เช้าวันศุกร์ที่ 4 กันยายน 2552 เมื่อเราวางงานตรงหน้าลงอย่างเรียบร้อย...น้องหนุ่ย หนิง และหนิงน้อย..และข้าพเจ้าก็มุ่งหน้าไปที่วัดป่าหนองไคร้ เป้าหมายเราคือ เพื่อไปเยี่ยมทอง...
เช้าวันนี้ทอง...ดูดีมาก
ยิ้มอย่างรู้ตัว สดใสกว่าเมื่อวานมาก
ทองยิ้มอย่างเขินอาย และยกมือไหว้ขอบคุณ "หมอหนุ่ย" ที่ไปเจอทองเมื่อวานนี้
หลังจากที่ข้าพเจ้ายื่นนมเปรี้ยวให้น้องๆ ไปแบ่งกัน ระหว่างนั้นทุกคนกำลังทำหน้าที่ตามที่พระอาจารย์ต้อ ท่านแบ่งและมอบหมายการงานให้ทำ ติ่ง รูญ และเปา ก็ยังคงทำแคร่จากไม้ไผ่อยู่เช่นเดิม วันนี้เราได้เห็นผลงานมีหลายชิ้น... ส่วนเด็กๆ คนอื่นๆ ต่างช่วยกันสร้างห้องเรียน สำหรับการศึกษานอกโรงเรียนที่จะมาใช้สถานที่วัดแห่งนี้เป็นแหล่งเรียนรู้
คุณค่า...ที่น้องๆ ที่ผ่านการใช้สารเสพติด ได้รับการกู้ฟื้นชีวิตในระดับจิตวิญญาณ...ด้วยการงาน
มากกว่าที่จะเพ่งมองไปที่การกระทำว่า ... สิ่งที่เขาทำนั้น คือ ความผิด
แปรเปลี่ยนมาเป็น...การหยิบยื่นและแบ่งปันโอกาส...
หลวงปู่สุมน ท่านมีการณ์แห่งการเห็นคุณค่าของการสร้าง...ท่านเมตตาที่จะให้เกิดการพัฒนาวัด แต่การที่วัดพัฒนาอย่างเดียวไม่ได้มีค่ามากเท่ากับการที่ "คน" ได้รับการพัฒนา ท่านจึงมอบหมายให้พระอาจารย์พิทยา หรือพระอาจารย์ต้อ ที่เคยรับใช้เป็นพระเลขาหลวงปู่ มารับผิดชอบการงานนี้...
การงานสร้างคนไปพร้อมกับการสร้างวัด...
ข้าพเจ้ามีโอกาสได้เข้าไปเป็นอาสาสมัครที่จะใช้ความรู้ทางด้านจิตวิทยาให้คำปรึกษา (Psychology of Counseling) เพื่อทดแทนพระคุณพุทธศาสนา และรับใช้เท่าที่แรงแห่งกายและปัญญานี้ของข้าพเจ้ามี
ข้าพเจ้าได้เรียนต่อพระอาจารย์ต้อ...ว่า คือ หน้าที่
หน้าที่ที่ข้าพเจ้าไม่ได้รู้สึกว่าเป็นภาระ
ยิ่งวิถีแห่งการงานได้ทำประโยชน์...และยิ่งเป็นประโยชน์สำหรับผู้คนที่ห่างไกล...ห่างไกลจนแทบจะไม่ได้รับโอกาสนั้น ข้าพเจ้ายินดีที่จะทำการงานนั้น อันเป็นการงานที่ไม่ปรารถนาที่อยากจะได้สิ่งใดใดตอบแทน
วันนี้ก็เช่นกัน...
การที่เราเข้ามาเยี่ยมทอง...เป็นโอกาสที่เราได้หยิบยื่นให้กับตนเอง ต่อการที่จะได้มองทองอย่างลึกซึ้งด้วยความเข้าใจ ...และอย่างน้อยการมาของพี่ๆ นี้อาจช่วยลดความอ้างว้างในใจทองให้น้อยลง เป็นการช่วยให้น้องๆ ได้รู้สึกว่ายังมีผู้คนอีกกลุ่มที่ห่วงใย และปฏิบัติต่อเขาๆ ว่า เขาคือ "มนุษย์"
ทองได้เล่าให้ฟังว่า...
เมื่อวาน (3 กันยายน 2552)หลังจากที่ได้เดินออกจากวัด... มีคนไทยใจดีให้ทองซ้อนท้ายมอเตอร์ไซด์ไปอีกหมู่บ้านหนึ่ง จากนั้นทองก็เดินเท้าต่อจนมีรถกะบะที่วิ่งผ่านมา และได้รับทองเข้าไปในตัวเมืองด้วย...ทองถูกถามว่า คือ ใคร..ทองบอกว่า คือ ช่างก่อสร้าง และจะกลับบ้าน (ขณะพูดทองก็หัวเราะด้วยความเขิลอายและยังบอกว่าไปโกหกเขาอีก)
ก่อนลงจากรถประมาณช่วงเที่ยงๆ...พี่ที่รับทองไปด้วยถามว่ามีเงินไหม...
ทองบอกไม่มีเงิน พี่คนนั้นจึงให้เงินทองไว้ยี่สิบบาท ทองบอกว่าพอลงจากรถแถวกลางใจเมือง ตนเองรู้สึกเคว้ง เหมือนคนหาทางกลับบ้านไม่เจอ ไม่รู้ว่าจะเดินไปทางไหน ได้แต่เดินไปเรื่อยๆ เดินไปเหมือนคนไร้จุดหมาย ...จำทางกลับบ้านไม่ได้
ในหัวนั้น เหมือนโดนบีบคั้น และมีเสียงเหมือนกับบอกให้เดินไปเรื่อย
ทองบอกว่าตนเองรู้สึกถูกกดดันมาก
จนเมื่อเดินผ่านร้านหนึ่ง..ทองได้เข้าไปถามว่า มีทินเนอร์ขายไหม... และตนเองก็ได้มาหนึ่งกระป๋อง...ระหว่างนั้น คาดว่าตนเองจะเมา มารู้ตัวอีกทีก็ค่ำมืดแล้ว ใจนั้นอ้างว้างมาก
จนมาเจอหมอหนุ่ย หรือพี่หนุ่ย...ดีใจมาก
การได้เจอทอง และได้พาทองกลับคืนสู่บารมีแห่งความเมตตาขององค์หลวงปู่และพระอาจารย์ต้อนั้น ถือว่าเป็นโอกาสแห่งชีวิตของทองอีกครั้ง
เรื่องราวของทอง...ทำให้เราได้เห็นความงดงามของความเกื้อกูลที่ปราศจากการลงโทษ แต่หากเป็นการให้โอกาสแทน ... โอกาสที่ทุกคนต่างแสวงหา แม้ว่าจะทำผิดมามากเพียงใดก็ตาม โอกาสแห่งความเข้าใจและนำไปสู่การเยียวยา...เท่านี้แหละก็พอเป็นพลังให้คนเรานั้นได้ก้าวเดิน...เดินไป เพื่อผ่านร้อน ฝน หนาว...อีกครั้งตราบเท่าสิ้นลมหายใจ
____________________________________________________________________________
___________________________________________________________________________________________
ไม่มีความเห็น