"กลิ่น" อันตรายในรถยนต์ ที่ควรคาดถึง (เสียที)
โดย meepole
ข่าวที่อ่านนี้อาจไม่ได้รับความสนใจสำหรับคนทั่วไป เพราะเกิดกันทั่วโลกเกิดได้ทุกวันเสียด้วย ข่าวอุบัติเหตุจากรถที่ไม่ว่าขับเร็วหรือไม่ก็ตาม เพราะส่วนมากข้อสรุปจะมาจบลงที่
“คนขับหลับใน”
แต่สำหรับ meepole แล้วมันเป็นประเด็นที่น่าสนใจมาก และถึงเวลาที่จะเขียนเตือนกันอีกครั้ง เพราะนิสัยคนไทยถ้าเตือนก่อนโดยยังไม่เกิดเรื่องก็ไม่มีใครสนใจ ถ้าเกิดแล้วคนไทยด้วยกันเตือนก็อาจฟังบ้าง และถ้าเกิดเรื่องแล้วฝรั่งพูดจะตื่นตัวมีแนวโน้มสูงที่จะเริ่มหันมาฟังมากขึ้น ......เนื้อข่าวมีว่า
“เมื่อเร็วๆนี้มีอุบัติเหตุครั้งนี้ที่เกิดขึ้นจาก “กลิ่นรถใหม่” เมื่อ มาร์ติน เออซิงเกอร์ เจ้าของรถเบนซ์ซีดานคันใหม่ เกิดหมดสติระหว่างทางก่อนจะสลบคาพวงมาลัยและพุ่งเข้าหาคนขี่จักรยาน ก่อนปะทะเข้าชนกำแพงคอนกรีตอย่างจัง จนทำให้เขาและผู้เคราะห์ร้ายได้รับบาดเจ็บไปตามๆกัน
อย่างไรก็ดีไม่มีรายงานว่ารถยนต์คันที่ มาร์ตินขับเป็นรุ่นอะไร และทำไมเขาถึงหลับคาพวงมาลัยได้ขนาดที่ไม่รู้สึกตัว ซึ่งเจ้าหน้าที่นิติวิทยาศาสตร์ให้ความเห็นว่า เขาไม่แม้แต่จะหักหลบคนขี่จักรยาน และน่าสงสัยว่ามันมาจากกลิ่นของชิ้นส่วนภายในที่ยังใหม่อยู่ ก็อาจจะเป็นไปได้”
http://auto.sanook.com/news/ 16 ธค 2553
ข่าวข้างต้นนี้ได้ปรากฏอีกครั้ง แต่บังเอิญโชคดีที่เกิดในต่างประเทศ เพราะถ้าเกิดในประเทศไทยก็คงจบลงด้วยคำว่า หลับใน และส่วนมากก็เชื่อเสียด้วย เรื่องก็จบและเกิดเช่นนี้อีกครั้งแล้วครั้งเล่า ในกรณีข่าวนี้โชคดีที่เขามีคนที่มีหน้าที่ที่มีความรู้และเอาใจใส่รับผิดชอบ ออกมาตั้งข้อสงสัย และเป็นข้อสงสัยที่เป็นไปได้สูงมาก มีเหตุผลและงานวิจัยรองรับเรื่องดังกล่าวมาแล้ว (ของไทยเราถ้าย้อนกลับไปดูข้อสงสัยอาจมาจากเสพยา หรือกินยาบางประเภทที่ทำให้ง่วง) meepole เป็นคนหนึ่งที่ตั้งข้อสงสัยทุกครั้งเมื่อเกิดอุบัติเหตุเช่นนี้ เพราะหากเขาไม่ได้หลับในเพราะเหนื่อยล้า หรือนอนไม่พอจริงๆล่ะ ? และหลายครั้งที่โชคดีที่บางคนรู้ตัวก่อนก็มีการเปลี่ยนอิริยาบถ หรือลงพักระหว่างทาง หรือเปลี่ยนคนขับ หรือที่โชคดีมากคือถึงที่หมายพอดี ก่อนที่จะถึงจุดอันตรายที่ร่างกายทนไม่ได้ และก็มีหลายคนที่โชคร้ายไม่มีโอกาสขึ้นมาบอกอาการก่อนเกิดอุบัติเหตุ ดังนั้นหากผู้ขับขี่ไม่รู้ตัวแล้ว อันตรายที่เกิดจากการง่วง อ่อนเพลีย วิงเวียนกระทันหันในรถ บางครั้งกว่าจะรู้ตัวก็เลยจุดปลอดภัยไปแล้ว
ดังนั้นหากเรายังสรุปเพื่อให้เรื่องจบง่ายๆ หรือรู้ไม่ถึงการณ์เหตุการณ์เช่นนี้จะเกิดเรื่อยๆไม่รู้จบ เพราะเราไม่เข้าถึงคำตอบอื่นๆที่มากกว่า หลับใน หรือสาเหตุที่ทำให้เกิดอาการดังกล่าวอย่างแท้จริง
“จากการศึกษาวิจัยในสหรัฐอเมริกา เมื่อเร็วๆนี้ มีการเปิดเผยว่า กลิ่นภายในห้องโดยสารที่หลายคนเรียกกลิ่นแปลกๆนี้ว่า “กลิ่นรถใหม่”นั้น มีอันตรายมากและอาจทำให้คุณหมดสติได้ในฉับพลันหากสูดดมนานๆอย่างต่อเนื่องเป็นระยะเวลานานๆระหว่างขับรถ”
".. ซึ่งตอนนี้ที่ศาลในเมืองโคโรลลาโดกำลังมีการพิจารณาว่า กลิ่นนี้จะสามารถส่งผลถึงต่อสมรรถนะการขับขี่ของคนขับ หากสูดดมนานอาจจะหมดสติระหว่างขับรถอยู่หรือไม่ และถ้าศาลตัดสินว่ามีผลอย่างชัดเจนมันจะกระทบต่ออุตสาหกรรมยานยนต์ทั่วโลกทีเดียว"
http://auto.sanook.com/news/ 16 ธค 2553
จากข่าวนี้คงคาดเดากันได้ว่าอันตรายที่คาดไม่ถึงที่อาจทำให้เกิดอุบัติเหตุขณะขับขี่รถยนต์นั้นมาจาก "กลิ่นในรถ" ซึ่งเป็นสาเหตุใกล้ตัว อาการที่มึน วิงเวียน หากนานเข้าถึงหมดสติได้ ทำให้เกิดอุบัติเหตุได้ทุกขณะ ดังนั้นหากเราเป็นคนหนึ่งที่ใช้ยานพาหนะประเภทรถยนต์แล้วล่ะก็คงต้องถึงเวลาหันมาเอาใจใส่จริงจังและทำความเข้าใจถึงคำว่า เสียที ว่า“กลิ่นรถใหม่” ที่ว่านี้ คืออะไร มาจากไหน มาได้อย่างไร อันตรายอย่างไร แก้ไขอย่างไร และป้องกันได้หรือไม่เพราะเราคงไม่อยากให้เหตุการณ์เช่นนี้เกิดกับคนที่เรารักหรือแม้กระทั่งเพื่อนร่วมโลก
ท่านผู้ใดสนใจก็ติดตาม “กลิ่นในรถ" อันตรายที่ต้องระวัง ตอนต่อไป เพราะมันอันตรายกว่าที่คาดไว้จริงๆค่ะ
(meepole เคยเขียนเตือนเรื่องนี้ครั้งหนึ่ง แต่ไม่รู้ว่าจะมีใครใส่ใจจริงจังหรือไม่ แต่ครั้งนี้เกิดเรื่องในต่างประเทศโดยมีการตั้งข้อสันนิษฐานดังกล่าวและเป็นข่าวเข้ามาในประเทศไทย อาจทำให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องและคนที่ขับขี่รถมีการตื่นตัวที่จะป้องกันและระวังภัยอย่างถูกจุดเสียที)
ไม่มีความเห็น