เบาหวาน เรื่อง น่ารักๆ ของสุรินทร์ (ภาค 1)
.... จากการคัดกรองของ PCU อรัญญิก ที่เฝ้าติดตามเจาะเลือดสุรินทร์ทุกปี ผลการเจาะเลือด 4 – 5 ปี ที่ผ่านมาปกติ แต่สุรินทร์เป็นกลุ่มเสี่ยงที่เราต้องติดตามทุกปี จนในที่สุดปี 2549 พบ FBS 300 กว่าๆ และสุรินทร์ก็ถูกส่งต่อมาอยู่ในคลินิกเบาหวาน ของเราสุรินทร์ อายุ 46 ปี ประวัติการเจ็บป่วยเป็น Schizophenia ทานยาประจำ เห็นผี+หูแว่ว ทุกวัน สามีก็เป็นเช่นเดียวกัน เช่าบ้านหลังเล็กๆอยู่แบบแออัด อาศัยอยู่กับลูกชาย สะใภ้+หลานอายุ 6 เดือน.........เราจัดให้ สุรินทร์เป็น..กลุ่มผู้ป่วยเรื้อรัง+กลุ่มผู้ด้อยโอกาสในชุมชน ซึ่งโอกาสของกลุ่มดังกล่าวต่อการเข้าถึงบริการสุขภาพค่อนข้างน้อย ต้องการการบริการสุขภาพในทั้งการส่งเสริม ป้องกัน รักษา และฟื้นฟูสภาพ รวมถึงการการดูแลอย่างใกล้ชิด และต่อเนื่อง การรักษาของสุรินทร์ แพทย์พิจารณาให้ยาฉีดมา 3 ครั้งแต่ก็ฉีดไม่ได้มีปัญหาหลายอย่างแต่หลักๆก็เป็นเพราะสุรินทร์ตามัวมองไม่เห็น อ่านหนังสือไม่ออก ในการมาตรวจแต่ละครั้ง ญาติไม่มาด้วย อ้อกำลังหา key person ใครจะมาช่วยดูแล สุรินทร์ และช่วยฉีดยา ในขณะที่ระดับน้ำตาลอยู่ระหว่าง 300-400 mg% ตลอดระยะเวลาที่รอคอยหาตัวช่วย...
เรื่องแบบนี้เป็นเรื่อง จริง ๆ เป็นชีวิตจริง ๆ แต่เรามักไม่ค่อย ได้มีโอกาส หรือหาโอกาส ที่จะรู้จักความจริง
เรื่องนี้ดีมาก ๆ เลยครับ อยากให้มีทีม แบบนี้ ทั่วประเทศไทย อยากให้เล่าให้ฟังแบบนี้บ่อย ๆ
อ่านเรื่อง สุรินทร์ สนุกมากครับ และเศร้ามากด้วย(เพลงใน blog ประกอบมาเป็นระยะ )
วันนี้ที่ ธาตุพนมมีคนไข้ที่เป็นจิตเวช มา Admit ที่ รพ.ครับ ด้วยสาเหตุ ไม่ยอมฉีด insulin มันช่างเหมือน สุรินทร์ ของพิษณุโลกซะเนี่ยกะไร ยิ่งอ่านยิ่งเหมือน มันเหมือน ดูรายการ"วงเวียนชีวิตเลยครับ"
ผมจะเอาเรื่องนี้ให้ทีม เยี่ยมบ้านที่ธาตุพนมอ่าน นะครับ เพราะต้องต่อสู้ปัญหาอย่างท้าทายเช่นกัน
ขอบคุณทีมพุธชินราชครับ
สวัสดีค่ะคุณอ้อและทีมงานทุกคน ตั้งใจจะเข้ามาบอกว่าได้เขียนต้นฉบับหนังสือ "มหัศจรรย์KMเบาหวาน"เสร็จวันนี้เอง ช่วงที่เขียนหนังสือห้องทำงานอย่างกับพายุลง รกมาก เก็บกวาดเสร็จก็เลยอยากมาบอกข่าวดีนี้และขอบคุณในข้อมูล การเล่าเรื่อง เรื่องเล่าที่มีชีวิต ทั้งสะเทือนอารมณ์แต่สร้างรอยยิ้มได้ เป็นวิธีการที่ดีมากๆเลยค่ะ ได้ใช้สิ่งที่ทุกคนเขียนไว้ในบล็อกมากเลยค่ะ
คุณหมออเนกบอกว่าเหมือนวงเวียนชีวิต ปกติพี่จะไม่ชอบดูรายการเศร้าหดหู่แบบนั้นเลย ดูแล้วรู้สึกสังคมช่างคับแค้น ปล่อยผู้คนเหล่านั้นให้จมกองทุกข์ พอเรารู้แล้วช่วยไม่ได้ ก็รู้สึกหดหู่เพราะยังวางอุเบกขาได้ไม่หมด
แต่พี่เองรู้สึกว่าสิ่งที่คุณอ้อและทีมงานถ่ายทอดมันน่าติดตามเพราะ เห็นความเข้าใจ ความเมตตา กรุณาที่ใส่ลงไป อ่านแล้วหัวใจมันชุ่มชื่น เป็นตัวอย่างที่ดี ไม่เพียงเห็นด้วยที่สุดว่าสุรินทร์ น่าเป็น good model วิธีการที่ทีมงานทำก็เป็น good model ในตัวเองอยู่ด้วย
ขอชื่นชมในความทุ่มเทและเป็นกำลังใจให้เสมอนะคะ