หลักฐาน “ธรรมกาย” ในคัมภีร์ ตอนที่ 2
ขยายความหลักฐานธรรมกาย โดย พระมหาสมเกียรติ วรยโส (ป.ธ.๙)
พระบาลีสูตรที่ ๒ เกี่ยวกับธรรมกาย ปรากฎใน พระสูตรขุททกนิกาย อปทาน มหาปชาบดีโคตมีเถริยาปทาน ที่ ๗ ฉบับสยามรัฐ เล่ม ๓๓ ข้อ ๑๕๗ หน้า ๒๘๔ ว่าอหํ สุคต เต มาตา ตุวํ ธีรา ปิตา มม
สทฺธมฺมสุขโท นาถ ตยา ชาตมฺหิ โคตม ฯ
สํวทฺธิโตยํ สุคต รูปกาโย มยา ตว
อานนฺทิโย ธมฺมกาโย มม สํวทฺธิโต ตยา ฯ
มุหุตฺตํ ตณฺหาสมนํ ขีรํ ตฺวํ ปายิโต มยา
ตยาหํ สนฺตมจฺจนฺตํ ธมฺมขีรมฺปิ ปายิตา
พนฺธนารกฺขเน มยฺหํ อนโณ ตฺวํ มหามุเน
ปตฺตกามิตฺถิโย ยาจํ ลภนฺติ ตาทิสํ สุตํ ฯข้าแต่พระสุคตเจ้า หม่อมฉันเป็นมารดาของพระองค์ ข้าแต่พระธีรเจ้า พระองค์เป็นพระบิดาของหม่อมฉัน ข้าแต่พระโลกนาถ พระองค์เป็นผู้ประทานความสุขอันเกิดจากพระสัทธรรมให้หม่อมฉัน ข้าแต่พระโคดม หม่อมฉันเป็นผู้อันพระองค์ให้เกิด ข้าแต่พระสุคตเจ้า รูปกายของพระองค์นี้ อันหม่อมฉันทำให้เจริญเติบโต ธรรมกาย อันน่าเพลิดเพลินของหม่อมฉัน อันพระองค์ทำให้เจริญเติบโตแล้ว หม่อมฉันให้พระองค์ดูดดื่มน้ำนมอันระงับเสียได้ซึ่งความอยากชั่วครู่ แม้น้ำนม คือพระสัทธรรมอันสงบระงับล่วงส่วน พระองค์ก็ให้หม่อมฉันดูดดื่มแล้ว ข้าแต่พระมุนี ในการผูกมัดและรักษา พระองค์ชื่อว่า มิได้เป็นหนี้หม่อมฉัน หม่อมฉันได้ฟังมาว่า สตรีทั้งหลายผู้ปรารถนาบุตร บวงสรวงอยู่ ก็ย่อมจะได้ บุตรเช่นนั้น (แปลเป็นไทย ฉบับมหามกุฏฯ เล่ม ๗๒ หน้า ๕๔๒)
ในคาถานั้นข้าพเจ้าจะอธิบายความตามนัยแห่งพระสูตรและของครูธรรมกายทั้งหลาย เฉพาะคำที่ควรอธิบายดังต่อไปนี้
คำว่า "เป็นมารดา" ได้แก่ เป็นมารดาในวัฏฏะ อธิบายว่า หม่อมฉันเป็นมารดาเลี้ยงดูพระองค์ให้เจริญเติบโตในวัฏฏสงสารอันประกอบด้วยความทุกข์และความโศกพิไรรำพันอันเหล่าสัตว์พากันเพลิดเพลินอยู่ด้วยอำนาจกิเลสทั้งหลาย
คำว่า "เป็นพระบิดา" ได้แก่ เป็นบิดาในวิวัฏฏะ อธิบายว่า พระองค์เป็นบิดาของหม่อมฉันในวิวัฏฏะคือพระนิพพาน คือให้หม่อมฉันข้ามพ้นวัฏสงสารอันประกอบด้วยทุกข์ไปสู่พระนิพพานอันเป็นภูมิสถานมีความสุขโดยส่วนเดียว
แท้จริง พระอริยสาวกผู้เข้าถึงธรรม (ธรรมกาย) ตั้งแต่โสดาบันเป็นต้นไป ย่อมทูลเรียกพระผู้มีพระภาคเจ้าโดยสนิทสนมว่า "บิดาของเรา" หรือกล่าวว่า "เราเป็นบุตร เป็นโอรสผู้เกิดจากธรรม (ธรรมกาย)" แม้พระผู้มีภาคเจ้าก็ตรัสเรียกพระอริยสาวกผู้เข้าถึงธรรมแล้วว่า "บุตรของเราธิดาของเรา"
คำว่า "เป็นผู้อันพระองค์ให้เกิดแล้ว" อธิบายว่า หม่อมฉันเป็นผู้อันพระองค์ให้อุบัติโดยธรรม คือ ธรรมกาย ในโลกุตรภูมิ
คำว่า "รูปกาย" อธิบายว่า กายอันประกอบด้วยมหาภูตรูป ๔ อันมีใจครอง มีมารดาบิดาเป็นแดนเกิด ของพระองค์นี้ อันหม่อมฉันให้เจริญเติบโตขึ้นด้วยข้าวสุกและขนมสดอย่างดี มีความไม่เที่ยงเป็นธรรมดา
คำว่า "ของพระองค์" คือ เฉพาะของพระองค์อันวิจิตรดีลักษณะมหาบุรุษ ๓๒ และอนุพยัญชนะ ๘๐ ประการ อันเกิดมีด้วยบุญกรรมที่พระองค์สั่งสมมาดีแล้วตลอด ๔ อสงไขยแสนกัลป์
คำว่า "ธรรมกาย" ได้แก่ กายตรัสรู้ธรรมอันเป็นโลกุตร ประกอบด้วยธรรมขันธ์อันบริสุทธิ์ล้วน มีความเที่ยงแท้ยั่งยืนเป็นธรรมดา เพราะเว้นจากขันธ์ ๕ มีรูปขันธ์เป็นต้น อันไม่บริสุทธิ์
คำว่า "น่าเพลิดเพลิน" อธิบายว่า ธรรมกาย นำความสุขมาให้โดยส่วนเดียวแก่หม่อมฉันผู้เข้าถึงและเห็นอยู่ หรือ ชื่อว่า "น่าเพลิดเพลิน" เพราะเป็นกายที่วิจิตรรุ่งเรืองด้วยบารมีธรรมอันหม่อมฉันสั่งสมไว้ดีแล้วตลอดแสนกัลป์ อนึ่ง ชื่อว่า "น่าเพลินเพลิน" เพราะเป็นกายที่วิจิตรงดงามด้วยลักษณะมหาบุรุษ ๓๒ อนุพยัญชนะ ๘๐ ประการ อันใสบริสุทธิ์ดุจแก้วมณี ย่อมนำมาซึ่งความเพลิดเพลินยินดีแก่หม่อมฉันผู้เข้าถึงและเห็นอยู่ เหมือนรูปกายของพระสัมพุทธเจ้าทั้งหลายซึ่งวิจิตรงดงามด้วยลักษณะมหาบุรุษ ๓๒ ประการเป็นต้น อันถึงพร้อมด้วยบุญลักษณะนับด้วยร้อยย่อมเป็นที่เพลิดเพลินเจริญนัยน์ตาของชาวโลกผู้แลดูอยู่ไม่รู้จักเบื่อหน่ายฉะนั้นฯ
คำว่า "อันพระองค์ทำให้เจริญเติบโตแล้ว" อธิบายว่า อันพระองค์ทรงประกาศอริยมรรคมีองค์ ๘ อันประเสริฐ อันเป็นเหตุให้เห็นแจ้งในอริยสัจ ๔ แก่หม่อมฉันผู้ปฏิบัติตามอยู่ ชื่อว่า ทรงยังธรรมกายของหม่อมฉันให้เติบโตแล้ว ฉะนั้นฯ
ไม่มีความเห็น