สรรพสิ่งล้วนเปลี่ยนแปลง

สรรพสิ่งล้วนเคลื่อนไหว

ในโลกใบสีเขียวสวยๆใบนี้  เป็นที่รวมสรรพสิ่งทั้งที่มีชีวิต และไม่มีชีวิต

ทำไมต้องเคลื่อนไหวและเปลี่ยนแปลง

โลกใบนี้ได้วิวัฒนาการจากเหล่าชีวมวล(biomass)ที่ค่อยๆเปลี่ยนแปลงด้วยเคมี(chemistry )และฟิสิกส์(Physics)

ขบวนการเคลื่อนไหวเปลี่ยนแปลง ก็เกี่ยวเนื่องต่อเงื่อนไขใดๆ เงื่อนไขหนึ่ง หรือหลายๆเงื่อนไข

มวลสารจึงมีการเปลี่ยนแปลงเคลื่อนไหวอย่างต่อเนื่อง อย่างเป็นขบวนการ

ไม่ว่าสิ่งต่างๆเหล่านั้นจะเป็นอะไรก็ตาม

เราจะปฏิเสธไม่ได้เลยว่า สรรพสิ่งหยุดนิ่ง ไม่มีการเคลื่อนไหว

ก้อนหิน ก้อนเหล็ก หรือ ภูเขา แม่น้ำ  ล้วนมีการเปลี่ยนแปลง ตลอดเวลา  ระยะเวลาและเงื่อนไขสู่การเปลี่ยนแปลงเท่านั้นที่จะกำหนดการเปลี่ยนแปลง

เงื่อนไขใดๆเงื่อนไขหนึ่งๆ   พลังงาน การสันดาป การขัดสี  ทางเคมี เป็นต้น  (สรุปประหนึ่งว่าเป็นสิ่งแวดล้อมและคุณสมบัติเฉพาะต่อสรรพสิ่งที่เปลี่ยนแปลง)

การเปลี่ยนแปลงทางประวัติศาสตร์ของโลกก็ไม่พ้นเงื่อนไขเหล่านี้

วงจรชีวิตสัตว์โลก ก็ดำเนินการเปลี่ยนแปลงตลอดเวลาด้วยเงื่อนไขต่างๆด้วยเช่นกัน

จากสิ่งที่หยาบที่สุด จน ถึงละเอียดที่สุด  ก็ล้วนเป็นกระบวนการเปลี่ยนแปลงเดียวกันและต่างๆกัน

ความเปลี่ยนแปลงและเคลื่อนไหว ล้วนสัมพันธ์และขัดแย้ง

คู่ความสัมพันธ์ย่อมขัดแย้งกัน 

สรรพสิ่งเคลื่อนไหวเปลี่ยนแปลงไม่เว้นในมนุษย์

ถ้าเราพูดถึง การเปลี่ยนแปลงในสรรพสิ่งที่ไม่มีชีวิต ย่อมอธิบายได้ไม่ยากนัก เช่น การสึกกร่อนของหินผา  การเปลี่ยนย้ายทางสายน้ำ  เหล็กเป็นสนิม  อากาศร้อน เย็น พายุ แผ่นดินไหว ไฟไหม้  

แต่มนุษย์หรือเรียกว่าคน  ก็ไม่มีการยกเว้น

คนเรา  ถ้าเปลี่ยนแปลง ย่อมมีเงื่อนไขที่หลากหลาย

เปลี่ยนแปลงทางกายภาพ

เปลี่ยนแปลงทางจิต

เปลี่ยนแปลงทางพฤติกรรม

ลักษณะพิเศษของคน ยังสามารถเป็นเงื่อนไขของการเปลี่ยนแปลง  และถูกเปลี่ยนแปลง

แสดงว่า รับ และ ให้  ได้ในขณะเดียวกัน

ภาวะทางสัมผัสทั้ง ห้า   ภาวะทางรับรู้  ล้วนเป็นเงื่อนไขสู่การเปลี่ยนแปลง  และถูกเปลี่ยนแปลง

• เราจะไม่แปลกใจเลยที่บางคนเปลี่ยนไป

• เราจะไม่แปลกใจเลยที่บางคนปรากฏความสำเร็จ  และ  ล้มเหลว

• เราก็จะไม่แปลกใจเลยที่บางคนหาทางเลือกไม่เจอ  และมีพฤติกรรมล้มเหลว

• เราจะเป็นผู้ให้ หรือ ผู้รับ

• เราจะเป็นผู้เปลี่ยนแปลงโลกหรือทำลายโลก

• เราจะเป็นผู้ให้แต่ความรักหรือความเกลียดชัง

• และเราจะไม่แปลกใจเลยที่ใครบางคนทุ่มเทให้กับความรักอย่างไม่มีเหตุผล

แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น  เราก็จะปฏิเสธไม่ได้เลยที่เราจะถูกสิ่งแวดล้อมเปลี่ยนแปลงเราด้วย

และเราจะยอมรับสิ่งแวดล้อมใหม่ๆเหล่านี้ได้หรือไม่ 

สองสิ่งล้วนเปลี่ยนแปลง  ทั้งสิ่งที่อยู่รอบตัวเรา หรือ พฤติกรรมเรา

เราจะยอมรับในด้านบวกหรือด้านลบ

สมควรต้องวิพากษ์ในสิ่งที่เราประสบและย้อนสู่สิ่งรอบข้าง

จะต้องแยกแยะระหว่างผิดและถูกได้มากน้อยแค่ไหน

ทางเลือกของเรามีกี่ช่องทางในการก้าวเดินไปข้างหน้า  และผลกระทบของพฤติกรรมเราที่ก้าวเดินต่อสิ่งรอบด้าน

ผลกระทบของสิ่งแวดล้อมรอบข้างเราจะมองผิดแยกถูกได้อย่างไร

สิ่งต่างๆเงื่อนไขต่างๆล้วนเป็นสาเหตุแห่งการเคลื่อนไหวเปลี่ยนแปลง สู่การรับรู้และพัฒนา สัมพันธ์และขัดแย้ง

โลกร้อน ฝนย่อมตกหนัก น้ำจะท่วมแผ่นดิน มนุษย์จะแย่งชิงผลประโยชน์    ล้วนไม่พ้นจากการนี้

ขอแทรกความเห็นอันหนึ่งของ คุณครูคนหนึ่งที่ให้ความเห็นไว้กับบันทึกที่แล้วของผม (ความคิดเชิงบวก)  ซึ่งเป็นวิสัยทัศน์ของการมองปัญหาและการแก้ปัญหา สรุปคือ  ผลกระทบต่อสิ่งเปลี่ยนแปลง และสู่การเปลี่ยนแปลง  ในเชิงผู้รับ และผู้ให้

7. ครูคิม
เมื่อ จ. 16 มี.ค. 2552 @ 10:27 
   http://gotoknow.org/blog/dol3377/245525#1183737

สวัสดีค่ะ

• การมองโลกในแง่บวกหรือแง่ดีทำให้มีความสุขเพราะไม่เครียดจิตใจไม่ตกต่ำ
• คนแต่ละคนมีความสามารถต่างกัน ทุกคนมีเหตุผลส่วนตัว มีที่ไปที่มาต่างกัน โอกาสของแต่ละคนก็ต่างกันด้วย .....(การมองต่อสิ่งแวดล้อมและการเคลื่อนไหวเปลียนแปลงของเด็ก กระบวนการเติบโตของเด็ก)
• พวกครูก็สมควรที่จะใช้วินัยเชิงบวกกับเด็ก ๆ ไม่ควรใช้ความรู้สึกของผู้ใหญ่ไปวัดพฤติกรรมเด็ก หรือกำหนดให้เด็ก ๆเป็นไปตามที่ครูคาดหวัง  ควรให้โอกาสเด็กมีความคิดเป็นของตัวเองบ้าง
• เมื่อเด็กทำผิด  เพราะเขาเป็นเด็กควรให้โอกาส และควรให้ความช่วยเหลือเจือจุนกันในสังคม แบ่งปันความรัก ความสุข ......(ปรับความเคลื่อนไหวของตัวเองซึ่งเป็นผลต่อการเปลี่ยนแปลงของเด็ก)