หนังสือเอ็นเนียแกรมภาษาไทย


ใช้ได้ตั้งแต่การทำงาน การพัฒนาความสัมพันธ์ การเลี้ยงลูก ไปจนถึงการเติบโตทางจิตวิญญาณ

ปัจจุบันมีหนังสือเอ็นเนียแกรม หรือที่เรียกในภาษาไทยว่านพลักษณ์ 9 เล่มแล้ว มีรายละเอียดคร่าวๆ ดังต่อไปนี้ (เรียงลำดับตามการจัดพิมพ์)

1.  นพลักษณ์ คู่มือสังเกตตนเอง

 Little EG    

 เขียนโดยท่านสันติกโรภิกขุ พิมพ์ครั้งแรก ธันวาคม 2542

       ท่านสันติกโรเป็นผู้ที่เผยแพร่นพลักษณ์หรือเอ็นเนียแกรมในประเทศไทยจนเป็นกลุ่มศึกษากลุ่มใหญ่ในปัจจุบัน  ย้อนกล้บไปเมื่อปี 2540-2542 ที่ท่านเริ่มเผยแพร่ความรู้นี้ สมัยนั้นยังไม่มีหนังสือเอ็นเนียแกรมภาษาไทย  ท่านจึงเขียนหนังสือเล่มนี้ขึ้นมาเพื่อให้ผู้ที่เข้าอบรมกับท่านได้ใช้ศึกษาต่อในขั้นต้น

2. นพลักษณ์ แผนที่เข้าถึงตนเข้าถึงคน

(Principle of) The Enneagram

   Principle 

  เขียนโดย คาร์เรน เวบบ์ พิมพ์ครั้งแรก มีนาคม 2543

         เป็นหนังสือแนะนำเอ็นเนียแกรมเบื้องต้น  คาร์เรน เวบบ์เป็นชาวอังกฤษ เธอศึกษาความรู้นี้จากเฮเลน พาล์มเมอร์ ครูเอ็นเนียแกรมคนสำคัญ

3. แก่นนพลักษณ์

The Essential Enneagram  พิมพ์ครั้งแรก 2545

   Essential EG 

   เขียนโดย นายแพทย์เดวิด เดเนียล (Standford University)

     เดวิด เดเนียลสอนเอ็นเนียแกรมร่วมกับเฮเลน พาล์มเมอร์  หนังสือเล่มนี้นำเสนอเอ็นเนียแกรมในแง่ที่เป็นตรรกะ เหตุผล เข้าใจที่มา ที่ไปของคนแต่ละลักษณ์ (type) หรือสไตล์

 

4.  เอ็นเนียแกรม ศาสตร์เพื่อความเข้าใจตนเองและผู้อื่น 

The Enneagram : Understanding Yourself and the Others in Your Life

The Enneagram 

    เขียนโดย เฮเลน พาล์มเมอร์  พิมพ์ครั้งแรก 2546

       เล่มนี้ถือเป็นตำรา หรือ Textbook สำคัญเล่มหนึ่งของความรู้นี้  เฮเลนเป็นครูเอ็นเนียแกรมที่ได้รับการยอมรับในระดับโลก  แนวทางการศึกษาเอ็นเนียแกรมของเธอที่เรียกว่า Oral Tradition คือศึกษาจากการเล่าเรื่องของคนแต่ละสไตล์ ก็ปรากฎเป็นเนื้อหาสำคัญในหนังสือเล่มนี้

5. ต่างเธอต่างฉัน เอ็นเนียแกรมสานสัมพันธ์

Are You My Type? Am I Yours ? - Relationships Made Easy with the Enneagram

  Are U My Type                

   เขียนโดย เรนนี บารอน และอลิสซาเบ็ต เวเกิล พิมพ์ครั้งแรก 2547

      เป็นหนังสือเล่มที่สองของนักเขียนคู่นี้  เนื้อหาสำคัญพูดถึงความสัมพันธ์ระหว่างคนแต่ละลักษณ์ ทั้งเรื่องที่ชอบและเรื่องที่ไม่ค่อยชอบกัน  มีภาพการ์ตูนประกอบ พร้อมคำพูดตลกๆ ที่สะท้อนตัวตนของคนแต่ละลักษณ์ออกมาอย่างชัดเจน  จึงทำให้เข้าใจเอ็นเนียแกรมได้โดยง่าย

6. มองคนด้วยมุมใหม่ เปลี่ยนใจให้เป็นสุข

The Enneagram Made Easy

     EG made Easy 

เขียนโดย เรนนี บารอน และอลิสซาเบ็ต เวเกิล พิมพ์ครั้งแรก 2549

      เนื้อหาในเล่มสอดคล้องกับชื่อหนังสือภาษาอังกฤษ คืออ่านง่าย และสนุกสนาน แต่ก็เต็มไปด้วยสาระ ตั้งแต่แบบทดสอบ วิธีทำตัวให้เข้ากับคนแต่ละลักษณ์ไปจนถึงแนวทางการพัฒนาตนนเอง

7. ปั้นคนให้เก่งคน

Bringing Out the Best in Yourself at Work - How to Use the Enneagram System for Success

  Bringing Out 1   เขียนโดย ดร. จินเจอร์ ลาพิด บ็อคดา พิมพ์ครั้งแรก 2549

     ผู้เขียนเป็นที่ปรึกษาด้านการพัฒนาองค์กร (OD) ที่มีประสบการณ์มากกว่า 30 ปี เธอประยุกต์ใช้เอ็นเนียแกรมกับการทำงานได้อย่างดีเยี่ยม  เล่มนี้จึงเป็นการประยุกต์ใช้เอ็นเนียแกรมกับการทำงานได้อย่างเป็นรูปธรรม  เล่มแรกคลอบคลุมหัวข้อ

  • ค้นหาสไตล์เอ็นเนียแกรมของคุณ (Discovering Your Enneagram Style) 
  • การสื่อสารอย่างมีประสิทธิภาพ (Communicate Effectively)
  • การจัดการความขัดแย้ง (Managing Conflict)
  • การพัฒนาภาวะผู้นำ (Leveraging Your Leadership)

ดูเนื้อหาบางส่วนจากหนังสือได้ในบันทึกชุด Bringing Out the Best in Your OD Practice - How to Use the Enneagram System for Success

8. เกิดมาต่างกัน เลี้ยงดูฉันอย่างเข้าใจ

    The Enneagram of Parenting : The 9 Types of Children and How to Raise Them Successfully

 parenting      

เขียนโดย อลิสซาเบ็ต เวเกิล  พิมพ์ครั้งแรก 2549

     เป็นหนังสือที่ประยุกต์ใช้เอ็นเนียแกรมกับการเลี้ยงดูเด็ก โดยเน้นที่ทำความเข้าใจในบุคลิกของเด็ก ปัญหาเฉพาะตัวของเด็กแต่ละสไตล์ รวมทั้งแนวทางในการแก้ไข และปัญหาอื่นๆ ที่พบบ่อย ตั้งแต่ ระเบียบวินัย การสื่อสาร การหย่าร้างของพ่อแม่ พ่อแม่เลี้ยงเดี่ยว เรื่องเพศ พี่น้อง ฯลฯ

9. ปั้นคนให้เก่งคน เล่มสอง

Bringing Out the Best in Yourself at Work - How to Use the Enneagram System for Success

Bringing Out 2 

    เขียนโดย ดร. จินเจอร์ ลาพิด บ็อคดา พิมพ์ครั้งแรก 2550

     เป็นเล่มต่อจากเล่มแรก ครอบคลุมหัวข้อ

  • การให้ฟีดแบ็ค (Giving Constructive Feedback)
  • การสร้างทีมงานสมรรถนะสูง (Creating High-Performing Teams)
  • การเปลี่ยนแปลงตนเอง (Transfoming  Yourself)

ดูเนื้อหาบางส่วนจากหนังสือได้ในบันทึกชุด Bringing Out the Best in Your OD Practice- How to Use the Enneagram System for Success


  <p>สำหรับหนังสือเอ็นเนียแกรมภาษาอังกฤษ ปัจจุบันมีพิมพ์ออกมามากกว่า 70 ปกแล้ว สะท้อนให้เห็นถึงประโยชน์ของเรื่องนี้ที่สามารถประยุกต์ใช้ในด้านต่างๆ  </p><p>เรายังอาจเห็นพัฒนาการของการประยุกต์ใช้เรื่องนี้ได้จากหนังสือที่ผลิตออกมาเช่นกัน  ในยุคแรกๆ เอ็นเนียแกรมเป็นศาสตร์ในด้านการพัฒนาจิตวิญญานของคน โดยมุ่งเน้นอธิบายสิ่งที่เป็นความคิดและอารมณ์ที่ยึดติด และเป็นปัญหาของการเป็นเข้าถึงความเป็นมนุษย์ที่แท้ เป็นเหตุแห่งทุกข์ทั้งที่เกิดกับตนเองและมีผลต่อผู้อื่น</p><p>ในปัจจุบัน ได้มีการประยุกต์ใช้ความรู้นี้อย่างกว้างขวางในการทำงาน หนังสือภาษาอังกฤษที่เน้นด้านการทำงานนี้มีไม่น้อยกว่า 10 เล่ม องค์กรระดับโลกหลายแห่งได้ใช้เครื่องมือนี้ และสถาบันการศึกษาในต่างประเทศก็บรรจุเอ็นเนียแกรมในหลักสุตรของตน (ดู http://www.internationalenneagram.org/mk_readmore.php?id=117 ) </p><hr><p>ในประเทศไทยเอง นับวันประโยชน์ของเอ็นเนียแกรมที่มีต่อองค์กรทั้งภาคเอกชน รัฐวิสาหกิจ และหน่วยงานของรัฐ ก็เป็นที่ยอมรับมากขึ้นทุกวัน  องค์กรในประเทศไทยไม่น้อยกว่า 50 แห่งได้มีการจัดอบรมเรื่องนี้ภายในองค์กรแล้ว และส่วนมากก็เป็นการอบรมแบบต่อเนื่อง</p><p>สำหรับผู้สนใจศึกษา ถ้าไม่มีโอกาสเข้าสัมมนา  การอ่านหนังสือจะเป็นจุดเริ่มต้นที่ดี  หนังสือที่จัดพิมพ์ครั้งหลังๆ หาซื้อได้ตามร้านหนังสือทั่วไป ส่วนเล่มอื่นๆ หาซื้อได้ที่ร้านหนังสือใหญ่ๆ เช่น Kinokuniya สยามพารากอนชั้นสาม หรือ Thailand Book Tower ถนนสาธร ส่วนมากจะอยู่ในหมวดหนังสือจิตวิทยาหรือการบริหาร</p><p> </p><p> </p>

หมายเลขบันทึก: 93182เขียนเมื่อ 29 เมษายน 2007 11:27 น. ()แก้ไขเมื่อ 6 กันยายน 2013 17:57 น. ()สัญญาอนุญาต: จำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (9)
Epicure หนังสือ นพลักษณ์ คู่มือสังเกตตนเอง

บางส่วนจากคำนำหนังสือ  โดย สันติกโรภิกขุ

     มนุษย์เราอยู่ในโลกแห่งความรู้สึก ความคิด สัญลักษณ์ ภาษา ความจำ ความใฝ่ฝัน ความสุขและความทุกข์  โลกแบบนี้เป็นโลกที่วิจิตร สลับซับซ้อน น่าอัศจรรย์ คงต่างจากโลกของสัตว์อื่นมากพอสมควร  อีกทางหนึ่งของโลกมนุษย์คือ การแสวงหาความหมายของชีวิต เพราะมนุษย์เป็นสัตว์ที่รู้ว่า สักวันหนึ่งตนเองจะต้องตาย  ในเมื่อต้องเผชิญหน้ากับความตาย มนุษย์จึงเต็มไปด้วยความคิดและการแสวงหา นอกนั้นมนุษย์ก็ยังเกี่ยวข้องกับผู้อื่นคือเป็นสัตว์สังคม มีความสัมพันธ์ที่เต็มไปด้วยอารมณ์ ความรู้สึกนานาที่เกิดขึ้นระหว่างคนทั้งหลาย  สิ่งเหล่านี้ก็มีส่วนที่คนเราจะตั้งคำถามเหมือนกัน  มนุษย์ขึ้นๆ ลงๆ ด้วยความสุขสุดยอด และส่วนที่เป็นความทุกข์ตกเหว เปรียบเป็นสวรรค์และนรก อีกด้านหนึ่งของมนุษย์ก็เป็นเหมือนสัตว์อื่น  เคลื่อนไหวไปตามสัญชาติญาณไม่ว่าการกิน การนอน การต่อสู้ การสืบพันธ์ การอยู่กับหมู่กับฝูง  สรุปว่า ตัวมนุษย์ประกอบด้วยหลายสิ่งหลายอย่าง ซึ่งในประวัติศาสตร์มนุษย์มีการศึกษากันมาเป็นพันๆ ปี โดยวิธีการและแนวทางมากมาย

        ในบรรดาแนวทางหรือศาสตร์ทั้งหลายเพื่อใช้ศึกษาตนเอง ศาสนาเป็นหลักการหนึ่งที่ดำรงอยู่ยาวนานที่สุด  แต่ในระยะหลัง โดยเฉพาะในศตวรรษที่ผ่านมา มนุษย์ได้พัฒนาศาสตร์ใหม่ๆ ที่เรียกว่า จิตวิทยา  โดยสมัยแรกๆๆ จิตวิทยาก็เน้นผู้ที่มีปัญหาทางจิต  แต่ในระยะหลัง จิตวิทยาหันมาสนใจจิตของคนปกติด้วย  ต่อจากนั้นเริ่มสนใจจิตของผู้ที่สามารถยกระดับชีวิตให้สูง  ในที่สุดจิตวิทยาก็เชื่อมโยงกับสิ่งที่ศาสนาสนใจมายาวนานคือ spirituality หรือเรื่องจิตวิญญาณ เรื่องธรรมมะ  ในบรรดาจิตวิทยาและแนวทางจิตวิญญาณที่มีอยู่ในโลกนี้  นพลักษณ์เป็นแนวหนึ่งที่ประกอบด้วยทฤษฎีที่ประมวลความรู้ที่เกี่ยวกับชีวิตภายใน และความสัมพันธ์กับผู้อื่น
(ซึ่งเป็นส่วนของจิตวิทยา) และพร้อมกันนั้นยังลึกไปในส่วนที่เป็นจิตวิญญาณด้วย  มองทางหนึ่งเป็นจิตวิทยา มองอีกทางหนึ่งเป็นทางด้านศาสนา เพราะที่มาของนพลักษณ์ก็มาจากศาสนาอิสลาม โดยเฉพาะจากทางนักพรต นักภาวนาที่เรียกว่า ซูฟี  มองอีกทางหนึ่งเป็ฯแนวทางที่สามารถเชื่อมและบูรณาการระหว่างจิตวิทยากับศาสนา

epicure คำนำหนังสือ นพลักษณ์ แผนที่เข้าถึงตนเข้าถึงคน

บางส่วนจากคำนำสำนักพิมพ์

มูลนิธิโกมลคีมทองมีโอกาสได้รู้จักพระสันติกโรครั้งแรกๆ ราว 10 กว่าปีได้แล้ว จากการติดตามและเผยแพร่งานของท่านพุทธทาสภิกขุ นับตั้งแต่สมัยท่านพุทธทาสยังมีชีวิตอยู่ โดยพระฝรั่งท่านนี้ได้ทำหน้าที่เป็นผู้ถ่ายทอดงานพูดของท่านพุทธทาสเป็นภาษาอังกฤษ และถัดมาได้รู้จักท่านจากผลงานทางด้านประยุกต์ศาสนธรรมเพื่อสังคม และเฉพาะในช่วง 4-5 ปีหลัง ในแวดวงเล็กๆ ของคนทำงานองค์กรพัฒนาเอกชนที่มีเรื่องราวมาปรึกษาหารือท่าน  ตั้งแต่เนื้อหาระดับวิสัยทัศน์องค์กรจนถึงปัญหาทั่วไปในองค์กร ซึ่งก็มักไม่พ้นเรื่องปัญหาบุคคลและความสัมพันธ์ของคนทำงานทั้งในระดับแนวดิ่ง (หัวหน้า-ลูกน้อง) และแนวนอน (ผู้ร่วมงาน)  ช่วงนี้เองท่านได้นำเสนอเรื่องนพลักษณ์เพื่อทำความเข้าใจตนเองและบุคคลอื่นรวาทั้งเริ่มทดลองให้องค์กรได้ส่งบุคลาการมาอบรมทำความเข้าใจกับเรื่องนพลักษณ์

 

ส่วนหนึ่งของคำนำจากทีมผู้แปล

การศึกษาและรู้จักตนเองอย่างลึกซึ้งเท่านั้นที่จะนำไปสู่การพัฒนาบชีวิตที่มีคุณค่าอย่างหาที่เปรียบมิได้  ผู้ที่ศึกษา "นพลักษณ์" นานพอสมควรอาจช่วยเหลือเราได้โดยช่วยอธิบายลักษณะที่สำคัญของคนลักษณ์ต่างๆ เพื่อให้เราเปรียบเทียบกับตนเอง ช่วยให้เราเห็นแง่มุมที่ลึกซึ้งอย่างที่เราไม่คุ้นเคย เพราะคนส่วนใหญ่มักมองตนเองเพียงบางแง่มุม ไม่อาจเห็นตนเองอย่างรอบด้าน 360 องศา  เพื่อนๆ จึงช่วยให้เรามองตนเองได้รอบด้านมากขึ้น และจะช่วยในการศึกษาปฏิบัติธรรมทางอื่นๆ ด้วย

epicure คำนำหนังสือ แก่นนพลักษณ์

บางส่วนจากคำนำผู้แปล

ชีวิตเหมือนถูกกระทำ ถูกจักเหวี่ยงแหไปมาตามแต่มือที่มองไม่เห็นทั้งที่อยู่ภายในตัวเอง และอยู่ในสภาพแวดล้อมจะซัดซ้ายป่ายขวากับชีวิตของเรา

อะไร เมื่อไร และอย่างไร เราจึงเป็นผู้ตื่น ผู้สามารถกำหนดชีวิตที่แท้จริงของเราเองได้  เราต้องทำอย่างไรเพื่อช่วยตัวเอง หรือใครช่วยเราได้  ในความฝันเราสามารถตื่นเองได้  แต่ในความจริง ณ ที่นี่และเดี๋ยวนี้ เราจะเป็นผู้ตื่นได้อย่างไร

epicure คำนำหนังสือ เอ็นเนียแกรม ศาสตร์เพื่อความเข้าใจตนเองและผู้อื่น

บางส่วนจากคำนำผู้แปล

เอ็นเนียแกรมเป็นศาสตร์ทั้งในแง่มุมทางจิตวิญญาณและทางจิตวิทยา ซึ่งสามารถช่วยเราตั้งแต่การอธิบายพฤติกรรมที่เข้าใจได้ยากของเราหรือคนใกล้ชิดกับเรา ไปจนถึงการพัฒนาตนเองให้บรรลุศักยภาพสูงสุดที่เรามี   ศาสตร์นี้ให้คำอธิบายกับคำถามอย่างเช่น ทำไมบางคนรู้สึกอึดอัดเมื่ออยู่ท่ามกลางผู้คน  บางคนมีเรื่องให้ลังเลหรือสงสัยอยู่ตลอดเวลา ในขณะที่บางคนดูเหมือนไม่ทุกข์ร้อนกับเรื่องอะไรเลย  บางคนมีบุคลิกที่คนอื่นพากันเกรงขาม  บางคนเคร่งเครียดอยู่ทุกวันจนส่งผลเสียต่อร่างกาย  บางคนเที่ยวไปช่วยเหลือคนอื่นจนตัวเองย่ำแย่   หรือบางคนใช้ชีวิตดื่มด่ำกับอารมณ์แปรปรวนจนคนอื่นมองว่าเป็นคนไม่มีเหตุผล เป็นต้น

บางส่วนจากคำนำฉบับภาษาอังกฤษ

ผมเชื่อว่าเนื้อหาในหนังลือเล่มนี้จะไม่เพียงแต่ช่วยให้ผู้อ่านจำนวนมากได้รู้จักลักษณ์ของตนเอง แต่ยังช่วยให้สามารถก้าวพ้นไปจากข้อจำกัดของลักษณ์นั้นได้ด้วย 

 

epicure คำนำหนังสือ ต่างเธอต่างฉัน เอ็นเนียแกรมสานสัมพันธ์

บางส่วนจากคำนำผู้แปล

เอ็นเนียแกรมเล่มนี้โดดเด่นและแตกต่างจากเล่มอื่นด้วยการนำเสนอที่สนุก อ่านง่าย แต่ก็คงไว้ซึ่งเนื้อหาสาระที่เป็นประโยชน์ในทางปฏิบัติ   ส่วนสำคัญที่เป็นแบบแผนความสัมพันธ์ของคน ลักษณ์ ต่างๆ ในแต่ละบทจะทำให้ผู้อ่านเกิดมุมมองใหม่ ๆ ต่อคนรอบข้าง โดยเฉพาะอย่างยิ่งคนสำคัญใกล้ชิดที่มักจะมีเรื่องขัดแย้งเดิม ๆ อยู่เสมอ   คุณจะเริ่มเข้าใจว่า ความขัดแย้งที่เกิดขึ้นนั้นหลายครั้งไม่ได้เป็นปัญหาส่วนตัวระหว่างบุคคล  แต่มักเกิดจากความแตกต่างพื้นฐานของคนในลักษณ์ต่างๆ ซึ่งมีแรงจูงใจ ความเชื่อและค่านิยมที่ไม่เหมือนกัน  อันเป็นที่มาของความรู้สึกนึกคิดและการกระทำของคนแต่ละลักษณ์ที่ต่างกันไป   มุมมองใหม่ ๆ ที่เกิดขึ้นนี้จะทำให้เราเข้าใจผู้อื่นจากตัวตนของคนนั้น  สิ่งที่ตามมาคือ เราจะเริ่มปรับเปลี่ยนท่าทีการปฏิบัติต่อเขาไปในทางสร้างสรรค์และเข้าอกเข้าใจกันมากขึ้น

 

epicuer คำนำหนังสือ มองคนด้วยมุมใหม่ เปลี่ยนใจให้เป็นสุข

บางส่วนจากคำนำผู้แปล

เอ็นเนียแกรมทำให้เราเกิดความแจ่มแจ้งว่า คนเรามีความแตกต่างทางพื้นฐานความคิดอย่างมาก  ไม่ใช่แค่ว่าผู้ชายมาจากดาวอังคาร เลยชอบใช้เหตุผลเพื่อจะคิดวิเคราะห์ ส่วนผู้หญิงมาจากดาวศุกร์ ย่อมมีความรู้สึกที่อ่อนไหวมากกว่า  แต่ถ้าจะอุปมาโดยนัยนี้  ก็อาจเปรียบได้ว่า พวกเราเป็นมนุษย์ที่มาจากดาวเก้าดวงที่อยู่คนละทิศทางกัน  จึงมีมุมมองต่อโลกไม่เหมือนกัน  ดังนั้น แต่ละคนจึงคิด รู้สึกและทำสิ่งต่างๆ แตกต่างกัน ทั้งๆ ที่อยู่ในโลกหรือเหตุการณ์เดียวกันแท้ๆ             ความรู้เรื่องคนเก้าแบบของเอ็นเนียแกรมจะทำให้เราซาบซึ้งถึงความแตกต่างนี้  เราจะมองตัวเองและผู้อื่นด้วยมุมมองใหม่และจะเกิดความเห็นอกเห็นใจกันมากขึ้น  เมื่อรู้เขารู้เราอย่างถ่องแท้แล้ว เราก็จะเลิกที่จะพยามยามให้เขาทำให้ได้ดั่งใจเรา  แต่จะมีความเอื้ออาทรต่อกันมากขึ้น จะไม่หงุดหงิดหรือคับข้องใจกับการกระทำบางอย่างของเขาเหมือนอย่างที่เคยเป็น 

 

epicure คำนำหนังสือ ปั้นคนให้เก่งคน (เล่มหนึ่ง)

บางส่วนจากคำนำผู้แปล

ไม่ว่าคุณจะเป็นซีอีโอ  ผู้บริหารระดับสูง  ผู้จัดการ  หัวหน้าทีม  พนักงาน  หรือผู้ประกอบการ  การ "เก่งคน" หรือทักษะในการทำงานร่วมกับผู้อื่นเป็นสิ่งที่สำคัญอย่างยิ่งต่อความสำเร็จทั้งของตัวคุณเองและขององค์กร  นอกจากนี้  การทำงานร่วมกับผู้อื่นได้อย่างราบรื่นยังทำให้คุณรู้สึกสนุกและมีความสุขกับการทำงานในแต่ละวัน                ทักษะดังกล่าวเป็นสิ่งที่เราสามารถพัฒนาขึ้นได้  หนังสือเล่มนี้จะแสดงให้คุณเห็นวิธีการที่ชัดเจนและเป็นขั้นเป็นตอน  คุณจะพบว่า  พฤติกรรมของคนและสถานการณ์ต่าง ๆ ที่ปรากฏอยู่ในหนังสือเล่มนี้  เป็นสิ่งที่คุณพบเห็นในที่ทำงานอยู่บ่อยครั้ง                ดร.จินเจอร์  เขียนหนังสือเล่มนี้จากประสบการณ์ในการพัฒนาองค์กรของเธอ  และความรู้เกี่ยวกับ  เอ็นเนียแกรม  ซึ่งเป็นศาสตร์ที่สามารถอธิบายคนเราได้ดีที่สุด  เรียกได้ว่า  นี่เป็นหนังสือเพียงเล่มเดียวที่ผสมผสานความรู้ 2 แขนงที่สำคัญต่อการทำงานอย่างมีประสิทธิภาพเข้าไว้ด้วยกัน

 

epicure คำนำหนังสือปั้นคนให้เก่งคน เล่มสอง

บางส่วนจากคำนำผู้แปล

หนังสือที่อยู่ในมือคุณนี้เป็นเล่มที่ 2 ต่อจากปั้นคนให้เก่งคนเล่มแรก ซึ่งมี 4 บทคือ ค้นหาสไตล์เอ็นเนียแกรมของคุณ  การสื่อสารอย่างมีประสิทธิภาพ การบริหารความขัดแย้ง และการพัฒนาความเป็นผู้นำ  เล่ม 2 นี้ครอบคลุมหัวข้อการให้ฟีดแบ็ค การสร้างทีมงานชั้นเลิศ และการเปลี่ยนแปลงตนเองขั้นรากฐาน

             คุณสามารถใช้ประสบการณ์ชีวิตของคุณมาประเมินเนื้อหาในหนังสือได้ว่า จริงหรือไม่  ถ้าจริงแล้วมีความหมายกับเราหรือไม่  หรือจริงแต่เดี๋ยวก็ลืม เพราะนำไปใช้ประโยชน์อะไรไม่ได้มากนัก

 

epicure ตัวอย่างจากหน้าแรกของหนังสือเกิดมาต่างกัน เลี้ยงดูฉันอย่างเข้าใจ

ตัวอย่างบางส่วนจากหน้าแรก

ก่อนที่ฉันจะมีลูก ฉันก็เคยคิดถึงการทำตัวเป็นแม่ที่ดี  ฉันเชื่อว่า ถ้าให้ความรักและทุ่มเททำเพื่อลูกแล้ว  เราก็จะเข้ากันได้ดีในแทบทุกเรื่อง   เมื่อก่อนเรามักจะคิดกันว่า บุคลิกภาพของเด็กเป็นผลพวงมาจากตัวพ่อแม่มากกว่าสิ่งที่อยู่ในตัวเด็กเอง  แต่เดี๋ยวนี้เรารู้แล้วว่า แม้วัฒนธรรมและสภาพแวดล้อมภายในบ้านจะมีส่วนสำคัญในการหล่อหลอมคนๆ หนึ่งขึ้นมาก็จริง  หากเด็กแต่ละคนก็มีความโน้มเอียงทางบุคลิกภาพติดตัวมาตั้งแต่เกิด เช่น บางคนเป็นเด็กชอบเก็บตัวแต่บางคนอาจชอบแสดงออก  บางคนอ่อนไหวแต่บางคนเฉยชา  บางคนชอบเล่นโลดโผนแต่บางคนขี้กลัว  บางคนนิ่งเฉยแต่บางคนก้าวร้าว   นอกจากนี้ เด็กๆ ยังอาจเกิดมาโดยมีแนวโน้มที่จะเป็นคนเนี๊ยบหรือเป็นคนไม่มีระเบียบ ซึ่งไม่ได้ขึ้นอยู่กับว่าพ่อแม่บ่มสอนมาอย่างไร

 

เราใช้เอ็นเนียแกรมในการพัฒนาตนเองและทำความเข้าใจผู้อื่น และถ้ารู้จักใช้ เราสามารถประยุกต์ใช้ความรู้นี้กับเด็กๆ ได้ด้วย  เช่น วิธีเลี้ยงเด็กดูเด็กที่มีอารมณ์อ่อนไหวเป็นศิลปินย่อมแตกต่างจากวิธีเลี้ยงดูเด็กที่เข้มแข็ง ซุกซน  คนเป็นพ่อเป็นแม่จำนวนมากจึงประสบปัญหาในการเลี้ยงดูเด็ก อันเนื่องมาจากความเชื่อผิดๆ ที่ว่า วิธีเลี้ยงดูเด็กที่ถูกต้องมีวิธีเดียว  วิธีอื่นผิดหมด
พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท