คุณหมอเริ่มต้นการบรรยายด้วยคำอันน่าประทับใจว่า “ชีวิตของผมโชคดี” ซึ่งเป็นการมองโลกในแง่บวก (Positive Thinking)
ต้นแบบแห่งชีวิต –แห่งสังคม-2
โสภณ เปียสนิท
.......................................
ในการสัมมนาครั้งนี้ ผมตั้งใจฟังคุณหมอด้วยความชื่นชม และสรุปคำบรรยายของคุณหมอไว้อย่างสุดความสามารถ และนำเสนอผ่านไปยังคุณผู้อ่าน ด้วยหวังว่าอาจก่อให้เกิดประโยชน์แก่สาธารณชนอย่างกว้างขวาง เหมือนดังที่ผมเคยได้รับมาแล้วดังนี้
คุณหมอเริ่มต้นการบรรยายด้วยคำอันน่าประทับใจว่า “ชีวิตของผมโชคดี” ซึ่งเป็นการมองโลกในแง่บวก (Positive Thinking) และตามด้วยการถ่อมตนอย่างแนบเนียน ว่ามาบรรยายด้วยประสบการณ์อันยาวนานในหน้าที่การงานที่ผ่านแล้ว และกำลังกระทำอยู่ในปัจจุบัน
ความกระตือรือร้นทำให้การงานประสบความสำเร็จ ฝรั่งบอกว่า “Enthusiasm can move the mountain” ทุกสิ่งในชีวิตล้วนมีค่า ไม่ว่าผิดหวังหรือสมหวัง เพราะสามารถนำมาเป็นครูสอนใจเราได้เสมอ
ท่านยกภาษิตจีนให้ฟังว่า “เมื่อหนุ่มสาวเร่งทำมาหากินเลี้ยงตนเองครอบครัว แก่แล้วเร่งอบรมสั่งสอนบุตรหลานต่อไป” ที่สำคัญต้องรู้จักตัวเอง เป็นตัวของตัวเอง (Know yourself, Be yourself) และแนะนำให้อ่านหนังสือ In Search of Excellence แปลเป็นไทยว่า “ค้นหาความสำเร็จ” โดยทอม ปีเตอร์ และ โรเบิร์ต วอร์เตอร์แมน เพื่อประกอบเป็นคู่มือสู่ความเร็จได้อีกทางหนึ่ง
ผู้ที่จะประสบความสำเร็จต้องมีความคิดแบบแหวกแนว เช่น ขณะที่เพื่อนร่วมเรียนต่างแสวงหาความสำเร็จของชีวิตด้วยการหางานหาเงินในเมืองใหญ่ บางคนเดินทางไปแสวงหาในต่างแดน แต่คุณหมอกลับเดินทางกลับบ้านเกิดตอบแทนคุณแผ่นดิน ช่วยเหลือผองชนผู้ทุกข์ยากห่างไกลความเป็นอารยะ
หลักแห่งการตัดสินใจให้ได้งาน (Executive Intelligence) การเป็นผู้บริหารนั้นต้องสายตากว้างไกล ทำสิ่งใดด้วยเหตุด้วยผล และเพื่อส่วนรวม การทำงานคือการได้ความรู้ เหมือนคำของหลวงพ่อพุทธทาสที่ว่า “การทำงานคือการปฏิบัติธรรม” นำเสนอมุมมองของ ปีเตอร์ ดรักเกอร์ที่กล่าวว่า “การบริหารทุกอย่างคือการบริหารธุรกิจ”
คุณหมอกล่าวว่า โดยส่วนตนแล้วมีความภาคภูมิใจที่ทำงานเพื่อส่วนรวม มากกว่าการทำงานเพื่อส่วนตน เช่นการดำรงตำแหน่งนายกสภามหาวิทยาลัยนราธิวาสราชนครินทร์ และมหาวิทาลัยนครพนม มีความภาคภูมิใจมากกว่าเป็นเจ้าของสถานศึกษาด้านอาชีวศึกษาที่บ้านเกิด
ผู้บริหารอาจยึดหลักของซามูไร 4 ประการ ไม่กลัว ไม่ตื่นเต้นตกใจ ไม่สงสัย ไม่ลังเล (No fear, No surprise, No doubt, No hesitate) และยึดหลักการตั้งเป้าหมายไว้ก่อนให้ดี ดังเพลงพระราชนิพนธ์ “ความฝันอันสูงสุด” อีกทั้งคำคมและเพลงปลุกใจของชาวญี่ปุ่น เช่น “สงครามทำให้เราสุญเสียเกือบทุกอย่าง แต่ไม่อาจทำลายความเป็นญี่ปุ่นของเราได้เลย”
ผู้นำต้องรู้หลักการพูดการฟังเช่นหลักการทูต “ถ้าตอบว่า yes (ได้) หมายถึง maybe (อาจจะ) ถ้า maybe หมายถึง no (ไม่ได้) แต่ถ้าตอบว่า no ให้รู้ได้ทันทีว่า เขามิใช่ทูต” คนจะเป็นผู้นำได้ต้องชนะใจคนรอบข้าง “ผู้ใหญ่ดึง ลูกน้องดัน คนเสมอกันหลีกทางให้”
คุณหมอสอนให้รักการทำงานหนัก ทรัพย์สินที่ได้มาโดยไม่ได้ทำงานนั้นเป็นบาป (มหาตมะ คานธี) สอนให้รู้จักทำงานด้วยใจสงบเย็นแม้ยามมีภัย โดยยกคำกวีของหลวงวิจิตรวาทการว่า “เป็นการง่ายยิ้มได้ไม่ต้องฝืน เมื่อชีพชื่นเหมือนบรรเลงเพลงสวรรค์ แต่คนที่ควรชมนิยมกัน ต้องใจมั่นยิ้มได้เมื่อภัยมา”
การอ่านหนังสือ ประวัติชีวิตของนายแพทย์กระแส ชนะวงศ์เมื่อวัยเยา หล่อหลอมชีวิตใหม่ จากสามเณรเกเรไม่เอาถ่านเย่อหยิ่งถือดีไม่รักการศึกษาดื้อด้านเกียจคร้าน ค่อยๆ ดีขึ้นตามลำดับ เถอะน่า แม้ว่านิสัยเดิมจะยังไม่ถูกถ่ายถอนให้หมดไป แต่ก็ทำให้ชีวิตมีวันนี้ที่ดูดีกว่าเดิมอย่างไม่เห็นเค้าเก่า “คุณหมอกระแส ชนะวงศ์” จึงเป็นต้นแบบแห่งชีวิตของผมทั้งทางด้านวิชาและจรณะ และมั่นใจได้ว่ามิใช่ผมเพียงคนเดียว แต่ยังมีเยาวชนอีกมากได้อ่าน ได้พบ ได้รู้จักและยึดเอาคุณหมอเป็นต้นแบบสาธารณะแห่งสังคมต่อไป