การดำเนินงานของทางวัดป่าหนองไคร้นั้นได้มีความสอดคล้องกับงานวิจัยที่มีการนำแนวทางวิถีพุทธมาใช้ในการบำบัดและฟื้นฟูผู้ติดสารเสพติด
ที่ว่ามีการศึกษาวิจัยการนำหลักธรรมทางศาสนามาใช้ในการบำบัดรักษาและฟื้นฟูสมรรถภาพผู้ติดยาเสพติดโดยพบว่า หลักธรรมทางศาสนาเป็นส่วนสำคัญในการสร้างพลังใจ สร้างความหวังใหม่แก่ชีวิต เพิ่มแรงจูงใจ ในระหว่างการบำบัดรักษาฟื้นฟูฯ ได้ตลอดโปรแกรมการฟื้นฟูในรูปแบบการบำบัดรักษาต่างๆ เป็นสิ่งยึดเหนี่ยวไม่ให้กลับไปเสพยาซ้ำและพัฒนาความฉลาดทางอารมณ์ ซึ่งนำไปสู่การพัฒนาทักษะทางสังคมทักษะชีวิตที่สำคัญและจำเป็นในการป้องกันการกลับไปเสพซ้ำ อันเป็นส่วนหนึ่งของเป้าหมายหลักในการบำบัดและฟื้นฟูสมรรถภาพผู้ติดยาเสพติด
การเข้ามารับการบำบัดที่วัดป่าหนองไคร้นั้นจะมี 2 ลักษณะ คือ ด้วยความสมัครใจ และ/หรือถูกบังคับ ในกรณีที่สมัครใจนั้นในบางส่วนมีเข้ามาขอรับการบำบัดโดยที่ไม่ต้องผ่านระบบของสำนักงานคุมประพฤติจังหวัดยโสธร ในส่วนนี้ทางวัดจะทำหน้าที่เก็บข้อมูลและทำทะเบียนเป็นข้อมูลของวัดเอง
ปัจจุบันมีผู้เข้ามารับการบำบัด 127 ราย ผ่าน 119 ราย หลบหนี 8 ราย (ข้อมูลตั้งแต่ สิงหาคม 2550 – สิงหาคม 2552) ในการติดตามและประเมินผลจะแยกเป็นสองส่วน คือ สำนักงานคุมประพฤติออกเยี่ยมและติดตาม และทางวัดโดยพระวิทยากรผู้ดูออกเยี่ยมบ้านและติดตาม ประเมินผล
หลักการสำคัญที่ทางวัดป่าหนองไคร้นำมาใช้ในการบำบัดและฟื้นฟู คือ แนวทางตามหลักมรรคแปด อันเป็นศีล สมาธิ และปัญญา น้อมนำเป็นแนวทางในการเยียวยาและฟื้นฟูสมรรถภาพของผู้ติดสารเสพติดด้วยการเนียนเข้าไปวิถีการทำงาน และการดำเนินชีวิตประจำวัน จากนั้นในแต่ละวันพระวิทยากรผู้ดูแล จะถอดบทเรียนที่แต่ละคนได้เรียนรู้ในแต่ละวัน พร้อมทั้งสอดแทรกองค์ความรู้ให้สอดคล้องและมีความเหมาะสมกับสถานการณ์ เหตุการณ์ และเรื่องราวในแต่ละบุคคล โดยยึดหลักผู้มารับการบำบัดเป็นศูนย์กลางนั่นเอง
ไม่มีความเห็น