เชื่อกันว่า  ความคงทนในการเรียนรู้  เกิดจากประสบการณ์ต่างๆ  ดังนี้ .....

จากการอ่านเพียงร้อยละ 10 

จากการเห็นร้อยละ  30 

จากการเห็นและได้ยินร้อยละ 50 

จากการคุยกับผู้อื่นร้อยละ 70 

จากการปฏิบัติจริงร้อยละ  80 และ..... 

จากการสอนให้ผู้อื่นทำได้ร้อยละ  95

*****

*****

หลายๆท่าน  นิยมการอ่าน เพื่อเป็นอาหารสมองของตนเอง  เพื่อเป็นห้องสมุดประจำตัวเอง  สะดวกในการดึงข้อมูลออกมาใช้ในยามจำเป็น เพื่อการพัฒนา

การอ่านจะเป็นปราการด่านแรกของการเรียนรู้   เพียงร้อยละ 10 เท่านั้น  ที่จะเหลือเป็นความคงทนในสมองของท่านผู้อ่านทั้งหลาย 

หากท่านเข้าสู่ภาวะสูงวัย  เฒ่าชะแรแก่ชรา  ความคงทนในการเรียนรู้อาจจะเหลือไม่ถึง ร้อยละ 10  ก็เป็นได้

*****

*****

ดังนั้น  ต้องปรับเปลี่ยนประสบการณ์  ด้วยการเห็นบ้างเพราะ เขาบอกว่า....การเห็นนั้น  จะมีความคงทนในการเรียนรู้มากถึง ร้อยละ 30 เชียว 

การเห็น และการได้ยินในเวลาเดียวกัน  เช่น  การดูโทรทัศน์  หรือ ไปชมนิทรรศการ  ในเวลาเดียวกัน  ได้ฟังท่านวิทยากรด้วย  ท่านจะมีความรู้ที่คงทนในการเรียนรู้มากถึงร้อยละ  50 

แต่สำหรับท่านที่ได้พูดคุยกับท่านผู้รู้  กูรู  ร้อยละ 70 จะเป็นความรู้ที่คงทน อยู่กับท่าน  แล้ว การที่ท่านได้ปฏิบัติจริง  ลงมือทำเลย  ท่านจะมีความรู้ที่คงทนถึง ร้อยละ 80

*****

*****

แต่สำหรับหลายๆท่านรวมทั้งครูอ้อย ที่ได้อ่าน  ได้เขียน และลงมือปฎิบัติจริง  แถมยังสอนหรือแนะนำให้ผู้อื่นปฏิบัติตามเราได้  ถือว่า ท่านมีความคงทนในการเรียนรู้มากถึง ร้อยละ 95 นะคะ

ดังนั้น  จากความรู้ในเรื่องคงทนในการเรียนรู้นี้ล่ะ ที่เราชาวครู  จะต้องตระหนักให้ดี  ในการจัดการเรียนรู้ให้ดีให้ได้   นำความรู้นี้มาใช้ บริหารจัดการ  ในการจัดกิจกรรมการเรียนรู้ที่มีประสิทธิภาพ ที่จะเกิดแก่นักเรียนของเรา  

อย่าลืมว่า..อ่านเพียงสิบ หยิบมือเล่น 

เห็นสามสิบ  มากกว่านะ จะบอกให้ 

เห็น..ได้ยิน  ห้าสิบ  ต้องเข้าใจ 

เจ็ดสิบ  คุยได้  ยิ่งคงทน

*****

*****

ปฏิบัติจริง  ทำจริง  ตั้งแปดสิบ 

ไกลลิบลิบ  ทำได้  ไม่สับสน

อยากให้จำ  ทำได้  รู้คงทน

สอนผู้อื่น  คงทน  เก้าสิบห้าเอย

*****

ด้วยความรัก และ ปรารถนาดี

จาก

ครูอ้อย แซ่เฮ