จากครั้งก่อน (คลิกที่นี้) เจ้าปายาสิปล่อยหมัดตรงไปยังพระกุมารกัสสปเพื่อให้จำนนด้วยเหตุผล แต่พระเถระก็แก้โดยเปรียบเทียบว่าท้าวเธอโง่งมประดุจหญิงหม้ายที่ใช้มีดผ่าท้องตัวเองเพื่อจะดูว่าลูกในครรภ์เป็นชายหรือไม่เพื่อจะได้มรดก...
เมื่อมองตามหลักตรรกศาสตร์ ผู้เขียนคิดว่า ท้าวเธออาจพิจารณาแล้วว่าไม่อาจชนะพระเถระได้โดยเหตุผล ดังนั้น ท้าวเธอจึงกลับมาใช้หลักฐานเชิงประจักษ์ที่พระองค์เคยพิสูจน์มาดังพระดำรัสว่า...
วิธีการทดลองของเจ้าปายาสิน่าสนใจ เพราะแม้ปัจจุบันนี้นักวิทยาศาสตร์ก็ยังคงมีการทดลองทำนองนี้อยู่ เพียงแต่รายละเอียดปลีกย่อยเท่านั้นที่เพิ่มขึ้น...
พระกุมารกัสสปะ ฟังแล้วจึงย้อนถามท้าวเธอว่า...
เจ้าปายาสิตรัสว่า...
พระเถระจึงทูลถามต่อว่า...
ท้าวเธอตรัสว่า...
พระเถระทูลถามว่า...
ท้าวเธอตรัสตอบว่า...
พระเถระครั้นสดับอย่างนั้นแล้ว จึงได้โอกาสเปรียบเทียบให้ท้าวเธอฟังว่า...
นั่นคือ คนเราเมื่อนอนหลับฝันไปนั้น อาจไปเห็นที่โน้นที่นี้ในความฝัน แต่คนใกล้ชิดนั้น ไม่อาจทราบได้ว่าเราไปเห็นได้อย่างไร (คล้ายๆ กับจิตวิญญาณที่ล่องลอยเข้าออกเข้าออกในความฝัน ไม่มีใครสามารถเห็นได้) นับประสาอะไรกับจิตวิญญาณของคนที่ตายไปแล้ว.... ประมาณนี้
สรุปว่า การทดลองของเจ้าปายาสิที่มายืนยันความเชื่อของท้าวเธอ ถูกพระกุมารกัสสปคัดค้านตกไป โดยพระเถระนำความฝันมาเป็นข้อหักล้างในเรื่องนี้
อย่างไรก็ตาม ท้าวเธอยังมีการทดลองวิธีอื่นอีกที่จะนำมายืนยันความเชื่อ ซึ่งผู้เขียนจะนำมาเล่าในตอนต่อไป...
นมัสการค่ะ
ในทางศาสนาพุทธเชื่อว่า ตายแล้วไม่สูญ ใช่ไหมคะ ดิฉัก็เชื่อเช่นนั้นค่ะ
กราบ 3 หนค่ะ