จากบทความ ๔๖. ฝึกสติ
หลังจากผม ตั้งสติได้แล้ว ได้พิจารณาโดยรู้เท่าทันถ่องแท้ว่า เหตุที่บุคคลทั้ง 3 ท่าน (ต่อไปผมขอเรียกว่า "ท่านอาจารย์" นะครับ)นี้แสดงมาล้วนแต่เพื่อเตือนสติเราทั้งสิ้น
ทั้งๆ ที่ใจแย้งว่า เอ... ก็รู้เท่าทันแล้ว ทำไม ? การรู้เท่าทัน ทำให้เรามองเห็นจริง ว่าการกระทำที่เขาพูดนั้นอาจไม่ดี อาจทำร้ายคนอื่น อาจทำคนอื่นเข้าใจผิดเสียหาย ก็เห็นเป็นทุกข์ แต่หากเรามองโลกในแง่ดี คิดบวก และเปิดใจบ้าง จะเห็นในสิ่งที่ท่านอาจารย์กระทำ ในมุมมองของ สิ่งดี คือ การเตือนสติ
คนหนึ่งแกล้ง แสร้งกระทำ กำบังกาย
คนหนึ่งหมาย ทำเนียนเนียน เลียนแบบมา
คนหนึ่งว่า ปล่อยข่าว ให้เศร้าจิต
เหตุเพราะว่าการที่เรา ไม่รู้ว่าหวังดีหรือหวังร้่าย ทำให้เราอาจคิดหวาดระแวงว่าเขาจะใช้กลอุบายคนละรูปแบบแต่จุดหมายเดียวกันคือทำให้ไม่เสียก็เสื่อม ไปก่อนได้ คือ คิดลบกับเขา ...ท่านถึงสอนว่า เวลาพูดอะไรออกไป ให้ใช้สติ
อนุสติที่ท่านอาจารย์ ทั้ง 3 ท่าน มอบให้กระผมนี้ ได้แก่
คนหนึ่งแกล้งแสร้งทำกำบังกาย นั่นคือ ความกลัวในจิตใจของเรา เหตุเพราะผมอาจจะกลัวมากเกินไป ความกลัวในสิ่งที่ยังไม่เกิด ทำให้เกิดความหวาดระแวง ขาดความไว้เนื้อเชื่อใจ ดังนั้น จึงต้องขจัดความกลัวออกไปเสียด้วยความรักความเมตตาในจิตใจที่จะนำไปสู่ความกล้าที่จะเผชิญกับปัญหา
คนหนึ่งหมายทำเนียนเนียนเลียนแบบมา นั่นคือ ความรู้และความไม่รู้ในจิตใจของเราอันนำไปสู่ความหลง ข้อนี้บ่งบอกถึงความคิดของคนเราแตกต่างกันได้ และ เหมือนกันได้นั่นเอง อันแสดงถึง การเปิดใจ ยอมรับในความคิดเห็นของคนอื่นบ้าง
คนหนึ่งว่าปล่อยข่าวให้เศร้าจิต นั่นคือ ความอดทนอดกลั้น ให้ใช้ความมีเหตุมีผล อย่าเชื่อโดยไม่มีเหตุมีผล ถ้าแม้จะใช้สื่ออะไรก็ตาม หรือถึงแม้จะสนิทสนมเพียงใดก็ตาม ย่อมตกเป็นเหยื่อของความหลงได้โดยง่าย ซึ่งท่านอาจารย์ส่วนมากใช้วิธีนี้เพื่อทดสอบจิตว่า มีสติดีอยู่หรือไม่ มีเหตุมีผลหรือไม่ และฝึกให้ศิษย์อดทนต่อข่าวลือนั้น ให้เชื่อในความเป็นจริงที่รู้จริงเท่านั้น เช่นเห็นกับตา ได้ยินกับหู ไม่ใช่จากคำบอกเล่าของคนใดคนหนึ่ง
ผมว่าเป็นการดีที่ได้เรียนรู้และฝึกสติแบบลึกกับท่านอาจารย์ทั้ง 3 ท่านนี้ เพราะหากเรามองไปว่าท่านคิดไม่ดีเสียแล้ว ก็จะเกิดความกลัว เกิดความไม่รู้ เกิดความระแวง นั่นคือเรายังมีความหลงอยู่นั่นเอง ซึ่งเมื่อเราหลงความมีเหตุมีผลก็น้อยลงตามไปด้วย (หากใครหลงคิดตามในแง่ลบตามข่้าวลือนั้น ก็อาจจะมองว่าศิษย์ไม่ดีก็เป็นได้)
ขอบพระคุณท่านอาจารย์ ทั้ง 3 ท่านมากครับที่ช่วยเตือนสติให้กระผมผู้มีปัญญาน้อยได้เรียนรู้และจะนำข้อคิดที่ท่านได้เตือนสติกระผม นำไปปรับใช้เพื่อพัฒนาตนเองครับ
5 เม.ย. 2553
หมายเหตุ.- เรื่องนี้เป็นเรื่องเล่าจากประสบการณ์จุดประสงค์เพื่อพัฒนาตนเอง ไม่เกี่ยวกับการเมืองและสถานการณ์ปัจจุบันนะครับ
สวัสดีค่ะ
สวัสดีค่ะ...น้องชาย
ขอบพระคุณครับ พี่ ครูคิม
ขอบพระคุณครับท่านอาจารย์ มาตายี
ขอบพระคุณครับพี่กิ่งไผ่ใบหลิว
สวัสดีค่ะ
แวะมาเยี่ยม พบข้อคิดดีดี ต้องนำไปฝึกคิด
ถ้าทำใจได้ย่อมมีประโยชน์มากมาย
แต่มนุษย์ "ต้องทำใจ แล้วช่วยกันแก้ไขวิกฤต"
ขอบคุณค่ะ
ขอบพระคุณครับ ท่านอาจารย์ ดาวเรือง
ยู้ฮู คุณน้องณัฐค่ะ ขออภัยพี่ห่างหายไปแป๊บนึง
กลับมาอีกครา เหตุไฉนเอ่ยคำลา อีกแล้วหนอ;)
ส่งความปรารถนาดี ยินดีกับช่วงเวลาที่ผ่านมา
ขอให้ทุกสิ่งที่ฝัน จงเป็นจริง เป็นกำลังใจจ้า;)
.. ฟ้ากว้าง ทางไกล จุดหมายมิไกลตา เต็มที่ค่ะ ...
พี่ poo ครับ
ขอบพระคุณสำหรับกำลังใจนะครับ
ขอให้ทุกสิ่งที่ฝัน จงเป็นจริง เป็นกำลังใจจ้า
ฟ้ากว้าง ทางไกล จุดหมายมิไกลตา เต็มที่ค่ะ