัญหาน้ำท่วมและลงพื้นที่สำรวจตามเขตต่างๆ ที่เป็นจุดเสี่ยงอาจเกิดน้ำท่วมได้อย่างฉับพลันซึ่งส่วนใหญ่จะติดอยู่ริมแม่น้ำเจ้าพระยา

“ถามว่ามันจะมีโอกาสที่กรุงเทพฯ จะต้องจมอยู่ใต้บาดาลนั้นได้หรือไม่ ตามข้อมูลทั้งหมดที่เรามีผมเชื่อว่ามีเพียง 0.005% เท่านั้นที่กรุงเทพฯ จะประสบภัยแบบน้ำท่วมมหาศาลแบบที่เราจินตนาการครับ”

รอง ผอ.สำนักระบายน้ำ อธิบายว่า เพราะที่ผ่านมาได้เกิดเหตุการณ์น้ำท่วมใหญ่ที่สุดเมื่อปี 2504 ในเดือน พ.ค.ซึ่งการเกิดคลื่นขนาดใหญ่ (STORM SURGE) พัดเข้าสู่ กทม.จากทางทิศใต้และมุ่งสู่ทิศเหนือ โดยลักษณะของน้ำท่วมที่เปรียบเสมือนกรุงเทพฯจมอยู่ใต้บาดาลเคยเกิดขึ้นเพียง ครั้งเดียวเท่านั้น”

อย่างไรก็ดี ปัจจัยที่ทำให้เกิดน้ำท่วมนั้นมีสาเหตุที่เกิดจากธรรมชาติ และสภาพทางกายภาพ เขาบอกว่า ก็ได้แก่ ภัยจากธรรมชาติที่เกิดจากน้ำฝน น้ำทุ่ง น้ำเหนือ น้ำทะเลหนุน และระดับน้ำในแม่น้ำเจ้าพระยา

“โดยระดับน้ำในแม่น้ำเจ้าพระยาสามารถบ่งชี้ได้ว่ากรุงเทพฯ จะเกิดน้ำท่วมมากน้อยเพียงใด ส่วนใหญ่ระดับน้ำขึ้นน้ำลงในแม่น้ำเจ้าพระยามีผลมาจากน้ำเหนือที่มีปริมาณ มากและน้ำทะเลหนุนสูงมีช่วงเวลาสัมพันธ์กัน ในเดือนตุลาคมและพฤศจิกายน เป็นเหตุให้ระดับน้ำในแม่น้ำเจ้าพระยาสูงกว่าปกติมาก

เขายกตัวอย่างเช่น ในปี พ.ศ. 2526, พ.ศ. 2538, พ.ศ. 2539, พ.ศ. 2545 และ ปี พ.ศ.2549 โดยมีค่าระดับสูงสุดวัดจากระดับน้ำที่ปากคลองตลาด ได้สูงถึง 2.27 เมตรเหนือระดับน้ำทะเลปานกลาง

“ส่วนทางด้านกายภาพเกิดจากปัญหาผังเมืองปัญหาระบบระบายน้ำ และปัญหาแผ่นดินทรุดซึ่งปัญหานี้น่าเป็นห่วงที่สุดเพราะในปัจจุบันมีสิ่ง ปลูกสร้างขึ้นมาเป็นดอกเห็ด เป็นสาเหตุที่ทำให้ระบบป้องกันน้ำท่วม และระบายน้ำที่ทำไปแล้ว และที่จะทำอีกในอนาคตประสบความล้มเหลว

“ในเรื่องตึกถล่มที่หลายคนกลัวอยู่นั้น ผมว่าไม่น่าเกิดแต่อย่างไรก็ควรไปสอบถามทางสำนักการโยธาฯ ของกรุงเทพฯดูอีกทีว่าตึกในกรุงเทพฯ จะปลอดภัย 100% หรือไม่”

นอกจากนี้ รองผู้อำนวยการสำนักระบายน้ำ ยังได้พูดถึงแผนปฏิบัติการรับมือน้ำท่วม กทม. ว่าทางหน่วยงานเรามีการติดตามความเคลื่อนไหวของพายุที่จะเข้ามาในประเทศ โดยศูนย์ควบคุมระบบป้องกันน้ำท่วมกรุงเทพฯ ได้ทำการติดตามสภาพอากาศจากเรดาร์ และประสานกับกรมอุตุนิยมวิทยา และกรมชลประทานตลอดเวลา และยังมีการเตรียมความพร้อมในเรื่องการตรวจสอบความพร้อมของเครื่องสูบน้ำ เตรียมวัสดุอุปกรณ์ในการแก้ไขปัญหาน้ำท่วมให้พร้อม เตรียมสนับสนุนหน่วยบรรเทาสาธารณภัย เตรียมแก้ไขปัญหากรณีไฟฟ้าขัดข้อง และยังมีการแจ้งเตือนประชาชนโดยผ่านทางเครือข่ายวิทยุสื่อสาร และสื่อมวลชนทั้งสิ่งพิมพ์ วิทยุ โทรทัศน์ และดู

ทั้งนี้ เขากล่าวทิ้งท้ายว่า อย่าเพิ่งตื่นตระหนกกับข่าวทั้งหมด โดยสามารถติดตามรายละเอียดความเคลื่อนไหว การเตือนภัยทั้งหมดเพิ่มเติมได้ที่เว็บไซต์ www.bangkok.go.th
จำลองสถานการณ์กรณีฝนตกในกรุงเทพฯ ทั่วบริเวณ ตลอด 24 ชม. ทางสำนักระบายน้ำ

โดยนายสัญญา ชีนิมิต รอง ผอ. ได้สมมติเหตุการณ์กรณีฝนตกหนักในระดับความรุนแรง กล่าวคือ ตั้งแต่ 60-200 มม. ตกหนักไปทั่วบริเวณ กทม. โดยใช้แบบจำลองทางคณิตศาสตร์พบว่า กรณีที่รุนแรงที่สุด คือฝนตก 200 มม. ซึ่งเป็นสถิติย้อนหลังไป 57 ปีพบว่าฝนที่เคยตกสูงสุด 24 ชม. ซึ่งเกิดเมื่อปี 2530 มีปริมาณฝนเพียง 156.7 มม.

ทั้งนี้ จากปริมาณน้ำฝนดังกล่าวจะทำให้เกิดน้ำท่วมสูงทั่วไปประมาณ 10- 30 ซม. จะท่วมสูงประมาณ 40-60 ซม.บริเวณถนนสุขุมวิทช่วงสี่แยกบางนา และถ้าเกิดเหตุการณ์นี้ขึ้นจริงๆ ทางสำนักการระบายน้ำยังมีการวางมาตการกันไว้ว่าจะต้องแก้ปัญหาน้ำท่วมให้ได้ ภายใน 48 ชม.

เขากำลังจะบอกเราว่า สำนักระบายน้ำสังกัด กทม.เอาอยู่ครับ
ข้อมูลการคาดการณ์ปริมาณน้ำในเดือนสิงหาคม – ตุลาคม 2551 ของสำนักงานระบายน้ำ สังกัด กทม.

- เดือนสิงหาคม  ปริมาณฝน 196.7 มม.
- เดือนกันยายน ปริมาณฝน 344.2 มม. (เดือนกันยายนเป็นเดือนที่เกิดผนตกมากที่สุด มีโอกาสเสี่ยงที่จะเกิดน้ำท่วม)
- เดือนตุลาคม   ปริมาณฝน 241.6 มม.

 

 

 

ขอบคุณ บทความดีๆ จาก ผู้จัดการออนไลน์

คำสำคัญ (Tags): #ddddd
หมายเลขบันทึก: 202737เขียนเมื่อ 22 สิงหาคม 2008 18:34 น. ()แก้ไขเมื่อ 11 มิถุนายน 2012 19:49 น. ()สัญญาอนุญาต: จำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (2)

ผมว่าย้ายเมืองหลวงง่ายกว่าไหม แถว ลพบุรี สระบุรี เป็นราชธานีสำรอง ไม่ได้ให้ย้ายไปหมดเพียงแต่ ลดความแออัดในกทม ลดความเป็น เอกนครลง เพราะทุวันนี้มันทั้งแออัด ทั้งต่ำด้วย สร้างเขื่อนเชื่อเถอะเหมือนตำน้ำพริกละลายแม่น้ำ หาเมืองสำรองดีกว่าเยอะ ย้ายสถานที่มหาวิทยาลัย สำคับไปที่โน้นบ้างก็ยังได้ ที่นี่มันแน่นเกินเหตุ

ลืมบอกอีกเรื่องคัฟ หาก แถวๆตั้งแต่ นครสวรค์ ถึง อยุธยาโดยเฉพาะอยุธยาสามารถกั้นน้ำไม่ให้ท่วมพื้นที่ทั้งหมดได้นะคัฟ กรุงเทพไม่ต้องพูดถึงเลย ตายอย่างเดียว เพราะน้ำที่ท่วมอยุธยาและโบราณสถานนั้นช่วยกรุงเทพได้เยอะ หากกั้นน้ำไว้ได้จิงๆอยุธยาก็เก่งเหลือหลาย และกรุงเทพ ก็ตายเหมือนกัน สยามสแควร์ได้ลุยน้ำช๊อปปิ้งแน่นอนอันนี้คือความจิง

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท