เช้านี้เพื่อนชายที่บ้านมีเรื่องชวนคุยแต่เช้า..
เขาเอ่ยว่า... “ แม่(ฉัน).....เพื่อนพ่อเป็นโรคเดียวกับแม่เลย ”...นึกในใจโรคอะไรหว่า.....ไอ้เราก็มีหลายโรคซะด้วย
ฉัน “ มีอาการเป็นอย่างไร ”
เขา “ ก็ไอ้ที่แม่..นอนตอนกลางคืนแล้วใจเต้นแรงจนต้องตื่นนอนไง...พ่อเลยบอกมัน(เพื่อน) ว่า...เออเหมือนเมียกูเลย...แต่เมียกูหายแล้ว.....อยู่ๆ มันก็หายไปเอง ”
ระยะเวลา ๑๐ กว่าปีที่ผ่านมา......ครูพรรณามีอาการอยู่ ๓ อย่าง....ไปหาหมอคุยกันแล้วท่านว่าเป็นอาการอย่างหนึ่งที่ยังสรุปไม่ได้
อาการที่ ๑ ......เริ่มแรกเกิดขึ้นในหัวกะโหลกเรานี่แหละ.....อยู่ๆ มันก็มีอาการเหมือนก้อนหินที่เราขว้างลงน้ำแล้วน้ำก็แตกกระจายเป็นวงแล้วค่อยๆ จางหายไป....ระยะแรกมันก็รู้สึกเหมือนโดนหินก้อนเล็กๆ ...ต่อมาก็ใหญ่ขึ้นเรื่อยๆ ....เป็นนานประมาณ ๓ – ๕ วินาที... เวลาเป็นก็ต้องยืนนิ่งๆ ..เพราะมันเจ็บจี๊ดๆๆๆ......พอมันจางเราก็เดินต่อไป......จากนั้นมันก็เลือกเกิดตามตัวเช่นเป็นที่แขน...แขนก็เจ็บและหมดแรง.....แล้วมันก็ไม่บอกล่วงหน้าเสียด้วยว่าจะเป็นเมื่อไร...เป็นกี่วัน...เช่นวันนี้เป็น...อีก ๑ วัน ๕ วัน ๑๐วัน ....หรือนานๆ ก็เป็นเสียทีนึง...บางทีมันก็เป็นติดๆ กันหลายวัน
อาการที่ ๒ ช่วงขณะที่มีอาการที่ ๑ ....บางวันหูก็ได้ยินเสียงแมลงร้องหนวกหูมาก.....อุดหูแล้วก็ยังได้ยิน( อยากรู้ว่าเสียงมันดังอยู่ในหูเราหรืออยู่ข้างนอกกันแน่ ) ....บางทีมันก็ดังจนรำคาญและพาลเครียด.....วิธีแก้ก็คือ.....ช่างมันอยากร้องๆ ไป.....เมื่อยเมื่อไรก็หยุดเอง.....เคยได้ยินนานเป็นชั่วโมงก็มี...แล้วอยู่ๆ มันก็หายไป......ขณะนี้ไม่ได้ยินเสียงนี้มานานเป็นปีแล้ว
อาการที่ ๓ ...อาการนี้แหละที่เพื่อนของสามีเราเป็น.......เข้านอนตอนหัวค่ำ...พอตกดึกสักตี๑ ตี๒ ...หัวใจก็เต้นแรงจนทำให้เราตื่น...เมื่อตื่นก็ไปเข้าห้องน้ำปัสสาวะ.....เสร็จแล้วขึ้นนอนต่อ...แต่มันมีอาการเป็นลมต่อเนื่องขึ้นมาอีก( คืออ่อนแรงและหายใจแผ่วเบาลงซะเฉยๆ ทั้งๆ ที่ขณะขึ้นบันไดบ้านก็ไม่มีอาการ)....ต้องดมยาดม...กินยาลม...ไปตามเรื่อง.....สักพักเกิดอาการปวดท้องถ่ายหนัก.....มีอาการหนาวสั่นเหมือนอาการท้องเสียรุนแรงทั้งๆ ที่อุจจาระก็ไม่เหลว...และถ่ายครั้งเดียวก็หายเป็นปกติ...นอนหลับได้ต่อไป...ระยะเวลาในการแสดงอาการของมันก็ประมาณ ๒ –๓ ชั่วโมงก็หายเป็นปกติ......ไอ้อาการนี้จะเป็นเมื่อไรก็ไม่บอก...คือไม่มีอาการบ่งชี้...แต่เวลาเป็นแล้วทำอะไรไม่ได้เหมือนมันจะตายซะให้ได้.......ไปหาหมอที่กรุงเทพฯ...ตรวจหัวใจ...ความดันเลือด...พร้อมทั้งสุขภาพอื่น...ก็ไม่พบอาการผิดปกติ...คุณหมอบอกว่า.....จะเขียนไว้ให้ในประวัติว่าถ้ามีอาการให้รีบมาโรงพยาบาลทันที.......แล้วจะไปได้อย่างไรเวลามันเป็นแต่ละทีไม่สามารถทำอะไรได้เลย…..และกว่าจะเดินทางไปถึงหมอก็ต้องใช้เวลาไม่ต่ำกว่า ๓ ชั่วโมง(ในกรุงเทพฯ) ..คงต้องส่งโรงพยาบาลหน้าบ้านแก้ไขให้อาการดีก่อนแล้วค่อยไปต่อ...ซึ่งก็ไม่มีประโยชน์...เพราะอาการที่แสดงมันลาโรงไปแล้ว....เฮ้อ!! กลุ้มแทนหมอค่ะ...โรคอะไรของมันวะ!!!!
แต่ทุกวันนี้ครูพรรณาสบายดีเพราะอาการที่ว่านี้ไม่ได้มาเยี่ยมเยือนเป็นเวลานานกว่า ๑ ปีแล้ว......สาธุ.....ไปไหนก็ได้ไปไกลๆ เลย......ไม่ต้องคิดถึงครูพรรณาก็ได้นะ.........ขอบใจหลายๆ ที่อาการทั้ง ๓ ไม่โผล่มาให้เห็น......๕๕๕๕๕
และนี่คือที่มาของชื่อบันทึกนี้ว่า ....อาการ? …ใครตอบได้ช่วยบอกที
โชคดีนะคะที่หายไปได้ ดูแล้วอาการน่าเป็นห่วงทั้งนั้นเลย เป็นช่วงวัยทองรึเปล่าคะ
หิวข้าวเปล่าครับ...สงสัย คุณหมอในนี้ ต้องวินิจฉัยซะแล้ว
อาการแบบนี้เป็นๆหายๆ น่าเป็นห่วงครับ แต่ถ้าเป็นก็ต้องทำใจให้เข้มแข็งอย่ายอมแพ้ละกันนะครับ ดีแล้วครับที่หายแล้ว
มีอาการออกร้อน วูบวาบ ด้วยหรือเปล่าค่ะ
ลองไปคลีนิควัยทองดู เผื่อจะมีทางรักษา (ถ้ามีอาการอีก) แต่ภาวนาว่าอย่ามาอีกเลยนะค่ะ เอาใจช่วยค่ะ
คนใกล้วัยทอง
ดีจังคะ แล้ว โรคก็หายไปเอง....
สงสัย อยู่ค่าย การ์ตูน เยอะมั้งคะ
สวัสดีค่ะ
* อาจารย์นงเยาว์...ขอบคุณค่ะที่เป็นห่วง....รักษาสุขภาพด้วยนะคะ
* คุณคนโรงงาน...หิวข้าวยามดึก....น่าสงสัยค่ะ...อิอิ..ขอบคุณมากค่ะ....ยิ้มรับวันพุธได้แล้วนะคะ
* คุณคนพลัดถิ่น...ขอบคุณมากค่ะ....ยิ้มรับวันพุธได้แล้วนะคะ
* คุณกระติก....อาการที่คุณกระติกว่ามายังไม่เกิดเลยค่ะ..หรือจะเลยไปแล้ว...นี่ก็..๕๑ ปีแล้ว...แต่อาการของสาวๆ ยังอยู่ดีเลยค่ะ...ขอบคุณมากนะคะ...เช้านี้ชวนยิ้มรับวันพุธค่ะ
* คุณดอกแก้ว...ท่าตะเป็นจริงนะคะ...กิจกรรมเด็กรักป่าน่าสนใจมากค่ะ...สุขสันต์รับวันพุธนะคะ
* คุณปรีดา....เหตุการณ์วิกฤษณ์ผ่านไปด้วยดี...ธรรมดาเราก็มักหัวเราะกัน....ว่าแต่จะถึงสองพี่น้องเมื่อไรล่ะคะ...โทร. ๐๘๖๗๐๓๗๐๒๘....ทุกเวลา...แต่ไม่เกิน ๒ ทุ่ม....( เวลานี้รู้กันเฉพาะในหมู่ญาติค่ะ )....ต้องให้น้องจิร้องเพลง...มามาเถิดเนื้อทองมาสองพี่น้องอำเถภอบ้านพี่ อยู่ใต้สุดเมืองสุพรรณบุรีๆ เรามีของดีมาฟังพี่บรรยาย.....
มาเยี่ยม นาง พรรณา ผิวเผือก (ไม่มีชื่อกลาง)
ความไม่มีโรคนี่ไม่มีในตัวคนนะ เพราะทุกคนล้วนมีโรคด้วยกันทั้งนั้น ไม่ดรคใดก็โรคหนึ่งละ ฮิ ฮิ ฮิ
สวัสดีค่ะอ.umi
* ขอบคุณค่ะที่ให้กำลังใจ....
* คนเราไม่มีโรคกายก็โรคใจ...ทุกคนใฝ่หาโรค( ไม่ใช่โลก )ส่วนตัวกันทั้งนั้น
* พระพุทธองค์จึงตรัสว่า " ความไม่มีโรคเป็นลาภอันประเสริฐ "....อิอิ
เปิด สมองคนเขตสองสุพรรณบุรี มีแต่บล็อกครูพรรณา ..ฮาฮา ครูพรรณายึดแล้ว เปลี่ยนชื่อ ใหม่เลยดีเปล่า เป็น สมองคนเขตสองชื่อพรรณา...อิอิ เยี่ยมมาก
เข้ามาเยี่ยมค่ะ
สวัสดีค่ะ
* ท่านผอ. ...ขอบคุณมากค่ะที่ให้กำลังใจ...ข้าน้อยมิบังอาจค่ะ...อิอิ
* คุณอัจฉรา เชาวะวณิช....ขอบคุณมากค่ะที่เข้ามาเยี่ยมอีกครั้ง...สุขายสุขใจนะคะ
แวะเยี่ยมนะคะ ดีแล้วค่ะ ที่โรคนี้จากไปได้ก็ดี
สวัสดีค่ะหนุมะขาม
* แวะมาเยี่ยม...น่าจะนำมะขามอ่อนมาฝากด้วยเนอะ..
* ขอบคุณนะคะ....ให้สุขกายสุขใจค่ะ
สวัสดีค่ะคุณปรีดา
* ขอบคุณมากค่ะที่นำความรู้และความห่วงใยมาฝากกัน
* ครูพรรณาจะตั้งใจกินมะเขือเทศวันละ ๔๒ ลูก บางคนก็แนะนำให้กินส้มเขียวหวานวันละ ๒๐ ลูก...อืดพอดีกัน..อิอิ
* ครูพรรณากินมะเขือเทศ ๑ ลูก ลูกหนึ่งมีหลายเมล็ด
* แหะๆ ให้มันงอกในท้องไงคะ
* ไปขอตังลุง? ...มาเติมพลังงานให้โรงไฟฟ้าประจำเมืองกันดีกว่า