ปัดฝุ่นลดพลังงาน


ด้วยแนวคิดประหยัดเงินจ่ายค่าจ่าไฟฟ้าเดือนละ ๑ บาทต่อ ๑ ครัวเรือน .....ซึ่งความเป็นไปได้ไม่ไกลเกินฝัน........ และถ้าประเทศไทยมีสัก ๑๐ ล้านครัวเรือน......๑ เดือนประหยัด ๑๐ ล้านบาท....หากำไรแบบนี้ได้ที่ใด.....คุณ ๆ จะลองทำดูบ้างก็ได้นะคะ.....ไม่ยากเลย........ถือว่าช่วยชาติเดือนละ ๑ บาท .....

 ขอเชิญพวกเราลองมาช่วยกันลดภาวะโลกร้อนด้วยการประหยัดพลังงานกันนะคะ.......  วันนี้ได้โอกาสนำโครงการประหยัดไฟเด็กไทยทำได้......เมื่อปี ๒๕๔๗.....มาปัดฝุ่น.....เนื่องด้วยน้องแป๊ะ น้องตือและน้องหน่อยจากมูลนิธิกองทุนไทยมาหารือเรื่องกิจกรรมลดภาวะโลกร้อน..........ครูพรรณา  ก็เลยเล่าโครงการดังกล่าวให้ฟัง.........ว่าทำได้ง่าย ๆ .....ด้วยแนวคิดประหยัดเงินจ่ายค่าจ่ายไฟฟ้าเดือนละ ๑ บาทต่อ ๑ ครัวเรือน   .....ซึ่งความเป็นไปได้ไม่ไกลเกินฝัน........ และถ้าประเทศไทยมีสัก ๑๐ ล้านครัวเรือน......๑ เดือนประหยัด ๑๐ ล้านบาท....หากำไรแบบนี้ได้ที่ใด.....คุณ ๆ จะลองทำดูบ้างก็ได้นะคะ.....ไม่ยากเลย........ถือว่าช่วยชาติเดือนละ ๑ บาท   .....อย่าลืมว่าในเงินจำนวน  ๑๐ ล้านบาทมีเงินของเราร่วมอยู่ด้วย.......ง่ายยิ่งกว่ากลืนกล้วยในปากนะคะ........

ลองดูจากวิธีดำเนินการของโครงการฯ ซิคะ.......ต้องบอกจุดประสงค์หลักก่อนนะคะ..โครงการนี้จัดทำขึ้นเพื่อเสริมสร้างความรู้ความสามารถ  ประสบการณ์  ทักษะ และวิสัยทัศฯในการทำงานของนักเรียนชุมนุมศิลปการดำรงชีพ....โดยใช้กิจกรรมประหยัดไฟฟ้าเป็นเครื่องมือค่ะ

 

โครงการประหยัดไฟ( ฟ้า ) เด็กไทยทำได้

**********************

 

 กลุ่มทดลอง

นักเรียนชุมนุมศิลปการดำรงชีพโรงเรียนบางลี่วิทยา  จำนวน  ๓๔  คน

จุดประสงค์

- เพื่อเสริมสร้างความรู้ความสามารถ  ประสบการณ์  ทักษะ และวิสัยทัศฯในการทำงานของนักเรียนชุมนุมศิลปการดำรงชีพ

-เพื่อสร้างเสริมลักษณะนิสัยการประหยัดไฟฟ้า

วิธีดำเนินการ

๑. กำหนดจุดมุ่งหมายประหยัดไฟฟ้าให้ได้อย่างน้อยเดือนละ ๑ บาท  เป็นเวลา  เดือน โดยมีแนวคิดว่าประหยัดไฟครัวเรือนละ ๑ บาท  ถ้าประเทศไทยมี ๑๐  ล้านครัวเรือน  ประเทศไทยจะมีเงินเหลือเดือนละ ๑๐ ล้านบาท ในเวลา ๑ ปีประเทศไทยมีเงินเหลือ  ๑๒๐ ล้านบาท  โดยใช้กิจกรรมปฏิบัติดังนี้

๑.๑. เริ่มปฏิบัติกิจกรรมด้วยตนเอง  โดยห้ามกระทบบุคคลอื่นๆ ในครอบครัว  จนกว่าบุคคลเหล่านั้นจะตระหนักและให้ความร่วมมือด้วยตนเอง

          ๑.๒ ศึกษาสภาพที่แท้จริงเรื่องพฤติกรรมการใช้ไฟฟ้าที่ตนปฏิบัติในปัจจุบันแล้วบันทึกไว้ในสมุดบันทึกพฤติกรรมประหยัดไฟฟ้าของตน

          ๑.๓ ศึกษาวิธีประหยัดไฟฟ้าจากแหล่งเรียนรู้ต่างๆ

          ๑.๔ เขียนสรุปบันทึกพฤติกรรมการประหยัดไฟฟ้าของตนสัปดาห์ละ ๑ ครั้ง

          ๑.๕ ทุกสิ้นเดือนนำใบเสร็จรับเงินค่าไฟฟ้ามาติดไว้ในสมุดบันทึกพฤติกรรมประหยัดไฟฟ้า

          ๑.๖สรุปเปรียบเทียบใบเสร็จชำระเงินค่าค่าไฟฟ้าในแต่ละเดือนเพื่อประเมินพฤติกรรมการประหยัดไฟฟ้าของตนเอง

          ๑.๗ หลังเสร็จสิ้นกิจกรรมปฏิบัติตามโครงการฯ ให้นักเรียนเขียนแสดงความคิดเห็นพฤติกรรมการประหยัดไฟฟ้าของตนเองไว้ในสมุดบันทึกพฤติกรรมการประหยัดไฟฟ้า

 

กรณีที่น่าศึกษา

มีสมาชิกคนหนึ่งกังวลว่าจะทำไม่ได้เพราะที่บ้านเปิดร้านอาหารและลูกค้าก็เปิดพัดลม.......สมาชิกทุกคนจึงช่วยกันหาหนทาง......

๑ ต้องระลึกว่าลดให้ได้ ๑ บาทก่อน......น่าจะทำได้แน่นอน

๒. บางเดือนลดไม่ได้ก็ขอแค่ไม่เพิ่มขึ้น......ก็ถือว่าได้พยายาม

๓. พฤติกรรมการใช้ไฟฟ้า( พัดลม ) ของเจ้าของร้านที่บริการลูกค้า.......ลูกค้าไปแล้วแต่คนขายยังไม่ได้ปิดพัดลม...รอจนเก็บโต๊ะ.....เช็ดโต๊ะเรียบร้อยแล้ว....หรือบางโต๊ะที่ใกล้กันก็ไม่จำเป็นต้องเปิดพัดลมทุกตัว.......แก้โดยก่อนเก็บโต๊ะปิดพัดลมก่อน

๔. ไฟฟ้าในห้องน้ำไม่ต้องเปิดทิ้งไว้...ให้ปิดป้ายแสดงตำแหน่งปิดเปิดไฟฟ้าตัวใหญ่ๆ ให้ลูกค้าได้เปิดปิดเมื่อใช้ห้องน้ำ

ฯลฯ

ผลที่ได้

สมาชิกคนนี้ ( นายทรงวุฒิ  เยือกเย็น )สามารถลดค่าไฟฟ้าได้ต่อเนื่องทุกเดือน...เช่นเดือนที่๑ จ่าย ๑๐๐ บาท...เดือนที่ ๒  จ่าย  ๙๙  บาท.....เดือนที่ ๓  จ่าย๙๘  บาท......

 

เชิญชมภาพกิจกรรมค่ะ

ภาพนี้เป็นโลโก้ของกิจกรรม...เด้กชายปรีชา  กาละวัย....ผู้วาดและออกแบบ

 

 

เมื่อเสร็จสิ้นกิจกรรม...ก็นำมาเผยแพร่ให้เพื่อนนักเรียนใหโรงเรียนได้เรียนรู้กัน

 

สโมสรโรตารี่สองพี่น้องร่วมสนับสนุนกิจกรรมทัศนศึกษาโรงไฟฟ้าลำตะคอง...แหล่งผลิตพลังงานไฟฟ้าจากน้ำ.......

 

โรงงานไฟฟ้าลำตะคอง.....อยู่ต่ำกว่าพื้นดินก้นเขื่อน  ๘  เมตร....สรางโดยคณะวิศวกรรมมหาวิทยาลัยขอนแก่น

เข้ามาแล้วโอ ! ....ทำได้อย่างไรนี่.........ทางเข้าออกเขาป้องกันฝุ่นเข้าโรงงานด้วยนะ

 

 

ถ่ายรูปไว้เป็นที่ระลึก

 

ที่เห็นสมาชิกมากขนาดนี้...ก็เพราะมีผู้ปกครอง...และกลุ่มสนใจร่วมกิจกรรม....

คำสำคัญ (Tags): #ลดพลังงาน
หมายเลขบันทึก: 167455เขียนเมื่อ 26 กุมภาพันธ์ 2008 08:01 น. ()แก้ไขเมื่อ 6 กันยายน 2013 18:48 น. ()สัญญาอนุญาต: จำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (10)

บรรยากาศคึกคัก ดีจังครับ

Pกวินทรากร

สวัสดีค่ะ

- ทำอะไรกับเด็กๆ ก้ต้องมีตีปี๊บบ้างค่ะ

- บางอย่างเขาทำอยู่เป็นประจำแล้ว...เราเพิ่มความเข้มข้นเข้าอีกหน่อย..ก็ได้ผลเพิ่มขึ้น

  • มาดูการประหยัดพลังงาน
  • อิอิอิอ
  • แล้วจะแวะมาอีก
  • กำลังยุ่งแอบพ่อครูบามา
  • อิอิอิๆ

สวัสดีค่ะ อ. P ขจิต ฝอยทอง

- หนีเที่ยวระวังถูกครูบาทำโทษนะคะ

- ไปถึงมหาสารคามใกล้สกลนครแล้ว

- พอหากินได้ราคาไม่แพง

- ถ้าไปกินที่เวียดนามแพงมากเลย

- เตือนก่อนกิน...ระวังของปลอมจ้า๕๕๕๕๕๕๕๕

  • สวัสดีครับครู
  • งานนี้เด็ก ๆคงชอบใจ
  • เพราะได้เที่ยวเขื่อนใต้ดิน
  • ลงรูลึกสิท่า ฮิ ฮิ

 สวัสดีค่ะ คุณปรีดาP 

- บ่แม่นปลาไหลนะเออ

- ใจนะชอบ...ชอบใจหมดไปแล้วจ้า

สวัสดีคะ

- ตามมาใหม่ค่ะให้เหมาะกับเนื้อหา

- ฝากปัญหามาให้วิเคราะห์ค่ะ

- ถ้าวิเคราะห์ถูกใจคนถาม...มีรางวัลให้..เน้น...รางวัล....นะคะ

- ปัญหา

มีคำกล่าวว่าพระเวสสันดรเป็นบุคคลที่เห็นแก่ตัวอย่างร้ายกาจ.....เห็นได้จากการบริจาค ลูก เมีย ...( เป็นความเดือดร้อนของผู้อื่น )....เพื่อให้ตนเข้าถึงโพธิญาณ.....

 ตอบ

  • ถ้าจะลองวิเคราะห์  อย่างหยาบๆ พระเวสสันดร ตอนที่เห็นชูชกทุบตีสองกุมารพระองค์ก็ทรงกุมพระขรรค์หมายจะประหารชูชก แต่ทรงยับยั้งชั่งใจไว้ได้ (เพราะเกิดความขัดแย้งในจิตและต้องตัดสินใจว่าจะเลือก โพธิญาณ หรือ ลูก)...การแสวงหวังโพธิญาณของพระเวสสันดร ปมปัญหาคงเหมือนกับ พระโพธิสัตว์ในอดีตชาติชาติก่อนๆ ยกตัวอย่างเช่น พระโพธิสัตว์เมื่อครั้งยังทรงเสวยพระชาติเป็นโยคี เห็นเสือแม่ลูกอ่อน กำลังจะกินลูกเพราะความหิว โยคีจึงกระโดดลงเหว อุทิศร่างของตนเพื่อให้เป็นอาหารของเสือแม่ลูกอ่อน 
  • แต่ก่อนเราไม่มีไม้บรรทัดเวลาจะวัดอะไร ก็ลำบาก ต่อเมื่อมีคนคิดและสร้างไม้บรรทัด จึงทำให้เรารู้ระยะทาง รู้ความกว้างความยาวฉันใด พระเวชสันดรท่านก็ได้สร้างไม้บรรทัดแห่งทานบารมี ไว้ให้เราศึกษาขบคิด เพื่อให้เราทราบถึงแนวทางแห่ง โพธิญาณ กระมังครับ ดังนั้นเมื่อมีไม้บรรทัดแล้วก็ขึ้นอยู่กับเรา ที่จะนำไม้บรรทัดของพระเวสสันดร ไปใช้วัดกับอะไร  อย่างไร เมื่อไร...   
  • นับแต่ พระสมณโคดมพระสัมมาสัมพุทธเจ้าของเราทั้งหลาย
    ทรงใช้ระยะเวลาในการบำเพ็ญบารมีเพื่อเป็นพระพุทธเจ้า
    มารวมเวลาทั้งหมด ๒๐ อสงไขยกำไรแสนกัป
  • โดย เริ่มแรก ทรงปรารถนาว่าจะเป็นพระพุทธเจ้าอยู่ในใจ
    เป็นระยะเวลา ๗ อสงไขยกำไรแสนกัป
  • ต่อมาทรงเปล่งเป็นวาจาออกมาว่าจะเป็นพระพุทธเจ้า
    เป็นระยะเวลาอีก ๙ อสงไขยกำไรแสนกัป
  • สุดท้ายนับแต่ทรงได้รับพุทธพยากรณ์เป็นครั้งแรก
    จนกระทั่งตรัสรู้สำเร็จพระสัมมาสัมโพธิญาณ
    เป็นระยะเวลาอีก ๔ อสงไขยกำไรแสนกัป

  • โดยสรุป ไม้บรรทัด ที่พระโพธิสัตว์แต่ละพระองค์ทรงสร้างขึ้นใช้เวลานานมากๆ ครับ  ความถี่ห่าง ความหยาบ ความละเอียด อาจต่างกันไปบ้าง  ขึ้นอยู่กับเราที่จะเลือกนำไปใช้ครับ

สวัสดีค่ะคุณ P  กวินทรากร

- ตอบถูกใจคนทาย

- รับเลยค่ะ  รางวัล

- ขอแสดงความยินดีด้วยนะคะ

ดีจัง เอ้า! เร็วเข้าพี่น้อง!!! ช่วยกระจายแนวคิดนี้ไปให้ได้ 10 ล้านคนเร็ว ๆ ด้วย ชาติจะได้ประหยัดลงได้อีก อย่างน้อยเดือนละ สิบล้านบาท

สวัสดีค่ะ คุณPหมอเล็ก

- คุณหมออย่าลืมช่วยชาติ ๑ บาทด้วยนะคะ

- ขอบคุณค่ะ

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท