ควันหลงจากหนังสือ “จากแล่นหัน เป็นย่างซ้า (จากวิ่งเร็วเป็นเดินช้า สุขภาพและท่องเที่ยวที่หลวงพระบาง) ของ มีนา เปรื่องวิริยะ”


วิถีครอบครัววิถีชุมชน คือเงื่อนไขสำคัญอันหนึ่งที่หนังสือเล่มนี้ได้สะท้อนให้เห็นว่า วิถีคนในชุมชนชนบทการเกื้อกูลการเข้าอกเข้าใจ การอยู่อย่างเรียบง่ายกับสภาพแวดล้อมที่มีความสกปรกน้อยที่สุด ย่อมเป็นเหตุปัจจัยนำพาสู่ชัยชนะต่อโรคร้าย กำลังใจจากครอบครัว กำลังใจจากคนใกล้ชิด สภาวะแวดล้อมทั้งอาหารและเครื่องอุปโภคบริโภคย่อมนำพาสู่การเดินหน้าเข้าสู่สงครามกับเจ้าโรคร้ายอย่างไม่ยากเย็น เมืองหลวงพะบาง จึงเป็นเสมือนสถานที่ที่ให้คุณมีนา เปรื่องวิริยะ ได้หลุดจากโลกที่ต้องวิ่ง ๆ วิ่งเร็ว วันละหลายสิบกิโลเมตร เพื่อทุนนิยม เพื่อความสำเร็จ เพื่อชื่อเสียง เพื่อชัยชนะ แต่เป็นโลกที่พาพ่ายในวิถีที่กำลังเผชิญ การขบคิดจนสามารถสลัดหลุด มายาคติของทุนนิยมได้ ถือว่า น่ายกย่อง น่าชมเชยอย่างยิ่ง เพราะมายาคติของทุนนิยมเหล่านี้ น้อยคนในโลกปัจจุบัน ยากที่จะหลุดออกมาได้ คำว่า จากวิ่งเร็วเป็นเดินช้า (จากแล่นหันเป็นย่างซ้า) จึงไม่ใช่คำที่ค้นคิดเพื่อออกมาเป็นหน้าปกหนังสือให้ชวนสงสัยและและหยิบอ่าน แต่เป็นคำที่บ่งบอกถึง ปรัชญาแห่งการหลุดพ้น การหลุดออกจาก บ่วงและมายาคติของทุนนิยม หลุดออกจากโลกที่เอารัดเอาเปรียบมาเป็นโลกแห่งความเอื้ออาทร โลกแห่งความพอดี พออยู่ ทำพอเพื่อประทังชีวิตและพอมีปัจจัยเหลือพอได้ทำบุญ นี้คือโลกของตะวันออก โลกของอุษาคเนย์ โลกของคนแห่งอนุภูมิภาคลุ่มแม่น้ำโขง

ควันหลงจากหนังสือ  “จากแล่นหัน เป็นย่างซ้า (จากวิ่งเร็วเป็นเดินช้า สุขภาพและท่องเที่ยวที่หลวงพระบาง) ของ มีนา เปรื่องวิริยะ”

อิศรา ประชาไท

                เมื่อวันที่ 8 กุมภาพันธ์ 2552 ที่ผ่านมา พบได้มีโอกาสบึ่ง รถขึ้นไปจังหวัดสุโขทัย เพื่อไปให้กำลังใจเด็ก ๆ นักกีฬารักบี้ฟุตบอลเยาวชนจังหวัดร้อยเอ็ด ที่เข้าร่วมการแข่งขันกีฬานักเรียนนักศึกษาแห่งประเทศไทย ครั้งที่ 30 นครสุโขทัยเกมส์ ระหว่างวันที่ 2-10 กุมภาพันธ์ 2552 ณ จังหวัดสุโขทัย ผลการแข่งขัน ร้อยเอ็ด เขต 3  หรือ เขตการศึกษา 10 เดิม ได้สองเหรียญทองแดง จากประเภท 7 คน และ 15 คน ก็ยังรักษามาตรฐาน 4 ทีม หลักของกีฬารักบี้ฟุตบอลในรายการนี้ไว้ได้ ตลอดระยะเวลา 12 ปี ที่ผมมาเป็นอาสาสมัครสร้างเยาวชนโดยกีฬารักบี้ฟุตบอล แม้จะไม่ต่อเนื่องทุกปี แต่ก็อยู่ในระดับ TOP 5 มาโดยตลอด เหนือความภาคภูมิใจอื่นใดที่มากมายกว่าการรับเหรียญรางวัลก็คือ การปั้นแต่งเยาวชนของชาติให้เป็นทรัพยาการมนุษย์ที่มีคุณค่าต่อสังคม โดยใช้กีฬาและกิจกรรมเป็นเครื่องมือ คือความภาคภูมิใจ เหมือนกับ ครูและโค้ชทุก ๆ คน ที่ทำกีฬาสมัครเล่นในประเทศไทยในประเทศนี้ ที่ทำกันอยู่ ไม่มีค่าจ้าง ไม่มีรางวัล เป็นงานจิตอาสาอย่างเดียวแต่ความภาคภูมิใจก็บังเกิดเมื่อการปั้นแต่งได้ ประติมากรรม ที่งดงามมาประดับสังคม  รักบี้ฟุตบอลรายการนี้ ความสำเร็จสุดยอดของเยาวชนร้อยเอ็ด คือ การคว้าสองเหรียญทอง ที่ ฉลามชลเกมส์ กีฬานักเรียนนักศึกษาแห่งประเทศไทย ครั้งที่26 เมื่อปี 2548 ที่จังหวัดชลบุรี  นั่นคือประวัติศาสตร์ควรจดจำ หลังจากนั่นก็ได้เหรียญเงิน เหรียญทองแดงสลับกันไป ซึ่งก็เป็นการพัฒนาเด็กเป็นรุ่น ๆ ไป  อันเป็นภารกิจที่ได้อาสาเข้ามาและทำด้วยความสุข                           

เสร็จจาการแข่งขันของเด็ก ๆ ผมมีโอกาสได้เข้าไปรับประทานอาหารในห้างสรรพสินค้า บิ๊กซี จังหวัดสุโขทัย และเมื่อทานอาหารเสร็จก็แวะร้านหนังสือ ซี-เอ็ด บุ๊ค ในบิ๊กซี นั้นแหละ ซึ่งเป็นภารกิจหลัก ถ้าผมมีโอกาสได้ไปในห้างเหล่านี้  ก็มักจะแวะร้านหนังสือ เพราะไม่มีที่ไหนจะวิเศษสุดเท่ากับการได้ไปร้านหนังสือเพลิดเพลินกับการเลือกชมและเลือกซื้อหนังสือที่ถูกใจ ตามอัตภาพของจำนวนเงินที่มีในกระเป๋าแต่ละคราว ๆ ไป น้อยบ้างมากบ้าง  ร้านหนังสือซี-เอ็ด บุ๊ค ใน  บิกซี ที่สุโขทัย ไม่ใหญ่เท่า ซี-เอ็ด บุ๊ค ที่เสริมไทย มหาสารคาม แต่ก็มีหนังสือ ไม่แตกต่างกัน ผมเลือกหนังสือได้ 4-5 เล่ม ได้ ตำนานแห่งนครวัด ของ จิตร ภูมิศักดิ์ พิมพ์ครั้งที่ 5 มีหลายเล่มแล้วงานชิ้นนี้ของ จิตร ภูมิศักดิ์ แต่เล่มนี้เพิ่มเติมภาคผนวก บทนิพนธ์หาอ่านยากของ ยอร์ช เซเดส์ เรื่อง ปราสาทหินเขมรสร้างเพื่ออะไร  เรียบเรียงโดย กรมหมื่นเทววงศ์วโรทัย และบทนิพนธ์ของพระองค์เจ้าธานีนิวัติ เรื่อง พระเจ้าชยวรมันที่ 7 และต้นเหตุนามว่านครชัยศรี  ผมจึงเลือกที่จะซื้อไว้เพื่อเป็นที่ระลึกและเป็นข้อมูลเก่าแต่ได้มาใหม่เอาไว้อ่านเพื่อประดับสติปัญญา และจะได้ไม่ต้องไม่เถียงเอาปราสาทเขมรมาเป็นทรัพย์สมบัติของตนเอง

                          

เล่มที่สอง ผมได้งานคลาสสิค ยูโธเปีย ของ เซอร์ โธมัส มอร์ มาอ่านอีกเล่ม เล่มนี้ก็มีแล้วเหมือนกัน ท่านอาจาย์สมบัติ จันทรวงศ์ แปลไว้นานแล้ว และก็พิมพ์ใหม่เป็นครั้งที่ 4  ปกสีดำตัวอักษรยูโธเปีย ภาษาอังกฤษสีขาวแต่ มีสีส้มที่ตัวอักษรโอ เพียงตัวเดียว น่าเกรงขามและซ่อนเรื่องราวในเล่มไว้ชวนติดตาม   อ่านเรื่องนี้ที่ใดนึกถึง ไตรภูมิพระร่วง  ที่กล่าวถึงโลกของพระศรีอาริยเมตไตย  กล่าวถึงสังคมในอุดมคติ ที่ทุกคนปรารถนา แต่คงไม่ใช่สังคม อนาธิปไตย ที่เป็นอยู่ในทุกวันนี้อย่างแน่นอน  แน่นอนที่สุด ยูโธเปีย และโลกของพระศรีอริยเมตไตย สอนให้เรามีความหวัง มีพลัง และยอมรับความเท่าเทียมของความเป็นมนุษยชาติ

เล่มที่สาม ผมเลือกงานของ อาจารย์วิทยากร เชียงกูล ไว้เพื่อเป็นพื้นฐานความรู้ประดับสติปัญญาเพื่อเติมความเข้าใจเพื่อเป็นทุนความรู้ให้กับตนเอง เอาไว้สอนหนังสือเด็ก ๆ หนังสือชื่อ ปรัชญา การเมือง เศรษฐกิจ สังคม พิมพ์ครั้งที่ 2หนังสือเล่มนี้ถือเป็นพื้นฐานเพื่อให้เกิดความรู้ความเข้าใจในด้าน ปรัชญา เศรษฐกิจ สังคม การเมือง ตั้งแต่อดีตทั้งตะวันตกและตะวันออก รวมทั้งประวัติ นักคิด นักปรัชญาคนสำคัญ ๆ ซึ่งเหมาะต่อการสร้างพื้นฐานความรู้ด้านสังคมการเมืองให้กับตนเองอย่างยิ่ง อ่านแล้วจะได้เข้าใจว่า ทำไมประเทศไทยถึงไม่เป็นประชาธิปไตยแบบที่ควรจะเป็นซะที

                                                                                               

เล่มที่สี่ ผมเลือกงานรวมเรื่องสั้นรางวัลซีไรท์ ปี 2551 เราหลงลืมอะไรบางอย่าง ของ กวีซีไรท์ ปี 2551 วัชระ สัจจะสารสิน  เป็นเรื่องสั้นที่สะท้อนมุมมองสังคมมนุษย์ในปัจจุบันได้ดีอย่างยิ่ง ผมเลือกมาเพราะจับใจที่หนังสือเล่มนี้ได้รางวัลซีไรท์ ด้วยการสรุปเนื้อหาของหนังสือเล่มนี้ว่า  สังคมปัจจุบัน มนุษย์มีความขัดแย้ง ต่อสู้ และแข่งขันในทางการเมือง สังคม และวัฒนธรรม มนุษย์เปลี่ยนไปโดยรู้ตัวและไม่รู้ตัว จากความละเมียดละไมสู่ความหยาบกระด้าง ไร้ซึ่งมิตรไมตรี  ซึ่งเมื่อพิจารณาแล้วช่างสรุปได้อย่างลงตัวกับประเทศไทย พอศอ นี้ เหลือเกิน แก่งแย่ง ชิงดี แบ่งพรรค แบ่งฝ่าย มีแต่ศัตรู ไร้เพื่อนมิตร  หยิบได้หนังสือ 4 เล่ม เตรียมหยิบสตังเพื่อไปจ่ายเงินที่เคาร์เตอร์ พลันเหลือบเห็น หนังสือเล่มหนึ่ง อยู่ชั้นหนังสือสุขภาพ  ชื่อว่า จากวิ่งเร็วเป็นเดินช้า สุขภาพและท่องเที่ยวที่หลวงพระบาง แต่งโดย มีนา เปรื่องวิริยะ ที่สนใจก็เพราะ

หนึ่ง คำว่า หลวงพะบาง  ผมมีอดีตและความประทับใจที่หลวงพระบางอย่างยิ่ง ไปหลายครั้งหลายหน ได้บรรยากาศความประทับใจแต่ละครั้งต่างกันไปตามภารกิจที่ต้องเดินทาง โดยเฉพาะการออกภาคสนามแบบนักมานุษยวิทยา ที่แสวงหาความรู้ความเข้าใจในวิถีของมนุษยชาติ ผมเขียนบทความไว้บทความหนึ่งที่เกี่ยวข้องกับหลวงพะบางหลังจากที่ไปหลายครั้งคราเพียงเพื่อบันทึกเรื่องราวในมุมมองของตน บทความที่เขียนชื่อ หลวงพระบางมรดกโลกที่ยังมีลมหายใจอยู่  ดังนั้นจึงสนใจหนังสือเล่มนี้ ว่าคนเขียนหนังสือเล่มนี้จะเขียนอะไร มุมมองอย่างไรบ้างเกี่ยวกับเมืองหลวงพระบาง

สอง  เพราะคำว่า จากวิ่งเร็วเป็นเดินช้า  คำง่าย ๆ แต่ได้ใจความ กินใจเหลือเกิน  ชวนสงสัยติดตามว่าหมายถึงอย่างไร วิ่งเร็ว เป็นเดินช้า  ทำไม ไม่ใช้ จากเดินช้าเป็นวิ่งเร็ว หรือ ถ้าภาษาอีสาน ลาวเวียงจัน ลาวหลวงพระบาง ก็จะใช้ว่า จากแล่นหันเป็นอย่างซ้า  ซึ่งก็ต้องเปลี่ยนเป็น จากย่างซ้าเป็นแล่นหัน  จึงจะสอดคล้องกับสังคมปากกัดตีนถีบ มือใครยาวสาวได้สาวเอา  และถึงจะอยู่ในสังคมการต่อสู้ช่วงชิงบนโลกใบนี้ได้เช่นกัน

สาม เพราะเห็นชื่อ สำนักพิมพ์เมธีนิรมิตและคุณนิรมล เมธีสุวกุล ซึ่งผมเป็นแฟนรายการทุ่งแสงตะวันของเธออยู่แล้ว เลยหยิบขึ้นมาดูปก เป็นภาพมีผู้หญิงใส่ผ้าซิ่นปั่นรถจักรยาน( รถถีบ) ณ ถนนเส้นหนึ่งของเมืองหลวงและกำลังเมียงมองหาอะไรสักอย่างในเมืองหลวง จึงชวนน่าหยิบขึ้นมาดู  พลิกไปช้า ๆ ที่ละหน้า ที่ละหน้า โอ้หนังสือเกี่ยวกับคนเป็นโรคมะเร็งนี้  โอ้ยโรคนี้อย่ามาใกล้เลย ไปไกล ๆ เถอะเพราะผมเคยเห็นพ่อตาล้มป่วยด้วยโรคนี้อย่างใกล้ชิด และไม่อยากเห็นอีกเลย สุดท้ายที่สุดก็คือ พ่อตาของน้องชายที่มหาวิทยาลัย ดูแลกันไม่ถึงสามเดือน หมอที่ไหนดี พาไปหาทั้งแบบแผนปัจจุบัน แบบแผนไทย สุดท้ายก็จากไปเช่นทุกคนที่เป็นโรคร้ายนี้ พอพูดถึงมะเร็ง เลย ไม่อยากรู้ ไม่อยากได้ยิน ไม่อยากฟัง เพราะอย่างไร ใครป่วยก็คงรอรับสภาพดังกล่าวอย่างแน่นอน แม้แต่ตัวเองก็ตามเถอะก็คงรอวัน เช่นกัน กำลังจะส่งวางกลับไว้ชั้นเหมือนเดิม แต่ คำว่า จากวิ่งเร็วเป็นเดินช้า มันทำให้ผมสะดุด  ภาษาคนเรียนภาษาไทยและวรรณคดี อย่างพวกผม เรียกว่า มันแป๊ป กินใจ หรือ สะเทือนใจทันที   อะไรวะ โลกวันนี้  จากวิ่งเร็วเป็นเดินช้า ได้ด้วยเหรอ  มีแต่ต้องวิ่งเร็วขึ้นผลประโยชน์ถึงจะได้มากขึ้น ทำก่อนกำไรก่อน ทำทีหลัง เจ๊ง ทันที โลกทุนนิยม มันเป็นอย่างไง จริง  ๆ แล้วผู้หญิงที่ชื่อ     มีนา เปรื่องวิริยะ เป็นใคร กล้าหาญชายชัยอย่างไร  จึงมี ปรัชญา  จากวิ่งเร็วมาเดินช้า  เอาวะ ซื้อหนังสือใหม่ สำนักพิมพ์ใหม่ของคุณนิรมล สักเล่ม เอาโชคเอาชัยให้แกหน่อย เรามันแฟนรายการเค้าอยู่แล้วจะเป็นไรไป  กินเบียร์ ยังเปลืองตังส์มากกว่านี้น้อ หมดค่าหนังสือห้าเล่ม พันกว่าบาท  เล่มอื่น ๆ อ่านมาหลายครั้งแล้ววางไว้ก่อน เอาเล่มนี้มาอ่านก่อนแล้วกัน ลองไปดูซิ ผู้หญิงคนนี้เขียนอะไรกับเมืองหลวงพะบาง  ผู้หญิงคนนี้เขียนอะไรกับโรคมะเร็ง และผู้หญิงคนนี้  เป็นหยังจั่งจากบางกอกเมืองศิวิไลซ์ย้ายหนีมาอยู่หลวงพะบางและเป็นหยังจั่ง   จากแล่นหัน เป็นย่างซ้า  เอาเล่มนี้มาอ่านก่อน

 ผมใช้เวลาทั้งวันบนรถโดยให้คุณโก้ ลูกศิษย์เอกเป็นสารถีขับรถที่เดินทางไปสุโขทัยด้วยกันกลับมหาสารคามในวันรุ่งขึ้น โดยผมก็หยิบงานคุณมีนา เปรื่องวิริยะ จากวิ่งเร็วเป็นเดินช้า สุขภาพและท่องเที่ยวที่หลวงพระบาง  มาอ่านตลอดเส้นทาง สุโขทัย พิษณูโลก เขาค้อ หล่มสัก น้ำหนาว ชุมแพ ขอนแก่น มหาสารคาม  อ่านมาเรื่อย ๆ เมื่อยตาก็หยุดเวียนหัวก็พัก  เพื่อ อยากรู้ว่า หนังสือเล่มนี้เขียนอะไร  สื่ออะไร บอกอะไร และเป็นอย่างไร

อ่านไปสักพักอยากจะบอกเลยว่า หนังสือเล่มนี้  คือ  หนังสือมีคุณค่ามหาศาลต่อการต่อสู้กับอะไรสักอย่างที่ผมอยากจะบอกว่า มันเป็นตำราว่าด้วยยุทธศาสตร์และยุทธวิธีการทำสงครามเพื่อต่อสู้กับภัยพิบัติที่เกิดขึ้นกับตนเอง  ด้วยความเข้มแข็งและไม่หวาดหวั่นกับข้าศึกศัตรูที่กำลังรุกเข้ามาด้วยศักยภาพที่เหนือกว่าเราทุกอย่าง วิธีการปรับเปลี่ยนยุทธวิธี ปรับเปลี่ยนภารกิจ และรู้เท่าทันกับ ข้าศึกศัตรู และรู้เท่าทันกับ ตัวตนของตนเองในภารกิจที่กำลังขับเคลื่อนต่อสู้เพื่อเอาชนะ ศัตรู ที่ชื่อว่า มะเร็ง ยากมาก คนที่มีกำลังใจเข้มแข็ง มีจิตใจที่มั่นคง  จึงจะทำเช่นนี้ได้  ซึ่งนั่นหมายถึง การฝึกเพื่อการรับรู้ การฝึกเพื่อการยอมรับ การฝึกเพื่อเตรียมที่จะรบกับมัน   รู้เขารู้เรารบร้อยครั้งชนะร้อยครั้ง  เป็นสัจจะที่บ่งบอกถึงการต่อสู้เพื่อให้ได้รับผลสำเร็จ แต่กว่าจะรู้อย่างนั้น เราจะมีวิธีการเยี่ยงไรจึงจะเข้าใจมัน รับสภาพมัน ยอมรับมันได้ เพียงได้ยินชื่อว่า มะเร็ง และเห็นกันดาษดื่นแล้วว่า ใครเป็น ก็ตาย รู้ว่ามีในตัวตนของเรา ก็ทรุด และเศร้า และซึมเศร้าที่สุด สุดท้าย มันก็รุกรบเข้ามาและชนะเราในที่สุด

ยุทธศาสตร์ เมื่อรู้จะวางการต่อสู้อย่างไร ยุทธวิธี จะต่อสู้กับมันด้วยวิถีเยี่ยงไรจึงจะชนะ  หนังสือเล่มนี้เล่าถึงวิธีการการเอาชนะมะเร็งตั้งแต่การรับรู้ การยอมรับมัน การจะจัดการกับมัน สุดท้ายการจะทำสงครามขั้นแตกหักกับมัน จะทำอย่างไร แน่นอนที่สุด ภารกิจที่สำคัญที่สุดคือการสร้างความเข็มแข็งให้จิตใจและร่างกายของผู้ป่วยคือสิ่งสำคัญเบื้องต้นที่จะเอาชนะเจ้าโรคร้ายนี้ ถ้าจิตใจแจ่มใส ร่างกายเข้มแข็งย่อมนำมาซึ่งการได้เปรียบข้าศึกเหล่านี้

วิถีครอบครัววิถีชุมชน คือเงื่อนไขสำคัญอันหนึ่งที่หนังสือเล่มนี้ได้สะท้อนให้เห็นว่า วิถีคนในชุมชนชนบทการเกื้อกูลการเข้าอกเข้าใจ การอยู่อย่างเรียบง่ายกับสภาพแวดล้อมที่มีความสกปรกน้อยที่สุด ย่อมเป็นเหตุปัจจัยนำพาสู่ชัยชนะต่อโรคร้าย กำลังใจจากครอบครัว กำลังใจจากคนใกล้ชิด สภาวะแวดล้อมทั้งอาหารและเครื่องอุปโภคบริโภคย่อมนำพาสู่การเดินหน้าเข้าสู่สงครามกับเจ้าโรคร้ายอย่างไม่ยากเย็น  เมืองหลวงพะบาง จึงเป็นเสมือนสถานที่ที่ให้คุณมีนา เปรื่องวิริยะ ได้หลุดจากโลกที่ต้องวิ่ง ๆ วิ่งเร็ว วันละหลายสิบกิโลเมตร เพื่อทุนนิยม เพื่อความสำเร็จ เพื่อชื่อเสียง เพื่อชัยชนะ แต่เป็นโลกที่พาพ่ายในวิถีที่กำลังเผชิญ  การขบคิดจนสามารถสลัดหลุด มายาคติของทุนนิยมได้ ถือว่า น่ายกย่อง น่าชมเชยอย่างยิ่ง เพราะมายาคติของทุนนิยมเหล่านี้ น้อยคนในโลกปัจจุบัน ยากที่จะหลุดออกมาได้   คำว่า จากวิ่งเร็วเป็นเดินช้า (จากแล่นหันเป็นย่างซ้า) จึงไม่ใช่คำที่ค้นคิดเพื่อออกมาเป็นหน้าปกหนังสือให้ชวนสงสัยและและหยิบอ่าน  แต่เป็นคำที่บ่งบอกถึง ปรัชญาแห่งการหลุดพ้น การหลุดออกจาก บ่วงและมายาคติของทุนนิยม หลุดออกจากโลกที่เอารัดเอาเปรียบมาเป็นโลกแห่งความเอื้ออาทร โลกแห่งความพอดี พออยู่  ทำพอเพื่อประทังชีวิตและพอมีปัจจัยเหลือพอได้ทำบุญ นี้คือโลกของตะวันออก โลกของอุษาคเนย์ โลกของคนแห่งอนุภูมิภาคลุ่มแม่น้ำโขง

ผมเคยน้ำตาซึมกับการอ่านหนังสือไม่กี่เล่ม เล่มที่ซึมทุกครั้งเมื่ออ่านก็คือ ต้นส้มแสนรัก อ่านที่ไรร้องไห้ทุกที แต่พออ่าน  จากแล่นหันเป็นย่างซ้า สุขะพาบและท่องเที่ยวที่หลวงพะบาง  ของ คุณมีนา เปรื่องวิริยะ  ผมก็น้ำตาซึม ซึมเพราะสะเทือนใจชื่นชมในตัวเธอ  แม่ญิงอีหยังวะ คือ เก่งแท้ เป็นเฮานอนท่ามื้อตายแต่โดนแล้ว    ลาวคือคักแท้น้อ อีนางนี้ 

หลังจากอ่านเสร็จไม่นานก็เลยหาหนทางที่จะให้กำลังใจแก่เธอ คลิกไปที่ กูเกิ้ล เขียนคำว่า จากวิ่งเร็วเป็นเดินช้า โอ้เธอมีบล็อก เปิดตัวหนังสือ เลยฝากกลอนที่แต่งไม่ถูกต้องเท่าไรดอก เอาเพียงว่า สามารถ ถ่ายทอดความรู้สึกถึงกันได้  อย่างน้อยที่สุด โรคมะเร็ง มันไม่น่ากลัวอย่างที่คิด อย่างน้อยที่สุดก็มีผู้หญิงตัวเล็ก ๆ คนหนึ่งเอาชนะมันได้ และเธอก็สร้างวิถีครอบครัววิถีชุมชนใหม่ กลับคืนสู่ท้องถิ่นดั้งเดิม หนีจากทุนนิยม เปลี่ยนจากการวิ่งเร็ว เป็นเดินช้า  ขอเป็นกำลังใจให้แก่ผุ้ป่วยโรคมะเร็งทุกคน จงมีกำลังใจแบบคุณมีนา เพื่อการรู้เท่าทันและต่อสู้กับมันจนถึงที่สุด

 ขอซื่นซม
(กลอนตลาด)

อ่านแล้ววางไม่ลง
เสริมส่งสาระที่สงสัย
ความรอบรู้ที่ได้คือกำไร
คือดอกผลแห่งโรคร้ายที่ให้กัน
ขอเป็นกำลังใจให้ทั้งสอง
ผ่านครรลองหลุดพ้นด้วยมุ่งมั่น
สำหรับ ฉัน หากเป็นคงเสร็จกัน
รอคอยคืนวันนิทรารมย์
คือ นักสู้ ที่ไม่ใช่ ทั้งเหลือง และแดง
ยิ้มแฉ่งกะโรคร้าย ไม่เสแสร้ง
คืนวันผ่านพ้นได้สำแดง
ประกาศแจ้งความจริงได้รู้กัน
จึงเป็นความรู้อันประเสริฐ
ก่อเกิดมรรคผลเสกสันต์
คุณค่าจึงมากมายอนันต์
คือกำลังใจให้กันช่างงดงาม
อ่านแล้ววางไม่ลง
เสริมส่งศรัทธากล้าสอบถาม
วันนี้คือคุณค่าความดีงาม
ชื่นชมทุกยามขอชมเชย

(ขับทุ้มหลวงพะบาง)
โอ้ว่าเจ้าเอยเจ้าดอกบานเย็น
เคยวิ่งเร็วเช้าเย็นในบางกอก
ภารกิจมากมายได้วิ่งรอก
นั่งกรอกนั่งคิดหมดทั้งวัน
ถึงวันนี้หยุดวิ่งมาเดินช้า
ปรารถนาวันเวลาสุขสันต์
มีชีวิตต่อไปเพื่อใครกัน
สุขสันต์ทุกข์ตรมได้เข้าใจ
เจ้าดอกเอย เจ้าดอก กระดังงา
วันนี้เจ้าดอกมีนา คงมีเวลา เดินช้าลง
เจ้าดอกเอย เจ้าดอกมะไฟ
อ้ายนี้เป็นคนบ้านไกล
อ้ายขออวยชัยให้เจ้าสบาย

(ผะหยาคำอวยพรของเก่า)
ขอให้เจ้าสุขีมั่น เสมอมันเครือเก่า
ประสงค์เล่าสิ่งใดให้ลุหมาย
มีพลังต่อสู้ทั้งใจกาย
สุขสบายต่อเนื่องให้อ้วยมา
ความทุกข์อย่าให้ใกล้
ความไข้อย่าให้มี
ปรารถนาสุขศรีสมฤทัยประสงค์ฮู้
เป็นที่ฮักแพงของพี่น้องผองหมู่
กับผู้อยู่เคียงข้างตลอดไป
เด้อนางเอย
สาธุ


อิศรา ประชาไท
[email protected]
                                           

 

 

หมายเลขบันทึก: 245539เขียนเมื่อ 28 กุมภาพันธ์ 2009 17:07 น. ()แก้ไขเมื่อ 6 กันยายน 2013 20:22 น. ()สัญญาอนุญาต: ไม่สงวนสิทธิ์ใดๆจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (5)

หลวงพระบาง มรดกโลก ไปแล้ว อยากไปอีกครับ

ขอพระคุณพระอาจารย์ JJ อาจารย์ใหญ่KM MSU เป็นอย่างสูง คงได้กลับไปอีกครับปีละครั้งเพื่อค้นหาความงามความจริง สรรพสิ่งที่มีคุณค่า และอาจได้แวะไปเยี่ยมคุณมีนาและครอบครัวครับ ขอบคุณมากครับอาจารย์ใหญ่ JJ

แวะเวียนมาตามคำเชิญค่ะ

และมาฟังคำวิจารณ์หนังสือด้วยน่ะค่ะ

อย่างไรก็ดี ชื่อหนังสือภาษาลาว คนไทเมืองหลวง บอกว่า จะรู้สึกว่า เดินช้า มากขึ้นเมื่อใช้แบบไทเมืองหลวง "จากแล่นไว มาเป็นค่อยๆ ย่าง"

ส่วนชื่อภาษาอังกฤษ "From Chaotic Running to Peaceful Walking"

แต่ยังไม่รู้จะมีโอกาสได้แปลเป็นภาษาอังกฤษหรือเปล่า :)

สวัสดีค่ะอาจารย์

มาติดตาม  ควันหลงจากหนังสือ  “จากแล่นหัน เป็นย่างซ้า (จากวิ่งเร็วเป็นเดินช้า สุขภาพและท่องเที่ยวที่หลวงพระบาง) ของ มีนา เปรื่องวิริยะ”

อิศรา ประชาไท

ขอชื่นชมค่ะอาจารย์

ผมแวะมาให้กำลังใจพ่อครับ

ผมยังไม่เข้าใจกับคำที่บอกผมวันนั้น

ผมอยากจะขอคำชี้แนะอีกสักครั้งครับ

เพื่อเป็นแนวทางในการดำรงชีวิต

ขอบพระคุณอย่างสูงครับ

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท